เจ้าฟ้าพินทวดี
เจ้าฟ้าพินทวดี บางแห่งเรียก เจ้าฟ้าอินทวดี หรือ เจ้าฟ้าหญิงแก่ (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2344) เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศกับกรมพระเทพามาตุ (พลับ) เป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรและสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระองค์เข้าได้รับการอนุเคราะห์จากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและประทับอยู่ในราชสำนักธนบุรี
เจ้าฟ้าพินทวดี | |
---|---|
เจ้าฟ้า | |
ราชวงศ์ | บ้านพลูหลวง |
พระบิดา | สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ |
พระมารดา | กรมพระเทพามาตุ (พลับ) |
สิ้นพระชนม์ | พ.ศ. 2344 |
ศาสนา | พุทธ |
เจ้าฟ้าพินทวดีเป็นเจ้านายยุคกรุงศรีอยุธยาเพียงไม่กี่พระองค์ที่มีพระชนมายุยืนนานมาถึงถึงยุครัตนโกสินทร์ และได้รับการถวายพระเกียรติเป็นเจ้าฟ้าตราบจนสิ้นพระชนม์ชีพ ทั้งยังเป็นเจ้านายที่ถ่ายทอดขนบธรรมเนียมและพระราชพิธีโบราณสู่ราชสำนักยุคหลัง
พระประวัติ
เจ้าฟ้าพินทวดี เป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ประสูติแต่กรมพระเทพามาตุ (พลับ) ใน คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ระบุว่าพระองค์มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าพิน ต่อมาพระบิดาให้เปลี่ยนพระนามเป็น เจ้าฟ้าพินทวดี แต่ใน คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุพระนามว่า เจ้าฟ้าอินทวดี คำให้การขุนหลวงหาวัด ระบุว่าพระชนนีสืบเชื้อสายพราหมณ์จากเมืองเพชรบุรี พระองค์มีพระพี่น้องร่วมพระชนกชนนีแปดพระองค์ ได้แก่ เจ้าฟ้าสิริประชา (หรือประชาวดี), เจ้าฟ้าสิริประภา (หรือประภาวดี), เจ้าฟ้ากษัตรีย์, สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์, เจ้าฟ้าบัวจัน (หรือจันทรวดี), เจ้าฟ้านวน (หรือนุ่ม) และสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร
หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พม่าได้ทำการกวาดต้อนเจ้านายอยุธยา 869 องค์ และผู้สืบเชื้อสายพระราชวงศ์อีก 2,000 คนเศษ แต่ปรากฏว่าเหลือเจ้านายบางส่วนตกค้างที่ค่ายโพธิ์สามต้น และบางส่วนหนีรอดออกไป เจ้าฟ้าพินทวดีถูกกุมขังในค่ายโพธิ์สามต้นไม่ได้ถูกกวาดไปพม่า เพราะทรงพระประชวร โดยถูกจองจำพร้อมกับเจ้านายฝ่ายในจำนวนหนึ่ง ดังปรากฏใน พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ความว่า
"...ในเขตแดนแว่นแคว้นสยามประเทศ เหตุว่าหาเจ้าแผ่นดินจะปกครองบมิได้ เหมือนดุจสัตถันดรกัล์ปและทุพภิกขันดรกัล์ป และพระราชวงศานุวงศ์ ซึ่งเหลืออยู่พม่ามิได้เอาไปนั้น ตกอยู่ ณ ค่ายโพธิ์สามต้นก็มีบ้าง ที่หนีไปเมืองอื่นนั้นก็มีบ้าง และเจ้าฟ้าสุริยา 1 เจ้าฟ้าพินทวดี 1 เจ้าฟ้าจันทวดี 1 พระองค์เจ้าฟักทอง 1 ทั้ง 4 พระองค์นี้ เป็นราชบุตรีพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกศ และเจ้ามิตรบุตรีกรมพระราชวัง 1 หม่อมเจ้ากระจาดบุตรีกรมหมื่นจิตรสุนทร 1 หม่อมเจ้ามณีบุตรีกรมหมื่นเสพภักดี 1 หม่อมเจ้าฉิมบุตรีเจ้าฟ้าจีด 1 เจ้าทั้งนี้ตกอยู่กับพระนายกอง ณ ค่ายโพธิ์สามต้น อนึ่งพระองค์เจ้าทับทิมบุตรีสมเด็จพระอัยกานั้น พวกข้าไทพาหนีออกไป ณ เมืองจันทบูร เจ้าตากก็สงเคราะห์รับเลี้ยงดูไว้..."
ภายหลังสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพตีค่ายโพธิ์สามต้นแตก อันเป็นที่สิ้นสุดสงครามกู้กรุงศรีอยุธยา พระองค์ก็ทรงอุปการะเจ้าหญิงอยุธยามาไว้ในราชสำนักธนบุรี ดังปรากฏใน พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ความว่า
"...อนึ่ง ซึ่งพระขัตติยวงศ์ครั้งกรุงเก่านั้น บรรดาเจ้าหญิงทรงพระกรุณาโปรดเลี้ยงไว้ในพระราชวัง และเจ้าฟ้าสุริยา เจ้าฟ้าจันทวดี สองพระองค์นั้นดับสูญสิ้นพระชนม์ ยังอยู่แต่เจ้าฟ้าพินทวดี พระองค์เจ้าฟักทอง พระองค์เจ้าทับทิม ซึ่งเรียกว่าเจ้าครอกจันทบูรนั้น และเจ้ามิตร บุตรีกรมพระราชวัง โปรดให้ชื่อ เจ้าประทุม หม่อมเจ้ากระจาด บุตรีกรมหมื่นจิตรสุนทร โปรดให้ชื่อ เจ้าบุปผา กับหม่อมเจ้าอุบล บุตรีกรมหมื่นเทพพิพิธ หม่อมเจ้าฉิม บุตรีเจ้าฟ้าจีด ทั้งสี่องค์นี้ทรงพระกรุณาเลี้ยงเป็นห้าม..."
หลังผลัดแผ่นดินสู่ยุครัตนโกสินทร์ พระองค์ยังได้รับการถวายพระเกียรติเป็นเจ้าฟ้า ด้วยมีพระชันษาสูงจึงถูกเรียกว่าเจ้าฟ้าหญิงแก่ เมื่อเจ้าฟ้าพินทวดีทอดพระเนตรพระราชพิธีโสกันต์ที่จัดขึ้นในแผ่นดินใหม่ ก็ตรัสว่าพระราชพิธีไม่ได้ทำเต็มตามตำราแต่กรุงเก่าสักพระองค์หนึ่ง หากพระองค์ซึ่งเคยทอดพระเนตรการเตรียมการพระราชพิธีต่าง ๆ มาตั้งแต่กรุงเก่าสิ้นพระชนม์ไป คงไม่มีผู้ใดมาชี้แนะแบบแผนพระราชพิธีที่ถูกต้อง พระองค์จึงบันทึกแบบแผนพระราชพิธีการลงสรงโสกันต์ให้เจ้านายพระองค์อื่น ๆ ทรงทราบ เจ้าฟ้าพินทวดีตรัสว่า "จะทำอะไรก็ให้ถามฉันนะ จะได้บอกให้ว่าทำอย่างไร" เมื่อความไปถึงสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ก็ทรงเห็นชอบด้วย จึงก่อสร้างเขาไกรลาศ ยอดเขามีพระมณฑป เบื้องล่างมีสระอโนดาต และต่อท่อไขน้ำออกจากปากสัตว์หิมพานต์ โดยมีพระราชพิธีโสกันต์ในวังหน้าสามครั้งก่อนพระองค์สิ้นพระชนม์ หลังจากนั้นใน พ.ศ. 2351 วังหลวงจึงจัดพระราชพิธีโสกันต์ครั้งแรกตามตำราที่เจ้าฟ้าพินทวดีทรงบันทึกไว้คือพระราชพิธีโสกันต์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หลังเจ้าฟ้าพินทวดีสิ้นพระชนม์ไปแล้ว 7 ปี
เจ้าฟ้าพินทวดีสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2344 และในหมายรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกกล่าวถึงการพระราชทานเพลิงพระศพเจ้าฟ้ากิม (คาดว่าคือเจ้าฟ้าพินทวดี) ณ เมรุวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2345
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 551
- ↑ หนังสือจดหมายเหตุ (PDF). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. 2537. p. 272-273. Check date values in:
|year=
(help) - ↑ หนังสือจดหมายเหตุ (PDF). กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. 2537. p. 283.
...เจ้าฟ้านั้นเมื่อถึงปีมโรงสัมฤทธิศก, ศักราช ๑๑๗๐, ตรงกับปีมีคฤษตศักราช ๑๘๐๘ พระชนมายุครบ ๑๑ ปี, ถึงกำหนดที่จะโสกันต์เมื่อนั้น, เจ้าฟ้าพินทวดีที่เปนผู้ชี้การมา, ก็สิ้นพระชนม์ไปแล้วถึง ๗ ปี...
Check date values in:|year=
(help) - ↑ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 624
- "พระราชวงศ์และตระกูลอันเป็นเชื้อพระวงศ์". สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ "เล่าเรื่อง 'พระราชพิธีโสกันต์' ในราชสำนักสยาม". อิศรา. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง, หน้า 285
- ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง, หน้า 478
- "ชะตากรรมเจ้าหญิงอยุธยาหลังกรุงแตก ย้อนบันทึกพม่าที่น่าสลดใจ". ศิลปวัฒนธรรม. 7 เมษายน 2563. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "สงครามกู้อิสรภาพจากพม่า". สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ ปรามินทร์ เครือทอง (7 มกราคม 2563). ""ท้องกับเจ๊ก" การเมืองราชสำนักฝ่ายใน เรื่องซุบซิบเจ้าหญิงอยุธยาในพระเจ้าตากสินฯ". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. "พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ โสกันต์เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=
(help) - "วัดสุวรรณาราม". ระบบฐานข้อมูลกฐินพระราชทาน. สืบค้นเมื่อ 13 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=
(help)
- บรรณานุกรม
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9
- ประชุมคำให้การกรุงศรีอยุธยา รวม 3 เรื่อง. กรุงเทพฯ : แสงดาว, 2553. 536 หน้า. ISBN 978-616-508-073-6