คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2511 ในยุคของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งแรกก่อตั้งใช้ชื่อว่า คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เนื่องจากในเวลานั้นมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้โอนย้ายสังกัดคณะเภสัชศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาก่อนหน้าแล้ว (คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน) ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "มหาวิทยาลัยมหิดล" จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยมหิดล" ในปี พ.ศ. 2515 ได้โอนคณะเภสัชศาสตร์เดิม ที่ถูกโอนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในสมัยมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์กลับไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงตัดสร้อย "พญาไท" ของคณะใหม่ออกกลายเป็น "คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล" เช่นในปัจจุบัน
ชื่ออังกฤษ | Faculty of Pharmacy, Mahidol University |
---|---|
ที่อยู่ | 447 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400 |
วันก่อตั้ง | 7 มิถุนายน พ.ศ. 2511 |
คณบดี | รองศาสตราจารย์ ดร.ภญ.สุวัฒนา จุฬาวัฒนทล |
วารสาร | วารสารเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล |
สีประจําคณะ | สีเขียวมะกอก |
สถานปฏิบัติ | สถานปฏิบัติการเภสัชชุมชน |
เว็บไซต์ | www.pharmacy.mahidol.ac.th |
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลในขณะนั้นที่ขาดแคลนกำลังเภสัชกรในประเทศ จึงได้บรรจุแผนพัฒนาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 โดยมี เภสัชกร อาจารย์ ประดิษฐ์ โลหุตางกูร เป็นผู้ก่อตั้ง และให้นายแพทย์ชัชวาล โอสถานนท์ ผู้บัญชาการมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และรักษาการคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) นั้นดำรงตำแหน่งรักษาการคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์อีกตำแหน่งหนึ่ง
ปัจจุบันคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการเรียนการสอนโดยแบ่งออกเป็น 10 ภาควิชา ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในระดับปริญญาตรีเปิดทำการสอนในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต ใช้ระยะเวลาในการศึกษา 6 ปี นอกจากนี้ทางคณะฯ ยังส่งเสริมงานวิจัยของคณาจารย์และนักศึกษา ตลอดจนความร่วมมือทางวิชาการเภสัชศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย
ประวัติ
เมื่อมีการสถาปนามหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในปี พ.ศ. 2485 ได้มีการโอนแผนกอิสระเภสัชกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โดยยังใช้พื้นที่เดิมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาโทและพัฒนาหลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ซึ่งอัตรากำลังผลิตเภสัชกรได้ปีละประมาณ 50 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อสัดส่วนการสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ แม้ในระยะหลังได้เปิดรับและสามารถผลิตเภสัชกรได้ปีละ 100 คนก็ยังประสบปัญหาการใช้ยาของประชาชนในร้านยาที่จ่ายยาผิดไปจากใบสั่งแพทย์ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วยและผู้ซื้อยาไปใช้ กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาและได้ติดต่อไปยังมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เรื่องการเพิ่มจำนวนนักศึกษาเภสัชสาสตร์ให้มากขึ้น โดยมีหนังสือที่ 2695/2505 ลงวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2505 ถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ขอให้เพิ่มจำนวนนักศึกษาสาขาวิชาเภสัชศาสตร์และให้เตรียมการโอนย้ายคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์นั้นกลับเข้าสังกัดเดิมคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาใน พ.ศ. 2508 มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์จึงเริ่มโครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์คณะที่สองขึ้นที่วิทยาเขตพญาไท
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดตั้งขึ้นตามประกาศพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2511 โดยใช้ชื่อว่า "คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" เนื่องจาก ณ ช่วงเวลานั้น มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มีคณะเภสัชศาสตร์อยู่แล้วหนึ่งแห่ง (คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน) โดยโครงการจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์แห่งใหม่นี้ ได้บรรจุลงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 2 และตามนโยบายและโครงการของรัฐบาลในแผนกพัฒนาการศึกษามหาวิทยาลัย พ.ศ. 2510-2514 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเภสัชกรอันเป็นบุคลากรทางสาธารณสุขที่ขาดแคลนอยู่ในขณะนั้น สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2511 ให้นายแพทย์ชัชวาลน์ โอสถานนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และรักษาการคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ในขณะนั้น ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์อีกตำแหน่งหนึ่ง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2512 มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานนาม “ มหิดล “ ให้เป็นชื่อมหาวิทยาลัย โดยมีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดลประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2512 คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ จึงเปลี่ยนโอนสังกัดไปเป็น "คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยมหิดล" ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน) ได้โอนย้ายกลับเข้าสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง คณะจึงได้ตัดสร้อย "พญาไท" หลังชื่อคณะ มาเป็น "คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล" เช่นในปัจจุบัน
บุคคล
ทำเนียบคณบดี
ตั้งแต่เปิดทำการสอน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีคณบดีดำรงตำแหน่งในสังกัดต่างๆของคณะ ตามลำดับต่อไปนี้
คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ | |
รายนามคณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง |
---|---|
1.ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ ชัชวาล โอสถานนท์ | พ.ศ. 2511 - พ.ศ. 2513 |
คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ พญาไท มหาวิทยาลัยมหิดล | |
รายนามคณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง |
2. เภสัชกร อาจารย์ ประดิษฐ์ หุตางกูร | พ.ศ. 2513 - พ.ศ. 2515 |
คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล | |
รายนามคณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง |
3. เภสัชกร อาจารย์ ประดิษฐ์ หุตางกูร | พ.ศ. 2515 - พ.ศ. 2526 |
4. เภสัชกรหญิง ศาสตราจารย์ (พิเศษ)สุคนธ์ พูนพัฒน์ | พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2530 |
5. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ปราณี ใจอาจ | พ.ศ. 2530 - พ.ศ. 2534 |
6. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ พจนีย์ สุริยะวงค์ | พ.ศ. 2534 - 2536 |
7. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ดร. จันทรา ชัยพานิช | พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2540 |
8. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ดร. อรพรรณ มาตังคสมบัติ | พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2544 |
9. เภสัชกร ศาสตราจารย์ ดร. สมพล ประคองพันธ์ | พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2546 |
10. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ (รักษาการ) | พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2547 |
11. เภสัชกร ศาสตราจารย์ ดร. สมพล ประคองพันธ์ | พ.ศ. 2547 |
12. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. นายแพทย์ พรชัย มาตังคสมบัติ | พ.ศ. 2547 |
13. เภสัชกร ศาสตราจารย์ ดร.อำพล ไมตรีเวช | 17 กันยายนพ.ศ. 2547 - 16 กันยายน2551 |
14. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ดร.จุฑามณี สุทธิสีสังข์ | 17 กันยายนพ.ศ. 2551 - 16 กันยายน2559 |
15. เภสัชกรหญิง รองศาสตราจารย์ ดร.สุวัฒนา จุฬาวัฒนทล | 17 กันยายนพ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน |
การเรียนการสอน
ภาควิชา
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลมี 10 ภาควิชา และ 1 ศูนย์การศึกษาดังนี้
|
|
คณาจารย์
ปัจจุบันคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีจำนวนบุคลากรสายวิชาการรวมทั้งสิ้น 102 คน ในจำนวนนี้กำลังศึกษาต่อทั้งในและต่างประเทศ 10 คน โดยได้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการในตำแหน่ง ศาสตราจารย์ 5 คน, รองศาสตราจารย์ 29 คน, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ 17 คน, อาจารย์ 39 คน, และผู้ช่วยอาจารย์ 12 คน บุคลากรเหล่านี้สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาเอก 81 คน, เทียบเท่าปริญญาเอก 4 คน, ปริญญาโท 11 คน, และปริญญาตรี 6 คน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนดังนี้ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก 83.33 %, ปริญญาโท 10.78 % และปริญญาตรี 5.88 % ข้อมูล ณ วันที่ 06/10/2559
หลักสูตร
ปริญญาตรี
- หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต
หลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต เป็นหลักสูตรวิชาชีพได้รับการรับรอง มาตรฐานจากสภาเภสัชกรรม มีเป้าหมายในการผลิตเภสัชกรที่มีคุณธรรมจริยธรรมและเจตคติอันดีงามในการ ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมที่มีความรู้ความสามารถและทักษะทางวิชาชีพชั้นสูง การจัดการเรียนการสอนสอดคล้องกับ 21st century skill outcomes ในระดับสากล ชั้นปีที่ 1-4 เน้นความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานทางเภสัชกรรมขั้นพื้นฐาน ชั้นปีที่ 5 และ 6 สามารถเลือกเรียนด้านเภสัชอุตสาหการ (การผลิต ตรวจวิเคราะห์ ประกันคุณภาพ วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยา สมุนไพร อาหาร เครื่องสำอาง เป็นต้น ) และด้านบริบาลทางเภสัชกรรม (การดูแลการใช้ยาของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ร้านขายยา งานคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น) นักศึกษาชั้นปีที่ 6 จะได้ฝึกทักษะการปฏิบัติงานวิชาชีพในแหล่งฝึกงาน เช่น โรงงานอุตสาหกรรมผลิตยาระดับแนวหน้าของประเทศ โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลอีกหลายแห่งที่เป็นสถานพยาบาลชั้นนำของประเทศรวมถึงร้านยา คุณภาพ การสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนี้ นักศึกษาต้องฝึกปฏิบัติงานวิชาชีพรวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 2,000 ชั่วโมง และต้องมีจำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตร ไม่น้อยกว่า 225 หน่วยกิต
ปริญญาโท
ผู้สมัครต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์ , สาขาวิชาเคมี หรือ สาขาวิชาชีววิทยา จากสถาบันฯ ในความควบคุมของทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องมีเกรดเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.50 หรือ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า 75% ผู้สมัครต้องทำคะแนนอย่างต่ำ 500 คะแนนในการสอบ TOEFL หรือต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีรายละเอียดดังนี้
- หลักสูตรเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต
|
|
- หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
- สาขาวิชาเภสัชเคมีและพฤกษเคมี
- สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ชีวภาพ แบ่งออกเป็น 4 วิชาเอก ได้แก่ ชีวเคมี, จุลชีววิทยา, สรีรวิทยา และ เภสัชวิทยา
- สาขาวิชาวิทยาการพืช (หลักสูตรนานาชาติ) เป็นหลักสูตรร่วมกันระหว่าง คณะวิทยาศาสตร์ และ คณะเภสัชศาสตร์
- หลักสูตรการจัดการสุขภาพมหาบัณฑิต
เป็นหลักสูตรร่วมกันระหว่าง วิทยาลัยการจัดการ, บัณฑิตวิทยาลัย และ คณะเภสัชศาสตร์
ปริญญาเอก
ผู้สมัครต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาเคมี หรือสาขาวิชาชีววิทยา หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากสถาบันฯในความควบคุมของทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องมีเกรดเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 3.50 ผู้สมัครต้องทำคะแนนอย่างต่ำ 500 คะแนนในการสอบ TOEFL หรือต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษในระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีรายละเอียดดังนี้
- หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
|
|
อันดับของคณะ
จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
อ้างอิง
- ราชกิจจานุเบกษา,พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะทันตแพทยศาสตร์พญาไท และคณะเภสัชศาสตร์พญาไท ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๑๑,๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๑
- ประวัติคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- http://www.uc.mahidol.ac.th/pdf-file/council-statement2555/37-2555.pdf
- http://www.uc.mahidol.ac.th/pdf-file/council-statement2559/28-2559.pdf
แหล่งข้อมูลอื่น
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล