ฮอนด้า ซิตี้
ฮอนด้า ซิตี้ (Honda City) เป็นรถรุ่นหนึ่งที่ฮอนด้า ผลิตออกมาเพื่อให้เป็นรถรุ่นที่มีขนาดเล็กมาก (Subcompact car) เริ่มผลิตตั้งแต่ พ.ศ. 2524 เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จมากในแถบเอเชีย รถรุ่นนี้ แรกเริ่มเดิมที จะผลิตเป็นรถ Hatchback (รถท้ายกุด ไม่มีกระโปรงหลัง เช่น แจ๊ซ หรือยาริส ในปัจจุบัน เป็นต้น) แต่ไม่ประสบความสำเร็จทางการตลาดเท่าใดนัก จึงได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นรถซีดาน (มีท้าย และกระโปรงหลัง) อย่างปัจจุบัน
ฮอนด้า ซิตี้ | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | ฮอนด้า |
เริ่มผลิตเมื่อ | 2524–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต | ประเทศไทย: พระนครศรีอยุธยา |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก (2524–2537, 2539–2562) รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (2562–ปัจจุบัน) |
ปัจจุบัน ฮอนด้า ซิตี้ เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับยี่ห้ออื่นหลายรุ่น เช่น โตโยต้า วีออส, เชฟโรเลต อาวีโอ, ฟอร์ด เฟียสต้า, มาสด้า 2, ฮุนได แอกเซนท์ ฯลฯ ด้วยความที่เป็นรถขนาดเล็กคล้ายคลึงกัน และมีราคาใกล้เคียงกัน
ฮอนด้า ซิตี้ เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยเมื่อปี พ.ศ. 2539 ซึ่งก็คือโฉมที่ 3 โดยก่อนหน้านั้น มีรถยนต์ในระดับเดียวกับซิตี้คือ โอเปิล คอร์ซา, ฟอร์ด แอสปาย, ฮุนได เอ็กเซล, ฮุนได แอกเซนท์, ฮอนด้า ซีวิค (3 ประตู) ก่อนที่จะมีรถยนต์คู่แข่งอื่นๆ ตามมาในภายหลัง เช่น โตโยต้า โซลูน่า, โตโยต้า วีออส, โตโยต้า ยาริส, มาสด้า 2, ฟอร์ด เฟียสตา, เชฟโรเลต อาวีโอ, เชฟโรเลต โซนิค, เกีย พิแคนโต นอกจากนี้ ยังเป็นคู่แข่งการตลาดกับรถ Eco Car บางรุ่น ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงและหรือเท่า B-Car เช่น นิสสัน มาร์ช, นิสสัน อัลเมร่า, มิตซูบิชิ มิราจ, ซูซูกิ สวิฟท์ เป็นต้น
นับตั้งแต่เริ่มผลิตมา ฮอนด้า ซิตี้ ได้ทำออกมาทั้งหมด 7 generation (7 รุ่น) ตามช่วงเวลาได้ ดังนี้
Generation ที่ 1 (พ.ศ. 2524 - 2529)
ฮอนด้า ซิตี้ รุ่นแรก เริ่มผลิตเป็นรถ Hatchback 3 ประตู (ซ้าย ขวา และหลัง) มีจุดเด่นตรงที่รถมีความสูงมาก และมีพื้นที่ภายในที่ดูกว้างขวาง ทั้งๆ ที่ดูภายนอกแล้วรถมีขนาดเล็ก
ซิตี้รุ่นแรกนี้ มีกระแสตอบรับมากพอสมควร จนในปีถัดมา (พ.ศ. 2525) ซิตี้ก็เริ่มทำรถแบบ Convertible (เปิดประทุนได้) และแบบรถสปอร์ต และอีกปีถัดมา (พ.ศ. 2526) ที่นิวซีแลนด์ ซิตี้ ได้เข้าไปแทนที่รถมินิ ในสายการผลิตของโรงงานผลิตรถยนต์ที่นั่น และในปีเดียวกัน ก็มีการส่งออกรถซิตี้ไปยังประเทศออสเตรเลียเป็นจำนวนมากเช่นกัน
Generation ที่ 2 (พ.ศ. 2529 - 2537)
โฉมนี้ ซิตี้ ยกเลิกการผลิตรถรุ่นเปิดประทุน โฉมนี้ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนโดยทั่วไป เนื่องจากโฉมนี้ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และได้ยกเลิกการนำเข้ารถซิตี้มาขายในออสเตรเลีย เปลี่ยนไปนำเข้ารถ ฮอนด้า โลโก้ มาจำหน่ายแทน
ซิตี้โฉมนี้ หยุดการผลิตลงใน พ.ศ. 2537 และซิตี้หยุดการผลิตไปนานถึง 2 ปี ก่อนจะนำกลับมาผลิตใหม่อีกครั้ง ซึ่ง Generation ถัดจากนี้เป็นต้นไป ซิตี้ ก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคมไทย
Generation ที่ 3 (พ.ศ. 2539 - 2545)
โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่บริษัทฮอนด้านำเข้ามาขายในประเทศไทย ในประเทศไทยพ่อค้าเรียกว่าซิตี้รุ่นแรก ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนโฉมเป็น Type Z ซึ่งโฉบเฉี่ยว สวยกว่ารุ่นอื่นๆได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เป้าหมายคู่แข่งเป็น Civic ด้วยกันแรงและสวยกว่า Civic ทางฮอนด้า ยกเลิกเป้าหมายที่จะให้ซิตี้เป็นที่นิยมในวงกว้างทั่วโลก เปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายให้ซิตี้เป็นที่นิยมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงได้ออกแบบซิตี้โฉมนี้มาเพื่อคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ โดยเปลี่ยนมาเน้นการผลิตรถ Sedan แทนรถ Hatchback และช่วงนี้ ซิตี้เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับ โตโยต้า เทอร์เซล หรืออีกชื่อหนึ่ง โตโยต้า โซลูน่า
ในช่วงแรกๆ ซิตี้ในประเทศไทยมีเฉพาะเครื่องยนต์ขนาด 1,300 ซีซี แต่ในภายหลังได้ออกเครื่องยนต์ 1,500 ซีซีด้วย เครื่อง Hyper
ซิตี้โฉมนี้ ออกแบบมาเพื่อให้เป็นรถ "ฮอนด้า ซีวิคย่อส่วน" ซึ่งค่อนข้างถูกใจคนเอเชีย ช่วงรุ่นนี้ของซิตี้ ออกแบบมาจากซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้น (EF) ซิตี้โฉมนี้เป็นที่นิยมในประเทศอินเดีย, ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และ ปากีสถาน ยิ่งโดยเฉพาะโฉมนี้ซึ่งมีฮอนด้า ซิตี้ Type Z ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษซึ่งก็เป็นที่นิยมไม่น้อยในไทย โดยมีขายในช่วง พ.ศ. 2542- 2545
ส่วนตัวบอดี้ได้อิทธิพลมาจาก ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 4
Generation ที่ 4 (พ.ศ. 2545 - 2551)
โฉมนี้ในบางประเทศจะใช้ชื่อว่า "ฮอนด้า ฟิต เอเรีย" (Honda Fit Aria) โฉมนี้ยังคงเป็นที่นิยมในถิ่นเดิม เช่นเดียวกับโฉมที่แล้ว และโฉมนี้ มีรุ่นที่ปรับโฉมเล็กน้อย (ไมเนอร์เชนจ์) คือ ฮอนด้า ซิตี้ ZX ซึ่งเริ่มผลิตขึ้นใน พ.ศ. 2548 โฉมนี้เป็นที่รู้จักกันดีคือจะใช้ระบบเกียร์แบบใหม่ CVT 7 สปีด ควบคู่เกียร์อัตโนมัติธรรมดา โดยที่เกียร์ธรรมดา (เกียร์กระปุก) ก็ยังมีขาย และใช้เครื่องยนต์หัวฉีด i-DSI หรือ VTEC
โฉมนี้ เป็นโฉมที่ซิตี้ เริ่มแข่งขันทางการตลาดกับโตโยต้า วีออส ซึ่งแข่งมาถึงปัจจุบัน ซึ่งโดยรวมแล้ว ถือว่า ซิตี้ได้เปรียบวีออสในเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิง (โดยเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ i-DSI) แต่เสียเปรียบวีออสในเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ความเป็นที่นิยมของรถ (ก่อนที่จะมีซิตี้ ZX นั้น ซิตี้รุ่นนี้ขายดีน้อยกว่าพอสมควร) สมรรถนะของรถ และความดูทันสมัยในรถ (เช่น วีออส ใช้หน้าปัดดิจิตอลแสดงความเร็วรถ แต่ซิตี้ยังเป็นเข็ม) สำหรับคุณภาพของตัวรถนั้นถือว่าใกล้เคียงกัน
Generation ที่ 5 (พ.ศ. 2551 - พ.ศ. 2557 )
โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551 โดยจะมี 3 รุ่นให้เลือกในประเทศไทย คือ รุ่น S , V และ SV ซึ่งรุ่น S จะมีราคาที่ถูกสุด และ SV จะมีราคาแพงที่สุด
ราคาที่จำหน่าย Honda City 5th Gen. Pre-facelift
- S MT 524,000 บาท
- S AT 564,000 บาท
- V AT ABS 619,000 บาท
- V AT (AS) 644,000 บาท
- SV AT (AS) 694,000 บาท
รูปทรงใหม่ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย กว้างขวางขึ้น ความมู่ทู่ลดลง ประหยัดน้ำมัน รถราคาถูก และประกอบกับภาวะน้ำมันแพง ทำให้ซิตี้โฉมนี้มียอดจองทะลุเป้าหมายที่ฮอนด้าตั้งไว้
ฮอนด้า ซิตี้ โฉมที่ 5 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี ระดับประเทศไทย 2 ปีซ้อน (Thailand Car of the Year 2009,2010) ในประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 1,500 ซีซี (Best Sedan under 1,500 cc.
ราคาที่จำหน่าย Honda City 5th Gen. Facelift
- S MT 559,000 บาท
- S AT 599,000 บาท
- V AT 646,000 บาท
- SV AT 704,000 บาท
ในปี พ.ศ. 2554 ฮอนด้าประเทศไทยได้มีการปรับโฉม Minorchange ฮอนด้า ซิตี้ และในปี พ.ศ. 2555 ฮอนด้าได้เปิดตัวรุ่น City CNG ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้พลังงานทางเลือก และ ยังมีรุ่นพิเศษ Modulo ซึ่งตกแต่งด้วยชุดแต่ง Modulo ก่อนที่จะมีการปรับโฉม Full Modelchange ในปี พ.ศ. 2557
ราคาที่จำหน่าย
Honda City CNG
- S CNG AT 659,000 บาท
- V CNG AT 706,000 บาท
Honda City Modulo
- V AT 678,000 บาท
ล่าสุด พ.ศ. 2556 ทางฮอนด้าประเทศไทยก็ได้เพิ่มตัวเลือกอีกหนึ่งตัวเลือกในรุ่น SV นั่นก็คือรุ่น SV VSA โดยมีการเพิ่ม VSA, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor แต่ก็ต้องขาด "เบาะด้านหลังปรับเอนได้หนึ่งระดับ" ที่มีมาให้เฉพาะในรุ่น SV ไป นอกจากนั้นอุปกรณ์ทุกอย่างเหมือนกับ SV ทุกประการ ยกเว้นราคาที่สูงกว่ารุ่น SV 14,000 บาทซึ่งอยู่ที่ 718,000 บาท
Generation ที่ 6 (พ.ศ. 2557 - 2562)
โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยในรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557 ที่ไบเทค บางนา โดยจะมี 5 รุ่นให้เลือกในประเทศไทย คือ รุ่น S (เกียร์ธรรมดา), V , V+ , SV และ SV+
สำหรับเครื่องยนต์ก็ยังใช้เครื่องยนต์ตัวเดิม ขนาด 1.5 ลิตร แต่พละกำลังถูกลดลงเล็กน้อยลงเหลือ 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 146 นิวตัว-เมตรที่ 4,700 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อมระบบ Paddle Shift 7 สปีด และมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดในรุ่นล่างสุด รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 ในทุกรุ่นย่อย พร้อมกับระบบ Econ Assist ที่ช่วยให้การขับขี่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
พร้อมทั้งยังมีโครงสร้างนิรภัย G-CON ระบบป้องกันการล็อกล้อ ABS ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยออกตัวในทางชัน HSA (ยกเว้นรุ่นเกียร์ธรรมดา) และไฟเตือนการเบรกกระทันหัน ESS เป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย และตั้งแต่รุ่น V+ ขึ้นไปจะมีเสาครีบฉลาม (Shark Fin) และหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
รุ่นปรับโฉม
รุ่นปรับโฉมของฮอนด้า ซิตี้ ได้เผยโฉมเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 โดยมีการเปลี่ยนแปลงภายนอกคือ กระจังหน้าแบบใหม่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับฮอนด้า ซีวิค และได้ใช้ไฟหน้าและไฟตัดหมอกแบบ LED ในรุ่น SV และ SV+ ส่วนไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED มีมาให้ในทุกรุ่นย่อย ในรุ่น V และ V+ เพิ่มฟังก์ชันกระจกมองพับเก็บด้วยไฟฟ้า ภายในมีการปรับปรุงบริเวณหน้าจออินโฟนเทนเมนต์เล็กน้อยและมาตรวัดแบบใหม่
ส่วนระบบความปลอดภัยได้มี ABS, VSA, HSA, ESS ในทุกรุ่นย่อย กล้องมองหลังเวลาถอยจอดปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (เฉพาะรุ่น V+, SV, SV+) และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งสำหรับรุ่น SV+ เท่านั้น ส่วนรุ่นที่เหลือได้ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ซึ่งเหมือนเดิมทุกอย่างเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนปรับโฉม
ยุติการทำตลาดที่ญี่ปุ่น
Honda กำลังดำเนินงานตามนโยบายลดจำนวนรุ่นรถยนต์ ที่ออกจำหน่ายทั่วโลกลง 1 ใน 3 ภายในปี พ.ศ. 2568 และกลยุทธ์นี้มีผลถึงตลาดในประเทศบ้านเกิดอย่างญี่ปุ่นด้วย โดยมีรายงานว่า Honda Civic, Honda City และ Honda Jade อาจไม่ได้ไปต่อที่ตลาดดังกล่าวในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยสาเหตุที่ชัดเจนนัก แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าเป็นเพราะผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น ไม่ค่อยนิยมรถยนต์ 4 ประตู จนยอดขายถดถอย
Generation ที่ 7 (GN; พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน)
รุ่นที่ 7 (GN1/2) | |
---|---|
2019 ฮอนด้า ซิตี้ อาร์เอส (Thailand) | |
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | 2019–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 4-ประตู sedan 5-ประตู แฮทช์แบ็ก |
โครงสร้าง | Front-engine, front-wheel-drive |
รุ่นที่คล้ายกัน | Honda Fit/Jazz (4th gen.) |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
กำลัง | 90 kW (122 แรงม้า) (P10A6) 90 kW (123 แรงม้า) (L15Z1) 75 kW (100 แรงม้า) (N15) |
ระบบเกียร์ | 6-speed manual CVT eCVT (hybrid) |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | Sport Hybrid i-MMD (City e:HEV) |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,590 mm (102.0 in) |
ความยาว | 4,550 mm (179.1 in) |
ความกว้าง | 1,750 mm (68.9 in) |
ความสูง | 1,470 mm (57.9 in) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | ฮอนด้า แจ๊ซ (ตลาดอาเซียน) |
โฉมนี้ เปิดตัวในประเทศไทยในรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ในรน ซีดาน 4 ประตู โดยจะมี 4 รุ่นให้เลือกในประเทศไทย คือ รุ่น S , V , SV และ RS
ตลาด
ประเทศไทย
ในประเทศไทย Honda City ใช้เครื่องยนต์ใหม่ เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ 122 แรงม้า 173 นิวตันเมตรพร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมัน E20 และมี สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดง Ignite Red Metallic (เฉพาะรุ่น RS), สีขาวมุก Platinum White Pearl (เฉพาะรุ่น RS / SV) (เพิ่มเงิน 10,000 บาท), สีดำ Crystal Black Pearl (เพิ่มเงิน 6,000 บาท), สีเงิน Lunar Silver Metallic, สีเทา Modern Steel Metallic และ สีขาว Taffeta White (เฉพาะรุ่น S / V) เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2562
อินเดีย
ในประเทศอินเดีย มีการเปิดเผยรายละเอียดของ Honda City เวอร์ชั่นอินเดีย รุ่นล่าสุดซึ่งนับเป็น Generation ที่ 5 ในวันที่ 17 มิถุนายน ก่อนถึงกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมนี้ ทำให้เราทราบว่ามีลูกเล่นหลายรายการที่ไม่มีในเวอร์ชันไทยทั้ง หลังคา Sunroof, มาตรวัดดิจิตอล และเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เบนซิน-ดีเซล
มาเลเซีย
ในประเทศมาเลเซีย ได้เปิดตัวในวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร เป็นประเทศแรกในโลก แต่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.0 TURBO เหมือนในประเทศไทย แต่บางออปชั่น ได้ก่อนในไทย อาทิระบบเบรกมือไฟฟ้า และระบบ Honda Sensing ก่อนที่ฮอนด้า ซิตี้ e:HEV จะเปิดตัวในไทยในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ได้ทำการเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ซึ่งได้ทำการเปิดตัวในประเทศไทย เป็นที่แรกในโลก ซึ่งรูปทรงด้านหน้า , เครื่องยนต์ และออปชั่น จะคล้ายกับเวอร์ชั่นปกติ แต่ด้านหลังจะสูงขึ้นเป็นทรงแฮทช์แบ็ก เพื่อให้สามารถเก็บสัมภาระได้มากขึ้น และได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก จนมียอดจองสูงถึง 2,900 คัน ภายในเวลา 2 สัปดาห์
ฮอนด้า ซิตี้ e:HEV
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2563 ได้ทำการเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ e:HEV ซึ่งเป็นรถเก๋งที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด ซึ่งเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ล่าสุดของ ฮอนด้า ที่เรียกว่า Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งถูกใช้ในรถยนต์ที่ขายในท้องตลาดในชนิด บี-เซกเมนต์ เป็นครั้งแรกในโลกด้วย โดยใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร ซึ่งในไทย จะใช้รหัสเครื่องยนต์ LEB-MMD และมาเลเชีย จะใช้รหัสเครื่องยนต์ LEB-H5
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก e:HEV
ล่าสุด มีข่าวคราวว่า Honda ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว City Hatchback e:HEV (Hybrid i-MMD)
เปิดตัวครั้งแรกในโลก ในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ได้ทำการเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก e:HEV ซึ่งเป็นรถแฮทช์แบ็กที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริด ซึ่งเครื่องยนต์ไฮบริดใหม่ล่าสุดของ ฮอนด้า ที่เรียกว่า Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งถูกใช้ในรถยนต์ที่ขายในท้องตลาดในชนิด บี-เซกเมนต์ เป็นครั้งแรกในโลกด้วย โดยใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร ซึ่งในไทย จะใช้รหัสเครื่องยนต์ LEB-MMD ตอกย้ำไฮบริดกับค่าตัว 849,000 บาท
ดูเพิ่ม
- ข้อมูลของฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ โดย ฮอนด้าประเทศไทย จำกัด
- Thai Honda City Club เว็บไซต์กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ Honda City ในประเทศไทย
- รายการรถที่ได้รับรางวัล Thailand Car of the Year 2009
- ทดลองขับ ซิตี้ โฉมที่ 5 โดย Caronline.net
- Honda City แคตตาล็อก
- แคตตาล็อก
- Honda City 2014 แคตตาล็อก
- Ridebuster (2020-12-18). "City Hatchback มาแรง 2,900 คันใน 2 สัปดาห์". Ridebuster.com.