เค็นซาบูโร โอเอะ
เค็นซาบูโร โอเอะ (ญี่ปุ่น: 大江健三郎 โรมาจิ: Ōe Kenzaburō) (31 มกราคม ค.ศ. 1935 - ปัจจุบัน) ญี่ปุ่นเป็นนักเขียนคนสำคัญชาวญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลเป็นอันมากจากวรรณกรรมฝรั่งเศสและอเมริกัน และทฤษฎีวรรณกรรมที่มีเนื้อหาเชิงการเมือง, สังคม และปรัชญาที่รวมทั้งปัญหาอาวุธนิวเคลียร์, ความไม่อยู่ในกรอบในแผนของสังคม (social non-conformism) และ อัตถิภาวนิยม (existentialism)
เค็นซาบูโร โอเอะ 大江健三郎 | |
---|---|
นักเขียน | |
เค็นซาบูโร โอเอะที่โคโลญ | |
ชาติ | ชาวญี่ปุ่น |
อาชีพ | นักเขียนนวนิยาย, นักเขียนเรื่องสั้น, นักเขียนสารคดี |
รางวัล | รางวัลโนเบล ค.ศ. 1994 |
รับอิทธิพลจาก | ฌอง ปอล ซาร์ตร์ |
ข้อมูลส่วนตัว | |
เกิด | 31 มกราคม ค.ศ. 1935 |
นักเขียนชาวญี่ปุ่น |
โอเอะได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี ค.ศ. 1994 เพราะเป็นผู้สร้างงานเขียนที่เป็น “โลกที่เกิดจากจินตนาการ ที่ชีวิตและความลึกลับรวมกันเป็นภาพพจน์อันแสดงถึงภาวะของความกระอักกระอ่วนของสถานภาพของความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสังคมปัจจุบัน”
ชีวิต
โอเอะผู้เกิดที่หมู่บ้านบนเกาะชิโกกุในประเทศญี่ปุ่นเป็นลูกคนหนึ่งในบรรดาพี่น้องเจ็ดคน บิดาเสียชีวิตเมื่อโอเอะอายุได้เก้าขวบ พออายุได้สิบแปดปีโอเอะก็เริ่มศึกษาวรรณคดีฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัยโตเกียวโดยเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับงานเขียนของฌอง ปอล ซาร์ตร์ โอเอะเริ่มมีงานที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1957 ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาซึ่งเป็นงานที่ได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากงานเขียนร่วมสมัยของฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา
โอเอะสมรสในปี ค.ศ. 1960 ยูการิภรรยาเป็นน้องสาวของผู้กำกับภาพยนตร์จูโซ อิตามิ ในปีเดียวกันโอเอะก็ได้มีโอกาสพบกับเหมา เจ๋อตงเมื่อเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังรัสเซียและยุโรปในปีต่อมา และได้ไปพบปะกับฌอง ปอล ซาร์ตร์ในปารีส
ปัจจุบันโอเอะพำนักอยู่ในโตเกียว โอเอะมีบุตรสามคน บุตรชายคนโต ฮิการิ โอเอะผู้มีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง (brain-damaged) มาตั้งแต่เกิดในปี ค.ศ. 1963 และพิการปรากฏในงานเขียนหลายชิ้นตลอดมาของโอเอะ
ในปี ค.ศ. 2004 โอเอะให้ชื่อและสนับสนุนการเป็นปฏิปักษ์ต่อข้อเสนอในการเปลี่ยนแปลงราชธรรมนูญของญี่ปุ่นที่วางไว้ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1947 ทัศนคติของโอเอะในข้อนี้เป็นสิ่งที่สร้างความขัดแย้งโดยผู้ที่ต้องการให้ญี่ปุ่นเพิกถอนราชธรรมนูญที่ห้ามการใช้กำลังทหารในการยุติปัญหาความขัดแย้งของนานาประเทศ ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิกถอนมาตรา 9 ของราชธรรมนูญ
ในปี ค.ศ. 2005 นายทหารผู้ที่เกษียณแล้วฟ้องโอเอะในข้อหาสร้างความเสียหายในบทความ “Okinawa Notes” (ค.ศ. 1970) ในบทความนี้โอเอะกล่าวว่านายทหารญึ่ปุ่นหว่านล้อมให้พลเรือนโอกินาวะเป็นจำนวนมากทำการฆ่าตัวตายระหว่างการรุกของกองทัพฝ่ายพันธมิตรบนเกาะโอกินาวะ ในปี ค.ศ. 1945 แต่ในปี ค.ศ. 2008 ศาลโอซากะยกฟ้องข้อกล่าวหาทุกข้อต่อโอเอะ ในการให้คำตัดสินผู้พิพากษาโทชิมาซะ ฟูกามิกล่าวว่า “กองทัพญึ่ปุ่นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเต็มตัวกับการฆ่าตัวตายหมู่” ในการพบปะกับผู้สื่อข่าวหลังการตัดสินโอเอะกล่าวว่า “ผู้พิพากษาอ่านงานเขียนของผมอย่างถูกต้อง”
งานเขียน
งานเขียนของโอเอะแบ่งได้เป็นหลายหัวข้อ โอเอะให้คำอธิบายไม่นานหลังจากที่ได้ข่าวว่าจะได้รับรางวัลโนเบลว่า “ผมกำลังเขียนเกี่ยวกับความมีศักดิ์ศรีของมนุษย์”
หลังจากงานเขียนเมื่อยังเป็นนักศึกษาที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยแล้ว ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 โอเอะก็เขียนงานหลายชิ้น (เช่น “Prize Catch” และ “ฆ่ามันซะ! อย่าให้มันโต” (Nip the Buds, Shoot the Kids)) ที่เน้นถึงชีวิตของเด็กน้อยที่อยู่บนเกาะชิโกกุในโลกของโอเอะระหว่างที่เติบโตขึ้นมา ต่อมาโอเอะกล่าวว่าเด็กที่เขียนถึงเป็นแม่แบบ (archetype) ของความเป็นเด็ก (Child archetype) ของนักจิตวิทยาคาร์ล ยุง (Carl Jung) และ นักเทพวิทยากรีกคาร์ล เคเรยี (Karl Kerényi) ที่เป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้ง, เป็นได้ทั้งหญิงและชาย (hermaphrodism), ไม่เปลี่ยนแปลง และ มีความสัมพันธ์กับการเริ่มต้นและการสิ้นสุด ลักษณะสองอย่างแรกปรากฏในงานเขียนในช่วงแรก ส่วนอีกสองลักษณะมาปรากฏในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับ 'idiot boy' ที่เขียนต่อมาหลังจากการเกิดของฮิการิ
ระหว่างปี ค.ศ. 1958 ถึงปี ค.ศ. 1961 โอเอะพิมพ์งานหลายเล่มที่ผสานอุปมาทางเพศเกี่ยวกับการยึดครองญี่ปุ่น ที่โอเอะสรุปว่าโดยทั่วไปแล้วเป็นหัวเรื่องของ “ความสัมพันธ์ระหว่างชาวต่างประเทศในฐานะผู้มีอำนาจ [Z], ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในเชิงภาวะที่ต่ำต้อย [X] และระหว่างชนสองชั้นก็จะเป็นกลุ่มที่สาม [Y] (ที่อาจจะเป็นโสเภณีที่รับงานเฉพาะจากคนต่างชาติหรือผู้แปล)” ในงานแต่ละชิ้นชาวญี่ปุ่น [X] จะเฉื่อยชา ไม่แสดงความกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหา หรือไม่แสดงการพัฒนาทางจิตใจและจิตวิญญาณ การบรรยายเรื่องเพศอย่างแจ่มแจ้งในเรื่องต่างๆ ที่เขียนก่อให้เกิดการวิจารณ์กันอย่างขนานใหญ่ ซึ่งมาถึงจุดสูงสุดในเรื่อง “Our Times” ที่โอเอะกล่าวว่า “ตัวผมเองชอบนวนิยายเรื่องนี้[เพราะ]ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถเขียนนวนิยายเรื่องอื่นที่เต็มไปด้วยคำที่เกี่ยวกับเรื่องเพศเท่านั้นได้อีก”
ช่วงต่อมาโอเอะก็เปลี่ยนจากเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องเพศไปเป็นเรื่องของความโหดร้ายของสังคม งานที่พิมพ์ระหว่างปี ค.ศ. 1961 ถึงปี ค.ศ. 1964 เป็นงานที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมเชิงอัตถิภาวนิยม และ เชิงผจญภัย (Picaresque) ของ“ผู้ร้าย” (criminal rogue) และอวีรบุรุษ (Antihero) ผู้อยู่ริมนอกของสังคม (fringe of society) ที่ทำให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเสนอข้อวิจารณ์สังคมได้ การที่โอเอะยอมรับว่า “ฮัคผจญภัย” โดยมาร์ค ทเวนเป็นนวนิยายเรื่องที่ชอบมากที่สุดทำให้เห็นอิทธิพลที่เกิดขึ้นในบริบทของการเขียนในช่วงระยะเวลานี้
ฮิการิมีอิทธิพลเป็นอย่างมากใน “Father, Where are you Going?” (ไทย: พ่อ, พ่อจะไปไหน?), “Teach Us to Outgrow Our Madness” (ไทย: สอนเราให้หายจากความคลั่ง) และ “The Day He Himself Shall Wipe My Tears Away” (ไทย: จนจะถึงวันที่ลูกจะลบน้ำตาพ่อ) นวนิยายสามเรื่องที่เขียนจากมูลฐานเดียวกัน—บิดาผู้มีบุตรที่พิการพยายามที่จะสร้างชีวิตใหม่ให้กับพ่อของตนเองผู้ขังตัวเองจนตาย ความขาดความเข้าใจเกี่ยวกับพ่อของตัวเอกเปรียบเทียบได้กับความไม่สามารถของลูกที่ไม่อาจจะเข้าใจตัวของเขาเองได้ การขาดข้อมูลเกี่ยวกับพ่อของตนเองทำให้ยากต่อทำให้ลงตัว และสามารถทำให้สร้างความซ้ำซ้อนได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และ “ความซ้ำซ้อนเป็นกระสายของการเขียนเรื่องต่างๆ ขึ้นได้” โดยทั่วไปแล้วโอเอะเชื่อว่านักเขียนนวนิยายจะเขียนนวนิยายที่กระตุ้นจินตนาการของผู้อ่านอยู่เสมอ
“Teach Us to Outgrow Our Madness” ใช้ตัวละครชื่อ 'โมริ' สำหรับ 'ลูกงี่เง่า' (โอเอะใช้คำว่า 'idiot-son') ที่แปลได้ทั้ง 'ตาย' และ 'โง่เง่า' ในภาษาลาติน และ 'ป่า' ในภาษาญี่ปุ่น.ความเกี่ยวพันระหว่างเด็กพิการและป่ามาปรากฏขึ้นอีกในงานเขียนต่อมา เช่นในเรื่อง “The Waters Are Come in unto My Soul” (ไทย: และสายน้ำก็จะหลั่งไหลเข้ามาในวิญญาณของฉัน) และ “M/T and the narrative about the marvels of the forest” (ไทย: เอ็ม/ที และการบรรยายเกี่ยวกับความตื่นตาของป่า)
โอเอะเชื่อว่าเป็นนักเขียนญี่ปุ่นที่แท้จริง โดยกล่าวว่า “ผมมีความต้องการอยู่เสมอที่จะเขียนเรื่องราวของประเทศของเราเอง, สังคมของเราเอง และความรู้สึกเกี่ยวกับสถานะภาพของสังคมร่วมสมัย แต่ก็ยังคงมีความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างวรรณกรรมร่วมสมัยและวรรณกรรมโบราณของญี่ปุ่น” ในปี ค.ศ. 1994 โอเอะอธิบายว่าตนเองมีความภูมิใจที่สถาบันสวีเดนให้เกียรติแก่วรรณกรรมญี่ปุ่นและมีความหวังว่ารางวัลที่ได้รับนี้จะเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมนักเขียนญี่ปุ่นผู้อื่น
นวนิยายขนาดสั้น “The Catch” (ไทย: จับได้) มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักบินชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ถูกยิงตกระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองโดยชาวบ้านชาวญี่ปุ่นได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดยนางิซะ โอชิมะและออกฉายในปี ค.ศ. 1961
การหยุดเขียน
โอเอะหยุดเขียนไปสองปีขณะยุ่งอยู่กับการถูกฟ้องร้องและการพิจารณาคดีระหว่างปี ค.ศ. 2006 ถึงปี ค.ศ. 2008 The New York Timesรายงานว่าโอเอะกำลังเริ่มเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ที่มีตัวละครที่มืพื้นฐานมาจากบิดาของตนเอง ผู้เป็นผู้สนับสนุนระบบจักรพรรดิอย่างแข็งขันผู้จมน้ำตายระหว่างน้ำท่วมระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวละครอีกตัวหนึ่งที่อาจจะมีเป็นหญิงสาวร่วมสมัยผู้ “ไม่ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงความเป็นญี่ปุ่น” และในฉากหนึ่งถึงกับพยายามทำลายระบบจักรพรรดิ ในนวนิยายเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกับงานเขียนอื่น โอเอะเป็นปรมาจารย์ในการใช้วลีญี่ปุ่นที่กำกวม และเขียนเนื้อหาที่ไม่จะแจ้งว่าดีหรือร้ายแต่จะคาบระหว่างปรัชญาทั้งสอง
รางวัลและอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ
- รางวัลอากูตางาวะ (Akutagawa Prize), ค.ศ. 1958
- รางวัลวรรณกรรมชินโจซะ, ค.ศ. 1964
- Jun'ichirō Tanizaki Prize, ค.ศ. 1967
- รางวัลจิโร โอซารางิ (Asahi Shimbun), ค.ศ. 1983
- รางวัลโนะมะ, ค.ศ. 1973
- รางวัลโนเบล, ค.ศ. 1994
- เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งวัฒนธรรม, ค.ศ. 1994 - ไม่ยอมรับ
ผลงานบางชิ้น
โอเอะมีผลงานเป็นเพียงจำนวนน้อยที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ส่วนใหญ่แล้วจะยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่น
ผลงานที่ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษและไทย:
- Memeushiri Kouchi, ค.ศ. 1958 - Nip the Buds, Shoot the Kids (แปลโดย Paul Mackintosh และ Maki Sugiyama) หรือ ฆ่ามันซะ! อย่าให้มันโต (แปลโดยเดือนเต็ม กฤษดาธานนท์)
- Sebuntiin, ค.ศ. 1961- Seventeen (แปลโดย Luk Van Haute)
- Seiteki Ningen ค.ศ. 1963 Sexual Humans, published as J (แปลโดย Luk Van Haute)
- Kojinteki na taiken, ค.ศ. 1964 - A Personal Matter (แปลโดย John Nathan) หรือ รอยชีวิต (แปลโดยเดือนเต็ม กฤษดาธานนท์)
- Hiroshima noto, ค.ศ. 1965 - Hiroshima Notes (แปลโดย David L. Swain, Toshi Yonezawa)
- Man'en gannen no futtoboru, ค.ศ. 1967 - The Silent Cry (แปลโดย John Bester) หรือ เสียงร่ำไห้ที่เงียบงัน (แปลโดยเดือนเต็ม กฤษดาธานนท์)
- Warera no kyōki wo ikinobiru michi wo oshieyo, ค.ศ. 1969 - Teach Us to Outgrow Our Madness (ค.ศ. 1977)
- Mizukara waga namida wo nuguitamau hi, ค.ศ. 1972 - The Day He Himself Shall Wipe My Tears Away in Teach Us to Outgrow Our Madness (ค.ศ. 1977)
- Pinchiranna chosho,' ค.ศ. 1976 - The Pinch Runner Memorandum (แปลโดย Michiko N. Wilson)
- Atarashii hito yo mezame yo, ค.ศ. 1983 - Rouse Up O Young Men of the New Age! (แปลโดย John Nathan)
- Jinsei no shinseki, ค.ศ. 1989 - An Echo of Heaven (แปลโดย Margaret Mitsutani)
- Shizuka-na seikatsu, ค.ศ. 1990 - A Quiet Life (แปลโดย Kunioki Yanagishita & William Wetherall)
- Kaifuku suru kakozu, ค.ศ. 1995 - A Healing Family (แปลโดย Stephen Snyder, ill. by Yukari Oe) หรือ บ้านสมานใจ (แปลโดยนุชจรีย์ ชลคุป)
- Chugaeri, ค.ศ. 1999 - Somersault (แปลโดย Philip Gabriel)
ปี | ชื่อภาษาญี่ปุ่น | ชื่อภาษาอังกฤษ | หมายเหตุ |
ค.ศ. 1957 | 奇妙な仕事 Kimyou na shigoto | The Strange Work | เรื่องสั้นเรื่องแรก |
死者の奢り Shisha no ogori | Lavish Are The Dead | เรื่องสั้น | |
他人の足 Tanin no ashi | Someone Else's Feet | เรื่องสั้น | |
飼育 Shiiku | Prize Stock | เรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลอะคุทะกะวะ | |
ค.ศ. 1958 | 見るまえに跳べ Miru mae ni tobe | Leap before you look | เรื่องสั้น |
芽むしり仔撃ち Memushiri kouchi | Nip the Buds, Shoot the Kids | นวนิยายเรื่องแรก | |
ค.ศ. 1961 | セヴンティーン Sevuntīn | Seventeen | เรื่องสั้น |
ค.ศ. 1963 | 叫び声 Sakebigoe | Cry | |
性的人間 Seiteki ningen | The sexual man (หรือ "J") | เรื่องสั้น | |
ค.ศ. 1964 | 空の怪物アグイー Sora no kaibutsu Aguī | Aghwee the Sky Monster | เรื่องสั้น |
個人的な体験 Kojinteki na taiken | A Personal Matter | Awarded the Shinchosha Literary Prize | |
ค.ศ. 1965 | 厳粛な綱渡り Genshuku na tsunawatari | The solemn rope-walking | บทความ |
ヒロシマ・ノート Hiroshima nōto | Hiroshima Notes | บันทึกเหตุการณ์ (Reportage) | |
ค.ศ. 1967 | 万延元年のフットボール Man'en gan'nen no futtobōru | The Silent Cry | ได้รับรางวัล Jun'ichirō Tanizaki |
ค.ศ. 1968 | 持続する志 Jizoku suru kokorozashi | Continuous will | บทความ |
ค.ศ. 1969 | われらの狂気を生き延びる道を教えよ Warera no kyōki wo ikinobiru michi wo oshieyo | Teach Us to Outgrow Our Madness | |
ค.ศ. 1970 | 壊れものとしての人間 Kowaremono toshiteno ningen | Human being as a fragile article | บทความ |
核時代の想像力 Kakujidai no sozouryoku | Imagination of the atomic age | ปาฐกถา | |
沖縄ノート Okinawa nōto | Okinawa Notes | บันทึกเหตุการณ์ (Reportage) | |
ค.ศ. 1972 | 鯨の死滅する日 Kujira no shimetsu suru hi | The day whales vanish | บทความ |
みずから我が涙をぬぐいたまう日 Mizukara waga namida wo nuguitamau hi | The Day He Himself Shall Wipe My Tears Away | ||
ค.ศ. 1973 | 同時代としての戦後 Doujidai toshiteno sengo | The post-war times as contemporaries | บทความ |
洪水はわが魂に及び Kōzui wa waga tamashii ni oyobi | The Flood invades my spirit | ได้รับรางวัลโนมา | |
ค.ศ. 1976 | ピンチランナー調書 Pinchi ran'nā chōsho | The Pinch Runner Memorandum | |
ค.ศ. 1979 | 同時代ゲーム Dojidai gemu | The Game of Contemporaneity | |
ค.ศ. 1980 | (現代 ゲーム) Ume no chiri | Sometimes the Heart of the Turtle | |
ค.ศ. 1982 | 「雨の木」を聴く女たち Rein tsurī wo kiku on'natachi | Women listening to the "rain tree" | ได้รับรางวัลโยะมิอุริ |
ค.ศ. 1983 | 新しい人よ眼ざめよ Atarashii hito yo, mezameyo | Rouse Up O Young Men of the New Age! | ได้รับรางวัลจิโระ โอะซะระงิ |
ค.ศ. 1984 | いかに木を殺すか Ikani ki wo korosu ka | How do we kill the tree ? | |
ค.ศ. 1985 | 河馬に嚙まれる Kaba ni kamareru | Bitten by the hippopotamus | ได้รับรางวัลวรรณกรรมยะสุนาริ คะวะบะตะ |
ค.ศ. 1986 | M/Tと森のフシギの物語 M/T to mori no fushigi no monogatari | M/T and the Narrative About the Marvels of the Forest | |
ค.ศ. 1987 | 懐かしい年への手紙 Natsukashī tosi eno tegami | Letters for nostalgic years | |
ค.ศ. 1988 | 「最後の小説」 'Saigo no syousetu' | 'The last novel' | บทความ |
新しい文学のために Atarashii bungaku no tame ni | For the new literature | บทความ | |
キルプの軍団 Kirupu no gundan | The army of Quilp | ||
ค.ศ. 1989 | 人生の親戚 Jinsei no shinseki | An Echo of Heaven | ได้รับรางวัลวรรณกรรมเซอิ อิโตะ |
ค.ศ. 1990 | 治療塔 Chiryou tou | The tower of treatment | |
静かな生活 Shizuka na seikatsu | A Quiet Life | ||
ค.ศ. 1991 | 治療塔惑星 Chiryou tou wakusei | The tower of treatment and the planet | |
ค.ศ. 1992 | 僕が本当に若かった頃 Boku ga hontou ni wakakatta koro | The time that I was really young | |
ค.ศ. 1993 | 「救い主」が殴られるまで 'Sukuinushi' ga nagurareru made | Until the Savior Gets Socked | 燃えあがる緑の木 第一部 Moeagaru midori no ki dai ichi bu The Flaming Green Tree Trilogy I |
ค.ศ. 1994 | 揺れ動く (ヴァシレーション) Yureugoku (Vashirēshon) | Vacillating | 燃えあがる緑の木 第二部 Moeagaru midori no ki dai ni bu The Flaming Green Tree Trilogy II |
ค.ศ. 1995 | 大いなる日に Ōinaru hi ni | On the Great Day | 燃えあがる緑の木 第三部 Moeagaru midori no ki dai san bu The Flaming Green Tree Trilogy III |
曖昧な日本の私 Aimai na Nihon no watashi | Japan, the Ambiguous, and Myself: The Nobel Prize Speech and Other Lectures | ปาฐกถา | |
恢復する家族 Kaifukusuru kazoku | A Healing Family | บทความกับยูการิ โอเอะ | |
ค.ศ. 1999 | 宙返り Chūgaeri | Somersault | |
ค.ศ. 2000 | 取り替え子 (チェンジリング) Torikae ko (Chenjiringu) | The Changeling | |
ค.ศ. 2001 | 「自分の木」の下で 'Jibun no ki' no shita de | Under the 'tree of mine' | บทความกับยูการิ โอเอะ |
ค.ศ. 2002 | 憂い顔の童子 Ureigao no dōji | The Infant with a Melancholic Face | |
ค.ศ. 2003 | 「新しい人」の方へ 'Atarashii hito' no hou he | Toward the 'new man' | บทความกับยูการิ โอเอะ |
二百年の子供 Nihyaku nen no kodomo | The children of 200 years | ||
2005 | さようなら、私の本よ! Sayōnara, watashi no hon yo! | Farewell, My Books! | |
ค.ศ. 2007 | 臈たしアナベル・リイ 総毛立ちつ身まかりつ Routashi Anaberu rī souke dachitu mimakaritu | The beautiful Annabel Lee was chilled and killed | |
ค.ศ. 2009 | 水死 sui si | The death by drowning |
อ้างอิง
- ↑ "an imagined world, where life and myth condense to form a disconcerting picture of the human predicament today." "Oe, Pamuk: World needs imagination," Yomiuri Shimbun. May 18, 2008.
- Junkerman, John. "The Global Article 9 Conference: Toward the Abolition of War," Japan Focus. May 25, 2008.
- Onishi, Norimitsu. "Japanese Court Rejects Defamation Lawsuit Against Nobel Laureate," New York Times. March 29, 2008.
- ↑ Sterngold, James. "Nobel in Literature Goes to Kenzaburo Oe of Japan," New York Times. October 14, 1994.
- ↑ Wilson, Michiko. (1986) The Marginal World of Ōe Kenzaburō: A Study in Themes and Techniques, p. 12.
- Ōe, The Method of a Novel, p. 197.
- Wilson, p. 135.
- Ōe, Ōe Kenzaburō Zensakuhin, Vol. 2 (Supplement No. 3). p. 16.
- Wilson p. 32.
- Wilson, p. 29.
- Wilson p. 47.
- Theroux, Paul. "Speaking of Books: Creative Dissertating; Creative Dissertating," New York Times. February 8, 1970.
- Wilson, p. 61.
- ↑ Onishi, Norimitsu. "Released From Rigors of a Trial, a Nobel Laureate’s Ink Flows Freely," New York Times. May 17, 2008.
- Altman, Daniel. "A Relaxing Tradition Dips a Toe in the 21st Century," New York Times. January 20, 2008.
- Books and Writers: Kenzaburo Ōe
- Ōe, Kanzaburō. (1968). Ōe Kenzaburō Zensakuhin (Complete Works of Oe Kenzaburo).Tokyo: Shinchosha.
- _____________. (1978). Shosetsu no hoho (The Method of a Novel). Tokyo: Iwanami Shoten Publishing.
- Wilson, Michiko N. (1986). The Marginal World of Ōe Kenzaburō: A Study in Themes and Techniques. Armonk, New York: M. E. Sharpe. 13-ISBN 978-0-87332-343-7 (cloth) -- 13-ISBN 978-1-56324-580-0 (paper)
แหล่งข้อมูลอื่น
- Nobel Biography
- Nobel Laureate page
- Kenzaburō Ōe Prize