ร็อกเซลานา
ฮิวร์เรม ซุลตาน (ตุรกีออตโตมัน: خُرَّم سلطان; เสียงอ่านภาษาตุรกี: [hyɾˈɾem suɫˈtaːn]) หรือเป็นที่รู้จักในพระนามว่า ร็อกเซลานา (อักษรโรมัน: Roxelana; ราว พ.ศ. 2045 – 15 เมษายน พ.ศ. 2101) เป็นพระชายาเอกในสุลต่านสุลัยมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน
ฮิวร์เรม ซุลตาน | |
---|---|
ฮาเซคีซุลตานแห่งออตโตมัน | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2076/2077 – 15 เมษายน พ.ศ. 2101 |
ถัดไป | นูร์บานู ซุลตาน |
พระสวามี | สุลัยมานผู้เกรียงไกร |
พระบุตร | เจ้าชายเชห์ซาเด เมห์เมด เจ้าหญิงมีห์รีมาห์ ซุลตาน เจ้าชายเชห์ซาเด อับดุลลาห์ สุลต่านเซลิมที่ 2 เจ้าชายเชห์ซาเด บาเยซิด เจ้าชายเชห์ซาเด จีฮันกี |
ราชวงศ์ | ออตโตมัน |
พระบิดา | ฮัฟรือโล ลิซอฟสกี |
ประสูติ | ราว พ.ศ. 2045-2047 โรฮาตึน อาณาจักรโปแลนด์ |
สิ้นพระชนม์ | 15 เมษายน พ.ศ. 2101 (ราว 53–56 ปี) พระราชวังโทพคาปึ คอนสแตนติโนเปิล จักรวรรดิออตโตมัน |
ฝังพระศพ | มัสยิดซิวเลย์มานีเย คอนสแตนติโนเปิล |
ศาสนา | อิสลาม (เดิมอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์) |
พระองค์เป็นที่รู้จักในฐานะพระชายาเอกในองค์สุลต่าน (ตุรกีออตโตมัน: خاصکي سلطان Haseki Sultan) ที่ทรงพระราชอำนาจทางการเมืองผ่านพระราชสวามี และทรงบทบาทสำคัญยิ่งต่อกิจการของรัฐ
พระนาม
พระองค์เป็นที่รู้จักในหมู่ชาวออตโตมันว่า ฮาเซคี ฮืร์เรม ซุลตาน (Haseki Hürrem Sultan) หรือ ฮืร์เรม ฮาเซคี ซุลตาน (Hürrem Haseki Sultan) อันมีความหมายว่า "พระชายาเอกฮิวร์เรม" โดยคำว่า "ฮิวร์เรม" มาจากคำเปอร์เซียยุคกลางว่า "คูร์ราม" (เปอร์เซีย: خرم; "ผู้ให้ความสุข") บ้างก็ว่ามาจากคำอาหรับว่า "กะรีมะฮ์" (อาหรับ: كريمة; "ผู้มีใจเอื้ออารี")
ส่วนร็อกเซลานา (อักษรโรมัน: Roxelana) บางแห่งอาจสะกดเป็น ร็อกโซเลนา (อักษรโรมัน: Roxolena), ร็อกโซลานา (อักษรโรมัน: Roxolana), ร็อกเซลาเน (อักษรโรมัน: Roxelane), โรซซา (อักษรโรมัน: Rossa) หรือรูชีจา (อักษรโรมัน: Ružica) ล้วนเป็นพระสมัญญานามที่กินความหมายไปถึงเชื้อสายรูทีเนีย หรือ รูซึน (อักษรโรมัน: Rusyn) ของพระองค์ ซึ่งคำดังกล่าวเป็นชื่อหนึ่งของชาวยูเครนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่เรียกตามชื่อชาวร็อกโซลานี (อักษรโรมัน: Roxolani) ชาติพันธุ์โบราณที่เคยตั้งถิ่นฐานบริเวณนั้นมาก่อน ดังนั้นพระสมัญญานามดังกล่าวจึงมีความหมายว่า "หญิงชาวรูทีเนีย"
พระประวัติ
พระชนม์ชีพช่วงต้น
จากการศึกษาในปัจจุบัน ข้อมูลของร็อกเซลานาขณะทรงพระเยาว์มีน้อยนัก ไม่ว่าจะเป็นพื้นเพของพระองค์ว่ามีเชื้อสายอะไร หรือการกล่าวถึงในอาณาจักรโปแลนด์อันเป็นมาตุภูมิ มีการสันนิษฐานว่าร็อกเซลานามีพระนามเดิมว่า อะเลคซันดรา (อักษรโรมัน: Aleksandra) หรือ อะนัสตาซียา ลีซอฟสกา (อักษรโรมัน: Anastasia Lisowska) จากหลักฐานของมีฮาลอน ลึทวึน (Mikhalon Lytvyn) ทูตของแกรนด์ดัชชีลิทัวเนียประจำรัฐข่านไครเมีย ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยในเอกสาร "เกี่ยวกับประเพณีของตาตาร์, ลิทัวเนีย และมอสโก" (ละติน: De moribus tartarorum, lituanorum et moscorum) ซึ่งในส่วนการค้าเขาระบุว่า "[...] พระชายาผู้เป็นที่รักของจักรพรรดิตุรกีพระองค์ปัจจุบัน พระชนนีของผู้สืบสันดานในพระองค์ [พระราชโอรส] นางผู้อยู่ในการปกครองของพระองค์หลังนิราศไปจากแดนดินของเรา"
ส่วนหลักฐานช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 เช่นจากหลักฐานของซามูเอล ทวาร์โดฟสกี (Samuel Twardowski) กวีโปแลนด์ผู้ค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับตุรกี ได้ระบุว่าร็อกเซลานามีพระชนกเป็นนักบวชอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ชาวยูเครน พระองค์ประสูติที่เมืองโรฮาตึน (Rohatyn) 68 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองลวอฟ (Lwów) ซึ่งเป็นเมืองหลักของรูทีเนีย (Ruthenia Voivodeship) ที่ขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรโปแลนด์ (ปัจจุบันอยู่ทางตะวันตกของประเทศยูเครน) ล่วงมาในช่วงปี พ.ศ. 2063 ร็อกเซลานาถูกชาวตาตาร์ไครเมียจับไปเป็นทาสหลังการบุกปล้นครั้งหนึ่งจากหลาย ๆ ครั้งในบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นเชื่อว่าพระองค์คงถูกนำไปไว้ที่เมืองคัฟฟาในไครเมีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทาส ก่อนส่งต่อไปยังเมืองคอนสแตนติโนเปิล แล้วทรงถูกคัดเลือกให้ไปประจำในฮาเร็มของสุลต่านสุลัยมาน
พระชายาเอกในองค์สุลต่าน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สิ้นพระชนม์
ร็อกเซลานา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2101 พระศพถูกฝังในสุสานหลวงในมัสยิดซิวเลย์มานีเย ที่มีลักษณะเป็นรูปโดมภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องจากอิซนิค มีภาพวาดสวนบนสรวงสวรรค์เพื่อสดุดีพระจริยวัตรของพระองค์ โดยสุสานหลวงของพระองค์ตั้งอยู่ในกับสุสานหลวงของพระสวามีที่แยกต่างหาก
พระราชกรณียกิจ
นอกเหนือจากบทบาททางการเมืองที่โดดเด่นแล้ว ร็อกเซลานาทรงมีส่วนร่วมในการก่อสร้างอาคารสาธารณะจำนวนหลายแห่งตั้งแต่มักกะฮ์จนถึงเยรูซาเลม ที่เป็นเสมือนมูลนิธิการกุศลทำนองเดียวกับซูไบดะฮ์ ภริยาของเคาะลีฟะฮ์ฮารูนาลรอชิดเคยทำไว้ เบื้องต้นพระองค์ทรงอุปถัมภ์โรงเรียนสอนพระคัมภีร์อัลกุรอานจำนวนสองแห่ง มีการให้สร้างบ่อน้ำพุ และโรงพยาบาลสำหรับสตรีที่ตั้งอยู่ใกล้ตลาดนางทาสในคอนสแตนติโนเปิลเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ มีการก่อสร้างโรงอาบน้ำฮาเซคีฮิวร์เรมซุลตานฮามามึ (Haseki Hürrem Sultan Hamamı) เพื่อรองรับอิสลามิกชนที่มาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดอายาโซเฟีย และโปรดให้ก่อสร้างโรงทานฮาเซคีซุลตานอีมาเรต (Haseki Sultan Imaret) เพื่อบริจาคซุปแก่ราษฎรผู้ยากไร้ ที่ในหนึ่งวันสามารถเลี้ยงคนได้ 500 คนต่อสองมื้อ
พระอนุสรณ์
ร็อกเซลานา เป็นที่รู้จักทั้งในตุรกีและโลกตะวันตก ที่ส่วนมากเป็นจะปรากฏในรูปแบบของงานศิลป์จำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2104 สามปีหลังการสิ้นพระชนม์ กาบรีแยล บูแน็ง (Gabriel Bounin) นักเขียนชาวฝรั่งเศส ได้แต่งบทประพันธ์โศกเรื่อง ลาโซลตาน (La Soltane) ที่ร็อกเซลานามีบทบาทสำคัญในการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายมุสตาฟา ถือเป็นละครเวทีเรื่องแรกของฝรั่งเศสที่เกี่ยวกับออตโตมัน นอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับจิตรกรแล้ว พระองค์ยังเป็นแรงบันดาลใจแก่โจเซฟ ไฮเดิน (Joseph Haydn) ในการแต่งซิมโฟนีหมายเลข 63 เพื่อใช้สำหรับละครเวทีที่มีร็อกเซลานาเป็นตัวละครของเรื่อง
ในสเปน ร็อกเซลานามักปรากฏในงานเขียนของเกเบโด (Quevedo) และโดยเฉพาะผลงานของโลเป เด เบกา (Lope de Vega) นักเขียนบทละคร ที่เขียนเรื่อง สันนิบาตอันศักดิ์สิทธิ์ (The Holy League) ที่มีทิเชียนเป็นตัวละครไปปรากฏตัวในสภาสูงของเวนิส เบื้องต้นได้กล่าวว่าเขาเพียงแค่ไปเยือนองค์สุลต่าน และแสดงพระรูปร็อกเซลานาที่เขาวาด
ในยูเครน ชาวมุสลิมในเมืองมารีอูปัล ได้เปิดมัสยิดที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติร็อกเซลานา เมื่อปี พ.ศ. 2550
ในตุรกี ได้มีละครอิงประวัติศาสตร์ช่วงรัชกาลสุลต่านสุลัยมานที่ร็อกเซลานามีบทบาทสำคัญ ได้แก่ ฮิวร์เรม ซุลตาน (Hürrem Sultan; ปี พ.ศ. 2546) และซีรีส์เรื่อง ศตวรรษแห่งความเกรียงไกร หรือ มูห์เตแชม ยิวซ์ยีล (Muhteşem Yüzyıl; ปี พ.ศ. 2554–2558)
อ้างอิง
- Dr Galina I Yermolenko (2013). Roxolana in European Literature, History and Culturea. Ashgate Publishing, Ltd. p. 275. ISBN 978-1-409-47611-5.
- Ukrainian Orthodox priest, Havrylo Lisowsky, father of Roxelana
- The Encyclopædia Britannica, Vol.7, Edited by Hugh Chisholm, (1911), 3; Constantinople, the capital of the Turkish Empire...
- Britannica, Istanbul:When the Republic of Turkey was founded in 1923, the capital was moved to Ankara, and Constantinople was officially renamed Istanbul in 1930.
- Ayşe Özakbaş, Hürrem Sultan, Tarih Dergisi, Sayı 36, 2000
- Ahmed, Syed Z (2001). The Zenith of an Empire : The Glory of the Suleiman the Magnificent and the Law Giver. A.E.R. Publications. p. 43. ISBN 978-0-9715873-0-4.
- Leslie P. Peirce, The imperial harem: women and sovereignty in the Ottoman Empire, Oxford University Press US, 1993, ISBN 0-19-508677-5, pp. 58-59.
- Yermolenko, G. Roxolana: "The Greatest Empress of the East". — p. 234
- Kinross, Patrick (1979). The Ottoman centuries : The Rise and Fall of the Turkish Empire. New York: Morrow. ISBN 978-0-688-08093-8.
- ↑ The Speech of Ibrahim at the Coronation of Maximilian II, Thomas Conley, Rhetorica: A Journal of the History of Rhetoric, Vol. 20, No. 3 (Summer 2002), 266.
- Kemal H. Karpat, Studies on Ottoman Social and Political History: Selected Articles and Essays, (Brill, 2002), 756.
- ↑ Elizabeth Abbott, Mistresses: A History of the Other Woman, (Overlook Press, 2010), [1].
- Öztuna, Yılmaz (1978). "Şehzade Mustafa". İstanbul: Ötüken Yayınevi. ISBN 9754371415. Missing or empty
|url=
(help) - "Historical Architectural Texture". Ayasofya Hürrem Sultan Hamamı. สืบค้นเมื่อ 19 November 2015.
- Peri, Oded. Waqf and Ottoman Welfare Policy, The Poor Kitchen of Hasseki Sultan in Eighteenth-Century Jerusalem, p. 169
- Singer, A. (2005). Serving Up Charity: The Ottoman Public Kitchen. Journal of Interdisciplainary History, 35:3, p. 486
- The Literature of the French Renaissance by Arthur Augustus Tilley, p.87 [2]
- The Penny cyclopædia of the Society for the Diffusion of Useful Knowledge p.418 [3]
- H.C. Robbins Landon (1994). Haydn: Haydn at Eszterháza, 1766-1790. Haydn: Chronicle and Works. 2. Thames and Hudson. ISBN 978-0-500-01168-3.[ต้องการหน้า]
- Frederick A. de Armas "The Allure of the Oriental Other: Titian's Rossa Sultana and Lope de Vega's La santa Liga," Brave New Words. Studies in Spanish Golden Age Literature, eds. Edward H. Friedman and Catherine Larson. New Orleans: UP of the South, 1996: 191-208.
- Religious Information Service of Ukraine
- Fowler, Suzanne (2011-03-20). "Magnificent Century divides Turkish TV viewers over the life of Süleyman". The Observer. สืบค้นเมื่อ 2011-03-20.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ร็อกเซลานา