เซอร์โครเนียม ไดออกไซด์ (อังกฤษ: Zirconium dioxide; ZrO2) อาจเป็นที่รู้จักในชื่อ เซอร์คอเนีย (อย่าสับสนกับเพทาย) เป็นคริสตัลออกไซด์สีขาวของเซอร์โครเนียม มักพบเป็นรูปโครงสร้างคริสตัลโมโนคลินิกซึ่งเป็นแร่ประเภทแบดเดเลไยต์ ส่วนคิวบิกเซอร์โคเนียเป็นแร่หลากสีที่ใช้เป็นรัตนชาติและเพชรจำลอง.
มีโครงสร้างผลึกเป็นทรงลูกบาศก์ของเซอร์คอนเนียมไดออกไซด์(ZrO2) วัสดุสังเคราะห์ที่มีความคงทน ไม่มีมลทิน ส่วนใหญ่ใสไม่มีสี แต่สามารถสังเคราะห์ได้หลากหลายสี ซึ่งแตกต่างกับเซอร์คอน(ZrSiO4)ในบางครั้งจะเรียกว่าเซอร์คอเนียมทรงลูกบาศก์(Cubic zirconium) เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาถูก,คงทน และเมื่อมองด้วยตาเปล่าใกล้เคียงกับเพชร ดังนั้นเซอร์คอเนียจึงเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่เลียนแบบเพชร ในชื่อทางการค้าว่า"Diamonique" ซึ่งยังมีวัสดุสังเคราะห์อื่นๆที่เลียนแบบเพชรเช่น โมนาไซด์สังเคราะห์,YAG
คุณสมบัติเด่น
เซอร์คอเนียทรงลูกบาศก์ มีระบบผลึกแบบไอโซเมตริก ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของการเลียนแบบเพชร ขณะที่เซอร์คอเนียมไดออกไซด์สร้างรูปผลึกตามธรรมชาติเป็นMonoclinic ซึ่งรูปผลึกจะเสถียรได้ภายใต้สภาวะความดันบรรยากาศปกติ หากต้องการให้รูปผลึกทรงลูกบาศก์มีความเสถียรภายใต้อุณหภูมิปกติต้องใส่ยัทเทรียมออกไซด์หรือแคลเซียมออกไซด์ ปริมาณที่ใส่ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ทำการผลิต ดังนั้นคุณสมบัติทางกายภาพและคุณสมบัติทางแสงจึงหลากหลาย
เซอร์คอเนียเป็นสสารที่หนาแน่น จากค่าความถ่วงจำเพาะระหว่าง 5.6 ถึง 6.0 ต่างจากเพชรเพียง 1.6 คุณสมบัติที่สำคัญอีอย่างหนึ่งคือค่อนข้างแข็ง ความแข็งตามโมส์สเกลคือ 8 ซึ่งแข็งมากกว่าอัญมณีธรรมชาติอื่นๆ ค่าดัชนีหักเหมีค่าสูงอยู่ในช่วง 2.15–2.18 (เมื่อเปรียบเทียบกับเพชร ซึ่งมีค่าดัชนีหักเห 2.42)และวาวแบบเพชร การกระเจิงแสงได้สูงอยูที่ 0.058–0.066 มากกว่าค่าของเพชรมากๆ(0.044) เซอร์คอเนียไม่มีแนวแตกเรียบ(Cleavage)และแสดงรอยแตกแบบก้นหอย เนื่องจากมีความแข็งมากทำให้แตกเปราะ ภายใต้แสงอัตราไวโอเลตที่เป็นคลื่นสั้น เซอร์คอเนียจะเรืองแสงมีเหลือง,เหลืองอมเขียวหรือ สีน้ำตาลอ่อน หินสีอาจแสดงสเปกตรัมการดูดกลืนธาตุที่พบยากบนพื้นผิวโลกที่มีความซับซ้อนและชัดเจน
นอกจากนี้มีออกไซด์ของโลหะที่ทำให้เกิดสีในเซอร์คอเนียทีหลากหลายเช่น ซีเรียม(Cerium)ให้สีเหลือง,ส้มและสีแดง, โครเมียม(Chromium)ให้สีเขียว,นีโอดิเมียม(Neodymium)ให้สีม่วง,เอเบียม(Erbium)ให้สีชมพู และไททาเนียม(Titanium)ให้สีน้ำตาลทอง
ประวัติ
ถูกค้นพบเมื่อ ค.ศ.1892 แร่แบดเดเลย์ไอต์(Baddeleyite)มีระบบผลึก Monoclinicสีเหลืองเป็นรูปทรงตามธรรมชาติของเซอร์คอเนียมออกไซด์ มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยเนื่องจากหายาก จุดหลอมเหลวที่สูงมากของเซอร์คอเนีย(2750°C)ทำให้คุมการเจริญเติบโตของผลึกภายในเป้าหลอมยาก โดยจับวัตถุนั้นขณะถูกหลอมเหลว แต่อย่างไรก็ตามความเสถียรของเซอร์คอเนียมออกไซด์ทรงลูกบาศก์สามารถผลิตเซอร์คอเนียได้และผลิตในปีค.ศ. 1930 แม้ว่าทรงลูกบาศก์ใช้ในรูปของเซรามิกที่เป็นพหุผลึก(a polycrystalline ceramic) ซึ่งใช้เป็นฉนวนไฟฟ้าและทนต่อความร้อนได้มาก(จุดหลอมเหลวสูง) เจ็ดปีที่แล้วนักแร่วิทยาชาวเยอรมันชื่อ M. V. Stackelberg และ K. Chudoba พบเซอร์คอเนียที่เกิดจากธรรมชาติในรูปผลึก ส่งผลให้มีการผลิตโดยกระบวนการ Metamictizationแต่ทั้งสองท่านไม่คิดว่าไม่มีความสำคัญที่จะให้ชื่อทางการ สิ่งที่เป็นตัวพิสูจน์คือการกระเจิงของรังสีเอ็กซ์ ซึ่งต่อมาใช้เป็นวิธีการสังเคราะห์เซอร์คอเนีย
ข้อแตกต่างระหว่างเซอร์คอเนียกับเพชร
- การกระเจิงแสง ในเพชรมีค่าการกระเจิง0.044 ส่วนในเซอร์คอเนียมีค่า 0.060l ดังนั้นมีการกระเจิงแสงที่ดีกว่าในเพชรเป็นหระกายมากกว่า
- ความแข็ง ตามโมล์สเกลเพชรแข็ง 10 แต่ เซอร์คอเนียแข็งมากที่สุด 8
- ความถ่วงจำเพาะ เมื่อเทียบในขนาดเดียวกัน เซอร์คอเนียหนักกว่าในเพชร
- ตำนิต่างๆ ในเซอร์คอเนียพบน้อยว่าเพชร ส่วนหนึ่งเนื่องจากเพชรมีแนวแตกเรียบ
- ค่าการหักเหแสง ในเซอร์คอเนียมีค่า 2.176 ส่วนเพชรมีค่า 2.417
- กรเจียระไน ได้รูปแบบที่แตกต่างกัน
- การนำความร้อน เซอร์คอเนียเป็นฉนวนความร้อนแต่เพชรเป็นตัวนำความร้อน
อ้างอิง - . doi:10.1016/j.progsolidstchem.2012.12.002.
เซอร, คอเน, การแนะนำว, บทความน, หร, อส, วนน, ควรย, ายไปรวมก, บบทความ, วบ, กเซอร, โคเน, อภ, ปราย, บทความน, องการการจ, ดหน, ดหมวดหม, ใส, งก, ภายใน, หร, อเก, บกวาดเน, อหา, ให, ณภาพด, ณสามารถปร, บปร, งแก, ไขบทความน, ได, และนำป, ายออก, จารณาใช, ายข, อความอ, นเพ, อช. mikaraenanawa bthkhwamnihruxswnnikhwryayiprwmkbbthkhwam khiwbikesxrokheniy xphipray bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxngbthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxng khunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxkesxrokhreniym idxxkisd xngkvs Zirconium dioxide ZrO2 xacepnthiruckinchux esxrkhxeniy xyasbsnkbephthay epnkhristlxxkisdsikhawkhxngesxrokhreniym mkphbepnrupokhrngsrangkhristlomonkhliniksungepnaerpraephthaebdedeliyt swnkhiwbikesxrokheniyepnaerhlaksithiichepnrtnchatiaelaephchrcalxng 1 esxrkhxeniychuxtam IUPAC Zirconium dioxideZirconium IV oxidechuxxun ZirconiaBaddeleyiteelkhthaebiynelkhthaebiyn CAS 1314 23 4 CAS PubChem 62395khunsmbtisutrekhmi ZrO2mwltxhnungoml 123 218 krm omllksnathangkayphaph phngkhawkhwamhnaaenn 5 68 krm esntiemtr3cudhlxmehlw 2715 C 2988 K 4919 Fcudeduxd 4300 C 4573 K 7772 Fkhwamsamarthlalayid in na negligiblekhwamsamarthlalayid soluble in HF and hot H2SO4dchnihkehaesng nD 2 13xunhekhmiStd enthalpy offormation DfHo298 1080 kiolcul omlStandard molarentropy So298 50 3 J K 1 mol 1khwamxntrayGHS pictogramscudwabif imtidifLD50 gt 8 8 krm kiolkrm oral rat sarprakxbxunthiekiywkhxngknaexnixxxnthiekiywkhxngaekhthixxxnthiekiywkhxnghakmiidrabuepnxun khxmulkhangtnnikhuxkhxmulsar n phawamatrthanthi 25 C 100 kPasthaniyxy ekhmi enuxha 1 esxrkhxeniythrnglukbask Cubic zirconia 1 1 khunsmbtiedn 1 2 prawti 1 3 khxaetktangrahwangesxrkhxeniykbephchr 2 xangxingesxrkhxeniythrnglukbask Cubic zirconia aekikhmiokhrngsrangphlukepnthrnglukbaskkhxngesxrkhxneniymidxxkisd ZrO2 wsdusngekhraahthimikhwamkhngthn immimlthin swnihyisimmisi aetsamarthsngekhraahidhlakhlaysi sungaetktangkbesxrkhxn ZrSiO4 inbangkhrngcaeriykwaesxrkhxeniymthrnglukbask Cubic zirconium enuxngcakwtthudibmirakhathuk khngthn aelaemuxmxngdwytaeplaiklekhiyngkbephchr dngnnesxrkhxeniycungepnwsdusngekhraahthieliynaebbephchr inchuxthangkarkhawa Diamonique sungyngmiwsdusngekhraahxunthieliynaebbephchrechn omnaisdsngekhraah YAG khunsmbtiedn aekikh esxrkhxeniythrnglukbask mirabbphlukaebbixosemtrik sungepnlksnasakhykhxngkareliynaebbephchr khnathiesxrkhxeniymidxxkisdsrangrupphluktamthrrmchatiepnMonoclinic sungrupphlukcaesthiyridphayitsphawakhwamdnbrryakaspkti haktxngkarihrupphlukthrnglukbaskmikhwamesthiyrphayitxunhphumipktitxngisythethriymxxkisdhruxaekhlesiymxxkisd primanthiiskhunxyukbbrisththithakarphlit dngnnkhunsmbtithangkayphaphaelakhunsmbtithangaesngcunghlakhlayesxrkhxeniyepnssarthihnaaenn cakkhakhwamthwngcaephaarahwang 5 6 thung 6 0 tangcakephchrephiyng 1 6 khunsmbtithisakhyxixyanghnungkhuxkhxnkhangaekhng khwamaekhngtamomsseklkhux 8 sungaekhngmakkwaxymnithrrmchatixun khadchnihkehmikhasungxyuinchwng 2 15 2 18 emuxepriybethiybkbephchr sungmikhadchnihkeh 2 42 aelawawaebbephchr karkraecingaesngidsungxyuthi 0 058 0 066 makkwakhakhxngephchrmak 0 044 esxrkhxeniyimmiaenwaetkeriyb Cleavage aelaaesdngrxyaetkaebbknhxy enuxngcakmikhwamaekhngmakthaihaetkepraa phayitaesngxtraiwoxeltthiepnkhlunsn esxrkhxeniycaeruxngaesngmiehluxng ehluxngxmekhiywhrux sinatalxxn hinsixacaesdngsepktrmkardudklunthatuthiphbyakbnphunphiwolkthimikhwamsbsxnaelachdecnnxkcaknimixxkisdkhxngolhathithaihekidsiinesxrkhxeniythihlakhlayechn sieriym Cerium ihsiehluxng smaelasiaedng okhremiym Chromium ihsiekhiyw nioxdiemiym Neodymium ihsimwng exebiym Erbium ihsichmphu aelaiththaeniym Titanium ihsinatalthxng esxrkhxeniymihlakhlaysi prawti aekikh thukkhnphbemux kh s 1892 aeraebdedelyixt Baddeleyite mirabbphluk Monoclinicsiehluxngepnrupthrngtamthrrmchatikhxngesxrkhxeniymxxkisd mikhwamsakhythangesrsthkicephiyngelknxyenuxngcakhayak cudhlxmehlwthisungmakkhxngesxrkhxeniy 2750 C thaihkhumkarecriyetibotkhxngphlukphayinepahlxmyak odycbwtthunnkhnathukhlxmehlw aetxyangirktamkhwamesthiyrkhxngesxrkhxeniymxxkisdthrnglukbasksamarthphlitesxrkhxeniyidaelaphlitinpikh s 1930 aemwathrnglukbaskichinrupkhxngesramikthiepnphhuphluk a polycrystalline ceramic sungichepnchnwniffaaelathntxkhwamrxnidmak cudhlxmehlwsung ecdpithiaelwnkaerwithyachaweyxrmnchux M V Stackelberg aela K Chudoba phbesxrkhxeniythiekidcakthrrmchatiinrupphluk sngphlihmikarphlitodykrabwnkar Metamictizationaetthngsxngthanimkhidwaimmikhwamsakhythicaihchuxthangkar singthiepntwphisucnkhuxkarkraecingkhxngrngsiexks sungtxmaichepnwithikarsngekhraahesxrkhxeniy khxaetktangrahwangesxrkhxeniykbephchr aekikh karkraecingaesng inephchrmikhakarkraecing0 044 swninesxrkhxeniymikha 0 060l dngnnmikarkraecingaesngthidikwainephchrepnhrakaymakkwa khwamaekhng tamomlseklephchraekhng 10 aet esxrkhxeniyaekhngmakthisud 8 khwamthwngcaephaa emuxethiybinkhnadediywkn esxrkhxeniyhnkkwainephchr tanitang inesxrkhxeniyphbnxywaephchr swnhnungenuxngcakephchrmiaenwaetkeriyb khakarhkehaesng inesxrkhxeniymikha 2 176 swnephchrmikha 2 417 kreciyrain idrupaebbthiaetktangkn karnakhwamrxn esxrkhxeniyepnchnwnkhwamrxnaetephchrepntwnakhwamrxnxangxing aekikh doi 10 1016 j progsolidstchem 2012 12 002 Cite journal requires journal help Missing or empty title help ekhathungcak https th wikipedia org w index php title esxrkhxeniy amp oldid 9238554, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
-oxid.png.html){kind=link}
