สงครามกลางเมืองลาว
สงครามกลางเมืองลาว (พ.ศ. 2502-2518) เป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ (ปะเทดลาว) ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายมาจากชาวลาวในประเทศเวียดนามเหนือ กับรัฐบาลราชอาณาจักรลาว โดยทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจแห่งสงครามเย็น ในหมู่ทหารอเมริกันจากกองกิจการพิเศษ หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา และทหารผ่านศึกชาวม้งเรียกสงครามนี้ว่า สงครามลับ (Secret War)
สงครามกลางเมืองลาว | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ สงครามเวียดนาม, สงครามอินโดจีน และสงครามเย็น | |||||||
| |||||||
คู่ขัดแย้ง | |||||||
Laos Forces Armées Neutralistes (2505–2509) United States South Vietnam Thailand สนับสนุนโดย:
| ปะเทดลาว Forces Armées Neutralistes (2503–2505) Patriotic Neutralists (ตั้งแต่ พ.ศ. 2506) North Vietnam สนับสนุนโดย: | ||||||
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ | |||||||
เจ้าสุวรรณภูมา พูมี หน่อสะหวัน วังเปา เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ กองแล วีระสาน ลินดอน บี. จอห์นสัน ริชาร์ด นิกสัน | เจ้าสุภานุวงศ์ ไกสอน พมวิหาน พูมี วงวิจิด Deuane Sunnalath หวอ เงวียน ซ้าป | ||||||
กำลัง | |||||||
ทหาร 50,000 นาย (2497) ทหารรับจ้าง 21,000 นาย (2506) ทหารม้ง 19,000–23,000 นาย (2507) | 8,000 นาย (2503) 48,000 นาย (2513) | ||||||
กำลังพลสูญเสีย | |||||||
กองทัพราชอาณาจักรลาวประมาณ 15,000 นาย | ไม่ทราบ มากกว่า 3,000 คน | ||||||
รวมเสียชีวิต 20,000–62,000 คน |
ราชอาณาจักรลาวกลายเป็นสมรภูมิลับระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในสงครามเวียดนาม สนธิสัญญาไมตรีและสมาคมฝรั่งเศส-ลาวที่ลงนามในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2496 ส่งผลให้ฝรั่งเศสถ่ายโอนอำนาจที่เหลือคืนให้กับรัฐบาลลาวในระบอบกษัตริย์ ยกเว้นอำนาจควบคุมการทหาร โดยสนธิสัญญาไม่มีตัวแทนจากขบวนการลาวอิสระ ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธซึ่งมีความคิดต่อต้านการล่าอาณานิคมและสนับสนุนแนวคิดชาตินิยม ได้ร่วมลงนามด้วย สนธิสัญญายังสถาปนาให้ลาวเป็นสมาชิกซึ่งมีสถานะเป็นเอกราชในสหภาพฝรั่งเศส หลังจากที่สนธิสัญญาได้รับการลงนาม ก็มีการต่อสู้กันทางการเมืองระหว่างฝ่ายนิยมความเป็นกลาง นำโดยเจ้าสุวรรณภูมา รัตนวงศา, ฝ่ายขวา นำโดยเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ และฝ่ายซ้าย ในนามแนวร่วมรักชาติลาว นำโดยเจ้าสุภานุวงศ์ และไกสอน พมวิหาน นายกรัฐมนตรีในอนาคต มีความพยายามหลายครั้งที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม จนกระทั่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลสามพรรคได้สำเร็จ โดยจัดตั้งขึ้นที่นครเวียงจันทน์
การสู้รบในประเทศลาวเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพเวียดนามเหนือ, กองทัพอเมริกัน, กองทัพไทยและกองทัพเวียดนามใต้ ซึ่งทำการสู้รบทั้งทางตรงและผ่านทหารกองโจร โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อครอบครองด้ามขวานของลาว กองทัพเวียดนามเหนือสามารถเข้าควบคุมพื้นที่นี้ได้ และนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้เป็นเส้นทางเสบียงโฮจิมินห์ และเป็นที่มั่นในการระดมกำลังเพื่อรุกเข้าไปยังเวียดนามใต้ จุดที่สองที่เกิดการสู้รบกันอย่างหนักที่ทุ่งไหหินและบริเวณโดยรอบ
กองทัพเวียดนามเหนือ และปะเทดลาว ได้รับชัยชนะในที่สุดใน พ.ศ. 2518 และถือว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคอินโดจีน
ภาพรวม
จากการประชุมเจนีวาใน พ.ศ. 2497 ลาวได้ประกาศให้ตนเองเป็นรัฐที่เป็นกลาง อย่างไรก็ตาม กองทัพประชาชนเวียดนาม (PAVN) ยังคงปฏิบัติการอยู่ในทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของลาว มีความพยายามหลายครั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2497 ในการบังคับกองกำลังเวียดนามเหนือให้ออกจากประเทศลาว แต่ไม่ว่าจะด้วยข้อตกลง หรือคำยินยอมใด ๆ ก็ไม่สามารถทำให้รัฐบาลฮานอย ซึ่งตั้งใจที่จะไม่ทิ้งสหายคอมมิวนิสต์ชาวลาวไป ออกไปจากประเทศได้
ฝ่ายเวียดนามเหนือจัดตั้งเส้นทางเสบียงโฮจิมินห์ขึ้นมา ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาว ซึ่งมีชายแดนติดเวียดนามอยู่ เส้นทางเสบียงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทหารเวียดนามเหนือสามารถแทรกซึมเข้าไปในเวียดนามใต้ได้ ทั้งยังเป็นเส้นทางในการส่งเสบียงไปเพื่อช่วยเหลือแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเวียดนามใต้อีกด้วย
ฝ่ายเวียดนามเหนือมีกำลังทหารเป็นจำนวนมากอยู่ทางตอนเหนือของลาว ซึ่งทำหน้าที่เป็นกำลังสนับสนุนกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว และเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลลาวในระบอบกษัตริย์
หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (CIA) ที่ต้องการจะรบกวนปฏิบัติการณ์ในลาวโดยไม่ใช้กำลังทหาร ตอบโต้เวียดนามเหนือด้วยการฝึกกองโจรที่ประกอบด้วยชาวเขาบนดอยลาวประมาณ 30,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเผ่าม้ง กับชาวเผ่าเมี่ยนกับชาวเผ่าขมุอีกบางส่วน นำโดยนายพลหวังเปา จากกองทัพบกลาว ซึ่งมีเชื้อสายเป็นชาวม้ง กองทัพนี้ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินแอร์อเมริกา (ซึ่ง CIA ควบคุมอยู่อย่างลับ ๆ), ประเทศไทย, กองทัพอากาศลาว และปฏิบัติการลับทางอากาศที่ควบคุมโดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศลาว เพื่อต่อสู้กับกองทัพประชาชนเวียดนาม, แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ (NLF) และสหายปะเทดลาว ซึ่งผลการรบออกมาโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังคุมเชิงกันอยู่ แต่ก็ยังส่งผลดีต่อสหรัฐฯ อย่างมากในสงครามเวียดนาม
ความเป็นไปของสงครามทางตอนเหนือขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละช่วงเวลาของปี เมื่อฤดูแล้งเริ่มต้นขึ้น ซึ่งมักอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ปฏิบัติการณ์ทางทหารของทหารเวียดนามเหนือก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน โดยทหารใหม่และเสบียงจะเดินทางจากเวียดนามเหนือลงมาตามทางที่แห้งพอจะเดินผ่านได้ ซึ่งอาจจะเริ่มเดินทางมาจากเดียนเบียนฟู ผ่านทางหลวงสภาพดีของแขวงพงสาลีลงมา หรืออาจจะผ่านทางสาย 7 ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทุ่งไหหิน กองทัพลับของ CIA จะยอมหลีกทางให้ โดยจะทำการก่อกวน PAVN และปะเทดลาวก่อนที่จะถอนกำลังออกไป จากนั้นกองควบคุมการบินระวังหน้าเรเวน (Raven FACs) จะสั่งให้โจมตีฝ่ายคอมมิวนิสต์ทางอากาศด้วยเครื่องบินไอพ่นของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกองทัพอากาศลาวก็จะโจมตีด้วยรถถัง ที-28 เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ยึดครองนครเวียงจันทน์และหลวงพระบางได้สำเร็จ เมื่อฤดูฝนมาถึงในอีก 6 เดือนต่อมา ฝนที่ตกลงมาจะทำให้เส้นทางเสบียงของเวียดนามเหนือใช้การไม่ได้ จากนั้นฝ่ายเวียดนามก็จะต้องล่าถอยกลับไปยังประเทศของตนเอง
ในขณะเดียวกัน การสู้รบในบริเวณด้ามขวานทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการสู้รบเพื่อทำลายเส้นทางเสบียงโฮจิมินห์ ซึ่งส่วนมากแล้วมักจะเป็นการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอากาศและกองทัพเรือสหรัฐฯ เนื่องจากข้อจำกัดทางการเมืองทำให้ไม่สามารถโจมตีเส้นทางเสบียงทางบกได้ Raven FACs ยังเป็นผู้สั่งการโจมตีทางอากาศในภูมิภาคนี้ด้วย ในขณะที่กองควบคุมการบินระวังหน้าอื่น ๆ จากเวียดนามใต้ อย่างเช่น Covey FACs จากกองบินยุทธวิธีสนับสนุนทางอากาศที่ 20 และ Nail FACs จากกองบินยุทธวิธีสนับสนุนทางอากาศที่ 23 ก็ทำการสั่งการโจมตีเช่นกัน การโจมตีทางอากาศอื่น ๆ จะได้รับการวางแผนล่วงหน้า โดยการประสานงานการยุทธทางอากาศโดยรวมจะถูกควบคุมโดยศูนย์ควบคุมและบัญชาการทางอากาศ
บางครั้งสื่อในสหรัฐฯ จะรายงานถึงความขัดแย้งในลาว โดยเรียกความขัดแย้งนี้ว่า "สงครามลับในลาวของ CIA" เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะรัฐบาลปฏิเสธว่าความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้น การปฏิเสธจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกพิจารณาว่าจำเป็นเนื่องจากทั้งรัฐบาลเวียดนามเหนือและรัฐบาลสหรัฐฯ ต่างก็ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยความเป็นกลางของลาว แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐฯ ถือว่าการเข้าไปแทรกแซงนั้นจำเป็น เนื่องจากเวียดนามเหนือนั้นสามารถยึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ในประเทศลาว อีกทั้งบทบาทของเวียดนามเหนือในลาวก็มีมากไม่แพ้กัน ถึงกระนั้น แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะปฏิเสธว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่สงครามกลางเมืองลาวก็ถือเป็นปฏิบัติการณ์ลับที่ใหญ่ทุกสุดของสหรัฐฯ ก่อนหน้าสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถาน มีการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในดินแดนของลาวที่เวียดนามเหนือควบคุมอยู่ โดยเครื่องบินของสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นการยุทธที่มีการทิ้งระเบิดหนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ เจตจำนงค์ของสหรัฐฯ นั้นไม่พ้นการต่อสู้เพื่อเอาชนะสงครามเย็นด้วยการจำกัดการแพร่กระจายระบอบสังคมนิยม ซึ่งมาจากนโยบายของสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตในการเผยแพร่ระบอบคอมมิวนิสต์ด้วยการบ่อนทำลายและการก่อกบฏ
ปฏิกิริยาของรัฐบาลประเทศไทย
ด้านประเทศไทยได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เลย นครพนม หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี ในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2496 และได้มีการประกาศสถานการณ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ สกลนคร และศรีสะเกษ ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ต่อมารัฐบาลไทยได้สั่งให้ประชาชนอยู่ในเคหะสถานตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึงตี5 ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย ตำบลบึงกาฬ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย กับในเทศบาลเมืองนครพนม ตำบลอุเทน อำเภออุเทน ตำบลบ้านแพง กิ่งอำเภอบ้านแพง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม ตำบลมุกดาหาร อำเภอมุกดาหาร ตำบลศรีบุญเรือง ตำบลนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2497และออกคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ในวันเดียวกัน
ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2497 รัฐบาลได้ออกข้อบังคับตามพระราชบัญญัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495 โดยห้ามคนต่างชาติกักตุนสินค้า เรี่ยไรสินค้า ชวนคนไทยให้ก่อการเป็นปฏิปักษ์ต่อราชอาณาจักรหรือแม้แต่ให้ที่อยู่คนไทยเพื่อก่อการเป็นปฏิปักษ์ต่อเจ้าหน้าที่
ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2500 รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร และในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 รัฐบาลได้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร
ต่อมาในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2501 มีการยกเลิก ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เลย นครพนม หนองคาย อุดรธานี อุตรดิตถ์ สกลนคร ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และเขตท้องที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 17 November 2010. สืบค้นเมื่อ 22 March 2017.
- "Global security - Pathet Lao Uprising". จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 September 2017. สืบค้นเมื่อ 22 March 2017.
- "Hmong rebellion in Laos". จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2010. สืบค้นเมื่อ 22 March 2017.
- ↑ "Area Handbook Series- Laos - Glossary". จากแหล่งเดิมเมื่อ 7 March 2016. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
- T. Lomperis, From People's War to People's Rule (1996)
- "S&S": Small, Melvin & Joel David Singer, Resort to Arms: International and Civil Wars 1816–1980 (1982)
- Obermeyer, Ziad; Murray, Christopher J. L.; Gakidou, Emmanuela (2008). "Fifty years of violent war deaths from Vietnam to Bosnia: analysis of data from the world health survey programme". BMJ. 336 (7659): 1482–6. doi:10.1136/bmj.a137. PMC 2440905. PMID 18566045. See Table 3.
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2496/A/079/1.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2496/A/079/1_1.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2497/D/003/1_2.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2497/D/003/3.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2497/D/003/4_1.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2500/A/022/2.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2500/A/076/2.PDF
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2501/A/047/5.PDF
ข้อมูล
เอกสารรัฐบาล
- Military History Institute of Vietnam, Victory in Vietnam: The Official History of the People's Army of Vietnam, 1954–1975. Trans. by Merle Pribbenow. Lawrence KS: University of Kansas Press, 2002.
- Nalty, Bernard C. War Against Trucks: Aerial Interdiction in Southern Laos, 1968–1973. Washington, D.C.: Air Force Museums and History Program, 2005.
- Van Staaveren, Jacob, Interdiction in Southern Laos, 1960–1968. Washington, D.C.: Center of Air Force History, 1993.
- Vongsavanh, Brig. Gen. Soutchay, RLG Military Operations and Activities in the Laotian Panhandle. Washington, D.C.: United States Army Center of Military History, 1980.
- Foreign Relations Series, 1961–1963, LAOS CRISIS
ปะวัติศาสตร์
- War in Laos, 1954–1975. Kenneth J. Conboy. Squadron/Signal Publications, 1994. ISBN 978-0-89747-315-6, ISBN 978-0-89747-315-6.
- At War in the Shadow of Vietnam: United States Military Aid to the Royal Lao Government, 1955–1975. Timothy Castle. Columbia University Press, 1993. ISBN 978-0-231-07977-8, ISBN 978-0-231-07977-8.
บันทึกความทรงจำ
- Mervyn Brown, War in Shangri-La: A Memoir of Civil War in Laos
- Henry Kissinger, White House Years.
- Richard Nixon, RN: The Memoirs of Richard Nixon.
- Kao Kalia Yang, The Latehomecomer
ข้อมูลทุติยภูมิ
- Adams, Nina S. and Alfred W. McCoy, eds. Laos: War and Revolution. New York: Harper & Row, 1970.
- Breaux, Jarred James, The Laotian Civil War: The Intransigence of General Phoumi Nosavan and American Intervention in the Fall of 1960. Morrisville, North Carolina: Lulu, 2008.
- Blaufarb, Douglas, The Counterinsurgency Era.
- Champassak, Sisouk Na, Storm Over Laos. New York: Praeger, 1961.
- Conboy, Kenneth; Morrison, James (1995). Shadow War: The CIA's Secret War in Laos (Paper ed.). Boulder CO: Paladin Press. ISBN 978-1581605358. ASIN 1581605358.
- Corn, David, Blond Ghost: Ted Shackley and the CIA's Crusades. Simon & Schuster, 1994. ISBN 978-0-671-69525-5, ISBN 978-0-671-69525-5
- Duiker, William J., The Communist Road to Power in Vietnam 2nd ed. Westview Press, 1996.
- Issacs, Arnold, Gordon Hardy, MacAlister Brown, et al., Pawns of War: Cambodia and Laos. Boston: Boston Publishing co, 1987.
- Karnow, Stanley, Vietnam: A History. New York: Viking, 1983.
- Khamvongsa, Channapha; Russell, Elaine (2009). "Legacies of War: Cluster Bombs in Laos" (PDF). Critical Asian Studies. 41 (2): 281–306. doi:10.1080/14672710902809401. S2CID 142615236.
- McCoy, Alfred W.; Read, Kathleen B. (1972), , Harper & Row, ISBN 978-0060129019, คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 16 February 2015
- McGehee, Ralph W. Deadly Deceits: My 25 Years in the CIA. New York: Sheridan Square, 1983.
- Morrison, Gayle L. Sky is Falling: an Oral History of the CIA evacuation of the Hmong from Laos, Jefferson, North Carolina: McFarland, 1999
- Osornprasop, Sutayut (2012), "Thailand and the secret War in Laos, 1960–1974", ใน Lau, Albert (บ.ก.), Southeast Asia and the Cold War (hardback)
|format=
requires|url=
(help), Milton Park, Abingdon, Oxon; New York: Routledge, ISBN 978-0-415-68450-7. - Robbins, Christopher (1985), Air America, New York: Avon.
- ——— (2000), The Ravens: Pilots of the Secret War in Laos, Bangkok: Asia Books.
- Schanche, Don A. (1970), Mister Pop, New York: David McKay Company, OCLC 68288
- Thompson, Larry Clinton (2010), Refugee Workers in the Indochina Exodus, 1975–1982, Jefferson, North Carolina: McFarland & Co., ISBN 9780786445295.
- Warner, Roger (1996), Shooting at the moon : the story of America' clandestine war in Laos, South Royalton, Vt.: Steerforth Press, ISBN 978-1883642365
- Watry, David M. Diplomacy at the Brink: Eisenhower, Churchill, and Eden in the Cold War. Baton Rouge: Louisiana State University Press, 2014.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Undercover Armies, CIA and Surrogate Warfare in Laos, from CIA's FOIA Reading Room
- CIA Declassified Air America Collection
- CIA Vietnam FOIA Collection. Documents declassified by CIA under FOIA.
- "'Secret War' Still Killing Thousands", Andre Vltchek, Worldpress.org correspondent, 14 November 2006.
- The Secret War in Laos, from the plainofjars.net Web Site.
- "Acts of Betrayal" ที่ archive.today (archived 5 กรกฎาคม 2007), by Michael Johns, National Review, New York City, 23 October 1995.
- Air America Association web site
- Online Archive Materials about Air America in the Vietnam Archive at Texas Tech[ลิงก์เสีย]
- by Christopher Robbins
- by Christopher Robbins
- Hmong In Transition by Sheila Pinkel
- Bibliography: Laos (bibliography mainly devoted to the portions of the Second Indochina War that occurred in Laos)
- PBS.org - The Hmong and the Secret War