โรงเรียนนายสิบทหารบก
โรงเรียนนายสิบทหารบก (อังกฤษ: Army Non Commissioned Officer School; ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฏ) เป็นโรงเรียนหลักที่ผลิตนายทหารชั้นประทวนให้กับกองทัพบก โดยรับสมัครผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่าโดยจะรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน ทหารกองประจำการ ทหารกองหนุน พลอาสาสมัคร (ประจำการ) และอาสาสมัครทหารพราน เข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก หลักสูตร 1 ปี และศึกษาต่อ ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการอีกจำนวน 6 เดือน จึงได้รับการแต่งตั้งยศเป็นสิบตรี
โรงเรียนนายสิบทหารบก | |
---|---|
Army Non Commissioned Officer School | |
ชื่อย่อ | รร.นส.ทบ. / NCO.RTA |
สถาปนา | 23 มิถุนายน พ.ศ. 2510 (54 ปี) |
ประเภท | สถาบันการศึกษาทางทหาร |
สังกัดการศึกษา | กรมยุทธศึกษาทหารบก |
ผู้บัญชาการ | พลตรี โฆสิตพงษ์ นิลเอก |
ที่ตั้ง | เลขที่ 8 ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฎ ถนนเพชรเกษม ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 |
สีประจำสถาบัน | สีแดง-เขียว |
เพลง | มาร์ชนักเรียนนายสิบ |
โรงเรียนนายสิบทหารบกเดิมตั้งอยู่ภายใน ค่ายธนะรัชต์ หมู่ที่ 3 ต.เขาน้อย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77160 ปัจจุบันได้ย้ายไปที่ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฎ (ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย เดิม) ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77110 ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ประวัติ
เมื่อปี พ.ศ. 2424 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับให้การศึกษาแก่ผู้ที่จะเป็นนายร้อย นายสิบ ขึ้นในกรมมหาดเล็ก โดยโรงเรียนทั้งสองแห่งต่างแยกกันดำเนินการ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่าการแยกกันดำเนินการทำให้ขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน เรียกว่า “โรงเรียนทหารสราญรมย์” และได้ตราข้อบังคับสำหรับโรงเรียนขึ้นเรียกว่า “บัญญัติโรงเรียนทหารสราญรมย์” ข้อบังคับฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิดวิชาชีพทหารขึ้นในสังคมไทย และวางรากฐานทางการทหารไว้อย่างมั่นคง นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนนายสิบ ได้มีการพัฒนาปรับปรุง และปิดอัตรารวมทั้งยุบเลิกหลายครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการทหารของประเทศ ต่อมาเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2510 กองทัพบกได้อนุมัติให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นอีกครั้ง โดยให้ขึ้นการบังคับบัญชาต่อ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีที่ตั้งปกติ ณ ค่ายธนะรัชต์ โรงเรียนนายสิบทหารบก จึงยึดถือวันที่ 23 มิ.ย. ของทุกปี เป็นวันสถาปนาของหน่วย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สำหรับการปรับปรุงหลักสูตรนับตั้งแต่การสถาปนาหน่วยขึ้นมานั้นสรุปได้ดังนี้
ปี 2511 เปิดหลักสูตรการศึกษาของนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 2 ปี โดยศึกษารวมกันที่โรงเรียนนายสิบทหารบก ในชั้นปีที่ 1 และแยกศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ ในชั้นปีที่ 2
ปี 2525 กองทัพบก ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 1 ปีศึกษาเฉพาะเหล่าทหารราบ สำหรับเหล่าทหารอื่น โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ เป็นผู้ดำเนินการจัดการฝึกศึกษาของแต่ละเหล่าเอง
ปี 2530 โรงเรียนนายสิบทหารบก ได้รับพระราชทานธงชัยเฉลิมพล เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2530
ปี 2533 กองทัพบก ได้ปิดการบรรจุกำลังพลโรงเรียนนายสิบทหารบก และแปรสภาพเป็นหน่วยฝึกกำลังพลสำรองกองทัพบก
ปี 2539 กองทัพบก กำหนดให้เปิดหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารบกอีกครั้ง เป็นหลักสูตร 2 ปี โดยศึกษารวมกันในชั้นปีที่ 1 ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก และแยกศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ ในชั้นปีที่ 2
ต่อมาในปี 2545 กองทัพบก ได้ปรับปรุงหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 1 ปี โดยศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก 10 เดือน และศึกษา ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ 2 เดือน
ปี 2550 ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก ศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 6 เดือน และศึกษา ณ รร.เหล่าสายวิทยาการ จำนวน 6 เดือน โดยแบ่งนักเรียนนายสิบ เข้ารับการศึกษา จำนวน 2 ผลัด
ปี 2559 ได้รับพระราชทานนามค่ายว่า "ค่ายโยธินศึกษามหามงกุฏ"
ปี 2562 ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก ศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 1 ปี และศึกษา ณ รร.เหล่าสายวิทยาการ จำนวน 6 เดือน โดยเข้าศึกษาพร้อมกันจำนวน 1,980 นาย โดยไม่มีการแบ่งผลัด
การแยกเหล่า
โรงเรียนนายสิบทหารบกมีโรงเรียนเหล่าสายวิทยาการให้นักเรียนเลือกไปศึกษาจำนวน 13 เหล่า ให้นักเรียนเลือกศึกษาโดยจะเรียงตามคะแนนที่ได้จากการเรียน ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก โดยแต่ละปีจะมีโค้วต้าให้ไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนเตรียมทหาร ในส่วนของ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ปีการศึกษาละ 20 นาย ส่วนนักเรียนที่คะแนนลดลงมานั้นจะมีเหล่าให้เลือกแต่ละผลัด ดังนี้
เหล่าทหาร | ผลัดที่ 1 | ผลัดที่ 2 |
---|---|---|
ทหารราบ | มี | มี |
ทหารม้า | มี | มี |
ทหารปืนใหญ่ | มี | มี |
ทหารช่าง | มี | มี |
ทหารสื่อสาร | มี | มี |
ทหารสรรพาวุธ | มี | มี |
ทหารแพทย์ | มี | ไม่มี |
ทหารขนส่ง | มี | ไม่มี |
ทหารพลาธิการ | มี | ไม่มี |
ทหารการข่าว | มี | ไม่มี |
ทหารสารวัตร | ไม่มี | มี |
ทหารการสัตว์ | ไม่มี | มี |
ทหารการเงิน | มี | มี |
ปัจจุบันโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก ศึกษา ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 1 ปี และศึกษา ณ รร.เหล่าสายวิทยาการ จำนวน 6 เดือน *โดยไม่มีการแบ่งผลัด*
สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน
ดอกจัน ที่มีลักษณะเป็นกลีบ ปลายแหลมเชื่อมติดกันเป็นแฉก ชี้ไปทุกทิศทุกทาง หมายถึงนักเรียนนายสิบที่เมื่อสำเร็จออกไปรับราชการ จะออกไปจากโรงเรียนแยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทางทั่วประเทศ เพื่อไปรับใช้ชาติ และประชาชน ลักษณะกลีบดอก หมายถึงสถาบันโรงเรียนนายสิบทหารบกที่โอบอุ้ม ผลก็คือนักเรียนนายสิบทหารบก มีความหมายเตือนใจ ไม่ให้ลืมตนว่ามาจากใหน และรำลึกถึงเกียรติยศชื่อเสียงของตนเอง รวมถึงสถาบันด้วย ความหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ลักษณะของดอกจันส่วนใหญ่มี 5 แฉกมีลักษณะคล้ายดาวเป็นเครื่องหมายยศของของนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของผู้ที่จบจากสถาบันแห่งนี้
เมื่อปี 2510 กองทัพบกได้ดำริให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นโดยเป็นหน่วยขึ่นตรงกองทัพบกฝากการบังคับบัญชาไว้กับกรมยุทธศึกษาทหารบกมีที่ตั้งในค่ายธนะรัชต์ โดยอยู่ฝั่งทิศเหนือ และศูนย์การทหารราบที่ย้ายมาจากค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มาเข้าที่ตั้งใหม่ ค่ายธนะรัชต์เช่นกัน โดยอยู่ทางทิศใต้ เพื่อตอบสนองความต้องการของกองทัพบกที่ต้องการเพิ่มกำลังพล ในการป้องกันภัยคุกคามของ ผกค. โดยให้มีขีดความสามารถในการผลิตนักเรียนนายสิบ ปีละ 2,000 นาย โดยมี พันเอก สนาน คงพันธ์ เป็นผู้บังคับการในพื้นที่โรงเรียนนายสิบแห่งใหม่ ในค่ายธนะรัชต์ก็ยังคงมีต้นจันขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง อยู่ใกล้โรงเลี้ยงด้านเขาฉลักฉลามให้สืบทอดเป็นตำนาน ต่อมาไม่นานต้นจันต้นนี้ก็ถึงกาลตามอายุขัยได้ตายลงไป หลังจากนั้นก็ปิดการบรรจุอัตราการจัดเฉพาะกิจ 4150 แปรสภาพเป็นโรงเรียนการกำลังสำรอง กรมการกำลังสำรอง ในปี 2533
ในปี 2539 พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร ผู้บัญชาการทหารบก ได้ดำริให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเป็นสถาบันหลักในการผลิตนายทหารชั้นประทวน เพื่อให้เกิดผลดีแก่กองทัพในการที่มีนายทหารชั้นประทวนที่ถือกำเนิดจากสถาบันเดียวกัน โดยผลิตนักเรียนนายสิบรุ่นที่ 1 ในเดือนพฤษภาคม 2540 เพื่อเป็นการสืบสานตำนานดอกจัน และต้นไม้ประจำสถาบัน พันเอก ศุภฤกษ์ ไม้แก้ว ปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับการกรมนักเรียน โรงเรียนนายสิบทหารบก ได้ดำเนินการปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่บริเวณรอบ ๆ สนามกลางของโรงเรียนนายสิบทหารบก จำนวน 47 ต้น โดยเรียนเชิญผู้บัญชาการทหารบก พลเอก เชษฐา ฐานะจาโร ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยม เมื่อเดือนสิงหาคม 2540 เป็นประธานในการปลูกต้นจัน ต้นจันที่ปลูกขึ้นมาใหม่กำลังเจริญเติบโตงอกงามให้ผลเหลืองอร่ามสวยงาม มีกลิ่นหอมชื่นใจ โรงเรียนนายสิบทหารบกก็ยังคงเป็นสถาบันที่มีประสิทธิภาพให้ผลผลิตคือนายทหารประทวนที่มีความรู้ความสามารถให้กับกองทัพบกเพื่อชาติ และประชาชนต่อไป
ความหมายของตราโรงเรียน
ประกอบไปด้วย
- จัก และคบเพลิง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งจักร หมายถึง กองทัพบก
- คบเพลิง หมายถึง แสงสว่างของปัญญา ความรู้
- ดอกจัน คือ นักเรียนนายสิบทหารบก
- แพรแถบที่ระบุนามหน่วย หมายถึง โรงเรียนนายสิบทหารบก ที่หน่วยขึ้นตรงของกรมยุทธศึกษาทหารบก
การแบ่งกองร้อย
สัญลักษณ์ประจำกองร้อยนักเรียนนายสิบ ในปี พ.ศ. 2540 กองทัพบกได้อนุมัติให้เปิดการเรียน การสอน นนส.ขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ผบ.ทบ. (พล.อ. เชษฐา ฐานะจาโร) ดำริว่านายทหารประทวนใน ทบ. ควรจะมาจากสถาบันเดียวกัน เพื่อจะได้มีความรักใคร่กลมเกลียวมีรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อให้เกิดความรักความสามัคคี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานอันจะเป็นผลดีแก่กองทัพ
ในการเปิดหลักสูตร นนส. ในปี 2540 อันเป็นรุ่นที่ 1 นั้น ทบ. ได้มอบหมายให้ ยศ.ทบ. และ ศร. ดำเนินการเป็นหน่วยรับผิดชอบ ศร. ให้การสนับสนุนบุคลากร สถานที่ และยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ นขต.ทบ.ให้การสนับสนุนกำลังพลมาช่วยราชการเพื่อร่วมกันฝึก นนส. รุ่นนี้จนกว่าจะมีการอนุมัติ อฉก. 4150 และบรรจุกำลังพลในปีต่อมา นนส. รุ่นที่ 1 มีจำนวน 1009 นาย (ทบ. 1000 นาย, บก.สส. 9 นาย) มีกรมนักเรียนเป็นหน่วยปกครองบังคับบัญชา ประกอบด้วย กองพัน นนส. 2 กองพัน ๆ ละ 4 กองร้อย รวม 8 กองร้อย หนึ่งกองร้อยมี นนส. จำนวน 126 – 127 นาย
จก.ยศ.ทบ. พล.ท.ปรีชา แคล้วปลอดทุกข์ (ยศในขณะนั้น) ได้ให้นโยบายในการปกครอง นนส. ว่า ควรจะกำหนดสีประจำหน่วย (กองร้อย) พร้อมทั้งกำหนดสัญลักษณ์ไว้เป็นธงประจำกองร้อย เพื่อให้เป็นที่รวมจิตใจ ดำรงความเป็นหน่วย สร้างความรัก ความสามัคคีให้เกิดขึ้นเป็น GROUP UNITY รร.นส.ทบ. จึงได้ดำเนินการจัดทำธงประจำกองร้อยขึ้นมา และกำหนดสัตว์สัญลักษณ์ให้กับกองร้อย นนส. ทั้ง 8 กองร้อย ขึ้น ซึ่งสัตว์ที่กำหนดเป็นสัญลักษณ์ประจำหน่วยดังกล่าว เป็นสัตว์ที่มีลักษณะเด่น เป็นเอกลักษณ์ที่ควรปลูกฝังให้มีในคุณลักษณะทหาร หรือแนวคิดในการต่อสู้ทางยุทธวิธี
ปัจจุบันโรงเรียนนายสิบทหารบก ได้แบ่งกองพันนักเรียน 3 กองพัน กองร้อยนักเรียน 12 กองร้อย และแต่ละกองร้อยจะมีสัตว์ที่เป็นชื่อเรียกกองร้อยแต่ละกองร้อยดังนี้
- พัน 1 ร้อย 1 (ร้อยกระทิง)
- พัน 1 ร้อย 2 (ร้อยสิงโต)
- พัน 1 ร้อย 3 (ร้อยอินทรี)
- พัน 1 ร้อย 4 (ร้อยคชสาร)
- พัน 2 ร้อย 1 (ร้อยจงอาง)
- พัน 2 ร้อย 2 (ร้อยฉลาม)
- พัน 2 ร้อย 3 (ร้อยจระเข้)
- พัน 2 ร้อย 4 (ร้อยอาชา)
- พัน 3 ร้อย 1 (ร้อยเสือโคร่ง)
- พัน 3 ร้อย 2 (ร้อยเลียงผา)
- พัน 3 ร้อย 3 (ร้อยผึ้งหลวง)
- พัน 3 ร้อย 4 (ร้อยหมูป่า)
สถานที่ท่องเที่ยว
- อุทยานราชภักดิ์ ที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีต โดยปัจจุบันมี 7 พระองค์
- สวนสนประดิพัทธ์ สถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบก
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ