พันท้ายนรสิงห์
พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือในรัชสมัยพระเจ้าเสือ หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ตอนปลายอาณาจักรอยุธยา โดยพันท้ายนรสิงห์เป็นผู้มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์
ประวัติ
พันท้ายนรสิงห์ มีชื่อเดิมว่า "สิน" เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ (ปัจจุบัน คือ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง) มีภรรยาชื่อ "นวล" หรือ "ศรีนวล" ได้รู้จักกับพระเจ้าเสือด้วยการแข่งขันชกมวยไทยกัน เมื่อพระองค์แปลงองค์มาเป็นชาวบ้านธรรมดาและทรงโปรดในอุปนิสัยใจคอ ต่อมาได้กลายมาเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ ในบรรดาศักดิ์ พัน
เมื่อครั้งที่พระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย ประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึง"ตำบลโคกขาม"ซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระอาญาตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในครั้งแรก พระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ครั้งที่สองก็รับสั่งให้สร้างรูปปั้นปลอมแล้วตัดหัวรูปปั้นนั้นแทน แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ ในเวลาเช้าตรู่ ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2247 แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา พร้อมกับศีรษะของพันท้ายนรสิงห์และโขนเรือเอกไชยขึ้นตั้งไว้บูชาพร้อมกัน
ภายหลังพระเจ้าเสือได้ทรงให้พระยาราชสงคราม คุมไพร่พลจำนวน 3,000 คน ทำการขุดคลองลัดคลองโคกขามที่คดเคี้ยว ไปออกที่บริเวณแม่น้ำท่าจีน กว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก สร้างเสร็จในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ.ศ. 2252 ได้พระราชทานนามคลองนี้ว่า"คลองสนามไชย"
ต่อมาเรียกเป็นคลองมหาชัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัย แต่ชาวบ้านเรียกว่า"คลองถ่าน" ปัจจุบันชาวบ้านฝั่งธนบุรี เรียกชื่อว่า "คลองด่าน"
มรดกสืบทอด
ปัจจุบันมีสถานที่รำลึกหรือเกี่ยวเนื่องกับพันท้ายนรสิงห์หลายแห่ง ได้แก่
ศาลพันท้ายนรสิงห์
ศาลพันท้ายนรสิงห์ แห่งแรกตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์13°34′24.6″N 100°20′44.8″E / 13.573500°N 100.345778°E) เชื่อว่าเป็นศาลพันท้ายนรสิงห์ที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นจุดที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต ตัวศาลเดิมนั้นได้ผุพังไปตามกาลเวลาและถูกน้ำกัดเซาะตลิ่ง จึงได้มีการสร้างใหม่ และมีศาลในลักษณะศาลเพียงตาที่มีขา 6 ขา ที่ตั้งอยู่หน้าตัวศาลใหญ่ สร้างโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เมื่อปี พ.ศ. 2493 จากการที่ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องพันท้ายนรสิงห์ในปีเดียวกัน รูปเคารพพันท้ายนรสิงห์ในศาลแห่งนี้ สร้างขึ้นจากไม้จันทร์หอม
วัดโคกขาม
วัดโคกขาม ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์13°34′10.2″N 100°20′36.9″E / 13.569500°N 100.343583°E) ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นจุดที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิตด้วยเช่นกัน
อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์
เป็นอีกหนึ่งสถาณที่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ที่บ้านพันท้ายนรสิงห์ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์13°31′58.34″N 100°22′43.43″E / 13.5328722°N 100.3787306°E) เป็นอีกจุดหนึ่งที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต เนื่องจากกรมศิลปากรร่วมด้วยคณาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยได้งมพบท่อนไม้ท่อนหนึ่ง พร้อมกับไม้ที่ยาวราว 80 เซนติเมตร ที่เชื่อว่าเป็นโขนเรือเอกไชย ซึ่งมีร่องรอยความเสียหาย และเมื่อได้ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ตรงกับสมัยที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต จึงเชื่อว่าท่อนไม้นั้นเป็นหลักประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ และยังมีศาลเจ้าแม่ศรีนวล ผู้ที่เชื่อว่าเป็นภรรยาของพันท้ายนรสิงห์ และมีรูปเหมือนของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์ที่ทูลขอพระราชทานอาญาโทษประหารชีวิต
ศาลพันท้ายนรสิงห์แห่งนี้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 72 ตอนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้นอยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงมาไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบ ๆ ศาลไว้ประมาณ 100 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น "อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์" ภายในศาลมีรูปเคารพของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าของจริงในท่าถือท้ายคัดเรือ ที่สร้างขึ้นและนำมาประดิษฐานไว้เมื่อปี พ.ศ. 2519
ผู้ที่ศรัทธากราบไหว้พันท้ายนรสิงห์จะเรียกพันท้ายนรสิงห์ด้วยความเคารพว่า "พ่อพันท้าย" และเชื่อว่าสามารถบนบานสักการะขอได้ในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการเกณฑ์ทหาร ที่บนบานขอแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จ
อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์
จากบันทึกประวัติศาสตร์อ้างถึงถิ่นฐานเดิมว่าเป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของบรรพบุรุษชาวอ่างทอง จึงได้มีการร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ ขึ้นที่วัดนรสิงห์ ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532
การแข่งขันมวยไทย
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ได้มีการจัดการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ ชิงแชมป์เข็มขัดพันท้ายนรสิงห์ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสมุทรสาคร
ในวัฒนธรรมร่วมสมัย
เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ได้รับการนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ละครเวที, ภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์, หุ่นกระบอกไทย และหนังสือการ์ตูน
รูปแบบการนำเสนอ | ปี | พันท้ายนรสิงห์ | นวล | พระเจ้าเสือ |
ละครเวที | พ.ศ. 2488 | สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ | สุพรรณ บูรณะพิมพ์ | จอก ดอกจันทร์ |
ภาพยนตร์ | พ.ศ. 2493 | ชูชัย พระขรรค์ชัย | ถนอม อัครเศรณี | |
ละครเวที | พ.ศ. 2508 | กำธร สุวรรณปิยะศิริ | นงลักษณ์ โรจนพรรณ | ฉลอง สิมะเสถียร |
ละครโทรทัศน์ | พ.ศ. 2515 | ถนอม อัครเศรณี | ||
ละครโทรทัศน์ | พ.ศ. 2521 | นิรุตติ์ ศิริจรรยา | ดวงใจ หทัยกาญจน์ | ตรัยเทพ เทวะผลิน |
ภาพยนตร์ | พ.ศ. 2525 | สรพงษ์ ชาตรี | อาภาพร กรทิพย์ | สมบัติ เมทะนี |
ละครเวที | พ.ศ. 2532 | ศรัณยู วงษ์กระจ่าง | นาถยา แดงบุหงา | พิศาล อัครเศรณี |
ละครโทรทัศน์ | พ.ศ. 2543 | ธีรภัทร์ สัจจกุล | พิยดา อัครเศรณี | พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง |
ภาพยนตร์ | พ.ศ. 2558 | พงศกร เมตตาริกานนท์ | พิมดาว พานิชสมัย | พันเอกวันชนะ สวัสดี |
ละครโทรทัศน์ | พ.ศ. 2559 |
ละครเวที
- ละครเวทีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนิพนธ์เป็นบทละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ โดยเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นจากเรื่องเกร็ดในพงศาวดารและประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลพระเจ้าเสือ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แสดงโดยคณะศิวารมณ์ นำโดย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็น พันท้ายนรสิงห์, สุพรรณ บูรณะพิมพ์ เป็น นวล, จอก ดอกจันทร์ เป็น พระเจ้าเสือ มีเพลงประกอบคือเพลง น้ำตาแสงไต้ เป็นเพลงประกอบในฉากพันท้ายนรสิงห์และนวลร่ำลากัน ละครเวทีได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงสงครามและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
- ปี พ.ศ. 2508 ได้นำมาสร้างเป็นละครเวทีพิเศษเพื่อการกุศลของสมาคมต่อต้านยาเสพติดแห่งประเทศไทย แสดงที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับบทเป็น นวล ฉลอง สิมะเสถียร แสดงเป็นพระเจ้าเสือ
- ปี พ.ศ. 2532 จัดแสดงละครเวที พันท้ายนรสิงห์ขึ้น ณ ศาลาเฉลิมไทย เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการอำลา ศาลาเฉลิมไทย นำแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ นาถยา แดงบุหงา รับบทเป็น นวล และ พิศาล อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ
- ละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ มีการนำมาสร้างอีกหลายต่อหลายครั้ง โดยสร้างจากบทละครเวทีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล
ภาพยนตร์
- ปี พ.ศ. 2493 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ได้นำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์ครั้งแรก ในชื่อเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ โดยสร้างจากบทละครเวทีเดิม นำแสดงโดย ชูชัย พระขรรค์ชัย ซึ่งเป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียง มารับบทเป็นพันท้ายนรสิงห์ สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบทเป็น นวล และ ถนอม อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วมด้วย ทัต เอกทัต, ชั้น แสงเพ็ญ, อบ บุญติด และ สมพงษ์ พงษ์มิตร กำกับการแสดงโดย มารุต
- ปี พ.ศ. 2525 บริษัทไชโยภาพยนตร์ ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ 35 มม. ในชื่อ พระเจ้าเสือ พันท้ายนรสิงห์ กำกับการแสดงโดย เนรมิต นำแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี เป็น พันท้ายนรสิงห์, สมบัติ เมทะนี เป็น พระเจ้าเสือ, อาภาพร กรทิพย์ เป็น นวล ร่วมด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์, มานพ อัศวเทพ, ส.อาสนจินดา, สีเทา, สุพรรณ บูรณะพิมพ์, จิรศักดิ์ อิศรางกูร ภาพยนตร์เน้นเรื่องราวและความผูกพันของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์
- ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้นำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์อีกครั้ง นำแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล กำหนดฉายวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ละครโทรทัศน์
- ประมาณปี พ.ศ. 2515 ละครโทรทัศน์ครั้งแรก ออกอากาศทางช่อง 4 บางขุนพรหม นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับบทเป็น นวล
- ปี พ.ศ. 2521 ละครโทรทัศน์ออกอากาศทางช่อง 5 นำแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ ดวงใจ หทัยกาญจน์ รับบทเป็น นวล และ ตรัยเทพ เทวะผลิน รับบทเป็น พระเจ้าเสือ
- ปี พ.ศ. 2543 ละครโทรทัศน์ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำแสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุล รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พิยดา อัครเศรณี รับบทเป็น นวล และ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วมด้วย กมลชนก โกมลฐิติ, ธนายง ว่องตระกูล, สุวัจนี ไชยมุสิก, ชุติมา นัยนา, วิทิต แลต กำกับการแสดงโดย พิศาล อัครเศรณี
- ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย ได้นำฉบับเต็มของภาพยนตร์ที่ฉายในปี พ.ศ. 2558 มาออกอากาศเป็นละครโทรทัศน์ความยาว 20 ตอนทางช่องเวิร์คพอยท์ นำแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล โดยเริ่มออกอากาศในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 และอวสานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ในตอนแรกละครเรื่องนี้จะออกอากาศทางช่อง 3 เนื่องจาก พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท พันท้ายนรสิงห์ เป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 แต่ด้วยปัญหาเรื่องช่วงเวลาออกอากาศทำให้ท่านมุ้ยทรงนำพันท้ายนรสิงห์ไปตัดต่อและฉายเป็นภาพยนตร์ ต่อมา หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม โอรสของท่านมุ้ยได้ตัดสินใจซื้อละครพันท้ายนรสิงห์กลับมาจากช่อง 3 และนำไปออกอากาศทางช่องโมโน 29 แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ละครเรื่องนี้ไม่สามารถออกอากาศทางช่องโมโน 29 ได้ ทำให้ท่านมุ้ยตัดสินใจนำละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์มาออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์แทน มีจำนวน 19 ตอน ตอนสุดท้ายออกอากาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ดูเพิ่ม
- น้ำตาแสงไต้ เพลงประกอบละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ พ.ศ. 2488
- พันท้ายนรสิงห์ (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2493)
- พันท้ายนรสิงห์ (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2558)
อ้างอิง
- "ความซื่อสัตย์นั้น สำคัญไฉน - Quality of Life - Manager Online". ผู้จัดการออนไลน์.
- ↑ "Lineกนก วันที่ 7 พฤษภาคม 2017". เนชั่นทีวี. 2017-05-07. สืบค้นเมื่อ 2017-05-08.
- พิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ - ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
- "ตามรอยพันท้ายนรสิงห์ ในงาน สมุทรสาคร นคร แห่งความซื่อสัตย์". ผู้จัดการออนไลน์.
- 'มหาชัย'จัดใหญ่ รำลึกความซื่อสัตย์ 'พันท้ายนรสิงห์'
- "MRT พาน้องชมหุ่นกระบอกไทย - iBiz - Manager Online". ผู้จัดการออนไลน์.
- พันท้ายนรสิงห์ (ฉบับการ์ตูน) - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- นักซ่อมพระกรุงเก่า สุดแน่ไม่แท้ไม่ซ่อม - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
- http://www.thaifilm.com/forumDetail.asp?topicID=4255&page=2&keyword=
- ALWAYS ON MY MIND: พันท้ายนรสิงห์ (2000)
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: พันท้ายนรสิงห์ |
- ธนพงศ์ จิตต์สง่า. (2556, ต.ค.–2557, มี.ค.). การมองพันท้ายนรสิงห์ในบริบททางประวัติศาสตร์ไทย. วารสารไทยคดีศึกษา. 11(1): 81–126.