fbpx
วิกิพีเดีย

สงครามพม่าตีเชียงใหม่ พ.ศ. 2340 และ 2345

สงครามพม่าตีเชียงใหม่ พ.ศ. 2345 เป็นสงครามระหว่างสยามอาณาจักรรัตนโกสินทร์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และอาณาจักรพม่าในสมัยพระเจ้าปดุงแห่งราชวงศ์คองบอง เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งเหนืออาณาจักรล้านนาระหว่างสยามและพม่า พระเจ้าปดุงแห่งพม่าส่งทัพเข้ารุกรานเมืองเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทยกทัพจากกรุงเทพขึ้นไปช่วยเหลือพระยากาวิละแห่งเชียงใหม่ในการต่อสู้กับพม่า ผลของสงครามนี้สยามได้รับชัยชนะสามารถขับทัพพม่าออกไปได้ การรุกรานเชียงใหม่ของพม่าในปีพ.ศ. 2345 นี้ เป็นการรุกรานล้านนาของพม่าครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย และนำไปสู่สงครามเชียงแสนในพ.ศ. 2347

เหตุการณ์นำ

ล้านนาแยกตัวจากพม่ามาขึ้นกับสยาม

นับตั้งแต่การเสียเมืองเชียงใหม่ให้แก่พระเจ้าบุเรงนองในพ.ศ. 2101 อาณาจักรล้านนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าเป็นเวลาประมาณสองร้อยปี ในพ.ศ. 2312 สะโตมังถาง (Thado Mindin သတိုးမင်းထင်) หรือโป่มะยุง่วน (Po Myo Wun ဗိုလ်မြို့ဝန်) มาเป็นเจ้าเมืองเชียงใหม่ สมัยการปกครองของโป่มะยุง่วนเป็นสมัยแห่งการกดขี่ พม่ามีคำสั่งให้ชายชาวล้านนาทั้งปวงสักขาดำตามแบบพม่า และหญิงล้านนาให้เจาะหูแบบพม่า เรียกว่า “สักขาถ่างหู” พญาจ่าบ้าน (บุญมา) แห่งเชียงใหม่ และนายกาวิละ บุตรของเจ้าฟ้าชายแก้วเจ้าเมืองลำปาง เกิดความขัดแย้งกับโป่มะยุง่วน ในเรื่องที่โป่มะยุง่วนลิดรอนอำนาจของขุนนางล้านนาพื้นเมืองเดิม พญาจ่าบ้านและนายกาวิละไปเข้าเฝ้าพระเจ้ามังระแห่งพม่าราชวงศ์คองบองที่กรุงอังวะ เพื่อร้องเรียนการใช้อำนาจบาตรใหญ่ของโป่มะยุง่วน พระเจ้ามังระพระราชทานท้องตราให้แก่พญาจ่าบ้านมายังเมืองเชียงใหม่ มีพระราชโองการให้โป่มะยุง่วนคืนอำนาจให้แก่ขุนนางล้านนา แต่โป่มะยุง่วนไม่รับท้องตรา ยกทัพมาจับกุมตัวพญาจ่าบ้าน (บุญมา) จึงเกิดการปะทะกันระหว่างพญาจ่าบ้านและโป่มะยุง่วนขึ้นที่เมืองเชียงใหม่ พญาจ่าบ้านสู้ไม่ได้จึงหลบหนีไปหาโปสุพลา (เนเมียวสีหบดี) ที่เมืองหลวงพระบาง โปสุพลาจึงนำพญาจ่าบ้านกลับคืนมาเมืองเชียงใหม่

ในพ.ศ. 2317 โปสุพลาเตรียมการยกทัพพม่าจากเชียงใหม่ลงมาโจมตีธนบุรี พญาจ่าบ้าน (บุญมา) และนายกาวิละแห่งลำปางมีความคิดที่จะเข้าสวามิภักดิ์ต่อสยาม พญาจ่าบ้านขออาสาต่อโปสุพลาไปขุดลอกเส้นทางแม่น้ำปิงเพื่อเตรียมการให้ทัพเรือพม่ายกลงไป เมื่อพญาจ่าบ้าน (บุญมา) เดินทางลงไปถึงเมืองฮอด ก็เข้าสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้าตากสินที่เมืองตาก ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ครั้งที่สองในพ.ศ. 2317 เจ้าพระยาจักรียกทัพไปถึงเมืองลำปาง นายกาวิละจึงลุกฮือขึ้นสังหารขุนนางและทหารพม่าในลำปางไปจนเกือบหมดสิ้น นายกาวิละนำทางทัพของเจ้าพระยาจักรีไปถึงเมืองเชียงใหม่ เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์สามารถเข้ายึดเมืองเชียงใหม่ได้สำเร็จ นับตั้งแต่นั้นหัวเมืองล้านนาได้แก่เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแพร่ จึงแยกตัวจากพม่ามาอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม ในขณะที่หัวเมืองล้านนาฝ่ายเหนือได้แก่เชียงแสน เชียงราย ฝาง พะเยา ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าอยู่ สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงแต่งตั้งให้พญาจ่าบ้าน (บุญมา) เป็นพระยาวิเชียรปราการเจ้าเมืองเชียงใหม่ และนายกาวิละขึ้นเป็นพระยากาวิละเจ้าเมืองลำปาง เมืองเชียงแสนจึงกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจของพม่าในดินแดนล้านนา

ในพ.ศ. 2318 พระยาวิเชียรปราการ (บุญมา) ยกทัพขึ้นไปตีเมืองเชียงแสน แต่ปรากฏว่าในเวลานั้น พระเจ้าจิงกูจา (Singu Min) แห่งพม่าส่งทัพจำนวนถึง 90,000 คน มาเข้าโจมตีเมืองเชียงใหม่ พระยาวิเชียรปราการ (บุญมา) เจ้าเมืองเชียงใหม่มีกำลังพลไม่เพียงต่อการป้องกันเมืองเชียงใหม่ จึงละทิ้งเมืองเชียงใหม่ถอยไปอยู่ที่เมืองตาก ทัพพม่ายกไปตีเมืองลำปาง พระยากาวิละต้านทานทัพพม่าไม่ได้เช่นกัน จึงทิ้งเมืองลำปางลงใต้ไปอยู่ที่เมืองสวรรคโลก จากนั้นทัพพม่าจึงกลับไป พระยากาวิละกลับมาครองเมืองลำปางในปีต่อมาพ.ศ. 2319 พระยาวิเชียรปราการพยายามที่จะรื้อฟื้นเมืองเชียงใหม่ขึ้นอีกครั้งแต่ไม่สำเร็จ เดินทางไปธนบุรีแล้วกลับขึ้นมาใหม่โยกย้ายไปมาหลายแห่ง สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีท้องตราเรียกตัวพระยาวิเชียรปราการ (บุญมา) ลงมาสอบสวนที่ธนบุรี พระยาวิเชียรปราการ (บุญมา) ถูกจำคุกถึงแก่กรรมในคุกนั้น นับแต่นั้นมาเมืองเชียงใหม่จึงกลายเป็นเมืองรกร้างปราศจากผู้คนป่าขึ้นทึบสัตว์ป่ามาอาศัยอยู่ บ้านเมืองล้านนาโดยรวมตกอยู่ในสภาพ “บ้านห่าง นาห่าง บ้านอุก เมืองรก ไพทางใต้ค็กลัวเสือไพทางเหนือค็กลัวช้าง บ้านเมืองบ่หมั่นบ่เที่ยง

สงครามกับพม่า

พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงแต่งตั้งพระยากาวิละเป็นพระยาวิเชียรปราการเจ้าเมืองเชียงใหม่ ให้นายน้อยธรรมน้องชายของพระยากาวิละเป็นอุปราชเมืองเชียงใหม่ แต่ในเวลานั้นเมืองเชียงใหม่ยังคงเป็นเมืองร้างยังไม่สามารถตั้งเมืองอยู่ได้ พระยากาวิละจึงมาตั้งมั่นที่เวียงป่าซาง (หรือป่าช้าง) เพื่อรวบรวมผู้คนไปตั้งเมืองเชียงใหม่ เมืองลำปางและเวียงป่าซางของพระยากาวิละกลายเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของล้านนาและสยามในการต้านทานการรุกรานของพม่า ในสงครามเก้าทัพ พ.ศ. 2328 เจ้าชายปะกันแมงสะโดสิริมหาอุจนาพระอนุชาของพระเจ้าปดุงยกทัพหัวเมืองไทใหญ่มาที่เมืองเชียงแสน เจ้าชายสะโดสิริมหาอุจนาและธาปะระกามะนี (Abaya-Kamani အဘယကာမဏိ) (พื้นเมืองเชียงแสนเรียก พะแพหวุ่น) ยกทัพพม่าจากเมืองเชียงแสนจำนวน 30,000 คน เข้าโจมตีและล้อมเมืองลำปาง นำไปสู่การล้อมเมืองลำปาง นอกจากนี้ ฝ่ายพม่ายังยกทัพไปตีเมืองแพร่จับกุมตัวพระยาแพร่มังไชยเจ้าเมืองแพร่กลับไปเป็นเชลย พญากาวิละรักษาเมืองลำปางอยู่ได้เกือบสามเดือน ทางฝ่ายกรุงเทพฯจึงส่งทัพขึ้นมานำโดยพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา และเจ้าพระยามหาเสนา (ปลี) ช่วยเหลือขับไล่พม่าให้พ้นไปจากเมืองลำปางได้สำเร็จใน พ.ศ. 2329 กองทัพพม่าถอยทัพกลับไป แต่ตั้งให้ธาปะระกามะนีเป็นเจ้าเมืองเชียงแสน

ในพ.ศ. 2319 พระยากาวิละส่งคนขึ้นไปเกลี้ยกล่อมหัวเมืองทางเหนือต่อล้านนาต่างๆให้เป็นกบฏแยกตัวจากพม่า เจ้าฟ้าเมืองยอง (Mong Yawng) เจ้าเมืองฝาง และพระยาแพร่มังไชยซึ่งถูกจับกุมตัวไปไว้ที่เชียงแสนตั้งแต่สงครามเก้าทัพ จึงลุกฮือขึ้นก่อกบฏต่อพม่า ปีต่อมาในพ.ศ. 2330 พระเจ้าปดุงส่งทัพมาปราบเมืองฝางได้ และตั้งทัพที่เมืองฝางเตรียมเข้ารุกรานลำปางต่อไป ธาปะระกามะนีนำกองทัพเข้ามาสมทบก่อนกลับเมืองเชียงแสน เจ้าอัตถวรปัญโญเจ้าเมืองน่านเข้าขอสวามิภักดิ์ต่อสยาม พระยาแพร่มังไชยอยู่ที่เมืองยองร่วมมือกับเจ้าฟ้ากองเมืองยอง ยกทัพเข้าโจมตีเมืองเชียงแสน ธาปะระกามะนีหลบหนีไปเมืองเชียงราย พระยาเพชรเม็ง (น้อยจิตตะ) เจ้าฟ้าเมืองเชียงรายจับตัวธาปะระกามะนีส่งให้แก่พระยากาวิละ พระยากาวิละจึงส่งตัวธาปะระกามะนีลงมาที่กรุงเทพฯ ฝ่ายพม่าตีเมืองเชียงแสนคืนไปได้และยกทัพจากเชียงแสนและเมืองฝาง เข้าโจมตีเมืองลำปางและยกมาทางเมืองยวม (อำเภอแม่สะเรียง) เข้าตีเมืองป่าซาง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ มีพระราชโองการให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เสด็จยกทัพขึ้นมาช่วยเมืองลำปาง กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงสามารถขับทัพพม่าออกไปจากลำปางได้สำเร็จ หลังจากที่เมืองเชียงใหม่เป็นเมืองร้างเป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดปี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้ตั้งเมืองเชียงใหม่ขึ้นอีกครั้งให้เรียบร้อย เพื่อเป็นเมืองสำหรับการรับศึกพม่าทางเหนือ ให้พระยากาวิละรวบรวมผู้คนจากลำปางมาตั้งเมืองเชียงใหม่ พระยากาวิละยังคงอยู่ที่เวียงป่าซางอยู่จนถึง พ.ศ. 2339 จึงเข้าครองเมืองเชียงใหม่

พม่าตีเชียงใหม่ พ.ศ. 2340

พม่าตีเชียงใหม่ พ.ศ. 2340
ส่วนหนึ่งของ สงครามพม่า-สยาม
วันที่พ.ศ. 2340 ถึงเมษายน พ.ศ. 2341
สถานที่อาณาจักรล้านนา: เชียงใหม่ ลำพูน
ผล สยามได้ชัยชนะ
คู่สงคราม
  ราชวงศ์โก้นบอง (พม่า)   อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สยาม)
  อาณาจักรล้านนา
  อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
  พระเจ้าปดุง
  อินแซะหวุ่นเนเมียวจอดินสีหสุระ
  เนเมียว จอข่อง
  เนเมียว เยกอง นอระธา
  อุบากอง
  เนเมียว จอดินสีหสุระ
  แมงยีสิงคะยา
  แมงยี นันทะจอดิน
  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
  สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
  กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์
  พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา
  พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์
  กรมขุนสุนทรภูเบศร์
  เจ้าอนุวงศ์
  พระยากลาโหมราชเสนา
  พระยายมราช (บุญมา)
  พระยากาวิละ
กำลัง
55,000 คน 60,000 คน

พระเจ้าปดุงแห่งพม่ายังคงทรงมีขัตติยมานะในการกอบกู้หัวเมืองล้านนาทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำคงให้กลับไปคืนแก่พม่า พระเจ้าปดุงทรงแต่งทัพเข้ารุกรานเมืองเชียงใหม่ในพ.ศ. 2340 แม่ทัพพม่าคืออินแซะหวุ่นเนเมียวจอดินสีหสุระ (Einshe Wun Nemyo Kyawdin Thihathu) แม่ทัพพม่าผู้ซึ่งได้เอาชนะทัพฝ่ายไทยในการรบที่เมืองทวายเมื่อพ.ศ. 2337 เนเมียวจอดินสีหสุระยกทัพจำนวน 55,000 คน มาทางเมืองนายและแบ่งทัพออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งยกมาทางเมืองปั่น (Mong Pan) และอีกส่วนหนึ่งยกมาทางเมืองหางหรือเมืองแหง (Mong Hin) ลงมาล้อมเมืองเชียงใหม่ไว้ และส่งทัพบางส่วนไปตั้งมั่นที่เมืองลำพูนและเมืองลี้ พระยากาวิละนำญาติพี่น้องจัดทัพออกรบต่อการกับพม่า แต่ฝ่ายพม่าเข้าตีเมืองเชียงใหม่หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง จึงให้คนถือศุภอักษรลงไปกรุงเทพฯขอพระราชทานทัพมาช่วยเมืองเชียงใหม่ รายละเอียดการรบระหว่างสยามและพม่าในครั้งนี้ ปรากฏในเพลงยาวพระยาสุนทรพิทักษ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้จัดทัพขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่จำนวน 20,000 คน ดังนี้;

นอกจากนี้ เจ้าอุปราชอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ อนุชาของพระเจ้าอินทวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ยกทัพลาวเวียงจันทน์จำนวน 20,000 คน เพื่อมาช่วยเมืองเชียงใหม่อีกด้วย

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปถึงเมืองเถิน จากนั้นมีพระราชบัณฑูรให้กรมหลวงเทพหริรักษ์ กรมขุนสุนทรภูเบศร์ พระยากลาโหมราชเสนา และพระยายมราช (บุญมา) ยกทัพล่วงหน้าไปตั้งที่เมืองลำปางก่อน ให้พระองค์เจ้าลำดวนและพระองค์เจ้าอินทปัตเสด็จยกทัพไปสู้กับพม่าที่เมืองลี้ จากนั้นทัพฝ่ายวังหน้าและวังหลวงจากเมืองลำปางจึงแข่งขันกันเข้ายึดเมืองลำพูนจากพม่า กรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราชยกทัพวังหลวงไปตั้งที่ทางใต้ของเมืองลำพูน ส่วนกรมขุนสุนทรภูเบศร์และพระยากลาโหมราชเสนายกทัพวังหน้าไปตั้งทางตะวันตกเฉียงเหนือของลำปางทางเมืองป่าซาง ทั้งทัพวังหน้าและวังหลวงเข้าโจมตีเมืองลำพูน นำไปสู่การรบที่ลำพูน ฝ่ายทัพพม่าที่เมืองลี้ยกมาโจมตีทัพไทยที่ลำพูน ทัพฝ่ายไทยสามารถเข้ายึดเมืองลำพูนได้สำเร็จในเดือนเมษายน พ.ศ. 2341 ฝ่ายพม่าที่ลำพูนแตกพ่ายกลับไปเมืองเชียงใหม่

ทัพของทั้งวังหน้าและวังหลวงยกจากลำพูนขึ้นไปโจมตีพม่าที่เชียงใหม่ นำไปสู่การรบที่เชียงใหม่ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2341 ในเวลานั้น ทัพลาวเวียงจันทน์ของเจ้าอนุวงศ์จำนวน 20,000 คนมาถึงเมืองเชียงใหม่ ทัพหลวงของกรมพระราชวังหลังฯและพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นจักรเจษฎา จำนวนอีก 20,000 คน ได้ยกมาสมทบที่เชียงใหม่เช่นกัน กรมหลวงเทพหริรักษ์ทรงยกทัพเข้าตีทัพพม่าทางตะวันตกของเชียงใหม่ กรมขุนสุนทรภูเบศร์ยกเข้าตีทางแม่น้ำปิงทางตะวันออก เจ้าอนุวงศ์ยกเข้าตีทางห้วยแม่ข่า กรมพระราชวังหลังและกรมหลวงจักรเจษฎาทรงยกเข้าตีทางวังตาล พระยากาวิละยกทัพออกมาตีจากในเมืองเชียงใหม่ ทัพพม่าแตกพ่ายยับเยินถอยร่นกลับไป แม่ทัพพม่าคนหนึ่งชื่อว่าเนเมียวจอดินสีหสุระ (Nemyo Kyawdinthihathu) ถูกสังหารในที่รบ แม่ทัพพม่าชื่อว่าอุบากอง (Upagaung) ถูกจับเป็นเชลย เมื่อมีชัยชนะเหนือพม่าแล้ว กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงยกทัพเสด็จคืนพระนคร

เชียงใหม่ตีเมืองสาดและเชียงตุง

อาณาจักรล้านนาเปรียบเสมือนเป็นเมืองหน้าด่านรัฐกันชนระหว่างสยามและพม่า หัวเมืองล้านนาต่างๆมีข้อเสียเปรียบพม่าประสบปัญหาขาดแคลนกำลังคนเนื่องจากสงครามที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน พระยากาวิละแห่งเชียงใหม่และเจ้าเมืองล้านนาอื่นๆ ต่างดำเนินนโยบาย”เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง” ยกทัพออกไปโจมตีเมืองต่างๆเพื่อกวาดต้อนกำลังพลเข้ามาในเมืองล้านนา ในพ.ศ. 2345 พระเจ้าปดุงทรงแต่งตั้งให้นายจอมหง ซึ่งเป็นชาวจีนจากมณฑลยูนนาน ให้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าเมืองสาด (Mong Hsat) และพระเจ้าปดุงทรงประกาศยกย่องราชาจอมหงแห่งเมืองสาดให้เป็นเจ้าเหนือหัวเมืองล้านนาทั้งปวงทั้งห้าสิบเจ็ดหัวเมือง พระยากาวิละแห่งเชียงใหม่จึงมีคำสั่งให้อุปราชน้อยธรรม ยกทัพเชียงใหม่ขึ้นไปโจมตีเมืองสาดในเดือนเมษายนพ.ศ. 2345 อุปราชน้อยธรรมสามารถเข้ายึดเมืองสาดได้อุปราชน้อยธรรมจับกุมตัวราชาจอมหง รวมทั้งจับกุมทูตพม่าซึ่งได้เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับพระเจ้ายาล็องแห่งเวียดนาม จากนั้นอุปราชน้อยธรรมจึงยกทัพเลยไปโจมตีเมืองเชียงตุง เมืองเชียงตุงเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนาในสมัยราชวงศ์มังราย ประชากรเมืองเชียงตุงเป็นชาวไทเขิน อุปราชน้อยธรรมจึงยกทัพขึ้นไปตีเมืองเชียงตุง เข้ายึดเมืองเชียงตุงได้อีกเช่นกัน เจ้าฟ้าศิริไชยเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงหลบหนีไป อุปราชน้อยธรรมกวาดต้อนชาวไทเขินจากเมืองเชียงตุงจำนวน 6,000 คน และจากเมืองสาดอีก 5,000 คน มาไว้ที่เมืองเชียงใหม่ เมืองเชียงตุงถูกทำลายและว่างร้างลง

พระเจ้าปดุงทรงพิโรธพระยากาวิละแห่งเชียงใหม่ที่ยกทัพไปตีเมืองเชียงตุงและเมืองสาดและจับทูตพม่าไป จึงมีพระราชโองการให้จัดทัพพม่าเข้าตีเมืองเชียงใหม่อีกเป็นครั้งที่สอง

สงคราม

พม่าตีเชียงใหม่ พ.ศ. 2345
ส่วนหนึ่งของ สงครามพม่า-สยาม
วันที่พ.ศ. 2345
สถานที่อาณาจักรล้านนา: เชียงใหม่ ลำพูน
ผล สยามได้ชัยชนะ
คู่สงคราม
  ราชวงศ์โก้นบอง (พม่า)   อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สยาม)
  อาณาจักรล้านนา
  อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
  พระเจ้าปดุง
  อินแซะหวุ่นเนเมียวจอดินสีหสุระ
  ชิดชิงโป
  ปไลโว
  มะเดมะโยงโกงดอรัด
  นามิแลง
  ตองแพกะเมียวุ่น
  มะยอแพกะเมียวุ่น
  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
  สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
  กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์
  พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์
  กรมขุนสุนทรภูเบศร์
  เจ้าอนุวงศ์
  พระยายมราช (บุญมา)
  พระยากาวิละ

พระเจ้าปดุงทรงจัดทัพพม่าเข้ารุกรานเชียงใหม่อีกครั้งในพ.ศ. 2345 โดยมีอินแซะหวุ่นเนเมียวจอดินสีหสุระ แม่ทัพคนเดิมซึ่งได้ยกทัพมาตีเชียงใหม่ครั้งก่อนเมื่อพ.ศ. 2340 มาเป็นโบชุกหรือแม่ทัพใหญ่อีกครั้ง ทัพพม่าประกอบด้วยทัพย่อยนำโดย;

  • ชิดชิงโป
  • ปไลโว
  • มะเดมะโยงโกงดอรัด
  • นามิแลง
  • ตองแพกะเมียวุ่น
  • มะยอแพกะเมียวุ่น

เนเมียวจอดินสีหสุระนำทัพพม่าเข้ายึดเมืองลำพูนแล้วล้อมเมืองเชียงใหม่ไว้ทั้งสี่ด้านจำนวนเจ็ดค่าย ทำค่ายล้อมเมืองเชียงใหม่อย่างแน่นหนาวางแผนที่จะล้อมเมืองเชียงใหม่อยู่เป็นเวลานาน

ในระหว่างก่อนหน้านี้ พระยากลาโหมราชเสนาคนเก่า และพระยาจ่าแสนยากร (ทุเรียน) ได้ถึงแก่กรรมลง กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงทรงแต่งตั้งพระยาเสน่หาภูธร (ทองอิน) ขึ้นว่าที่กลาโหมราชเสนา และแต่งตั้งพระยามหาวินิจฉัยขึ้นว่าที่จ่าแสนยากร

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้จัดทัพขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่อีกครั้งดังนี้;

  • ฝ่ายพระราชวังบวร: กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พร้อมทั้งพระโอรสคือพระองค์เจ้าลำดวนและพระองค์เจ้าอินทปัต พร้อมทั้งกรมขุนสุนทรภูเบศร์ พระยาเสน่หาภูธร (ทองอิน) ว่าที่กลาโหมราชเสนา
  • ฝ่ายพระราชวังหลวงและทัพหัวเมือง: พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ พร้อมทั้งพระยายมราช (บุญมา)

เจ้าอนุวงศ์อุปราชแห่งเวียงจันทน์ยกทัพลาวมาเข้าร่วมการต่อสู้กับทัพพม่าในครั้งนี้อีกเช่นกัน

การยกทัพไปโจมตีพม่าที่เชียงใหม่ในครั้งนี้ ใช้เส้นทางเดินทัพคล้ายคลึงกับเมื่อพ.ศ. 2340 กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปถึงเมืองเถิน ทรงพระประชวรโรคนิ่ว พระอาการมากมีพิษร้อนต้องแช่อยู่ในสาคร เสด็จยกทัพขึ้นไปถึงเมืองเชียงใหม่มิได้ จึงมีพระราชบัณฑูรให้เจ้าบำเรอภูธรกรมขุนสุนธรภูเบศร์ พร้อมทั้งพระยาเสน่หาภูธร (ทองอิน) ยกทัพฝ่ายพระราชวังบวรฯไปที่เมืองลี้ก่อน ในครั้งนี้ฝ่ายหลักของไทยยกทัพไปทางเมืองลี้ (เส้นทางตะวันตก) แทนที่ยกไปทางเมืองลำปาง (เส้นทางตะวันออก) เหมือนครั้งก่อน ทัพของกรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราชนั้นด้วยเหตุบางประการรั้งรอล่าช้ายกทัพฝ่ายวังหลวงติดตามหลังทัพฝ่ายวังหน้าไป เมื่อไปถึงเมืองลี้แล้วได้ข่าวว่าทัพพม่าจะยกทัพมาจากทางเมืองป่าซาง กรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราชเห็นว่าทัพไม่พร้อมเพรียงจึงถอยทัพลงไปอยู่หลังทัพของวังหน้า

ฝ่ายพระยากาวิละอยู่รักษาป้องกันเมืองเชียงใหม่ ได้ข่าวว่ากรมพระราชวังบวรฯประชวรอยู่ที่เมืองเถิน จึงให้ท้าวมหายักษ์ผู้มีร่างกายแข็งแรงนำความข้อราชการไปกราบทูลที่เมืองเถิน ท้าวมหายักษ์เดินทางผ่านวงล้อมของพม่าออกไปโดยปราศจากการต่อต้าน ไปเข้าเฝ้ากรมพระราชวังบวรฯที่เมืองเถิน กรมพระราชวังบวรฯทรงมีตราให้ท้าวมหายักษ์ไปมอบให้แก่พระยากาวิละว่า ฝ่ายกรุงเทพได้ยกทัพขึ้นมาช่วยเมืองเชียงใหม่แล้ว

กองทัพวังหน้าและวังหลวงยกทัพผ่านเมืองลี้ขึ้นไปถึงเมืองลำพูน พระยาเสน่หาภูธรมีใบบอกลงมากราบทูลกรมพระราชวังบวรฯที่เมืองเถินว่า พระยามหาวินิจฉัยว่าที่จ่าแสนยากรนั้นอ่อนแอ ของพระราชทานตั้งพระไกรภพ (บุญรอด) ขึ้นว่าที่จ่าแสนยากรแทน กรมพระราชวังบวรฯจึงทรงแต่งตั้งให้พระไกรภพ (บุญรอด) ขึ้นว่าที่จ่าแสนยากร ทัพฝ่ายไทยเข้าโจมตียึดเมืองลำพูนได้สำเร็จ

ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯเมื่อทรงทราบว่าสมเด็จพระอนุชาธิราชประชวรอยู่ที่เมืองเถิน เสด็จนำทัพขึ้นไปเชียงใหม่ไม่ได้ จึงมีพระราชโองการให้กรมพระราชวังหลังฯยกทัพขึ้นไปเชียงใหม่แทน กรมพระราชวังหลังฯเข้าเฝ้ากรมพระราชวังบวรฯที่เมืองเถิน กรมพระราชวังบวรฯพระราชทานพระแสงดาบให้แก่กรมพระราชวังหลังฯ เป็นอาญาสิทธิ์ให้กรมพระราชวังหลังฯทรงมีพระอำนาจบัญชาทัพฝ่ายกรมพระราชวังบวรฯได้

ทัพฝ่ายยกจากลำพูเข้าโจมตีทัพพม่าที่เชียงใหม่ กรมพระราชวังหลังฯเสด็จถึงเมืองเชียงใหม่ กรมพระราชวังหลังฯเชิญท้องตรารับสั่งให้แก่แม่ทัพนายกอง และมีพระบัญชาให้แม่ทัพนายกองเข้าหักตีเมืองเชียงใหม่ให้ได้ภายในวันรุ่งขึ้น ไปกินข้าวในเมืองเชียงใหม่ มิฉะนั้นจะมีโทษ ทัพทั้งฝ่ายวังหน้าวังหลวงยกเข้าตีเชียงใหม่ กรมหลวงเทพหริรักษ์ยกทัพฝ่ายวังหลวงเข้าตีเชียงใหม่ตั้งแต่สามยาม ฝ่ายพม่ายิงปืนใส่อย่างหนัก ฝ่ายไทยหลบอยู่ตามคันนา พระยาพิชัย (โต) ร้องว่า “ไล่ฟันไล่แทงเถิดแตกดอก” พระยาพิชัย (โต) นำทัพไทยฝ่ากระสุนของพม่าเข้าไป ฝ่ายพม่าสู้ไม่ได้แตกหนี ทัพวังหน้าวังหลวงฝ่ายไทยเข้าระดมโจมตีเมืองเชียงใหม่จากทุกทิศทาง จนสามารถตีทัพพม่าแตกถอยไปได้ เนเมียวจอดินสีหสุระจึงพ่ายแพ้ให้แก่ทัพไทยที่เชียงใหม่เป็นครั้งที่สอง พระยากาวิละให้กองกำลังเมืองเชียงใหม่ออกติดตามสังหารฝ่ายพม่าที่กำลังหลบหนีได้จำนวนมาก

เมื่อขับไล่ทัพพม่าไปจากเขียงใหม่ได้แล้ว เจ้านายทุกพระองค์แม่ทัพนายกองจึงมาเข้าเฝ้ากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่เมืองเถิน ฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ยกทัพลาวเวียงจันทน์มาถึงเมืองเชียงใหม่ไม่ทัน มาถึงเมืองเชียงใหม่หลังจากที่พม่าแพ้ไปแล้วเจ็ดวัน กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงพิโรธกองทัพฝ่ายวังหลวง กรมหลวงเทพหริรักษ์และพระยายมราช ที่ถอยทัพไปอยู่หลังทัพของวังหน้าที่เมืองลี้ และทรงพระพิโรธเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ที่ยกทัพมาไม่ทันการรบ จึงทรงมีพระราชบัณฑูรปรับโทษให้กรมหลวงเทพหริรักษ์ พระยายมราช (บุญมา) และเจ้าอนุวงศ์ ยกทัพไปตีเมืองเชียงแสนจากพม่าให้ได้ จากนั้นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทและกรมพระราชวังหลังฯจึงเสด็จกลับพระนคร

บทสรุปและเหตุการณ์สืบเนื่อง

การรุกรานเชียงใหม่ของพม่าในพ.ศ. 2345 นี้ เป็นการรุกรานล้านนาของพม่าเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ทางฝ่ายกรุงเทพสามารถจัดทัพขึ้นไปช่วยพระยากาวิละเมืองเชียงใหม่ ขับไล่ทัพฝ่ายพม่ากลับไปได้เฉกเช่นทุกครั้ง หลังจากที่ได้ชัยชนะเหนือพม่าที่เชียงใหม่ในพ.ศ. 2345 นี้ กรมหลวงเทพหริรักษ์ พร้อมทั้งพระยายมราช (บุญมา) และเจ้าอนุวงศ์ ประทับอยู่ที่เมืองล้านนาเพื่อจัดเตรียมทัพเข้าโจมตีเมืองเชียงแสน นำไปสู่สงครามเชียงแสนในพ.ศ. 2347

พระยากาวิละนำตัวราชาจอมหงเมืองสาดลงไปกรุงเทพไปเข้าเฝ้าฯในเดือนกันยายนพ.ศ. 2345 ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้สถาปนาพระยากาวิละ ผู้ซึ่งมีความชอบป้องกันเมืองเชียงใหม่และล้านนาจากการรุกรานของพม่าไว้ได้หลายครั้ง ขึ้นเป็นพระเจ้าเชียงใหม่ พระราชทานพระนามว่า พระบรมราชาธิบดีศรีสุริยวงศ์องค์อินทรสุริยศักดิ์สมญา มหาขัตติยราชชาติราไชยสวรรย์ เจ้าขัณฑสีมาพระนครเชียงใหม่ราชธานี เป็นเจ้าประเทศราชเป็นอธิบดีในหัวเมืองล้านนาทั้งห้าสิบเจ็ดเมือง

เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จกลับพระนครแล้ว อาการพระประชวรทุเลาลง ทรงแต่งตั้งพระยาเสน่หาภูธร (ทองอิน) ว่าที่กลาโหมราชเสนา ขึ้นเป็นพระยากลาโหมราชเสนา ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2346 อาการพระประชวรกำเริบขึ้นมาอีก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสิ้นพระชนม์เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2346 ต่อมาอีกสามเดือน เกิดความว่าพระองค์เจ้าลำดวนและพระองค์เจ้าอินทปัต พระโอรสในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงร่วมมือกับพระยากลาโหมราชเสนา (ทองอิน) วางแผนการกบฏ จึงมีพระราชโองการลงพระราชอาญาสำเร็จโทษพระองค์เจ้าลำดวนและพระองค์เจ้าอินทปัตด้วยท่อนจันทน์ และให้ประหารชีวิตพระยากลาโหมราชเสนา (ทองอิน)

ในพ.ศ. 2347 กรมหลวงเทพหริรักษ์ พระยายมราช (บุญมา) ทัพฝ่ายไทย เจ้าอนุวงศ์ทัพฝ่ายลาวเจียงจันทน์ พร้อมทั้งเจ้าอุปราชน้อยธรรมเมืองเชียงใหม่ เจ้าคำโสมเมืองลำปาง ฝ่ายล้านนา และเจ้าอัตวรปัญโญเมืองน่าน ยกทัพโดยพร้อมกันเข้าโจมตีเมืองเชียงแสน จนสามารถยึดเมืองเชียงแสนจากพม่าได้ หัวเมืองล้านนาทางเหนือที่อยู่ภายใต้การปกครองของพม่าจึงมาอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม อำนาจของพม่าในหัวเมืองล้านนาจึงหมดสิ้นไปอย่างถาวร

อ้างอิง

  1. Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.
  2. ประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค), พระยา. พงศาวดารโยนก. โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, พ.ศ. 2478.
  3. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. พงษาวดารเรื่องเรารบพม่า ครั้งกรุงธน ฯ แลกรุงเทพ ฯ.
  4. ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ ๗๐๐ ปี. ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่, พ.ศ. 2538.
  5. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๔.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ เถ้าแก่ทองดี ปาณิกบุตร์ จ.จ.เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๗๒.
  6. สุเนตร ชุตินธรานนท์. พม่ารบไทย ว่าด้วยการสงครามระหว่างไทยกับพม่า . พิมพ์ครั้งที่ 15. กรุงเทพฯ : มติชน, 2562
  7. Grabowsky, Volker. Forced Resettlement Campaigns in Northern Thailand during the Early Bangkok Period. Journal of Siamese Society, 1999.
  8. ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖.

สงครามพม, าต, เช, ยงใหม, 2340, และ, 2345, สงครามพม, าต, เช, ยงใหม, 2345, เป, นสงครามระหว, างสยามอาณาจ, กรร, ตนโกส, นทร, ในร, ชสม, ยพระบาทสมเด, จพระพ, ทธยอดฟ, าจ, ฬาโลก, และอาณาจ, กรพม, าในสม, ยพระเจ, าปด, งแห, งราชวงศ, คองบอง, เป, นส, วนหน, งของความข, ดแย, งเห. sngkhramphmatiechiyngihm ph s 2345 epnsngkhramrahwangsyamxanackrrtnoksinthrinrchsmyphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk aelaxanackrphmainsmyphraecapdungaehngrachwngskhxngbxng epnswnhnungkhxngkhwamkhdaeyngehnuxxanackrlannarahwangsyamaelaphma phraecapdungaehngphmasngthphekharukranemuxngechiyngihm phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihkrmphrarachwngbwrmhasursinghnathykthphcakkrungethphkhunipchwyehluxphrayakawilaaehngechiyngihminkartxsukbphma phlkhxngsngkhramnisyamidrbchychnasamarthkhbthphphmaxxkipid karrukranechiyngihmkhxngphmainpiph s 2345 ni epnkarrukranlannakhxngphmakhrngsudthayinprawtisastrithy aelanaipsusngkhramechiyngaesninph s 2347 enuxha 1 ehtukarnna 1 1 lannaaeyktwcakphmamakhunkbsyam 1 2 sngkhramkbphma 1 3 phmatiechiyngihm ph s 2340 1 4 echiyngihmtiemuxngsadaelaechiyngtung 2 sngkhram 3 bthsrupaelaehtukarnsubenuxng 4 xangxingehtukarnna aekikhlannaaeyktwcakphmamakhunkbsyam aekikh nbtngaetkaresiyemuxngechiyngihmihaekphraecabuerngnxnginph s 2101 xanackrlannatkxyuphayitkarpkkhrxngkhxngphmaepnewlapramansxngrxypi inph s 2312 saotmngthang Thado Mindin သတ မင ထင 1 hruxopmayungwn Po Myo Wun ဗ လ မ ဝန maepnecaemuxngechiyngihm smykarpkkhrxngkhxngopmayungwnepnsmyaehngkarkdkhi phmamikhasngihchaychawlannathngpwngskkhadatamaebbphma aelahyinglannaihecaahuaebbphma eriykwa skkhathanghu 2 phyacaban buyma aehngechiyngihm aelanaykawila butrkhxngecafachayaekwecaemuxnglapang ekidkhwamkhdaeyngkbopmayungwn ineruxngthiopmayungwnlidrxnxanackhxngkhunnanglannaphunemuxngedim 3 phyacabanaelanaykawilaipekhaefaphraecamngraaehngphmarachwngskhxngbxngthikrungxngwa ephuxrxngeriynkarichxanacbatrihykhxngopmayungwn phraecamngraphrarachthanthxngtraihaekphyacabanmayngemuxngechiyngihm miphrarachoxngkarihopmayungwnkhunxanacihaekkhunnanglanna aetopmayungwnimrbthxngtra ykthphmacbkumtwphyacaban buyma cungekidkarpathaknrahwangphyacabanaelaopmayungwnkhunthiemuxngechiyngihm phyacabansuimidcunghlbhniiphaopsuphla enemiywsihbdi thiemuxnghlwngphrabang opsuphlacungnaphyacabanklbkhunmaemuxngechiyngihminph s 2317 opsuphlaetriymkarykthphphmacakechiyngihmlngmaocmtithnburi phyacaban buyma aelanaykawilaaehnglapangmikhwamkhidthicaekhaswamiphkditxsyam phyacabankhxxasa 2 txopsuphlaipkhudlxkesnthangaemnapingephuxetriymkarihthpheruxphmayklngip emuxphyacaban buyma edinthanglngipthungemuxnghxd kekhaswamiphkditxsmedcphraecataksinthiemuxngtak faysmedcphraecataksinmiphrarachoxngkarihecaphrayackri thxngdwng aelaecaphrayasursih buyma ykthphiptiemuxngechiyngihmkhrngthisxnginph s 2317 ecaphrayackriykthphipthungemuxnglapang naykawilacunglukhuxkhunsngharkhunnangaelathharphmainlapangipcnekuxbhmdsin naykawilanathangthphkhxngecaphrayackriipthungemuxngechiyngihm ecaphrayackriaelaecaphrayasursihsamarthekhayudemuxngechiyngihmidsaerc nbtngaetnnhwemuxnglannaidaekechiyngihm laphun lapang aelaaephr cungaeyktwcakphmamaxyuphayitkarpkkhrxngkhxngsyam inkhnathihwemuxnglannafayehnuxidaekechiyngaesn echiyngray fang phaeya yngkhngxyuphayitkarpkkhrxngkhxngphmaxyu smedcphraecataksinthrngaetngtngihphyacaban buyma epnphrayawiechiyrprakarecaemuxngechiyngihm aelanaykawilakhunepnphrayakawilaecaemuxnglapang emuxngechiyngaesncungklayepnsunyklangxanackhxngphmaindinaednlannainph s 2318 phrayawiechiyrprakar buyma ykthphkhuniptiemuxngechiyngaesn aetpraktwainewlann phraecacingkuca Singu Min aehngphmasngthphcanwnthung 90 000 khn 2 maekhaocmtiemuxngechiyngihm phrayawiechiyrprakar buyma ecaemuxngechiyngihmmikalngphlimephiyngtxkarpxngknemuxngechiyngihm cunglathingemuxngechiyngihmthxyipxyuthiemuxngtak thphphmaykiptiemuxnglapang phrayakawilatanthanthphphmaimidechnkn cungthingemuxnglapanglngitipxyuthiemuxngswrrkholk caknnthphphmacungklbip phrayakawilaklbmakhrxngemuxnglapanginpitxmaph s 2319 phrayawiechiyrprakarphyayamthicaruxfunemuxngechiyngihmkhunxikkhrngaetimsaerc edinthangipthnburiaelwklbkhunmaihmoykyayipmahlayaehng smedcphraecataksinthrngmithxngtraeriyktwphrayawiechiyrprakar buyma lngmasxbswnthithnburi phrayawiechiyrprakar buyma thukcakhukthungaekkrrminkhuknn nbaetnnmaemuxngechiyngihmcungklayepnemuxngrkrangprascakphukhnpakhunthubstwpamaxasyxyu banemuxnglannaodyrwmtkxyuinsphaph banhang nahang banxuk emuxngrk iphthangitkhklwesuxiphthangehnuxkhklwchang banemuxngbhmnbethiyng 4 sngkhramkbphma aekikh ph s 2325 phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkthrngaetngtngphrayakawilaepnphrayawiechiyrprakarecaemuxngechiyngihm ihnaynxythrrmnxngchaykhxngphrayakawilaepnxuprachemuxngechiyngihm aetinewlannemuxngechiyngihmyngkhngepnemuxngrangyngimsamarthtngemuxngxyuid phrayakawilacungmatngmnthiewiyngpasang hruxpachang ephuxrwbrwmphukhniptngemuxngechiyngihm emuxnglapangaelaewiyngpasangkhxngphrayakawilaklayepnemuxnghnadanthisakhykhxnglannaaelasyaminkartanthankarrukrankhxngphma insngkhramekathph ph s 2328 ecachaypaknaemngsaodsirimhaxucnaphraxnuchakhxngphraecapdungykthphhwemuxngithihymathiemuxngechiyngaesn ecachaysaodsirimhaxucnaaelathaparakamani Abaya Kamani အဘယက မဏ phunemuxngechiyngaesneriyk phaaephhwun ykthphphmacakemuxngechiyngaesncanwn 30 000 khn ekhaocmtiaelalxmemuxnglapang naipsukarlxmemuxnglapang nxkcakni fayphmayngykthphiptiemuxngaephrcbkumtwphrayaaephrmngichyecaemuxngaephrklbipepnechly phyakawilarksaemuxnglapangxyuidekuxbsameduxn 2 thangfaykrungethphcungsngthphkhunmanaodyphraecanxngyaethx ecafakrmhlwngckrecsda aelaecaphrayamhaesna pli chwyehluxkhbilphmaihphnipcakemuxnglapangidsaercin ph s 2329 kxngthphphmathxythphklbip aettngihthaparakamaniepnecaemuxngechiyngaesninph s 2319 phrayakawilasngkhnkhunipekliyklxmhwemuxngthangehnuxtxlannatangihepnkbtaeyktwcakphma ecafaemuxngyxng Mong Yawng ecaemuxngfang aelaphrayaaephrmngichysungthukcbkumtwipiwthiechiyngaesntngaetsngkhramekathph cunglukhuxkhunkxkbttxphma pitxmainph s 2330 phraecapdungsngthphmaprabemuxngfangid aelatngthphthiemuxngfangetriymekharukranlapangtxip thaparakamaninakxngthphekhamasmthbkxnklbemuxngechiyngaesn ecaxtthwrpyoyecaemuxngnanekhakhxswamiphkditxsyam phrayaaephrmngichyxyuthiemuxngyxngrwmmuxkbecafakxngemuxngyxng ykthphekhaocmtiemuxngechiyngaesn thaparakamanihlbhniipemuxngechiyngray phrayaephchremng nxycitta ecafaemuxngechiyngraycbtwthaparakamanisngihaekphrayakawila phrayakawilacungsngtwthaparakamanilngmathikrungethph 5 6 fayphmatiemuxngechiyngaesnkhunipidaelaykthphcakechiyngaesnaelaemuxngfang ekhaocmtiemuxnglapangaelaykmathangemuxngywm xaephxaemsaeriyng ekhatiemuxngpasang phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolk miphrarachoxngkarihkrmphrarachwngbwrmhasursinghnath esdcykthphkhunmachwyemuxnglapang krmphrarachwngbwrmhasursinghnaththrngsamarthkhbthphphmaxxkipcaklapangidsaerc hlngcakthiemuxngechiyngihmepnemuxngrangepnewlapramansibexdpi phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihtngemuxngechiyngihmkhunxikkhrngiheriybrxy ephuxepnemuxngsahrbkarrbsukphmathangehnux ihphrayakawilarwbrwmphukhncaklapangmatngemuxngechiyngihm phrayakawilayngkhngxyuthiewiyngpasangxyucnthung ph s 2339 cungekhakhrxngemuxngechiyngihm phmatiechiyngihm ph s 2340 aekikh phmatiechiyngihm ph s 2340swnhnungkhxng sngkhramphma syamwnthiph s 2340 thungemsayn ph s 2341sthanthixanackrlanna echiyngihm laphunphlsyamidchychnakhusngkhram rachwngsoknbxng phma xanackrrtnoksinthr syam xanackrlanna xanackrlanchangewiyngcnthnphubngkhbbychaaelaphuna phraecapdung xinaesahwunenemiywcxdinsihsura enemiyw cxkhxng enemiyw eykxng nxratha xubakxng enemiyw cxdinsihsura aemngyisingkhaya aemngyi nnthacxdin phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach smedcphrabwrrachecamhasursinghnath krmhlwngxnurksethewsr phraecanxngyaethx ecafakrmhlwngckrecsda phraecahlanethx ecafakrmhlwngethphhrirks krmkhunsunthrphuebsr ecaxnuwngs phrayaklaohmrachesna phrayaymrach buyma phrayakawilakalng55 000 khn60 000 khnphraecapdungaehngphmayngkhngthrngmikhttiymanainkarkxbkuhwemuxnglannathangfngtawnxxkkhxngaemnakhngihklbipkhunaekphma phraecapdungthrngaetngthphekharukranemuxngechiyngihminph s 2340 aemthphphmakhuxxinaesahwunenemiywcxdinsihsura Einshe Wun Nemyo Kyawdin Thihathu aemthphphmaphusungidexachnathphfayithyinkarrbthiemuxngthwayemuxph s 2337 enemiywcxdinsihsuraykthphcanwn 55 000 khn 3 mathangemuxngnayaelaaebngthphxxkepnsxngswn swnhnungykmathangemuxngpn Mong Pan aelaxikswnhnungykmathangemuxnghanghruxemuxngaehng Mong Hin 1 lngmalxmemuxngechiyngihmiw aelasngthphbangswniptngmnthiemuxnglaphunaelaemuxngli phrayakawilanayatiphinxngcdthphxxkrbtxkarkbphma aetfayphmaekhatiemuxngechiyngihmhlaykhrngxyangtxenuxng cungihkhnthuxsuphxksrlngipkrungethphkhxphrarachthanthphmachwyemuxngechiyngihm raylaexiydkarrbrahwangsyamaelaphmainkhrngni praktinephlngyawphrayasunthrphithks 3 phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihcdthphkhunipchwyemuxngechiyngihmcanwn 20 000 khn 3 dngni fayphrarachwngbwr krmphrarachwngbwrmhasursinghnath phrxmthngphraoxrskhuxphraxngkhecaladwnaelaphraxngkhecaxinthpt phrxmthngkrmkhunsunthrphuebsr aelaphrayaklaohmrachesna phraichyburn fayphrarachwnghlwngaelathphhwemuxng phraecahlanethx ecafakrmhlwngethphhrirks phrxmthngphrayaymrach buyma nxkcakni ecaxuprachxnuwngsaehngewiyngcnthn xnuchakhxngphraecaxinthwngsaehngewiyngcnthn ykthphlawewiyngcnthncanwn 20 000 khn ephuxmachwyemuxngechiyngihmxikdwykrmphrarachwngbwrmhasursinghnathesdcykthphipthungemuxngethin caknnmiphrarachbnthurihkrmhlwngethphhrirks krmkhunsunthrphuebsr phrayaklaohmrachesna aelaphrayaymrach buyma ykthphlwnghnaiptngthiemuxnglapangkxn ihphraxngkhecaladwnaelaphraxngkhecaxinthptesdcykthphipsukbphmathiemuxngli 2 caknnthphfaywnghnaaelawnghlwngcakemuxnglapangcungaekhngkhnkn 3 ekhayudemuxnglaphuncakphma krmhlwngethphhrirksaelaphrayaymrachykthphwnghlwngiptngthithangitkhxngemuxnglaphun swnkrmkhunsunthrphuebsraelaphrayaklaohmrachesnaykthphwnghnaiptngthangtawntkechiyngehnuxkhxnglapangthangemuxngpasang thngthphwnghnaaelawnghlwngekhaocmtiemuxnglaphun naipsukarrbthilaphun faythphphmathiemuxngliykmaocmtithphithythilaphun thphfayithysamarthekhayudemuxnglaphunidsaercineduxnemsayn ph s 2341 fayphmathilaphunaetkphayklbipemuxngechiyngihmthphkhxngthngwnghnaaelawnghlwngykcaklaphunkhunipocmtiphmathiechiyngihm naipsukarrbthiechiyngihmineduxnemsayn ph s 2341 inewlann thphlawewiyngcnthnkhxngecaxnuwngscanwn 20 000 khnmathungemuxngechiyngihm thphhlwngkhxngkrmphrarachwnghlngaelaphraecanxngyaethx krmhmunckrecsda canwnxik 20 000 khn idykmasmthbthiechiyngihmechnkn krmhlwngethphhrirksthrngykthphekhatithphphmathangtawntkkhxngechiyngihm krmkhunsunthrphuebsrykekhatithangaemnapingthangtawnxxk ecaxnuwngsykekhatithanghwyaemkha krmphrarachwnghlngaelakrmhlwngckrecsdathrngykekhatithangwngtal phrayakawilaykthphxxkmaticakinemuxngechiyngihm thphphmaaetkphayybeyinthxyrnklbip aemthphphmakhnhnungchuxwaenemiywcxdinsihsura Nemyo Kyawdinthihathu thuksngharinthirb aemthphphmachuxwaxubakxng Upagaung thukcbepnechly 1 emuxmichychnaehnuxphmaaelw krmphrarachwngbwrmhasursinghnathcungykthphesdckhunphrankhr echiyngihmtiemuxngsadaelaechiyngtung aekikh xanackrlannaepriybesmuxnepnemuxnghnadanrthknchnrahwangsyamaelaphma hwemuxnglannatangmikhxesiyepriybphmaprasbpyhakhadaekhlnkalngkhnenuxngcaksngkhramthidaeninmaxyangtxenuxngyawnan phrayakawilaaehngechiyngihmaelaecaemuxnglannaxun tangdaeninnoybay ekbphkissa ekbkhaisemuxng 7 ykthphxxkipocmtiemuxngtangephuxkwadtxnkalngphlekhamainemuxnglanna inph s 2345 phraecapdungthrngaetngtngihnaycxmhng sungepnchawcincakmnthlyunnan ihepnecafaecaemuxngsad Mong Hsat aelaphraecapdungthrngprakasykyxngrachacxmhngaehngemuxngsadihepnecaehnuxhwemuxnglannathngpwngthnghasibecdhwemuxng phrayakawilaaehngechiyngihmcungmikhasngihxuprachnxythrrm ykthphechiyngihmkhunipocmtiemuxngsadineduxnemsaynph s 2345 xuprachnxythrrmsamarthekhayudemuxngsadidxuprachnxythrrmcbkumtwrachacxmhng rwmthngcbkumthutphmasungidedinthangipecriysmphnthimtrikbphraecayalxngaehngewiydnam 8 caknnxuprachnxythrrmcungykthphelyipocmtiemuxngechiyngtung emuxngechiyngtungekhyepnswnhnungkhxngxanackrlannainsmyrachwngsmngray prachakremuxngechiyngtungepnchawithekhin xuprachnxythrrmcungykthphkhuniptiemuxngechiyngtung ekhayudemuxngechiyngtungidxikechnkn ecafasiriichyecafaemuxngechiyngtunghlbhniip xuprachnxythrrmkwadtxnchawithekhincakemuxngechiyngtungcanwn 6 000 khn aelacakemuxngsadxik 5 000 khn 8 maiwthiemuxngechiyngihm emuxngechiyngtungthukthalayaelawangranglng 7 phraecapdungthrngphiorthphrayakawilaaehngechiyngihmthiykthphiptiemuxngechiyngtungaelaemuxngsadaelacbthutphmaip cungmiphrarachoxngkarihcdthphphmaekhatiemuxngechiyngihmxikepnkhrngthisxngsngkhram aekikhphmatiechiyngihm ph s 2345swnhnungkhxng sngkhramphma syamwnthiph s 2345sthanthixanackrlanna echiyngihm laphunphlsyamidchychnakhusngkhram rachwngsoknbxng phma xanackrrtnoksinthr syam xanackrlanna xanackrlanchangewiyngcnthnphubngkhbbychaaelaphuna phraecapdung xinaesahwunenemiywcxdinsihsura chidchingop pilow maedmaoyngokngdxrd namiaelng txngaephkaemiywun mayxaephkaemiywun phrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkmharach smedcphrabwrrachecamhasursinghnath krmhlwngxnurksethewsr phraecahlanethx ecafakrmhlwngethphhrirks krmkhunsunthrphuebsr ecaxnuwngs phrayaymrach buyma phrayakawilaphraecapdungthrngcdthphphmaekharukranechiyngihmxikkhrnginph s 2345 odymixinaesahwunenemiywcxdinsihsura aemthphkhnedimsungidykthphmatiechiyngihmkhrngkxnemuxph s 2340 maepnobchukhruxaemthphihyxikkhrng thphphmaprakxbdwythphyxynaody chidchingop pilow maedmaoyngokngdxrd namiaelng txngaephkaemiywun mayxaephkaemiywunenemiywcxdinsihsuranathphphmaekhayudemuxnglaphunaelwlxmemuxngechiyngihmiwthngsidancanwnecdkhay thakhaylxmemuxngechiyngihmxyangaennhnawangaephnthicalxmemuxngechiyngihmxyuepnewlananinrahwangkxnhnani phrayaklaohmrachesnakhneka aelaphrayacaaesnyakr thueriyn idthungaekkrrmlng krmphrarachwngbwrmhasursinghnathcungthrngaetngtngphrayaesnhaphuthr thxngxin khunwathiklaohmrachesna aelaaetngtngphrayamhawinicchykhunwathicaaesnyakr 8 phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihcdthphkhunipchwyemuxngechiyngihmxikkhrngdngni 8 fayphrarachwngbwr krmphrarachwngbwrmhasursinghnath phrxmthngphraoxrskhuxphraxngkhecaladwnaelaphraxngkhecaxinthpt phrxmthngkrmkhunsunthrphuebsr phrayaesnhaphuthr thxngxin wathiklaohmrachesnafayphrarachwnghlwngaelathphhwemuxng phraecahlanethx ecafakrmhlwngethphhrirks phrxmthngphrayaymrach buyma ecaxnuwngsxuprachaehngewiyngcnthnykthphlawmaekharwmkartxsukbthphphmainkhrngnixikechnknkarykthphipocmtiphmathiechiyngihminkhrngni ichesnthangedinthphkhlaykhlungkbemuxph s 2340 krmphrarachwngbwrmhasursinghnathesdcykthphipthungemuxngethin thrngphraprachwrorkhniw phraxakarmakmiphisrxntxngaechxyuinsakhr 8 esdcykthphkhunipthungemuxngechiyngihmmiid cungmiphrarachbnthurihecabaerxphuthrkrmkhunsunthrphuebsr phrxmthngphrayaesnhaphuthr thxngxin ykthphfayphrarachwngbwripthiemuxnglikxn inkhrngnifayhlkkhxngithyykthphipthangemuxngli esnthangtawntk aethnthiykipthangemuxnglapang esnthangtawnxxk ehmuxnkhrngkxn thphkhxngkrmhlwngethphhrirksaelaphrayaymrachnndwyehtubangprakarrngrxlacha 8 ykthphfaywnghlwngtidtamhlngthphfaywnghnaip emuxipthungemuxngliaelwidkhawwathphphmacaykthphmacakthangemuxngpasang krmhlwngethphhrirksaelaphrayaymrachehnwathphimphrxmephriyngcungthxythph 3 lngipxyuhlngthphkhxngwnghnafayphrayakawilaxyurksapxngknemuxngechiyngihm idkhawwakrmphrarachwngbwrprachwrxyuthiemuxngethin cungihthawmhayks 8 phumirangkayaekhngaerngnakhwamkhxrachkaripkrabthulthiemuxngethin thawmhayksedinthangphanwnglxmkhxngphmaxxkipodyprascakkartxtan ipekhaefakrmphrarachwngbwrthiemuxngethin krmphrarachwngbwrthrngmitraihthawmhayksipmxbihaekphrayakawilawa faykrungethphidykthphkhunmachwyemuxngechiyngihmaelwkxngthphwnghnaaelawnghlwngykthphphanemuxnglikhunipthungemuxnglaphun phrayaesnhaphuthrmiibbxklngmakrabthulkrmphrarachwngbwrthiemuxngethinwa phrayamhawinicchywathicaaesnyakrnnxxnaex khxngphrarachthantngphraikrphph buyrxd khunwathicaaesnyakraethn krmphrarachwngbwrcungthrngaetngtngihphraikrphph buyrxd khunwathicaaesnyakr thphfayithyekhaocmtiyudemuxnglaphunidsaercfayphrabathsmedcphraphuththyxdfaemuxthrngthrabwasmedcphraxnuchathirachprachwrxyuthiemuxngethin esdcnathphkhunipechiyngihmimid cungmiphrarachoxngkarihkrmphrarachwnghlngykthphkhunipechiyngihmaethn krmphrarachwnghlngekhaefakrmphrarachwngbwrthiemuxngethin krmphrarachwngbwrphrarachthanphraaesngdabihaekkrmphrarachwnghlng epnxayasiththi 8 ihkrmphrarachwnghlngthrngmiphraxanacbychathphfaykrmphrarachwngbwridthphfayykcaklaphuekhaocmtithphphmathiechiyngihm krmphrarachwnghlngesdcthungemuxngechiyngihm krmphrarachwnghlngechiythxngtrarbsngihaekaemthphnaykxng aelamiphrabychaihaemthphnaykxngekhahktiemuxngechiyngihmihidphayinwnrungkhun ipkinkhawinemuxngechiyngihm michanncamioths thphthngfaywnghnawnghlwngykekhatiechiyngihm krmhlwngethphhrirksykthphfaywnghlwngekhatiechiyngihmtngaetsamyam fayphmayingpunisxyanghnk fayithyhlbxyutamkhnna phrayaphichy ot rxngwa ilfnilaethngethidaetkdxk 8 phrayaphichy ot nathphithyfakrasunkhxngphmaekhaip fayphmasuimidaetkhni thphwnghnawnghlwngfayithyekharadmocmtiemuxngechiyngihmcakthukthisthang cnsamarthtithphphmaaetkthxyipid enemiywcxdinsihsuracungphayaephihaekthphithythiechiyngihmepnkhrngthisxng phrayakawilaihkxngkalngemuxngechiyngihmxxktidtamsngharfayphmathikalnghlbhniidcanwnmakemuxkhbilthphphmaipcakekhiyngihmidaelw ecanaythukphraxngkhaemthphnaykxngcungmaekhaefakrmphrarachwngbwrmhasursinghnaththiemuxngethin fayecaxnuwngsykthphlawewiyngcnthnmathungemuxngechiyngihmimthn mathungemuxngechiyngihmhlngcakthiphmaaephipaelwecdwn krmphrarachwngbwrmhasursinghnaththrngphiorth 3 kxngthphfaywnghlwng krmhlwngethphhrirksaelaphrayaymrach thithxythphipxyuhlngthphkhxngwnghnathiemuxngli aelathrngphraphiorthecaxnuwngsewiyngcnthnthiykthphmaimthnkarrb cungthrngmiphrarachbnthurprbothsihkrmhlwngethphhrirks phrayaymrach buyma aelaecaxnuwngs ykthphiptiemuxngechiyngaesncakphmaihid caknnkrmphrarachwngbwrmhasursinghnathaelakrmphrarachwnghlngcungesdcklbphrankhrbthsrupaelaehtukarnsubenuxng aekikhkarrukranechiyngihmkhxngphmainph s 2345 ni epnkarrukranlannakhxngphmaepnkhrngsudthayinprawtisastrithy thangfaykrungethphsamarthcdthphkhunipchwyphrayakawilaemuxngechiyngihm khbilthphfayphmaklbipidechkechnthukkhrng hlngcakthiidchychnaehnuxphmathiechiyngihminph s 2345 ni krmhlwngethphhrirks phrxmthngphrayaymrach buyma aelaecaxnuwngs prathbxyuthiemuxnglannaephuxcdetriymthphekhaocmtiemuxngechiyngaesn naipsusngkhramechiyngaesninph s 2347phrayakawilanatwrachacxmhngemuxngsadlngipkrungethphipekhaefaineduxnknyaynph s 2345 txmaineduxnphvscikayn phrabathsmedcphraphuththyxdfamiphrarachoxngkarihsthapnaphrayakawila phusungmikhwamchxbpxngknemuxngechiyngihmaelalannacakkarrukrankhxngphmaiwidhlaykhrng khunepnphraecaechiyngihm phrarachthanphranamwa phrabrmrachathibdisrisuriywngsxngkhxinthrsuriyskdismya mhakhttiyrachchatiraichyswrry ecakhnthsimaphrankhrechiyngihmrachthani 2 8 epnecapraethsrachepnxthibdiinhwemuxnglannathnghasibecdemuxngemuxkrmphrarachwngbwrmhasursinghnathesdcklbphrankhraelw xakarphraprachwrthuelalng thrngaetngtngphrayaesnhaphuthr thxngxin wathiklaohmrachesna khunepnphrayaklaohmrachesna ineduxnkrkdakhm ph s 2346 xakarphraprachwrkaeribkhunmaxik krmphrarachwngbwrmhasursinghnathsinphrachnmemuxeduxnphvscikayn ph s 2346 txmaxiksameduxn ekidkhwamwaphraxngkhecaladwnaelaphraxngkhecaxinthpt phraoxrsinkrmphrarachwngbwrmhasursinghnath thrngrwmmuxkbphrayaklaohmrachesna thxngxin wangaephnkarkbt 8 cungmiphrarachoxngkarlngphrarachxayasaercothsphraxngkhecaladwnaelaphraxngkhecaxinthptdwythxncnthn aelaihpraharchiwitphrayaklaohmrachesna thxngxin inph s 2347 krmhlwngethphhrirks phrayaymrach buyma thphfayithy ecaxnuwngsthphfaylaweciyngcnthn phrxmthngecaxuprachnxythrrmemuxngechiyngihm ecakhaosmemuxnglapang faylanna aelaecaxtwrpyoyemuxngnan ykthphodyphrxmknekhaocmtiemuxngechiyngaesn cnsamarthyudemuxngechiyngaesncakphmaid hwemuxnglannathangehnuxthixyuphayitkarpkkhrxngkhxngphmacungmaxyuphayitkarpkkhrxngkhxngsyam xanackhxngphmainhwemuxnglannacunghmdsinipxyangthawrxangxing aekikh 1 0 1 1 1 2 Phraison Salarak Thien Subindu Luang Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi Bangkok July 25 1919 2 0 2 1 2 2 2 3 2 4 2 5 prachakickrckr aechm bunnakh phraya phngsawdaroynk orngphimphosphnphiphrrththnakr ph s 2478 3 0 3 1 3 2 3 3 3 4 3 5 3 6 darngrachanuphaph smedckrmphraya phngsawdareruxngerarbphma khrngkrungthn aelkrungethph tananphunemuxngechiyngihm chbb echiyngihm 700 pi sunywthnthrrmcnghwdechiyngihm sthabnrachphtechiyngihm ph s 2538 prachumphngsawdar phakhthi 14 phimphkhrngthi 2 krungethph orngphimphosphnphiphrrththnakr phimphinnganphrarachthanephlingsph ethaaekthxngdi panikbutr c c emuxpimaesng ph s 2472 suentr chutinthrannth phmarbithy wadwykarsngkhramrahwangithykbphma phimphkhrngthi 15 krungethph mtichn 2562 7 0 7 1 Grabowsky Volker Forced Resettlement Campaigns in Northern Thailand during the Early Bangkok Period Journal of Siamese Society 1999 8 00 8 01 8 02 8 03 8 04 8 05 8 06 8 07 8 08 8 09 8 10 thiphakrwngs kha bunnakh ecaphraya phrarachphngsawdarkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 phimphkhrngthi 6 ekhathungcak https th wikipedia org w index php title sngkhramphmatiechiyngihm ph s 2340 aela 2345 amp oldid 9513090, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม