เบเลมไนต์ (หรือเบเลมนอยด์) เป็นกลุ่มของสัตว์ทะเลพวกเซฟาโลพอด ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว มีลักษณะคล้ายกับหมึกกระดอง (cuttlefish) และหมึกกล้วย (squid) ในปัจจุบันมาก เบเลมไนต์เหมือนกับหมึกทั้งสองคือมีถุงหมึก แต่ไม่เหมือนหมึกกล้วยที่เบเลมไนต์มีแขน 10 แขนที่มีความยาวเกือบเท่ากันทั้งหมดแต่ไม่มีหนวด (tentacle)
เบเลมไนต์ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Carnian–Maastrichtian 234–66Ma Passaloteuthis bisulcata ในยุคจูแรสซิกตอนต้น แสดงกายวิภาคที่นิ่ม การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ อาณาจักร: สัตว์ ไฟลัม: มอลลัสกา ชั้น: Cephalopoda อันดับใหญ่: † Belemnoidea อันดับ: † Belemnitida Zittel, 1895 อันดับย่อย Belemnitina Belemnopseina Belemnotheutina Sinobelemnitidae
เบเลมไนต์พบมากในช่วงยุคจูแรสซิกและยุคครีเทเชียส โดยพบเป็นซากดึกดำบรรพ์ทั้งมหายุคมีโซโซอิก โดยมักพบร่วมกับญาติ ๆ ใกล้ชิดอย่างแอมโมไนต์ เบเลมไนต์ได้สูญพันธุ์ไปเมื่อสิ้นสุดยุคครีเทเชียส ไปพร้อมกับแอมโมไนต์ ต้นกำเนิดของเบเลมไนต์อยู่ระหว่างนอติลอยด์ อันดับแบคทรีติดาในยุคดีโวเนียน ส่วนของการ์ดของเบเลมไนต์สามารถพบได้ในชั้นหินตั้งแต่ยุคคาร์บอนิเฟอรัสตอนต้นเรื่อยมาจนถึงยุคครีเทเชียส ร่วมกับซากดึกดำบรรพ์ของเซฟาโลพอด อื่น ๆ ได้แก่บาคูไลต์, นอติลอยด์ และโกนิเอไทต์
รูปสัณฐาน ซากดึกดำบรรพ์เบเลมไนต์จาก
ฟรังโคเนียน จูรา ปกติแล้วซากดึกดำบรรพ์ของเบเลมไนต์จะพบเฉพาะส่วนหลังของเปลือกกระดองที่เรียกกันว่า “การ์ด” หรือ “รอสตรัม” การ์ดนี้มีรูปร่างคล้ายกระสุนยาว มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอกโดยปลายด้านหนึ่งจะแหลมหรือโค้งมน ที่ด้านหน้าของการ์ดจะเป็นรูกลวงเรียกว่า “อัลวีโอลัส” ซึ่งเป็นส่วนของเปลือกกระดองที่เป็นห้องรูปกรวยเรียกว่า “แฟรกโมโคน” ส่วนของแฟรกโมโคนนี้ปกติจะพบเป็นชิ้นตัวอย่างในสภาพที่ดี ส่วนปลายด้านตรงข้ามกับแฟรกโมโคนจะเป็น “โปร-ออสทราคัม” บาง ๆ
แฟรกโมโคนของเบเลมไนต์ก็เหมือนกับเปลือกกระดองของเซฟาโลพอด ทั้งหลายที่ประกอบด้วยแร่อะราโกไนต์ การ์ดของเบเลมไนต์ประกอบขึ้นด้วยแร่แคลไซต์ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ในสภาพที่สมบูรณ์ได้ การ์ดที่แตกหักได้แสดงโครงสร้างของเส้นใยแร่แคลไซต์เรียงตัวในแนวรัศมีและอาจแสดงเส้นเติบโตเป็นเส้นวงกลมซ้อนกันหลาย ๆ วง ในเนื้อของการ์ดเป็นสิ่งที่มีลักษณะเฉพาะทางธรณีเคมีไอโซโทป ซึ่งการ์ดของเบเลมไนต์จากหมวดหินปีดียุคครีเทเชียส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกานั้นได้ถูกใช้เป็นมาตรฐานโลก (*PDB*) ในการเทียบเคียงกับตัวอย่างที่จะทำการวัดค่าทางธรณีเคมีไอโซโทป ทั้งของไอโซโทปของคาร์บอน และไอโซโทปของออกซิเจน
การ์ด แฟรกโมโคน และโปร-ออสทราคัม เป็นสิ่งที่อยู่ภายในของตัวเบเลมไนต์ที่มีชีวิตเหมือนดังเป็นโครงกระดูกที่ถูกห่อหุ้มด้วยกล้ามเนื้อโดยรอบทั้งหมด ตัวมีชีวิตจริง ๆ จึงมีขนาดใหญ่กว่าเปลือกกระดองที่กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์และมีรูปร่างยาวที่ลู่ไปตามน้ำพร้อมด้วยดวงตาที่โดดเด่น การ์ดจะอยู่ต่อจากส่วนท้ายของตัวเบเลมไนต์โดยมีแฟรกโมโคนอยู่ด้านหลังของส่วนหัวที่ชี้ปลายไปทางด้านหลัง
การ์ดของเบเลมไนต์ “เมกะทิวธิส จิแจนตี” ที่พบในยุโรปและเอเชียวัดความยาวได้ถึง 46 เซนติเมตร ทำให้ประมาณได้ว่าตัวเบเลมไนต์มีชีวิตจะมีความยาวของลำตัวได้ถึง 3 เมตร
พบชิ้นตัวอย่างจำนวนมากของเบเลมไนต์ที่มีส่วนเนื้อเยื่ออ่อนของสัตว์ที่กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ บางที่มีการพบส่วนของการ์ดรูปร่างคล้ายกระสุนสะสมตัวกันอย่างหนาแน่นซึ่งเรียกกันอย่างกึ่งทางการว่า “สมรภูมิเบเลมไนต์ (belemnite battlefield)” (ที่ประกอบไปด้วยพวกออร์โธเซอแรส) การสะสมตัวกันดังกล่าวนี้ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะหมายถึงเหตุการณ์ตายหมู่ครั้งใหญ่ที่กองทับถมกันเป็นแผ่นหนาซึ่งก็พบได้ในเซฟาโลพอด ในปัจจุบันและรวมถึงพวกเซเมลพาเรียสอื่น ๆ
เบเลมไนต์บางชนิด (อย่างเช่นสกุล “เบเลมไนต์”) ที่เป็นซากดึกดำบรรพ์ดัชนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดหินชอร์กยุคครีเทเชียส ของยุโรปที่ช่วยให้นักธรณีวิทยาทราบอายุของชั้นหินได้
เบเลมไนต์มีลักษณะที่เหมือนกับหมึกกล้วย ในปัจจุบัน คือแขนของมันจะมีชุดของตะขอเล็ก ๆ สำหรับใช้จับเหยื่อ เบเลมไนต์นั้นถือเป็นสัตว์กินเนื้อ นักล่า โดยจับเหยื่อพวกปลาและสัตว์ทะเลอื่น ๆ ด้วยหนวดของมันและกินเหยื่อด้วยขากรรไกรที่เหมือนจะงอย ในทางกลับกันเบเลมไนต์เองก็ตกเป็นอาหารของสัตว์เลื้อยคลานทะเล อย่างเช่นอิกทิโอซอร์ ที่มีการพบกระเพาะอาหารกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีตะขอของแร่ฟอสเฟตที่มาจากแขนของเซฟาโลพอด พวกนี้
การจำแนกอนุกรมวิธาน ซากดึกดำบรรพ์เบเลมไนต์ที่ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์เมืองบริสตอล
ประเทศอังกฤษ หมายเหตุ: วงศ์ซึ่งสูญพันธุ์ไปทั้งหมด
Cohort Belemnoidea Basal และที่ไม่แน่นอน อันดับ Aulacocerida วงศ์ Aulacoceratidae วงศ์ Dictyoconitidae วงศ์ Hematitidae วงศ์ Palaeobelemnopseidae วงศ์ Xiphoteuthididae อันดับ Belemnitida อันดับย่อย Belemnitina วงศ์ Cylindroteuthididae วงศ์ Hastitidae วงศ์ Oxyteuthididae วงศ์ Passaloteuthididae วงศ์ Salpingoteuthididae อันดับย่อย Belemnopseina วงศ์ Belemnitellidae วงศ์ Belemnopseidae วงศ์ Dicoelitidae วงศ์ Dimitobelidae วงศ์ Duvaliidae อันดับ Belemnoteuthina วงศ์ Belemnotheutididae วงศ์ Chitinobelidae วงศ์ Sueviteuthididae อันดับ Diplobelida วงศ์ Chondroteuthididae วงศ์ Diplobelidae อันดับ Phragmoteuthida
ดูเพิ่ม
อ้างอิง Iba, Y.; Sano, S. -I.; Mutterlose, J.; Kondo, Y. (2012). "Belemnites originated in the Triassic—A new look at an old group". Geology . 40 (10): 911–914. Bibcode :2012Geo....40..911I. doi :10.1130/G33402.1.
แหล่งข้อมูลอื่น วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Belemnitida
เบเลมไนต, หร, อเบเลมนอยด, เป, นกล, มของส, ตว, ทะเลพวกเซฟาโลพอดท, ญพ, นธ, ไปแล, กษณะคล, ายก, บหม, กกระดอง, cuttlefish, และหม, กกล, วย, squid, ในป, จจ, นมาก, เหม, อนก, บหม, กท, งสองค, อม, งหม, แต, ไม, เหม, อนหม, กกล, วยท, แขน, แขนท, ความยาวเก, อบเท, าก, นท, งหมด. ebelmint hruxebelmnxyd epnklumkhxngstwthaelphwkesfaolphxdthisuyphnthuipaelw milksnakhlaykbhmukkradxng cuttlefish aelahmukklwy squid inpccubnmak ebelmintehmuxnkbhmukthngsxngkhuxmithunghmuk aetimehmuxnhmukklwythiebelmintmiaekhn 10 aekhnthimikhwamyawekuxbethaknthnghmdaetimmihnwd tentacle ebelmintchwngewlathimichiwitxyu Carnian Maastrichtian 234 66Ma PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg N 1 Passaloteuthis bisulcata inyukhcuaerssiktxntn aesdngkaywiphakhthinimkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr stwiflm mxllskachn Cephalopodaxndbihy Belemnoideaxndb BelemnitidaZittel 1895xndbyxyBelemnitina Belemnopseina Belemnotheutina Sinobelemnitidaeebelmintphbmakinchwngyukhcuaerssikaelayukhkhriethechiysodyphbepnsakdukdabrrphthngmhayukhmiososxikodymkphbrwmkbyati iklchidxyangaexmomint ebelmintidsuyphnthuipemuxsinsudyukhkhriethechiysipphrxmkbaexmomint tnkaenidkhxngebelmintxyurahwangnxtilxydxndbaebkhthritidainyukhdioweniyn swnkhxngkardkhxngebelmintsamarthphbidinchnhintngaetyukhkharbxniefxrstxntneruxymacnthungyukhkhriethechiysrwmkbsakdukdabrrphkhxngesfaolphxdxun idaekbakhuilt nxtilxyd aelaokniexitht enuxha 1 rupsnthan 2 karcaaenkxnukrmwithan 3 duephim 4 xangxing 5 aehlngkhxmulxunrupsnthan aekikh sakdukdabrrphebelmintcakfrngokheniyn cura pktiaelwsakdukdabrrphkhxngebelmintcaphbechphaaswnhlngkhxngepluxkkradxngthieriykknwa kard hrux rxstrm kardnimiruprangkhlaykrasunyaw milksnaepnaethngthrngkrabxkodyplaydanhnungcaaehlmhruxokhngmn thidanhnakhxngkardcaepnruklwngeriykwa xlwioxls sungepnswnkhxngepluxkkradxngthiepnhxngrupkrwyeriykwa aefrkomokhn swnkhxngaefrkomokhnnipkticaphbepnchintwxyanginsphaphthidi swnplaydantrngkhamkbaefrkomokhncaepn opr xxsthrakhm bang aefrkomokhnkhxngebelmintkehmuxnkbepluxkkradxngkhxngesfaolphxdthnghlaythiprakxbdwyaerxaraokint kardkhxngebelmintprakxbkhundwyaeraekhlistdngnncungmiaenwonmthicaklayepnsakdukdabrrphinsphaphthismburnid kardthiaetkhkidaesdngokhrngsrangkhxngesniyaeraekhlisteriyngtwinaenwrsmiaelaxacaesdngesnetibotepnesnwngklmsxnknhlay wng inenuxkhxngkardepnsingthimilksnaechphaathangthrniekhmiixosothp sungkardkhxngebelmintcakhmwdhinpidiyukhkhriethechiys thangtawnxxkechiyngitkhxngshrthxemrikannidthukichepnmatrthanolk PDB inkarethiybekhiyngkbtwxyangthicathakarwdkhathangthrniekhmiixosothpthngkhxngixosothpkhxngkharbxnaelaixosothpkhxngxxksiecnkard aefrkomokhn aelaopr xxsthrakhm epnsingthixyuphayinkhxngtwebelmintthimichiwitehmuxndngepnokhrngkradukthithukhxhumdwyklamenuxodyrxbthnghmd twmichiwitcring cungmikhnadihykwaepluxkkradxngthiklayepnsakdukdabrrphaelamiruprangyawthiluiptamnaphrxmdwydwngtathioddedn kardcaxyutxcakswnthaykhxngtwebelmintodymiaefrkomokhnxyudanhlngkhxngswnhwthichiplayipthangdanhlngkardkhxngebelmint emkathiwthis ciaecnti thiphbinyuorpaelaexechiywdkhwamyawidthung 46 esntiemtr thaihpramanidwatwebelmintmichiwitcamikhwamyawkhxnglatwidthung 3 emtrphbchintwxyangcanwnmakkhxngebelmintthimiswnenuxeyuxxxnkhxngstwthiklayepnsakdukdabrrph bangthimikarphbswnkhxngkardruprangkhlaykrasunsasmtwknxyanghnaaennsungeriykknxyangkungthangkarwa smrphumiebelmint belemnite battlefield thiprakxbipdwyphwkxxrothesxaers karsasmtwkndngklawniyngkhngimepnthiaenchdwacahmaythungehtukarntayhmukhrngihythikxngthbthmknepnaephnhnasungkphbidinesfaolphxdinpccubnaelarwmthungphwkesemlphaeriysxun ebelmintbangchnid xyangechnskul ebelmint thiepnsakdukdabrrphdchniodyechphaaxyangyinginhmwdhinchxrkyukhkhriethechiyskhxngyuorpthichwyihnkthrniwithyathrabxayukhxngchnhinidebelmintmilksnathiehmuxnkbhmukklwyinpccubn khuxaekhnkhxngmncamichudkhxngtakhxelk sahrbichcbehyux ebelmintnnthuxepnstwkinenuxnkla odycbehyuxphwkplaaelastwthaelxun dwyhnwdkhxngmnaelakinehyuxdwykhakrrikrthiehmuxncangxy inthangklbknebelmintexngktkepnxaharkhxngstweluxykhlanthaelxyangechnxikthioxsxrthimikarphbkraephaaxaharklayepnsakdukdabrrphthimitakhxkhxngaerfxseftthimacakaekhnkhxngesfaolphxdphwknikarcaaenkxnukrmwithan aekikh ebelmint sakdukdabrrphebelmintthi hxsilpaelaphiphithphnthemuxngbristxl praethsxngkvs hmayehtu wngssungsuyphnthuipthnghmd Cohort Belemnoidea Basal aelathiimaennxn skul Jeletzkya xndb Aulacocerida wngs Aulacoceratidae wngs Dictyoconitidae wngs Hematitidae wngs Palaeobelemnopseidae wngs Xiphoteuthididae xndb Belemnitida xndbyxy Belemnitina wngs Cylindroteuthididae wngs Hastitidae wngs Oxyteuthididae wngs Passaloteuthididae wngs Salpingoteuthididae xndbyxy Belemnopseina wngs Belemnitellidae wngs Belemnopseidae wngs Dicoelitidae wngs Dimitobelidae wngs Duvaliidae xndb Belemnoteuthina wngs Belemnotheutididae wngs Chitinobelidae wngs Sueviteuthididae xndb Diplobelida wngs Chondroteuthididae wngs Diplobelidae xndb Phragmoteuthida wngs Phragmoteuthididaeduephim aekikh sthaniyxyolkkhxngstw Nautiloidea Ammonoideaxangxing aekikh Iba Y Sano S I Mutterlose J Kondo Y 2012 Belemnites originated in the Triassic A new look at an old group Geology 40 10 911 914 Bibcode 2012Geo 40 911I doi 10 1130 G33402 1 aehlngkhxmulxun aekikh wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb Belemnitida ekhathungcak https th wikipedia org w index php title ebelmint amp oldid 10201172, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ , อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
