fbpx
วิกิพีเดีย

การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง

การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรตองอูและอาณาจักรอยุธยา อันเป็นผลมาจากความต้องการของพระเจ้าบุเรงนองซึ่งต้องการได้กรุงศรีอยุธยาเป็นประเทศราช และอาจถือได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามช้างเผือก ในปี พ.ศ. 2106 ที่ทรงตีกรุงศรีอยุธยาไม่สำเร็จ

การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่หนึ่ง
เป็นส่วนหนึ่งของ สงครามพม่า–สยาม

ช้างศึกในช่วงสงครามพม่า-สยามตอนปลาย
วันที่ พ.ศ. 2111-2112
สถานที่ อยุธยา, พิษณุโลก, ล้านช้าง และ กำแพงเพชร
ผลลัพธ์ อาณาจักรตองอูได้รับชัยชนะ; กรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอู; พระบรมวงศานุวงศ์ส่วนหนึ่งถูกนำไปยังพม่า
คู่ขัดแย้ง
อาณาจักรอยุธยา
อาณาจักรล้านช้าง
อาณาจักรตองอู
รวมถึงพื้นที่ควบคุม:
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
สมเด็จพระมหินทราธิราช  (เชลย)
สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช
พระเจ้าบุเรงนอง
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
ตะโดเมงสอ
พญาทะละ
กองทัพ
กองทัพหลวงบกสยาม
กองทัพหลวงเรือสยาม
ทหารล้านช้าง
กองทัพอาณาจักรพม่า
กำลัง
ไม่ทราบ กองทัพพม่า

54,600 นาย, ทหารม้า 5,300 นาย และทหารช้าง 530 นาย
ร่วมกับกองทัพพิษณุโลก:
มากกว่า 70,000 นาย

กำลังพลสูญเสีย
สยาม
ไม่ทราบ
ล้านช้าง
ทหาร 30,000 นาย และช้าง 100 เชือก
ไม่ทราบ

ความขัดแย้งภายในกรุงศรีอยุธยาระหว่างสมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับเจ้าเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งมีพระทัยฝักใฝ่พม่า ได้นำไปสู่ความพินาศของกรุงศรีอยุธยาในที่สุด จนกระทั่ง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงประกาศอิสรภาพให้กับอาณาจักรอยุธยาในอีก 15 ปีต่อมา

เบื้องหลัง

พระเทียรราชาขึ้นครองราชย์

หลังจากพระเทียรราชาขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระองค์ได้ทรงสถาปนาขุนพิเรนทรเทพ ซึ่งเป็นราชนิกูลข้างพระราชมารดาแต่เดิมขึ้นเป็นเจ้า ทรงนามว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช กรุงหงสาวดีเห็นว่าเป็นช่วงผลัดแผ่นดินจึงบุกโจมตีกรุงศรีอยุธยา เรียกว่าสงครามพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทราบจึงทรงนำทัพออกต้านศึก และในขณะที่พระมหาจักรพรรดิทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปรอยู่ ช้างพระที่นั่งของพระมหาจักรพรรดิก็เสียที ทำให้พระเจ้าแปรไล่ชน แต่สมเด็จพระสุริโยทัยได้นำช้างมาขวาง ทำให้พระศรีสุริโยทัยเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นกรุงศรีอยุธยาก็ส่งเรือรบไปยิงค่ายพม่า ทำให้พม่าต้องถอยทัพกลับหงสาวดี เมื่อกลับถึงเมืองพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้กลับยึดติดกับการตีกรุงศรีอยุธยาไม่ได้จึงทรงติดสุราอย่างหนักจนออกว่าราชการไม่ได้ ต้องให้บุเรงนองผู้เป็นพระญาติเป็นผู้สำเร็จราชการแทน

หลังพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ถูกลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าบุเรงนองได้ครองหงสาวดี และก็นำกองทัพเข้ากรุงศรีอยุธยาหมายจะตีอยุธยา เรียกว่าสงครามช้างเผือก ตอนแรกทรงส่งสาส์นมาขอช้างเผือก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ส่งพระราชสาส์นตอบกลับไปว่า "ถ้าประสงค์จะได้ช้างเผือกก็ให้เสด็จมาเอาโดยพระองค์เองเถิด" ทำให้พระเจ้าบุเรงนองถือเอาสาส์นนี้เป็นเหตุยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา

สงครามช้างเผือก

ในปี พ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนองทรงยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา โดยเข้ามาทางด่านแม่ละเมา กำลังประมาณ 500,000 คนพร้อมด้วยช้าง ม้า และอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก โดยยกเข้ามาทางเมืองตาก ด้วยกำลังมากกว่าสามารถยึดหัวเมืองเหนือได้เกือบทั้งหมดโดยสะดวกจนมาถึงเมืองพิษณุโลก พระมหาธรรมราชาได้ทรงสู้เป็นสามารถและทำการป้องกันเมืองอย่างดี พระเจ้าบุเรงนองจึงขอเจรจา พระมหาธรรมราชาจึงส่งพระสงฆ์จำนวน 4 รูป เพื่อทำการเจรจาแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งในเมืองยังขาดเสบียง และเกิดไข้ทรพิษระบาดขึ้นในเมือง ด้วยสมเด็จพระมหาธรรมราชาเกรงว่าหากขืนสู้รบต่อไปด้วยกำลังคนที่น้อยกว่าอาจทำให้เมืองเมืองพิษณุโลกถูกทำลายลงเหมือนกับหัวเมืองเหนืออื่น ๆ ก็เป็นได้ พระมหาธรรมราชาจึงยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้าบุเรงนอง

พระเจ้าบุเรงนองทรงบังคับให้พระมหาธรรมราชาและเจ้าเมืองอื่น ๆ ถือน้ำกระทำสัตย์ให้อยู่ใต้บังคับของพม่าทำให้พิษณุโลกต้องแปรสภาพเป็นเมืองประเทศราชของหงสาวดีและไม่ขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา แล้วให้พระธรรมราชาครองเมืองพิษณุโลกดังเดิม แต่อยู่ในฐานะเป็นหัวเมืองประเทศราชของหงสาวดี พระเจ้าบุเรงนองทรงขอพระนเรศวรไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดีในปี พ.ศ. 2107 พร้อมทั้งสั่งให้ยกทัพตามลงมาเพื่อตีกรุงศรีฯด้วย

พระองค์รบชนะทัพอยุธยาที่ชัยนาท และลงมาตั้งค่ายล้อมพระนครทั้ง 4 ทิศ กองทัพพม่ายกมาประชิดเขตเมืองใกล้ทุ่งลุมพลี พระมหาจักรพรรดิทรงให้กองทัพบก และกองทัพเรือระดมยิงใส่พม่าเป็นสามารถ แต่สู้ไม่ได้จึงถอย ทางพม่าจึงยึดได้ป้อมพระยาจักรี (ทุ่งลุมพลี) ป้อมจำปา ป้อมพระยามหาเสนา (ทุ่งหันตรา) แล้วล้อมกรุงศรีฯอยู่นาน พระมหาจักรพรรดิทรงเห็นว่าพม่ามีกำลังมาก การที่จะออกไปรบเพื่อเอาชัยคงจะยากนัก จึงทรงสั่งให้เรือรบนำปืนใหญ่ล่องไปยิงทหารพม่าเป็นการถ่วงเวลาให้ เสบียงอาหารหมดหรือเข้าฤดูน้ำหลากพม่าคงจะถอยไปเอง แต่พม่าได้เตรียมเรือรบ และปืนใหญ่มาจำนวนมากยิงใส่เรือรบไทยพังเสียหายหมด แล้วตั้งปืนใหญ่ยิงเข้ามาในพระนครทุกวัน ถูกชาวบ้านล้มตาย บ้านเรือน วัด เสียหายเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าพม่าจะยิงปืนใหญ่เข้าสู่พระนครเป็นระยะ ๆ แต่ก็ไม่สามารถเข้าสู่ตัวเมืองได้

พระเจ้าบุเรงนองจึงมีพระราชสาส์นให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเลือกจะรบให้รู้แพ้รู้ชนะหรือเลือกยอมสงบศึก โดยที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเลือกสงบศึก อยุธยาจึงต้องยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพม่า โดยมอบช้างเผือก 4 ช้างให้แก่พม่า มอบตัวบุคคลที่คัดค้านไม่ให้ส่งช้างเผือกแก่พม่าเมื่อครั้งก่อนสงครามช้างเผือก ได้แก่ พระราเมศวร เจ้าพระยาจักรีมหาเสนา และพระสมุทรสงคราม ไปเป็นตัวประกัน ส่งช้างให้แก่พม่าปีละ 30 เชือก ส่งเงินให้แก่พม่าปีละ 300 ชั่ง และให้พม่ามีสิทธิเก็บภาษีอากรในเมืองมะริด โดยมีการเจรจาขึ้นบริเวณสถานที่ประทับชั่วคราวระหว่างวัดพระเมรุสาธิการรามกับวัดหัศดาวาส โดยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงต่อรองขอดินแดนของอยุธยาทั้งหมดที่พระเจ้าบุเรงนองยึดไว้คืน พระเจ้าบุเรงนองก็ถวายคืนแต่โดยดี จากนั้นพม่าก็ถอยกลับไปหงสาวดี

ถึงแม้ว่าพม่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงดังนี้ แต่พระเจ้าบุเรงนองยังไม่ทรงประสบความสำเร็จในการได้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองประเทศราช ดังนั้น พระเจ้าบุเรงนองจึงทรงพยายามดำริหาวิธีในการเอาชนะกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะมารบอีกครั้งหนึ่ง

พระมหาธรรมราชาเอาพระทัยออกห่าง

พระมหาธรรมราชาทรงแสดงท่าทีฝักใฝ่พม่าตั้งแต่ระยะหลังสงครามช้างเผือกแล้ว โดยทรงยินยอมส่งกำลังทหารไปช่วยพระเจ้าบุเรงนองล้อมเมืองเชียงใหม่ตามที่ติดต่อมา ราวปี พ.ศ. 2108 พระมหาธรรมราชาทรงส่งข่าวเรื่องการพระราชทานพระเทพกษัตรีแก่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 แห่งอาณาจักรล้านช้าง แต่ถูกกองทัพพม่าดักชิงตัวไปกลางทาง ทำให้การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับล้านช้างล้มเหลวลง

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบก็ทรงเสียพระทัย จึงเสด็จไปประทับที่วังหลัง ให้พระมหินทร์พระโอรสว่าราชการแทน เมื่อพระชนมายุประมาณ 59 พรรษา ต่อมาได้เสด็จออกผนวชใน พ.ศ. 2109 โดยมีข้าราชการออกบวชด้วยจำนวนมาก โดยพระมหินทร์ พระราชโอรสทรงได้ว่าราชการแทน ต่อมาทรงมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกับพระมหาธรรมราชาจนเกิดความร้าวฉานระหว่างพิษณุโลกกับกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากพระองค์สมคบพระไชยเชษฐากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างยกทัพไปตีเมืองพิษณุโลกเพื่อกำจัดพระมหาธรรมราชา จนพระองค์มิอาจรั้งราชการแผ่นดิน จึงทูลเชิญให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาผนวชหลังจากที่ผนวชได้ไม่นาน แล้วกลับมาว่าราชการตามเดิม

ก่อนเสียกรุง

ต่อมาพระมหาธรรมราชาเสด็จไปเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองในปี พ.ศ. 2108 โดยทรงกล่าวโทษว่าอยุธยาวางแผนกำจัดพระองค์ พระเจ้าบุเรงนองจึงให้พระมหาธรรมราชาเป็นเจ้าเมืองประเทศราช ทรงพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ เจ้าฟ้าพิษณุโลก หรือ เจ้าฟ้าสองแคว อันอยู่ในฐานะกบฏต่ออาณาจักรอยุธยา

พระมหาจักรพรรดิกับพระมหินทร์เสด็จขึ้นไปเมืองพิษณุโลก ในขณะที่พระมหาธรรมราชาเสด็จไปหงสาวดีแล้วนำพระวิสุทธิกษัตรี พร้อมด้วยพระเอกาทศรถมาอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา เมื่อพระมหาธรรมราชาทราบเรื่องจึงให้ไปเข้ากับหงสาวดีอย่างเปิดเผย ถึงแม้ว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจะทรงนำพระชายา พระโอรสและพระธิดาของพระมหาธรรมราชาลงมายังอยุธยา โดยหวังว่าพระมหาธรรมราชาจะไม่ทรงกล้าดำเนินการใด ๆ ต่อกรุงศรีอยุธยา แต่ก็การณ์มิได้เป็นเช่นนั้น เมื่อพระมหาธรรมราชาเมื่อทราบว่าพระอัครชายาและโอรสธิดาถูกจับเป็นองค์ประกันก็ทรงวิตกยิ่งนัก แล้วรีบส่งสาสน์ไปยังพระเจ้าบุเรงนองให้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา

ก่อนการเสียกรุง พ.ศ. 2112 พระมหาธรรมราชาได้ทรงส่งกองทัพมาร่วมล้อมกรุงศรีอยุธยาร่วมกับทัพใหญ่ของพระเจ้าบุเรงนองด้วย และได้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญในกองทัพพม่าด้วย และในปี พ.ศ. 2112 พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 แห่งล้านช้างทรงส่งกองทัพเข้าช่วยเหลือกรุงศรีอยุธยา พระมหาธรรมราชาก็ทรงปลอมเอกสารลวงให้กองทัพล้านช้างนำทัพผ่านบริเวณที่ทหารพม่าคอยดักอยู่ กองทัพล้านช้างจึงแตกพ่ายกลับไป

การเตรียมการของฝ่ายอยุธยา

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงให้เตรียมการป้องกันบ้านเมืองเพิ่มเติม ดังนี้

  1. สร้างป้อมและหอรบเพิ่มเติม โดยหอรบอยู่ห่างกันหอละ 40 เมตร รวมทั้งเสริมกำแพงให้แข็งแกร่งขึ้น
  2. จัดปืนใหญ่ไว้ตามกำแพงเมืองเป็นจำนวนมาก โดยห่างกันเพียงกระบอกละ 10 เมตร
  3. โปรดให้สร้างแนวกำแพงขึ้นใหม่โดยให้ชิดกับคูเมืองทุกด้าน
  4. ให้สร้างหอรบไว้กลางลำน้ำที่เป็นคูเมืองแล้วเอาปืนใหญ่ติดตั้งไว้บนนั้น

ลำดับเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา

พระเจ้าบุเรงนองทรงนำทัพเข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2111 ยกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก รวมทั้งหมด 7 ทัพ ประกอบด้วย พระมหาอุปราชา เจ้าเมืองแปร เจ้าเมืองตองอู เจ้าเมืองอังวะ เจ้าเมืองเชียงใหม่ และเชียงตุง เข้ามาทางเมืองกำแพงเพชร โดยได้เกณฑ์หัวเมืองทางเหนือรวมทั้งเมืองพิษณุโลกมาร่วมสงครามด้วย รวมจำนวนได้กว่า 500,000 นาย ยกทัพลงมาถึงพระนครในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน โดยให้พระมหาธรรมราชาเป็นกองหลังดูแลคลังเสบียง ทัพพระเจ้าบุเรงนองก็ตั้งค่ายรายล้อมพระนครอยู่ไม่ห่าง การตั้งรับภายในพระนครส่งผลให้มีการระดมยิงปืนใหญ่ของข้าศึกทำลายอาคารบ้านเรือนอยู่ตลอด ทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก

ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาเมื่อทราบว่าหัวเมืองทางเหนือเป็นของพม่าแล้ว จึงเตรียมรบอยู่ที่พระนคร นำปืนนารายณ์สังหารยิงไปยังกองทัพพระเจ้าหงสาวดีที่ตั้งอยู่บริเวณทุ่งลุมพลี ถูกทหาร ช้าง ม้าล้มตายจำนวนมาก พม่าจึงถอยทัพมาตั้งที่บ้านพราหมณ์ให้พ้นทางปืน แล้วพระเจ้าหงสาวดีจึงเรียกประชุมการศึก พระมหาอุปราชเห็นสมควรให้ยกทัพเข้าตีไทยทุกด้านเพราะมีกำลังมากกว่า แต่พระเจ้าหงสาวดีไม่เห็นด้วยเพราะกรุงศรีอยุธยามีทำเลดีมีน้ำล้อมรอบ จึงสั่งให้ตีเฉพาะด้านตะวันออกเพราะคูเมืองแคบที่สุด พม่าพยายามจะทำสะพานข้ามคูเมืองโดยนำดินมาถมเป็นสะพาน พระมหาเทพนายกองรักษาด่านอย่างเต็มสามารถ โดยให้ทหารไทยใช้ปืนยิงทหารพม่าที่ขนดินถมเป็นสะพานเข้ามา ทำให้พม่าล้มตายจำนวนมากจึงถอยข้ามคูกลับไป

พระเจ้าบุเรงนองทรงพยายามโจมตีอยู่นานจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2112 ก็ยังไม่ได้กรุงศรีอยุธยา อีกทั้งยังสูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงพยายามเปลี่ยนที่ตั้งค่ายอยู่หลายระยะ โดยในภายหลังทรงย้ายค่ายเข้าไปใกล้กำแพงเมืองจนทำให้สูญเสียพลอย่างมาก ระหว่างการสงครามสมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและสวรรคตในเวลาต่อมา สมเด็จพระมหินทร์ขึ้นครองราชและทรงบัญชาการรบแทน

พระเจ้าบุเรงนองจึงถามพระมหาธรรมราชาว่าจะ ทำอย่างไรให้ชนะศึกโดยเร็ว พระมหาธรรมราชาทรงแนะว่าพระยารามเป็นแม่ทัพสำคัญหากได้ตัวมาการยึดพระนครจักสำเร็จ จึงมีสาสน์มาถึงพระอัครชายาว่า "...การศึกเกิดจากพระยารามที่ยุยงให้พี่น้องต้องทะเลาะกัน ถ้าส่งตัวพระยารามมา ให้พระเจ้าหงสาวดีจะยอมเป็นไมตรี..." สมเด็จพระมหินทร์ฯทรงอ่านสาสน์แล้ว ปรึกษากับข้าราชการต่าง ๆ จึงเห็นสมควรสงบศึกเพราะผู้คนล้มตายกันมากแล้ว สมเด็จพระมหินทร์ฯมีรับสั่งให้ส่งพระสังฆราชออกไปเจรจาและส่งตัวพระยารามให้พระเจ้าบุเรงนองเพื่อเป็นไมตรี แต่พระเจ้าบุเรงนองตระบัดสัตย์ไม่ยอมเป็นไมตรี ทำให้สมเด็จพระมหินทร์ฯทรงพิโรธโกรธแค้นในการกลับกลอกของพระเจ้าบุเรงนองอย่างมาก มีรับสั่งให้ขุนศึกทหารทั้งปวงรักษาพระนครอย่างเข้มแข็ง พระเจ้าบุเรงนองเห็นว่ายังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาไม่ได้ จึงส่งพระมหาธรรมราชามาเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ แต่ถูกทหารไทยเอาปืนไล่ยิงจนต้องหนีกลับไป

พระเจ้าหงสาวดีจึงคิดอุบายจะใช้พระยาจักรีที่จับตัวได้เป็นประกันเมื่อครั้งสงครามช้างเผือกเป็นไส้ศึก จึงให้พระมหาธรรมราชาทรงเกลี้ยกล่อมพระยาจักรีให้เป็นไส้ศึกในกรุงศรีอยุธยา แล้วแกล้งปล่อยตัวออกมา รุ่งเช้าพม่าทำทีเป็นตามหาแต่ไม่พบเลยจับตัวผู้คุมมาตัดหัวเสียบไว้ริมแม่น้ำเพื่อให้ไทยหลงกล

สมเด็จพระมหินทร์ฯทรงดีพระทัยที่พระยาจักรีหนีมาได้จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาการรบแทนที่พระยาราม ครั้นพระยาจักรีได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาพระนครแล้วจึงดำเนินการสับเปลี่ยนหน้าที่ของฝ่ายต่าง ๆ จนกระทั่งการป้องกันพระนครอ่อนแอลง พระยาจักรีได้ใส่ร้ายให้พระศรีสาวราชว่าเป็นกบฏจึงถูกสำเร็จโทษ เมื่อเห็นว่าได้เวลาอันควรพระยาจักรีจึงให้สัญญาณแก่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทุกด้าน และทำให้กองทัพพม่าเข้าสู่พระนครสำเร็จโดยใช้เวลาเพียง 1 เดือน

ในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 (เดือน 9 ไทย) พระยาจักรีจึงให้สัญญาณแก่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาและเปิดประตูเมือง ทำให้ทัพพม่าเข้ายึดพระนครสำเร็จ กรุงศรีอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอู

หลังสงคราม

พระเจ้าบุเรงนองประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยาจนกระทั่ง วันศุกร์ขึ้นหกค่ำ เดือนสิบสอง ปีมะเส็ง พ.ศ. 2112 ได้อภิเษกให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา ในฐานะประเทศราช ทรงพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญที่ 1 บางแห่งเรียก พระสุธรรมราชา

สมเด็จพระมหินทราธิราช พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางน้อยใหญ่ ได้ถูกนำไปกรุงหงสาวดีด้วยแต่สมเด็จพระมหินทร์ประชวรและสวรรคตระหว่างทางไปกรุงหงสาวดี

พม่าเข้ายึดทรัพย์สินและกวาดต้อนผู้คนกลับไปพม่าเป็นจำนวนมาก โดยเหลือให้รักษาเมืองเพียง 1,000 คน คนที่เหลือก็หนีไปหลบอาศัยอยู่ที่อื่น บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายได้รับความเสียหายเป็นอันมาก อาณาจักรอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอูเป็นเวลานาน 15 ปี

อ้างอิง

  1. Hmannan 2003, pp. 402–403.
  2. Harvey 1925, p. 334.
  3. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 219.
  4. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 220.
  5. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 217-218.
  6. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 218.
  7. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 220-221.
  8. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 222.
  9. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 221.
  10. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 224.
  11. ดนัย ไชยโยธา. หน้า 225.

บรรณานุกรม

  • ดนัย ไชยโยธา. (2543). พัฒนาการของมนุษย์กับอารยธรรมในราชอาณาจักรไทย เล่ม ๑. โอ.เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์.

ดูเพิ่ม

การเส, ยกร, งศร, อย, ธยาคร, งท, หน, บทความน, องการการจ, ดหน, ดหมวดหม, ใส, งก, ภายใน, หร, อเก, บกวาดเน, อหา, ให, ณภาพด, ณสามารถปร, บปร, งแก, ไขบทความน, ได, และนำป, ายออก, จารณาใช, ายข, อความอ, นเพ, อช, ดข, อบกพร, อง, เป, นส, วนหน, งของความข, ดแย, งระหว, างอาณาจ. bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxngkaresiykrungsrixyuthyakhrngthihnung epnswnhnungkhxngkhwamkhdaeyngrahwangxanackrtxngxuaelaxanackrxyuthya xnepnphlmacakkhwamtxngkarkhxngphraecabuerngnxngsungtxngkaridkrungsrixyuthyaepnpraethsrach 3 aelaxacthuxidwaepnphlsubenuxngmacaksngkhramchangephuxk inpi ph s 2106 thithrngtikrungsrixyuthyaimsaerc 4 karesiykrungsrixyuthyakhrngthihnungepnswnhnungkhxng sngkhramphma syamchangsukinchwngsngkhramphma syamtxnplaywnthi ph s 2111 2112sthanthi xyuthya phisnuolk lanchang aela kaaephngephchrphllphth xanackrtxngxuidrbchychna krungsrixyuthyatkepnemuxngkhunkhxngxanackrtxngxu phrabrmwngsanuwngsswnhnungthuknaipyngphmakhukhdaeyngxanackrxyuthya xanackrlanchang xanackrtxngxu rwmthungphunthikhwbkhum xanackrlanna suokhthyphubychakarhruxphunasmedcphramhackrphrrdi smedcphramhinthrathirach echly smedcphraichyechsthathirach phraecabuerngnxng smedcphramhathrrmrachathirachtaodemngsxphyathalakxngthphkxngthphhlwngbksyam kxngthphhlwngeruxsyam thharlanchang kxngthphxanackrphmakalngimthrab kxngthphphma 54 600 nay thharma 5 300 nay aelathharchang 530 nay 1 rwmkbkxngthphphisnuolk makkwa 70 000 nay 2 kalngphlsuyesiysyam imthrab lanchang thhar 30 000 nay aelachang 100 echuxk imthrabkhwamkhdaeyngphayinkrungsrixyuthyarahwangsmedcphramhackrphrrdikbecaemuxngphisnuolk smedcphramhathrrmracha sungmiphrathyfkifphma idnaipsukhwamphinaskhxngkrungsrixyuthyainthisud 3 cnkrathng smedcphranerswrmharachthrngprakasxisrphaphihkbxanackrxyuthyainxik 15 pitxma enuxha 1 ebuxnghlng 1 1 phraethiyrrachakhunkhrxngrachy 1 1 1 sngkhramchangephuxk 1 2 phramhathrrmrachaexaphrathyxxkhang 1 3 kxnesiykrung 1 4 karetriymkarkhxngfayxyuthya 2 ladbehtukarnesiykrungsrixyuthya 3 hlngsngkhram 4 xangxing 5 brrnanukrm 6 duephimebuxnghlng aekikhphraethiyrrachakhunkhrxngrachy aekikh hlngcakphraethiyrrachakhunkhrxngrachy thrngphranamwa smedcphramhackrphrrdi phraxngkhidthrngsthapnakhunphiernthrethph sungepnrachnikulkhangphrarachmardaaetedimkhunepneca thrngnamwa smedcphramhathrrmrachathirach krunghngsawdiehnwaepnchwngphldaephndincungbukocmtikrungsrixyuthya eriykwasngkhramphraecataebngchewti emuxphramhackrphrrdithrngthrabcungthrngnathphxxktansuk aelainkhnathiphramhackrphrrdithrngkrathayuththhtthikbphraecaaeprxyu changphrathinngkhxngphramhackrphrrdikesiythi thaihphraecaaeprilchn aetsmedcphrasurioythyidnachangmakhwang thaihphrasrisurioythyesdcswrrkht hlngcaknnkrungsrixyuthyaksngeruxrbipyingkhayphma thaihphmatxngthxythphklbhngsawdi emuxklbthungemuxngphraecataebngchaewtiklbyudtidkbkartikrungsrixyuthyaimidcungthrngtidsuraxyanghnkcnxxkwarachkarimid txngihbuerngnxngphuepnphrayatiepnphusaercrachkaraethnhlngphraecataebngchaewtithuklxbplngphrachnm phraecabuerngnxngidkhrxnghngsawdi aelaknakxngthphekhakrungsrixyuthyahmaycatixyuthya eriykwasngkhramchangephuxk txnaerkthrngsngsasnmakhxchangephuxk smedcphramhackrphrrdiidsngphrarachsasntxbklbipwa thaprasngkhcaidchangephuxkkihesdcmaexaodyphraxngkhexngethid thaihphraecabuerngnxngthuxexasasnniepnehtuykthphekhamatikrungsrixyuthya sngkhramchangephuxk aekikh inpi ph s 2106 phraecabuerngnxngthrngykthphekhamatikrungsrixyuthya odyekhamathangdanaemlaema kalngpraman 500 000 khnphrxmdwychang ma aelaxawuthyuthothpkrncanwnmak odyykekhamathangemuxngtak dwykalngmakkwasamarthyudhwemuxngehnuxidekuxbthnghmdodysadwkcnmathungemuxngphisnuolk phramhathrrmrachaidthrngsuepnsamarthaelathakarpxngknemuxngxyangdi phraecabuerngnxngcungkhxecrca phramhathrrmrachacungsngphrasngkhcanwn 4 rup ephuxthakarecrcaaetimepnphlsaerc xikthnginemuxngyngkhadesbiyng aelaekidikhthrphisrabadkhuninemuxng dwysmedcphramhathrrmrachaekrngwahakkhunsurbtxipdwykalngkhnthinxykwaxacthaihemuxngemuxngphisnuolkthukthalaylngehmuxnkbhwemuxngehnuxxun kepnid phramhathrrmrachacungyxmxxnnxmtxphraecabuerngnxngphraecabuerngnxngthrngbngkhbihphramhathrrmrachaaelaecaemuxngxun thuxnakrathastyihxyuitbngkhbkhxngphmathaihphisnuolktxngaeprsphaphepnemuxngpraethsrachkhxnghngsawdiaelaimkhuntxkrungsrixyuthya aelwihphrathrrmrachakhrxngemuxngphisnuolkdngedim aetxyuinthanaepnhwemuxngpraethsrachkhxnghngsawdi phraecabuerngnxngthrngkhxphranerswripepnxngkhpraknthihngsawdiinpi ph s 2107 phrxmthngsngihykthphtamlngmaephuxtikrungsridwyphraxngkhrbchnathphxyuthyathichynath aelalngmatngkhaylxmphrankhrthng 4 this kxngthphphmaykmaprachidekhtemuxngiklthunglumphli phramhackrphrrdithrngihkxngthphbk aelakxngthpheruxradmyingisphmaepnsamarth aetsuimidcungthxy thangphmacungyudidpxmphrayackri thunglumphli pxmcapa pxmphrayamhaesna thunghntra aelwlxmkrungsrixyunan phramhackrphrrdithrngehnwaphmamikalngmak karthicaxxkiprbephuxexachykhngcayaknk cungthrngsngiheruxrbnapunihylxngipyingthharphmaepnkarthwngewlaih esbiyngxaharhmdhruxekhavdunahlakphmakhngcathxyipexng aetphmaidetriymeruxrb aelapunihymacanwnmakyingiseruxrbithyphngesiyhayhmd aelwtngpunihyyingekhamainphrankhrthukwn thukchawbanlmtay baneruxn wd esiyhayepnxyangmak aetthungaemwaphmacayingpunihyekhasuphrankhrepnraya aetkimsamarthekhasutwemuxngidphraecabuerngnxngcungmiphrarachsasnihsmedcphramhackrphrrdithrngeluxkcarbihruaephruchnahruxeluxkyxmsngbsuk odythismedcphramhackrphrrdithrngeluxksngbsuk 5 xyuthyacungtxngyxmptibtitamkhxeriykrxngkhxngphma odymxbchangephuxk 4 changihaekphma mxbtwbukhkhlthikhdkhanimihsngchangephuxkaekphmaemuxkhrngkxnsngkhramchangephuxk idaek phraraemswr ecaphrayackrimhaesna aelaphrasmuthrsngkhram ipepntwprakn 6 sngchangihaekphmapila 30 echuxk sngenginihaekphmapila 300 chng aelaihphmamisiththiekbphasixakrinemuxngmarid 6 odymikarecrcakhunbriewnsthanthiprathbchwkhrawrahwangwdphraemrusathikarramkbwdhsdawas 3 odysmedcphramhackrphrrdithrngtxrxngkhxdinaednkhxngxyuthyathnghmdthiphraecabuerngnxngyudiwkhun phraecabuerngnxngkthwaykhunaetodydi caknnphmakthxyklbiphngsawdithungaemwaphmacaidrbpraoychncakkhxtklngdngni aetphraecabuerngnxngyngimthrngprasbkhwamsaercinkaridkrungsrixyuthyaepnemuxngpraethsrach 3 dngnn phraecabuerngnxngcungthrngphyayamdarihawithiinkarexachnakrungsrixyuthya kxnthicamarbxikkhrnghnung phramhathrrmrachaexaphrathyxxkhang aekikh phramhathrrmrachathrngaesdngthathifkifphmatngaetrayahlngsngkhramchangephuxkaelw odythrngyinyxmsngkalngthharipchwyphraecabuerngnxnglxmemuxngechiyngihmtamthitidtxma 4 rawpi ph s 2108 phramhathrrmrachathrngsngkhaweruxngkarphrarachthanphraethphkstriaekphraecaichyechsthathirachthi 1 aehngxanackrlanchang aetthukkxngthphphmadkchingtwipklangthang thaihkarkrachbkhwamsmphnthrahwangxyuthyakblanchanglmehlwlng 4 smedcphramhackrphrrdithrngthrabkthrngesiyphrathy cungesdcipprathbthiwnghlng ihphramhinthrphraoxrswarachkaraethn emuxphrachnmayupraman 59 phrrsa txmaidesdcxxkphnwchin ph s 2109 odymikharachkarxxkbwchdwycanwnmak odyphramhinthr phrarachoxrsthrngidwarachkaraethn txmathrngmieruxngkinaehnngaekhlngickbphramhathrrmrachacnekidkhwamrawchanrahwangphisnuolkkbkrungsrixyuthya enuxngcakphraxngkhsmkhbphraichyechsthakstriyaehngxanackrlanchangykthphiptiemuxngphisnuolkephuxkacdphramhathrrmracha cnphraxngkhmixacrngrachkaraephndin cungthulechiyihsmedcphramhackrphrrdilaphnwchhlngcakthiphnwchidimnan aelwklbmawarachkartamedim kxnesiykrung aekikh txmaphramhathrrmrachaesdcipefaphraecabuerngnxnginpi ph s 2108 odythrngklawothswaxyuthyawangaephnkacdphraxngkh phraecabuerngnxngcungihphramhathrrmrachaepnecaemuxngpraethsrach thrngphranamwa phrasrisrrephchy ecafaphisnuolk hrux ecafasxngaekhw xnxyuinthanakbttxxanackrxyuthya 7 phramhackrphrrdikbphramhinthresdckhunipemuxngphisnuolk inkhnathiphramhathrrmrachaesdciphngsawdiaelwnaphrawisuththikstri phrxmdwyphraexkathsrthmaxyuthikrungsrixyuthya emuxphramhathrrmrachathraberuxngcungihipekhakbhngsawdixyangepidephy thungaemwasmedcphramhackrphrrdicathrngnaphrachaya phraoxrsaelaphrathidakhxngphramhathrrmrachalngmayngxyuthya odyhwngwaphramhathrrmrachacaimthrngkladaeninkarid txkrungsrixyuthya aetkkarnmiidepnechnnn 8 emuxphramhathrrmrachaemuxthrabwaphraxkhrchayaaelaoxrsthidathukcbepnxngkhpraknkthrngwitkyingnk aelwribsngsasnipyngphraecabuerngnxngihykthphmatikrungsrixyuthyakxnkaresiykrung ph s 2112 phramhathrrmrachaidthrngsngkxngthphmarwmlxmkrungsrixyuthyarwmkbthphihykhxngphraecabuerngnxngdwy aelaidptibtihnathisakhyinkxngthphphmadwy aelainpi ph s 2112 phraecaichyechsthathirachthi 1 aehnglanchangthrngsngkxngthphekhachwyehluxkrungsrixyuthya phramhathrrmrachakthrngplxmexksarlwngihkxngthphlanchangnathphphanbriewnthithharphmakhxydkxyu kxngthphlanchangcungaetkphayklbip 9 karetriymkarkhxngfayxyuthya aekikh smedcphramhackrphrrdithrngihetriymkarpxngknbanemuxngephimetim dngni 8 srangpxmaelahxrbephimetim odyhxrbxyuhangknhxla 40 emtr rwmthngesrimkaaephngihaekhngaekrngkhun cdpunihyiwtamkaaephngemuxngepncanwnmak odyhangknephiyngkrabxkla 10 emtr oprdihsrangaenwkaaephngkhunihmodyihchidkbkhuemuxngthukdan ihsranghxrbiwklanglanathiepnkhuemuxngaelwexapunihytidtngiwbnnnladbehtukarnesiykrungsrixyuthya aekikhphraecabuerngnxngthrngnathphekharukrankrungsrixyuthyaineduxntulakhm ph s 2111 ykekhamathangdanaemlaema emuxngtak rwmthnghmd 7 thph prakxbdwy phramhaxupracha ecaemuxngaepr ecaemuxngtxngxu ecaemuxngxngwa ecaemuxngechiyngihm aelaechiyngtung ekhamathangemuxngkaaephngephchr odyideknthhwemuxngthangehnuxrwmthngemuxngphisnuolkmarwmsngkhramdwy rwmcanwnidkwa 500 000 nay 8 ykthphlngmathungphrankhrineduxnthnwakhmpiediywkn odyihphramhathrrmrachaepnkxnghlngduaelkhlngesbiyng thphphraecabuerngnxngktngkhayraylxmphrankhrxyuimhang 8 kartngrbphayinphrankhrsngphlihmikarradmyingpunihykhxngkhasukthalayxakharbaneruxnxyutlxd thaihidrbkhwamesiyhayxyangmakfaykrungsrixyuthyaemuxthrabwahwemuxngthangehnuxepnkhxngphmaaelw cungetriymrbxyuthiphrankhr napunnaraynsngharyingipyngkxngthphphraecahngsawdithitngxyubriewnthunglumphli thukthhar chang malmtaycanwnmak phmacungthxythphmatngthibanphrahmnihphnthangpun aelwphraecahngsawdicungeriykprachumkarsuk phramhaxuprachehnsmkhwrihykthphekhatiithythukdanephraamikalngmakkwa aetphraecahngsawdiimehndwyephraakrungsrixyuthyamithaeldiminalxmrxb cungsngihtiechphaadantawnxxkephraakhuemuxngaekhbthisud phmaphyayamcathasaphankhamkhuemuxngodynadinmathmepnsaphan phramhaethphnaykxngrksadanxyangetmsamarth odyihthharithyichpunyingthharphmathikhndinthmepnsaphanekhama thaihphmalmtaycanwnmakcungthxykhamkhuklbipphraecabuerngnxngthrngphyayamocmtixyunancnthungeduxnemsayn ph s 2112 kyngimidkrungsrixyuthya xikthngyngsuyesiykalngphlepncanwnmak 10 phraxngkhthrngphyayamepliynthitngkhayxyuhlayraya odyinphayhlngthrngyaykhayekhaipiklkaaephngemuxngcnthaihsuyesiyphlxyangmak rahwangkarsngkhramsmedcphramhackrphrrdiprachwraelaswrrkhtinewlatxma smedcphramhinthrkhunkhrxngrachaelathrngbychakarrbaethnphraecabuerngnxngcungthamphramhathrrmrachawaca thaxyangirihchnasukodyerw phramhathrrmrachathrngaenawaphrayaramepnaemthphsakhyhakidtwmakaryudphrankhrcksaerc cungmisasnmathungphraxkhrchayawa karsukekidcakphrayaramthiyuyngihphinxngtxngthaelaakn thasngtwphrayaramma ihphraecahngsawdicayxmepnimtri smedcphramhinthrthrngxansasnaelw pruksakbkharachkartang cungehnsmkhwrsngbsukephraaphukhnlmtayknmakaelw smedcphramhinthrmirbsngihsngphrasngkhrachxxkipecrcaaelasngtwphrayaramihphraecabuerngnxngephuxepnimtri aetphraecabuerngnxngtrabdstyimyxmepnimtri thaihsmedcphramhinthrthrngphiorthokrthaekhninkarklbklxkkhxngphraecabuerngnxngxyangmak mirbsngihkhunsukthharthngpwngrksaphrankhrxyangekhmaekhng phraecabuerngnxngehnwayngimsamarthtikrungsrixyuthyaimid cungsngphramhathrrmrachamaekliyklxmihyxmaeph aetthukthharithyexapunilyingcntxnghniklbipphraecahngsawdicungkhidxubaycaichphrayackrithicbtwidepnpraknemuxkhrngsngkhramchangephuxkepnissuk cungihphramhathrrmrachathrngekliyklxmphrayackriihepnissukinkrungsrixyuthya aelwaeklngplxytwxxkma rungechaphmathathiepntamhaaetimphbelycbtwphukhummatdhwesiybiwrimaemnaephuxihithyhlngklsmedcphramhinthrthrngdiphrathythiphrayackrihnimaidcungthrngaetngtngihepnphubngkhbbychakarrbaethnthiphrayaram khrnphrayackriidrbaetngtngihdarngtaaehnngrksaphrankhraelwcungdaeninkarsbepliynhnathikhxngfaytang cnkrathngkarpxngknphrankhrxxnaexlng phrayackriidisrayihphrasrisawrachwaepnkbtcungthuksaercoths emuxehnwaidewlaxnkhwrphrayackricungihsyyanaekphmaekhatikrungsrixyuthyathukdan aelathaihkxngthphphmaekhasuphrankhrsaercodyichewlaephiyng 1 eduxn 9 inwnthi 7 singhakhm ph s 2112 eduxn 9 ithy phrayackricungihsyyanaekphmaekhatikrungsrixyuthyaaelaepidpratuemuxng thaihthphphmaekhayudphrankhrsaerc krungsrixyuthyacungtkepnemuxngkhunkhxngxanackrtxngxuhlngsngkhram aekikhphraecabuerngnxngprathbxyuthikrungsrixyuthyacnkrathng wnsukrkhunhkkha eduxnsibsxng pimaesng ph s 2112 idxphieskihsmedcphramhathrrmrachathirach khunepnkstriykhrxngkrungsrixyuthya inthanapraethsrach thrngphranamwa smedcphrasrrephchythi 1 bangaehngeriyk phrasuthrrmrachasmedcphramhinthrathirach phrabrmwngsanuwngs aelakhunnangnxyihy idthuknaipkrunghngsawdidwyaetsmedcphramhinthrprachwraelaswrrkhtrahwangthangipkrunghngsawdiphmaekhayudthrphysinaelakwadtxnphukhnklbipphmaepncanwnmak odyehluxihrksaemuxngephiyng 1 000 khn khnthiehluxkhniiphlbxasyxyuthixun baneruxnaelasingpluksrangthnghlayidrbkhwamesiyhayepnxnmak 11 xanackrxyuthyacungtkepnemuxngkhunkhxngxanackrtxngxuepnewlanan 15 pixangxing aekikh Hmannan 2003 pp 402 403 Harvey 1925 p 334 3 0 3 1 3 2 3 3 dny ichyoytha hna 219 4 0 4 1 4 2 dny ichyoytha hna 220 dny ichyoytha hna 217 218 6 0 6 1 dny ichyoytha hna 218 dny ichyoytha hna 220 221 8 0 8 1 8 2 8 3 dny ichyoytha hna 222 9 0 9 1 dny ichyoytha hna 221 dny ichyoytha hna 224 dny ichyoytha hna 225 brrnanukrm aekikhdny ichyoytha 2543 phthnakarkhxngmnusykbxarythrrminrachxanackrithy elm 1 ox exs phrinting ehas duephim aekikhkaresiykrungsrixyuthyakhrngthisxngekhathungcak https th wikipedia org w index php title karesiykrungsrixyuthyakhrngthihnung amp oldid 9501488, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม