fbpx
วิกิพีเดีย

พระธาตุขามแก่น

พระธาตุขามแก่น ตั้งอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นปูชนียสถานของจังหวัดขอนแก่น

พระธาตุขามแก่น

ประวัติและตำนานพระธาตุขามแก่น

พระธาตูขามแก่น เดิมเรียกพระธาตุบ้านขาม ไม่มีประวัติหรือจารึกระบุการสร้าง ต่อมาพระราชสารธรรมมุนี (กัณหา ปภสฺสโร) เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นได้มีโอกาสไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ จึงดำริว่าจังหวัดขอนแก่นควรมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดบ้าง จึงได้สืบเสาะจนพบพระธาตุบ้านขาม ที่บ้านขามธาตุใหญ่ และได้สืบเสาะประวัติความเป็นมาก็ไม่พบ จึงให้ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าประวัติแล้วเรียบเรียงใหม่ มีหลายสำนวน ตำนานพระธาตุขามแก่นปัจจุบันเป็นสำนวนของนายสมควร พละกล้า เรียบเรียง เพราะคณะกรรมการตรวจสอบแล้วเห็นว่ามีความน่าเชื่อถือ พ.ศ. 2498 - 2499 พระราชสารธรรมมุนี (กัณหา ปภสฺสโร) ได้ทำการบูรณะพระธาตุบ้านขาม เปลี่ยนยอดเดิมที่เป็นไม้เป็นฉัตรโลหะ และเปลี่ยนชื่อจากพระธาตุบ้านขามเป็นพระธาตุขามแก่น และวัดบ้านขามเป็นวัดเจติยภูมิ และมีการรณรงค์ให้ชื่อเมืองขอนแก่นเพี้ยนมาจากเมืองขามแก่น ซึ่งจากการศึกษาเอกสารต่างๆ ของประมวล พิมพ์เสน ไม่เคยมีคำว่าเมืองขามแก่น มีเพียงชื่อเมืองขอรแก่น, ขรแก่น, ขรแกน, และขอนแก่น ดังนั้นชื่อเมืองขอนแก่นน่าจะเชื่อได้ว่าแต่แรกเริ่มชื่อเมืองขอนแก่นอยู่แล้ว ไม่ได้เพี้ยนมาจากขามแก่นแต่อย่างใด


ตำนานที่หนี่ง

นับแต่การเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เมื่อถวายพระเพลิงเสร็จ แล้ว พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกนำไปประดิษฐานไว้ในที่ต่าง ๆ คือ พระสารีริกธาตุกระโยงหัว (กะโหลกศีรษะ) ฆะฏิการพรหมนำไปไว้บนเทวโลก, พระธาตุเขี้ยวหมากแง (พระเขี้ยวแก้ว) พระอินทร์นำไปไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์, พระธาตุกระดูกด้ามมีด (พระรากขวัญ) พญานาคนำไปไว้เมืองบาดาล

ครั้งต่อมาโมริยกษัตริย์เจ้านครโมรีย์ (อยู่ในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน) ทราบข่าวภายหลังเพราะอยู่ห่างไกลและเดินทางช้า จึงได้แต่พระอังคารธาตุ (ฝุ่น) แล้วนำไปไว้ที่นครของตน ประมาณพุทธศักราชล่วงมาได้ 3 ปี พระมหากัสสปะเถระเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ นำเอาพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) ไปประดิษฐานไว้ภูกำพร้า (พระธาตุพนมในปัจจุบัน) พระยาหลังเขียว โมริยกษัตริย์ และพระอรหันต์ยอดแก้ว, พระอรหันต์รังษี , พระอรหันต์คันที และไม่ปรากฏชื่ออีก 6 องค์ จึงเดินทางพร้อมอัญเชิญเอาพระอังคารธาตุเพื่อไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย ระหว่างทางได้มาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง (ที่ตั้งของพระธาตุขามแก่นในปัจจุบัน) มีพื้นที่ดอนราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบดอน และมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง

ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำพอดี ประกอบกับพื้นที่มีความเหมาะสมจึงได้พักแรมที่นี่ และนำเอาพระอังคารธาตุไปวางพักไว้บนแก่นของต้นมะขามที่ตายแล้วดังกล่าว พอรุ่งเช้าทั้งคณะก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่ก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป

พอไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว ไม่สามารถนำพระอังคารธาตุบรรจุลงไปได้อีก จึงจำต้องนำเอาพระอังคารธาตุนั้นกลับตามเส้นทางเดิม โดยตั้งใจว่าจะนำกลับไปไว้ที่นครของตนตามเดิม เมื่อมาถึงดอนมะขามซึ่งเคยเป็นที่พักแรม ครั้งก่อน ได้เห็นต้นมะขามใหญ่ที่ล้มตายเหลือแต่แก่นนั้นกลับผลิตดอก ออกผล แตกกิ่งก้านสาขามีใบเขียวชะอุ่มแลดูงามตายิ่งนัก จะเป็นด้วยเทพเจ้าแสร้งนิมิต หรือด้วยอำนาจอภินิหารของพระอังคารธาตุก็มิอาจรู้ได้ เห็นเป็นอัศจรรย์เช่นนั้นจึง พร้อมกันก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม และบรรจุพระอังคารธาตุของพระเจ้าไว้ภายในด้วย โดยมีรูปลักษณะดังที่เราเห็น อยู่ในปัจจุบันนี้ จึง เรียกชื่อพระธาตุนี้ว่า "พระธาตุขามแก่น"

หลังจากการก่อสร้างพระธาตุเสร็จแล้ว พระยาหลังเขียวพร้อมด้วยบริวารได้สร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ตรงนี้ และได้สร้างวัดให้เป็นที่พำนักของพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ซึ่งมีวิหาร และพัทธสีมาเคียงคู่กับองค์พระธาตุสืบมา ครั้นกาลล้วงมาพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ก็ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน ชาวเมืองนำเอาอัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็ก ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ อุโบสถในเวลานี้ ต่อมาประชาชนจึงเรียกพระธาตุองค์ใหญ่ว่า ครูบาทั้งเก้าเจ้ามหาธาตุ ส่วนพระธาตุองค์เล็กเรียกว่า ครูบาทั้งแปด

ตำนานที่สอง

มีเรื่องราวคล้ายตำนานที่หนึ่ง แต่กล่าวว่าพระอรหันต์ที่อัญเชิญพระอังคารธาตุนั้น มีเพียง 2 องค์เท่านั้น

ตำนานที่สาม

แต่เดิม ณ ที่นี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ต่อมาเมื่อเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาหักล้างถางพง จับจองที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยนั้น ชาวบ้านพบว่ามีตอมะขามที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง แต่ต่อมาปรากฏว่าแก่นมะขามนั้นกลับมีการแตกใบ ผลิดอก ดูแปลกประหลาด และพบว่าหากมีใครที่ไปทำการอะไรที่เป็นการดูหมิ่นหรือลบหลู่ตอมะขามนั้น คนผู้นั้นก็จะมีอันเป็นไป ชาวบ้านจึงเกิดความเคารพบูชา และร่วมกันสร้างเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นไว้ พร้อมกับบรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 ประการ ไว้ในนั้นด้วย จึงเรียกเจดีย์ที่สร้างนั้นว่า พระเจ้าเก้าพระองค์ หรือ เจดีย์บ้านขาม ต่อมาจึงเป็นพระธาตุขามแก่น

ลักษณะสถาปัตยกรรม

พระธาตุขามแก่น มีฐานกว้างผายออกเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นฐานบัวคว่ำ 2 ชั้น ต่อด้วยเรือนธาตุซึ่งมีลักษณะเป็นบัวเหลี่ยมซ้อนกัน 2 ชั้น ปลียอดทำเป็น 3 ชั้น แต่ละชั้นเรียวไปสู่ยอด ระหว่างชั้นของยอดกรวยต่อเชื่อมด้วยบัวรัดเกล้า ส่วนยอดพระธาตุมีฉัตรโลหะ 5 ชั้น ความสูงจากพื้นดินถึงยอดฉัตรประมาณ 25 เมตร พระธาตุมีกำแพงแก้ว สูงประมาณ 1.20 เมตร ล้อมรอบ ฐานกว้างด้านละ 11 เมตร กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 24-25 สมัยวัฒนธรรมล้านช้าง

ประเพณี

งานฉลองและนมัสการพระธาตุขามแก่น ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 การสักการะ ใช้ธูป เทียน ดอกไม้ ขันแปดเก้า ในวันขึ้น 15 ค่ำ ของทุกเดือน พระธาตุขามแก่น พระธาตุขามแก่นเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่เมืองขอนแก่นและเป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดขอนแก่น ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเจติภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 15 ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง อยู่ห่างจากจังหวัดขอนแก่นประมาณ 30 กิโลเมตร เดินทางไปตามถนนสายขอนแก่น -กาฬสินธุ์ เลี้ยวซ้ายที่หลักกิโลเมตรที่ 12 บ้านโคกสี เป็นถนนลาดยางตลอด มีป้ายบอกทางไปพระธาตุ ขามแก่นเป็นระยะๆ จนถึงองค์พระธาตุ พระธาตุขามแก่นมีลักษณะเป็นเจดีย์ฐานสามเหลี่ยมทรงอีสาน องค์พระธาตุสูง 19 เมตร

ฐานด้านทิศตะวันออกและตะวันตกกว้าง 10.90 เมตรเท่ากัน รอบองค์พระธาตุมีกำแพงแก้วล้อมรอบ ทั้ง 4 ด้าน สูง 1.20 เมตร กำแพงแก้วห่างจากองค์พระธาตุโดยเฉลี่ย 2.30 เมตร ทุกด้านมีประตูเข้าออก ด้านทิศเหนือ 2 ช่อง และทิศใต้ 2 ช่อง กว้างช่องละ 1 เมตร ตำนานพระธาตุขามแก่น ประมาณ พ.ศ. 3 พระมหากัสสปได้นำเอาพระอุรังคธาตุของพระ พุทธเจ้ามาประดิษฐานที่ภูกำพร้าและได้สร้างองค์พระธาตุพนมขึ้น พระยาหลังเขียวโมรียกษตริย์ทราบ ข่าวดังนั้น เกิดศรัทธาใคร่นำพระอังคารมาบรรจุไว้ด้วยกัน จึงได้เดินทางมาพร้อมกับข้าราชบริพาร และพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์

ในระหว่างเดินทางได้ผ่านดอนมะขามแห่งหนึ่งเป็นเวลาค่ำพอดี จึงได้พา กันพักแรมในสถานที่นี้ ในบริเวณที่พักมีต้นมะขามตายต้นใหญ่ต้นหนึ่ง มีแต่แก่นข้างใน จึงได้เอาพระ อังคารเก็บไว้ในต้นมะขามต้นนี้ ครั้งเมื่อเดินทางต่อไปยังภูกำพร้า ปรากฏว่าองค์พระธาตุพนมสร้างเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว จึงต้องเดินทางกลับถิ่นเดิม เมื่อเดินทางมาถึงดอนมะขามบริเวณที่พักที่เดิมก็พบว่าต้นมะขามที่ตายเหลือแต่แก่นต้นนั้น กลับยืนต้นแตกกิ่งก้านสาขา มีใบเขียวชะอุ่ม และดูงามตาเป็นอัศจรรย์ พระยาหลังเขียวและพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ จึงตกลงใจสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม โดยบรรจุพระอังคารของพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยแก้วแหวนเงินทอง โดยทำเป็นพระพุทธรูปแทนพระองค์เข้าบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ และก่อสร้างบ้านเรือน ณ บริเวณใกล้ๆพระธาตุ

ส่วนพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ก็ได้จัดสร้างวัดเคียงคู่พระธาตุ เมื่อพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน ประชาชนได้นำพระธาตุของพระอรหันต์บรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็กซึ่งอยู่ใกล้พระธาตุขามแก่นเรียกว่าครูบาทั้งเก้า เจ้ามหาธาตุ มาจนทุกวันนี้ทุกวันเพ็ญ เดือน 6 จะมีงานฉลององค์พระธาตุขามแก่นเป็นงานประจำปี

อ้างอิง

  • หนังสือประวัติพระธาตุขามแก่น. วัดเจติยภูมิ
  • สุพจน์ ทองเนื้อขาว. (2541). ความเชื่อเกี่ยวกับพระธาตุขามแก่น ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น. วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

พระธาต, ขามแก, งอย, ดเจต, ยภ, านขาม, หม, ตำบลบ, านขาม, อำเภอน, ำพอง, งหว, ดขอนแก, เป, นป, ชน, ยสถานของจ, งหว, ดขอนแก, เน, อหา, ประว, และตำนาน, กษณะสถาป, ตยกรรม, ประเพณ, างอ, งประว, และตำนาน, แก, ไขพระธาต, ขามแก, เด, มเร, ยกพระธาต, านขาม, ไม, ประว, หร, อจาร, กร. phrathatukhamaekn tngxyuthiwdectiyphumi bankham hmuthi 1 tablbankham xaephxnaphxng cnghwdkhxnaekn epnpuchniysthankhxngcnghwdkhxnaeknphrathatukhamaekn enuxha 1 prawtiaelatananphrathatukhamaekn 2 lksnasthaptykrrm 3 praephni 4 xangxingprawtiaelatananphrathatukhamaekn aekikhphrathatukhamaekn edimeriykphrathatubankham immiprawtihruxcarukrabukarsrang txmaphrarachsarthrrmmuni knha pphs sor ecakhnacnghwdkhxnaeknidmioxkasipnmskarphrapthmecdiy cungdariwacnghwdkhxnaeknkhwrmisthanthiskdisiththipracacnghwdbang cungidsubesaacnphbphrathatubankham thibankhamthatuihy aelaidsubesaaprawtikhwamepnmakimphb cungihphuethaphuaekelaprawtiaelweriyberiyngihm mihlaysanwn tananphrathatukhamaeknpccubnepnsanwnkhxngnaysmkhwr phlakla eriyberiyng ephraakhnakrrmkartrwcsxbaelwehnwamikhwamnaechuxthux ph s 2498 2499 phrarachsarthrrmmuni knha pphs sor idthakarburnaphrathatubankham epliynyxdedimthiepnimepnchtrolha aelaepliynchuxcakphrathatubankhamepnphrathatukhamaekn aelawdbankhamepnwdectiyphumi 1 aelamikarrnrngkhihchuxemuxngkhxnaeknephiynmacakemuxngkhamaekn sungcakkarsuksaexksartang khxngpramwl phimphesn imekhymikhawaemuxngkhamaekn miephiyngchuxemuxngkhxraekn khraekn khraekn aelakhxnaekn dngnnchuxemuxngkhxnaeknnacaechuxidwaaetaerkerimchuxemuxngkhxnaeknxyuaelw imidephiynmacakkhamaeknaetxyangid 2 tananthihningnbaetkaresdcdbkhnthpriniphphankhxngxngkhsmedcphrasmmasmphuththeca inwnkhun 15 kha eduxn 6 emuxthwayphraephlingesrc aelw phrabrmsaririkthatuidthuknaippradisthaniwinthitang khux phrasaririkthatukraoynghw kaohlksirsa khatikarphrhmnaipiwbnethwolk phrathatuekhiywhmakaeng phraekhiywaekw phraxinthrnaipiwbnswrrkhchndawdungs phrathatukradukdammid phrarakkhwy phyanakhnaipiwemuxngbadalkhrngtxmaomriykstriyecankhromriy xyuinpraethskmphuchapccubn thrabkhawphayhlngephraaxyuhangiklaelaedinthangcha cungidaetphraxngkharthatu fun aelwnaipiwthinkhrkhxngtn pramanphuththskrachlwngmaid 3 pi phramhaksspaethraeca phrxmdwyphraxrhnt 500 xngkh naexaphraxurngkhthatu kradukswnxk ippradisthaniwphukaphra phrathatuphnminpccubn phrayahlngekhiyw omriykstriy aelaphraxrhntyxdaekw phraxrhntrngsi phraxrhntkhnthi aelaimpraktchuxxik 6 xngkh cungedinthangphrxmxyechiyexaphraxngkharthatuephuxipbrrcuiwinphrathatuphnmdwy rahwangthangidmathungphunthiaehnghnung thitngkhxngphrathatukhamaekninpccubn miphunthidxnraberiyb mihwysamaeyk naihlphanrxbdxn aelamitnmakhamihythitayaelwehluxaetaeknxyutnhnungkhnannepnewlaphlbkhaphxdi prakxbkbphunthimikhwamehmaasmcungidphkaermthini aelanaexaphraxngkharthatuipwangphkiwbnaeknkhxngtnmakhamthitayaelwdngklaw phxrungechathngkhnakedinthangmunghnasusthanthikxsrangphrathatuphnmtxipphxipthungpraktwaphrathatuphnmidsrangesrcaelw imsamarthnaphraxngkharthatubrrculngipidxik cungcatxngnaexaphraxngkharthatunnklbtamesnthangedim odytngicwacanaklbipiwthinkhrkhxngtntamedim emuxmathungdxnmakhamsungekhyepnthiphkaerm khrngkxn idehntnmakhamihythilmtayehluxaetaeknnnklbphlitdxk xxkphl aetkkingkansakhamiibekhiywchaxumaeldungamtayingnk caepndwyethphecaaesrngnimit hruxdwyxanacxphiniharkhxngphraxngkharthatukmixacruid ehnepnxscrryechnnncung phrxmknkxsrangphrathatukhrxbtnmakham aelabrrcuphraxngkharthatukhxngphraecaiwphayindwy odymiruplksnadngthieraehn xyuinpccubnni cung eriykchuxphrathatuniwa phrathatukhamaekn hlngcakkarkxsrangphrathatuesrcaelw phrayahlngekhiywphrxmdwybriwaridsrangbanaeplngemuxngxyutrngni aelaidsrangwdihepnthiphankkhxngphraxrhntthng 9 xngkh sungmiwihar aelaphththsimaekhiyngkhukbxngkhphrathatusubma khrnkallwngmaphraxrhntthng 9 xngkhkiddbkhnthpriniphphan chawemuxngnaexaxthithatukhxngthanbrrcuiwinphrathatuxngkhelk sungxyudanthistawnxxkkhxng xuobsthinewlani txmaprachachncungeriykphrathatuxngkhihywa khrubathngekaecamhathatu swnphrathatuxngkhelkeriykwa khrubathngaepdtananthisxngmieruxngrawkhlaytananthihnung aetklawwaphraxrhntthixyechiyphraxngkharthatunn miephiyng 2 xngkhethanntananthisamaetedim n thiniepnthirkrangwangepla txmaemuxerimmichawbanekhamahklangthangphng cbcxngthidinthakinaelathixyuxasynn chawbanphbwamitxmakhamthitayaelwehluxaetaeknxyutnhnung aettxmapraktwaaeknmakhamnnklbmikaraetkib phlidxk duaeplkprahlad aelaphbwahakmiikhrthiipthakarxairthiepnkarduhminhruxlbhlutxmakhamnn khnphunnkcamixnepnip chawbancungekidkhwamekharphbucha aelarwmknsrangecdiykhrxbtxmakhamnniw phrxmkbbrrcuphrathrrmkhasxnkhxngphraphuththeca 9 prakar iwinnndwy cungeriykecdiythisrangnnwa phraecaekaphraxngkh hrux ecdiybankham txmacungepnphrathatukhamaeknlksnasthaptykrrm aekikhphrathatukhamaekn mithankwangphayxxkepnrupthrngsiehliymcturs epnthanbwkhwa 2 chn txdwyeruxnthatusungmilksnaepnbwehliymsxnkn 2 chn pliyxdthaepn 3 chn aetlachneriywipsuyxd rahwangchnkhxngyxdkrwytxechuxmdwybwrdekla swnyxdphrathatumichtrolha 5 chn khwamsungcakphundinthungyxdchtrpraman 25 emtr phrathatumikaaephngaekw sungpraman 1 20 emtr lxmrxb thankwangdanla 11 emtr kahndxayurawphuththstwrrsthi 24 25 smywthnthrrmlanchang 3 praephni aekikhnganchlxngaelanmskarphrathatukhamaekn inwnkhun 15 kha eduxn 6 karskkara ichthup ethiyn dxkim khnaepdeka inwnkhun 15 kha khxngthukeduxn phrathatukhamaekn phrathatukhamaeknepnpuchniysthansakhykhuemuxngkhxnaeknaelaepnthiekharphskkarakhxngchawcnghwdkhxnaekn tngxyuinbriewnwdectiphumi bankham hmuthi 1 hmuthi 15 tablbankham xaephxnaphxng xyuhangcakcnghwdkhxnaeknpraman 30 kiolemtr edinthangiptamthnnsaykhxnaekn kalsinthu eliywsaythihlkkiolemtrthi 12 banokhksi epnthnnladyangtlxd mipaybxkthangipphrathatu khamaeknepnraya cnthungxngkhphrathatu phrathatukhamaeknmilksnaepnecdiythansamehliymthrngxisan xngkhphrathatusung 19 emtrthandanthistawnxxkaelatawntkkwang 10 90 emtrethakn rxbxngkhphrathatumikaaephngaekwlxmrxb thng 4 dan sung 1 20 emtr kaaephngaekwhangcakxngkhphrathatuodyechliy 2 30 emtr thukdanmipratuekhaxxk danthisehnux 2 chxng aelathisit 2 chxng kwangchxngla 1 emtr tananphrathatukhamaekn praman ph s 3 phramhaksspidnaexaphraxurngkhthatukhxngphra phuththecamapradisthanthiphukaphraaelaidsrangxngkhphrathatuphnmkhun phrayahlngekhiywomriykstriythrab khawdngnn ekidsrththaikhrnaphraxngkharmabrrcuiwdwykn cungidedinthangmaphrxmkbkharachbriphar aelaphraxrhntthng 9 xngkhinrahwangedinthangidphandxnmakhamaehnghnungepnewlakhaphxdi cungidpha knphkaerminsthanthini inbriewnthiphkmitnmakhamtaytnihytnhnung miaetaeknkhangin cungidexaphra xngkharekbiwintnmakhamtnni khrngemuxedinthangtxipyngphukaphra praktwaxngkhphrathatuphnmsrangesrciperiybrxyaelw cungtxngedinthangklbthinedim emuxedinthangmathungdxnmakhambriewnthiphkthiedimkphbwatnmakhamthitayehluxaetaekntnnn klbyuntnaetkkingkansakha miibekhiywchaxum aeladungamtaepnxscrry phrayahlngekhiywaelaphraxrhntthng 9 xngkh cungtklngicsrangphrathatukhrxbtnmakham odybrrcuphraxngkharkhxngphraphuththecaphrxmdwyaekwaehwnenginthxng odythaepnphraphuththrupaethnphraxngkhekhabrrcuiwinxngkhphrathatu aelakxsrangbaneruxn n briewniklphrathatuswnphraxrhntthng 9 xngkh kidcdsrangwdekhiyngkhuphrathatu emuxphraxrhntthng 9 xngkhiddbkhnthpriniphphan prachachnidnaphrathatukhxngphraxrhntbrrcuiwinphrathatuxngkhelksungxyuiklphrathatukhamaekneriykwakhrubathngeka ecamhathatu macnthukwnnithukwnephy eduxn 6 caminganchlxngxngkhphrathatukhamaeknepnnganpracapixangxing aekikh https www facebook com groups 205491703372233 view permalink amp id 216268608961209 https www facebook com story php story fbid 448596862264409 amp id 425747804549315 https www facebook com pg prfinearts photos tab album amp album id 3114513658616057 amp xts 5B0 5D 68 ARDdfUMjUwNlxR76NiYkpt8WYl9pXyiYiuJU3Wltid6bd 3RWfZL2ru3h RbD13zh9IwOu91D oxo1zj6xghKozOBpU7 jOkYiglso2Gi3uP4KCRJXTE2ws8uUwCrvnAKL7cvRemJb cAJTmkjYClce4LIVQupYkhShQayI9uqItYVphMIu9iLiNOphYXEerP6 H72A7NcYfCqOfWe6UB XjWmo87WGLb LtObIox2h6jccwTtGKu5ReBxjgUON7DwbIjl5ByzoZQsDOm2 KWnT6raJb7pcc0PKgYB45bZPr8oFF8xl7mWdZfxu6tSTuXBY9i3F9FxpAlR4NDCrw0Hr4HWqin4U 5w00Im2Q4EW9Mjpz4b 3MV3yHlcKPgUSBCpt2fIBvrpUkhoJQi60QRqRqcb62Fjoqt2A09LjgJYn7W1CcbL107vnfh 6jniLD9dalZT4GMKuuQulr7Cb amp tn UC R hnngsuxprawtiphrathatukhamaekn wdectiyphumi suphcn thxngenuxkhaw 2541 khwamechuxekiywkbphrathatukhamaekn tablbankham xaephxnaphxng cnghwdkhxnaekn withyaniphnth ss m mhawithyalymhasarkham ekhathungcak https th wikipedia org w index php title phrathatukhamaekn amp oldid 8920561, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม