ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 นัดชิงชนะเลิศ
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 นัดชิงชนะเลิศ กำหนดจัดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 ที่สนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติเคียฟ ในเคียฟของยูเครน เพื่อตัดสินหาทีมชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 (ยูโร 2012) ทีมที่ป้องกันตำแหน่งชนะเลิศคือสเปน ซึ่งชนะการแข่งขันต่อเยอรมนี 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2008
รายการ | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 |
---|---|
วันที่ | 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 |
สนาม | สนามกีฬาโอลิมปิก, เคียฟ, ยูเครน |
ผู้เล่นยอดเยี่ยม ประจำนัด | อันเดรส อีเนียสตา |
ผู้ตัดสิน | เปดรู ปรูเองซา |
ผู้ชม | 63,170 คน |
สภาพอากาศ | ท้องฟ้าแจ่มใส อุณหภูมิ 26 °C ความชื้นสัมพัทธ์ 42% |
สเปนประกบคู่มาแข่งขันกับอิตาลี ในความพยายามรักษาตำแหน่งชนะเลิศของพวกเขาไว้ หากสเปนชนะเลิศในครั้งนี้ พวกเขาจะเป็นทีมแรกที่ชนะเลิศ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป สองสมัยติดต่อกัน และจะเป็นฟุตบอลทีมชาติแรก ที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการใหญ่ (ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป และ ฟุตบอลโลก) สามครั้งติดต่อกัน
ผู้ชนะเลิศในรายการนี้ จะได้รับสิทธิเข้าแข่งขัน ในรายการคอนเฟเดอเรชันส์คัพของฟีฟ่า ประจำปี ค.ศ. 2013 โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม สเปนได้สิทธิเข้าแข่งขันอยู่ก่อนแล้ว ในสถานะผู้ชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ดังนั้นอิตาลีจะผ่านการคัดเลือกจากยูฟ่าโดยอัตโนมัติ เมื่อเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชนะเลิศหรือไม่ก็ตาม
ภูมิหลัง
ก่อนการแข่งขันนัดนี้ ทั้งสองทีมพบกันมาแล้ว 30 ครั้ง โดยอิตาลีชนะ 10 นัด ส่วนสเปนชนะ 8 นัด ซึ่งการแข่งขันครั้งหลังสุด เป็นนัดกระชับมิตรเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2011 ที่สนามสตาดิโอ ซาน นีโกลา ในเมืองบารี ผลปรากฏว่า อิตาลีเปิดบ้านชนะสเปนไป 2-1 อิตาลีเคยชนะเลิศฟุตบอลยูโรมาแล้วเมื่อ ค.ศ. 1968 ขณะที่สเปนได้มาสองสมัยด้วยกัน คือในการแข่งขันเมื่อ ค.ศ. 1964 ซึ่งชนะสหภาพโซเวียต และครั้งล่าสุดเมื่อ ค.ศ. 2008 ซึ่งชนะทีมชาติเยอรมนี
โดยทีมชาติฝรั่งเศส เคยเป็นผู้ชนะเลิศเหนือทั้งสองชาติมาก่อนแล้ว โดยในฟุตบอลยูโรเมื่อ ค.ศ. 2000 พวกเขาชนะอิตาลี 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ด้วยระบบโกลเดนโกล และในการแข่งขันเมื่อ ค.ศ. 1984 ฝรั่งเศสเอาชนะสเปน 2-0 ในเวลาปกติ อนึ่ง เมื่อเริ่มต้นการแข่งขันคราวนี้ สเปนเป็นทีมอันดับหนึ่ง จากการจัดอันดับของฟีฟ่า ขณะที่อิตาลีอยู่ในอันดับที่ 12 ส่วนการจัดอันดับของยูฟ่า พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 8 อย่างไรก็ตาม อิตาลีเคยชนะเลิศในฟุตบอลโลกมาถึง 4 สมัย คือเมื่อครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1934) ครั้งที่ 3 (ค.ศ. 1938) ครั้งที่ 12 (ค.ศ. 1982) และครั้งที่ 18 (ค.ศ. 2006) ซึ่งมากที่สุดในบรรดาทีมชาติยุโรป แต่ก็พ่ายแพ้ต่อบราซิลไป 2 สมัย จากครั้งที่ 9 (ค.ศ. 1970) และครั้งที่ 15 (ค.ศ. 1994) ส่วนสเปนเพิ่งชนะเลิศในครั้งที่ 19 เมื่อปี ค.ศ. 2010 เท่านั้น
เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ
สเปน | รอบ | อิตาลี | ||
---|---|---|---|---|
คู่แข่งขัน | ผลการแข่งขัน | รอบแบ่งกลุ่ม | คู่แข่งขัน | ผลการแข่งขัน |
อิตาลี | 1 – 1 | นัดที่ 1 | สเปน | 1 – 1 |
ไอร์แลนด์ | 4 – 0 | นัดที่ 2 | โครเอเชีย | 1 – 1 |
โครเอเชีย | 1 – 0 | นัดที่ 3 | ไอร์แลนด์ | 2 – 0 |
| ตารางคะแนนสิ้นสุด | | ||
คู่แข่งขัน | ผลการแข่งขัน | รอบแพ้คัดออก | คู่แข่งขัน | ผลการแข่งขัน |
ฝรั่งเศส | 2 – 0 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | อังกฤษ | 0 – 0 (หลังต่อเวลาพิเศษ) (4 – 2 ยิงลูกโทษ) |
โปรตุเกส | 0 – 0 (หลังต่อเวลาพิเศษ) (4 – 2 ยิงลูกโทษ) | รอบรองชนะเลิศ | เยอรมนี | 2 – 1 |
การแข่งขัน
รายละเอียด
1 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 21:45 UTC+3 | สเปน | 4 – 0 | อิตาลี | สนามกีฬาโอลิมปิกแห่งชาติ, เคียฟ ผู้ชม: 63,170 คน ผู้ตัดสิน: เปดรู ปรูเองซา |
---|---|---|---|---|
ดาบิด ซิลบา 14' ฌอร์ดี อัลบา 41' เฟร์นันโด ตอร์เรส 84' ควน มาตา 88' | รายงาน |
สเปน | อิตาลี |
|
|
แมนออฟเดอะแมตช์: ผู้ช่วยผู้ตัดสิน: |
สถิติ
- ตลอดเกม
รายการสถิติ | สเปน | อิตาลี |
---|---|---|
ประตู | 4 | 0 |
การยิงรวม | 14 | 11 |
เข้ากรอบ | 9 | 6 |
การครอบครองบอล | 52% | 48% |
การเตะมุม | 3 | 3 |
การทำฟาวล์ | 17 | 10 |
การล้ำหน้า | 3 | 3 |
ใบเหลือง | 1 | 1 |
ใบแดง | 0 | 0 |
หลังเกมการแข่งขัน
มีแชล ปลาตีนี ประธานสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลอ็องรี เดอโลแน แก่อีเกร์ กาซียัส หัวหน้าทีมชาติสเปน ทั้งนี้ หัวหน้าผู้ฝึกสอน บีเซนเต เดล โบสเก เป็นบุคคลที่สองที่นำทีมชาติขึ้นรับถ้วยรางวัลในการแข่งขันฟุตบอลยูโรและฟุตบอลโลก ต่อจากเฮลมุท เชิน หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติเยอรมนี (ค.ศ. 1937–1941) และเป็นชาติแรกที่สโมสรฟุตบอลของตนชนะเลิศการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกด้วย
อ้างอิง
- ↑ "Tactical Line-up – Final – Spain-Italy" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 1 July 2012. สืบค้นเมื่อ 1 July 2012.
- "Fixture plan brings EURO dream closer". Union of European Football Associations. 4 October 2010. สืบค้นเมื่อ 3 January 2012.
- McNulty, Phil (29 June 2008). "Germany 0–1 Spain". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 22 June 2012.
- Logothetis, Paul (27 June 2012). "Euro 2012: Spain won't change game plan for Portugal's Cristiano Ronaldo". National Post. สืบค้นเมื่อ 28 June 2012.
- Evans, Simon (27 June 2012). "Spot-on Fabregas sends Spain into Euro 2012 final". Chicago Tribune. สืบค้นเมื่อ 28 June 2012.
- "Italy qualify for Confederations Cup". Soccerway. 29 June 2012.
- "Match Press kit – Final – Spain-Italy" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 1 July 2012. สืบค้นเมื่อ 1 July 2012.
- . ESPN Soccernet. ESPN. 10 August 2011. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2011-12-23. สืบค้นเมื่อ 1 July 2012.
- ↑ "Full-time report Spain-Italy" (PDF). UEFA.com. Union of European Football Associations. 1 July 2012. สืบค้นเมื่อ 1 July 2012.
- "Team statistics: Full time" (PDF). www.UEFA.com. สมาคมฟุตบอลยุโรป. 1 July 2012. สืบค้นเมื่อ 2 July 2012.
- Atkin, John (1 July 2012). "Double-winning Del Bosque matches Schön feat". UEFA.com. Kiev: Union of European Football Associations. สืบค้นเมื่อ 1 July 2012.
- Atkin, John (2 July 2012). "Del Bosque reflects on 'historic win' for Spain". UEFA.com. Union of European Football Associations. สืบค้นเมื่อ 2 July 2012.