เจ้าพระยาพระคลัง (หน)
เจ้าพระยาพระคลัง (? - พ.ศ. 2348) นามเดิมว่า หน เป็นเสนาบดีกรมคลังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเป็นเป็นกวีคนสำคัญคนหนึ่งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) | |
---|---|
เสนาบดีกรมคลัง | |
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2325 – พ.ศ. 2348 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก |
ก่อนหน้า | พระยาพระคลัง (สน) |
ถัดไป | พระยาพระคลัง (กุน รัตนกุล) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | หน |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2348 พระนคร ประเทศสยาม |
บิดา | เจ้าพระยาสุรบดินทร์สุรินทรฦาไชย (บุญมี) |
มารดา | ท่านผู้หญิงเจริญ |
บุตร | เจ้าจอมมารดานิ่ม ในรัชกาลที่ 2 เจ้าจอมพุ่ม ในรัชกาลที่ 2 |
ศาสนา | พุทธ |
ประวัติ
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นบุตรของเจ้าพระยาสุรบดินทร์สุรินทรฦาไชย (บุญมี) เจ้าเมืองกำแพงเพชรในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นต้นสกุล"บุญ-หลง" มารดาคือท่านผู้หญิงเจริญ เกิดเมื่อใดไม่ปรากฏ เจ้าพระยาสุรบดินทร์ฯ (บุญมี) นั้น เป็นบุตรของพระยาเพชรบุรี (เรือง) เจ้าเมืองเพชรบุรีในช่วงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ซึ่งมีเชื้อสายจีน พระยาเพชรบุรี (เรือง) เป็นพระญาติของกรมพระเทพามาตย์ (นกเอี้ยง) พระราชมารดาในสมเด็จพระเจ้าตากสิน ในพ.ศ. 2309 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชโองการให้พระยาตาก (สิน) และพระยาเพชรบุรี (เรือง) ยกออกไปตั้งที่วัดใหญ่ชัยมงคลเพื่อสกัดทัพเรือพม่า พระยาเพชรบุรี (เรือง) ถูกพม่าล้อมและถูกสังหารถึงแก่กรรมในที่รบ นอกจากนี้ พระยาเพชรบุรี (เรือง) ยังมีบุตรอีกคนคือเจ้าพระยาพิชัยราชา ซึ่งเป็นพี่น้องของเจ้าพระยาสุรบดินทร์ฯ (บุญมี) และเป็นแม่ทัพผู้มีบทบาทสำคัญในสมัยธนบุรี
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ปรากฏรับราชการครั้งแรกในสมัยธนบุรีเป็นหลวงสรวิชิต นายด่านเมืองอุทัยธานี ในพ.ศ. 2318 สงครามอะแซหวุ่นกี้ สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการตั้งกองคอยรักษาเส้นทางเสบียงที่นครสวรรค์โดยมีหลวงสรวิชิต (หน) เป็นกองหน้า ในเหตุการณ์กบฏพระยาสรรค์เมื่อสิ้นสุดยุคกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพออกไปตีเมืองกัมพูชา ได้มอบหมายให้พระสุริยอภัย (ทองอิน ต่อมาคือพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์) ยกทัพจากนครราชสีมาเข้ามาระงับเหตุที่ธนบุรี หลวงสรวิชิต (หน) ได้ช่วยเหลือพระสุริยอภัย และได้ส่งหนังสือออกไปแจ้งข่าวเหตุการณ์ในธนบุรีแก่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกที่ด่านพระจารึก เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพกลับมายังธนบุรีหลวงสรวิชิต (หน) เดินทางออกไปรับสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกที่ทุ่งแสนแสบ
พ.ศ. 2325 เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงแต่งตั้งพระยาพิพัฒโกษา (สน) เป็นพระยาพระคลัง และทรงแต่งตั้งหลวงสรวิชิต (หน) เป็นพระยาพิพัฒโกษา ปลัดทูลฉลองกรมคลัง ดังปรากฏในคำปรึกษาตั้งข้าราชการว่า;
หลวงสรวิชิตจงรักภักดี สัตย์ซื่อ หมายได้เป็นข้าใต้ละอองพระบาทมาช้านาน แล้วก็ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินการพระราชสงครามมาแต่ก่อน และครั้งนี้ได้ทำราชการด้วยสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ จนสำเร็จราชการ แล้วได้แต่งคนเอากิจราชการหนักเบาในเมืองธนบุรีออกไปแจ้งใต้ละอองธุลีพระบาทฉบับหนึ่งถึงด่านพระจารึกนั้น มีความชอบ ขอพระราชทานเอาหลวงสรวิชิตให้เป็นพระยาพิพัฒโกษา
ต่อมาในปีเดียวกัน พระยาพระคลัง (สน) เดินทางออกไปส่งสำเภาหลวงที่สมุทรปราการ กราบทูลขอบายศรีศีรษะสุกร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯรับสั่งว่าพระยาพระคลัง (สน) นั้นเลอะเลือน จึงมีพระราชโองการให้ถอดพระยาพระคลัง (สน) ออกจากตำแหน่งลงเป็นพระยาศรีอัครราช ช่วยราชการกรมท่า แล้วทรงแต่งตั้งพระยาพิพัฒโกษา (หน) ขึ้นเป็นพระยาพระคลัง เสนาบดีกรมคลัง ลำดับที่สองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ในพ.ศ. 2328 สงครามเก้าทัพ พระยาพระคลัง (หน) และพระยาอุไทยธรรม (บุนนาค) ได้ติดตามพระเจ้าหลานเธอ กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ เสด็จยกทัพไปตั้งรับพม่าทางด้านเหนือ พระยาพระคลัง (หน) ยกทัพไปตั้งที่ชัยนาท เพื่อรับทัพพม่าที่มาทางเมืองระแหง (ตาก) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯมีพระราชโองการให้พระเจ้าหลานเธอ กรมหลวงเทพหริรักษ์ พร้อมทั้งพระยาพระคลัง (หน) เสด็จยกทัพไปตั้งรับพม่าที่กำแพงเพชร กรมหลวงเทพหริรักษ์มีพระบัญชาให้พระยาพระคลัง (หน) ยกเป็นทัพหน้าไปรบกับพม่าที่เมืองตาก แต่ทัพพม่าที่ตากนั้นล่าถอยกลับไปก่อน
พ.ศ. 2330 สงครามตีเมืองทวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จยกทัพไปตีเมืองทวายทางด่านวังปอ เมืองกลิอ่อง พระยาพระคลัง (หน) เป็นเกียกกายทัพ
ต่อมาในช่วงปลายรัชกาลที่ 1 พระยาพระคลัง (หน) ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ถึงแก่อสัญกรรมในรัชกาลที่ 1 เมื่อปีฉลู พ.ศ. 2348 ซึ่งในปีเดียวกันนั้นมีเจ้าพระยากรุงรัตนโกสินทร์ถึงแก่อสัญกรรมสามคนคือ เจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) และเจ้าพระยาพระคลัง (หน)
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีบุตรมาก แต่ไม่ได้รับราชการ บุตรชายที่ปรากฏได้แก่ นายเกตและนายพัด ซึ่งเป็นกวีและครูพิณพาทย์ ธิดาที่ปรากฏได้แก่ เจ้าจอมมารดานิ่มในรัชกาลที่ 2 (พระมารดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร) และเจ้าจอมพุ่มในรัชกาลที่ 2
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีพี่ชายชื่อ ชิด เป็นที่หลวงสรวิชิต ต่อมาเป็น พระสุวรรณภักดี เป็นต้นสกุล "หมายมั่น"[ต้องการอ้างอิง] พอกรุงแตกย้ายไปอยู่อุบลราชธานี และมีน้องชายชื่อ หลง ต่อมาเป็น พระยาพิไชยบุรินทรา ต่อมาได้เป็น เจ้าพระยาพลเทพ (หลง) รับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นสกุล"บุญ-หลง"
ผลงาน
ประพันธ์ในสมัยธนบุรี
- ลิลิตเพชรมงกุฎ
- อิเหนาคำฉันท์ (พ.ศ. 2322, หลวงสรวิชิต)
ประพันธ์ในสมัยรัตนโกสินทร์
- ราชาธิราช (งานแปล, พ.ศ. 2328)
- สามก๊ก (งานแปล, พ.ศ. 2408)
- กากีคำกลอน หรือ กากีกลอนสุภาพ
- ร่ายยาวมหาชาติกัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี
- ลิลิตพยุหยาตราเพชรพวง
- โคลงสุภาษิต
- กลอนและร่ายจารึกเรื่องสร้างภูเขาทองที่วัดราชคฤห์
- ลิลิตศรีวิชัยชาดก
- สมบัติอมรินทร์คำกลอน
อ้างอิง
- ↑ นิธิ เอียวศรีวงศ์. การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี. กรุงเทพฯ; มติชน, พ.ศ. 2550.
- ↑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์. เรื่องตั้งเจ้าพระยาในกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพ : กรมศิลปากร, 2545.
- ↑ พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).
- ↑ ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖. กรุงเทพฯ, กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ๒๕๓๑.
- "อิเหนาคำฉันท์ : วรรณคดีไทยสมัยธนบุรี". Baanjomyut.com. สืบค้นเมื่อ 16 เมษายน 2563. Check date values in:
|accessdate=
(help)