อำเภอปง
อำเภอปง (คำเมือง: ) เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดพะเยาอำเภอปงเป็นอำเภอที่มีเขตพื้นที่มากที่สุดในจังหวัดพะเยา
อำเภอปง | |
---|---|
คำขวัญ: พระธาตุดอยหยวกคู่เมือง นามลือเลื่องภูลังกา รักสัตว์ป่าดอยผาช้าง ถ้ำผาตั้งตระการตา ตาดชาววางามล้ำเลิศ แหล่งกำเนิดแม่น้ำยม | |
พิกัดภูมิศาสตร์: 19°8′54″N 100°16′30″E / 19.14833°N 100.27500°E | |
อักษรไทย | อำเภอปง |
อักษรโรมัน | Amphoe Pong |
จังหวัด | พะเยา |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 1,783.452 ตร.กม. (688.595 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2563) | |
• ทั้งหมด | 51,902 คน |
• ความหนาแน่น | 29.10 คน/ตร.กม. (75.4 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 56140 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 5606 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอปง เลขที่ 56 หมู่ที่ 3 ตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา 56140 |
ประวัติอำเภอปง
ปง เป็นอำเภอที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง เป็นอำเภอขึ้นชื่อในเรื่องการทำไม้และยาสูบ มีที่มา 2 ทัศนะ คือ มาจากตำนานพระธาตุดอยหยวกที่พญานาคราชขออดโทษ หรือ ขมา ภาษาพื้นเมืองว่า ป๋งโตษ ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จมาในคราวครั้งนั้นและต่อมามีการสร้างพระธาตุดอยหยวก อีกทัศนะหนึ่งมาจากตำนานปรัมปราเล่าว่า ปู่ฟ้าโง้ม ซึ่งโดยปกติจะมีรูปร่างที่ใหญ่โตมโหฬารเวลาเดินไปไหนมาไหนต้องก้มหัวลงเพื่อไม่ให้ถูกฟ้า (โง้ม คืออาการที่คนก้มหัวหลบ) ได้หนึ้งข้าว คือหุงข้าวเหนียว แล้วปง หรือปลดลง ณ บ้านแห่งหนึ่ง ต่อมาบริเวณดังกล่าวจึงได้ชื่อว่าเมืองปง
พงศวดารเมืองน่าน ปรากฏชื่อเมืองปงครั้งเมื่อพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์อาณาจักรล้านนา ยกทัพมาตีเมืองน่าน พ.ศ. 1993 ปรากฏความหนึ่งว่า เจ้าแพงเสี้ยงกรรมไปในปีก่าเป้า จุลสกราชได้ 797 ตัวหั้นแล ได้ 15 ชั่ววงศาก่อนแล เจ้าอินทะแก่นท้าวก็ได้เสวยเมืองแทนก็ในปีก่าเป้านั้นหั้นแล ท่านอยู่เสวยเมืองขั้นถ้วน 2 นี้ได้ 16 ปีท่านมีลูกชาย 1 หญิง 1 แล เมื่อนั้นท่านแต่งผู้ใช้เอาเกลือบ่อมางไปเป็นแขกถวายพระยาติโลกเมืองเชียงใหม่หั้นแล ลูนแต่นั้นหน้อยหนึ่ง พระยาติโลกมั่กใครได้เมืองน่านไปส่วยค้ำเมืองเชียงใหม่ ก็จึงขับเอาจตุรงคเสนา 4 จำพวกรี้พลศึกทั้งหลายมวลพร้อมแล้วท่านก็เสด็จออกจากเมืองพิงค์เชียงใหม่ ท้าวก็ข่มไพร่พลไปทางเมืองลอ เอาชาวลอเป็นหัวหน้ามา เมืองปง เมืองควน ลงมาทางตีนดอยวาวรอดเมืองน่านแล้วก็ตั้งทัพอยู่สวนตาลหลวงหั้นแล้วก็ตั้งอะม็อกสีนาดยิงเข้าทางประตูอู่ญานโห่ร้องคุมเวียงหั้นแล เมื่อพระยาแก่นท้าวบ่อาจจักต่อรี้พลท้าวตนใหญ่ได้จึงเอาลูกและเมียหนีไปเมืองใต้ไปพึงพระยาชะเลียงสหายตนหั้นแลฯ
พ.ศ. 1871 ได้ปรับปรุงเขตการปกครองระหว่างเมืองเชียงแสน-พะเยา โดยมีพันนาเชียงแสนทั้งหมดมี 65 พันนา ซึ่งมีพันนา เมืองปง เมืองงิม เมืองควน เมืองมวน เมืองสระเอียบ รวมอยู่ด้วย
พ.ศ. 2437 ในรัชกาลที่ 4 และตอนต้นรัชกาลที่ 5 ไทยเสียดินแดนให้ฝรั่งเศส และอังกฤษ เพื่อรักษาเอกราชไทยจึงพยายามปรับปรุงการปกครองประเทศเสียใหม่ โดยรวมอำนาจบริหารทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลาง ได้โอนงานปกครองส่วนภูมิภาคให้กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบทั้งหมดแต่ฝ่ายเดียว
พ.ศ. 2440 ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 ทั่วราชอาณาจักร กำหนดจัดการปกครองแบ่งเป็นหมู่บ้านซึ่งเป็นหน่วยปกครองเล็กที่สุด ถัดขึ้นไปเป็นตำบลและอำเภอ
พ.ศ. 2442 เมืองปงตั้งเป็นแขวงขุนยมขึ้นกับเมืองน่าน พระยาศรีสหเทพ ( ราชปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทย ) ได้ขึ้นมาตรวจจัดราชการในมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ พระยาสุนทรนุรักษ์ ( ข้าหลวงประจำเมืองน่าน ) เจ้าสุริยะพงษ์ผริตเดชฯ ( เจ้านครเมืองน่าน ) เค้าสนามหลวงเมืองน่าน ได้ประชุมตกลงกันแบ่งเขตการปกครองเมืองน่านออกเป็น 8 แขวง
- แขวงนครน่าน
- แขวงน้ำแหง
- แขวงน่านใต้
- แขวงน้ำปัว
- แขวงขุนน่าน
- แขวงน้ำของ ( มีเมืองคอบ เมืองเชียงลม เมืองเชียงฮ่อน เมืองเงิน ที่ว่าการแขวงตั้งอยู่ที่เมืองเชียงลม )
- แขวงน้ำอิง
- แขวงขุนยม ( มีเมืองเชียงม่วน เมืองสะเอียบ เมืองสระ เมืองสวด เมืองปง เมืองงิม เมืองออย เมืองควน ที่ว่าการแขวงตั้งอยู่ที่เมืองปง )
เนื่องจากนครเมืองน่านมีพื้นที่กว้างขวาง ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นป่าเขาระยะทางระหว่างเมืองต่างๆอยู่ห่างไกล แม้จะเพิ่มเขตปกครองเป็น 8 เขตแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยได้ทั่วถึง จึงได้มีการรวมหัวเมืองต่างๆเข้าด้วยกันตั้งเป็นบริเวณ โดยเริ่มตั้งบริเวณน่านตะวันออกก่อน แล้วตามมาด้วยบริเวณน่านเหนือ และบริเวณน่านใต้ บริเวณน่านเหนือประกอบด้วย
- แขวงน้ำอิง
- แขวงน้ำของ
- แขวงขุนยม (เมืองป๋งจึงขึ้นอยู่กับบริเวณน่านเหนือ)
พ.ศ. 2443 พระยาศรีสหเทพ ราชปลัดทูลฉลองมหาดไทยขึ้นไปตรวจจัดราชการในหัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ ได้ประกาศการจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น "แขวง"
- ได้มีการยุบแขวงขุนยม ที่มีเมืองปง เมืองควน เมืองเชียงม่วน เมืองสะเอียบ เมืองสระ เมืองสวด เมืองงิม เมืองออย ที่ว่าการแขวงตั้งอยู่ที่เมืองปง ซึ่งมีพ่อเมืองปกครอง ขึ้นต่อนครน่าน และมีศูนย์รวมการปกครองที่เมืองเชียงคำ เรียกว่าเขตน่านเหนือ
- รัฐบาลไทยจึงได้ออกข้อบังคับสำหรับการปกครองมณฑลพายัพ ร.ศ.119 กำหนดให้ใช้ พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ.116 ในมณฑลพายัพทุกมาตรา แต่ให้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งในการปกครองต่างๆที่เป็นภาษาไทยให้เป็นภาษาพื้นเมือง เพื่อให้ราษฎรเข้าใจได้ง่าย คือ
- ข้าหลวงเทศาภิบาล ให้เรียกว่า ข้าหลวงใหญ่
- ผู้ว่าราชการเมือง ให้เรียกว่า เค้าสนามหลวง
- อำเภอ ให้เรียกว่า แขวง
- นายอำเภอ ให้เรียกว่า นายแขวง
- ตำบล ให้เรียกว่า แคว่น
- กำนัน ให้เรียกว่า นายแคว่น
- ผู้ใหญ่บ้าน ให้เรียกว่า แก่บ้าน
พ.ศ. 2447 ไทยเสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส บริเวณน่านเหนือจึงถูกตัดแขวงน้ำของออกไป คงเหลือแต่แขวงน้ำอิง และแขวงขุนยม จึงได้มีการจัดการการปกครองใหม่ รวบรวมเมืองต่างๆ ในบริเวณน่านเหนือ แล้วแบ่งใหม่มีทั้งสิ้น 18 เมือง คือ
- เมืองเชียงคำ
- เมืองเชียงแลง
- เมืองเทิง
- เมืองเชียงของ
- เมืองลอ
- เมืองมิน
- เมืองยอด
- เมืองสะเกิน
- เมืองออย
- เมืองงิม
- เมืองควร
- เมืองปง
- เมืองแม่จุน
- เมืองสระ
- เมืองท่าฟ้า
- เมืองเชียงม่วน
- เมืองสะเอียบ
- เมืองสวด
พ.ศ. 2453 กระทรวงมหาดไทยมีประกาศยกจังหวัดพายัพเหนือ ตั้งเป็นเมืองจัตวาเรียกว่าเมืองเชียงราย รวมอยู่ในมณฑลพายัพ ทำให้เขตบริเวณน่านเหนือได้ถูกแบ่งเสียใหม่
- เมืองที่ขึ้นกับเมืองเชียงราย ดังนี้
- เมืองเชียงคำ
- เมืองเชียงของ
- เมืองลอ
- เมืองแม่จุน
- เมืองมิน
- เมืองเชียงแลง
- เมืองที่ขึ้นกับเมืองน่านดังเดิม มีดังนี้
- เมืองปง
- เมืองงิม
- เมืองควร
- เมืองออย
- เมืองสระ
- เมืองเชียงม่วน
- เมืองสะเอียบ
- เมืองสวด
- เมืองเทิง
- เมืองสะเกิน
- เมืองยอด
พ.ศ. 2456 ได้รับประกาศฐานะเป็นอำเภอปง และได้โอนไปขึ้นกับ จังหวัดน่าน มีพื้นที่ครอบคลุมดังนี้
- เมืองออย
- เมืองงิม
- เมืองสะเกิน (อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ปัจจุบัน)
- เมืองยอด (อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ปัจจุบัน)
- เมืองปง
- เมืองควร (รวมบ้านสบขุ่น อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ในปัจจุบัน)
- เมืองสระ (อำเภอเชียงม่วน ปัจจุบัน)
- เมืองเชียงม่วน (อำเภอเชียงม่วน ปัจจุบัน)
- เมืองสวด (อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ปัจจุบัน)
- เมืองสระเอียบ (อำเภอสอง จังหวัดแพร่ ปัจจุบัน)
พ.ศ. 2463 ได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอปง เป็น อำเภอบ้านม่วง จ.น่าน (ที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่บ้านม่วง ตำบลปง ในปัจจุบัน)
พ.ศ. 2486 กระทรวงมหาดไทย ได้ปรับปรุงท้องที่ต่างๆทั่วประเทศ ก็ได้เปลี่ยนชื่ออำเภอบ้านม่วง มาเป็น อำเภอปง อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้ตรงกับชื่อของตำบลซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ว่าการอำเภอปง
พ.ศ. 2495 ได้มีการโอนอำเภอปง จังหวัดน่าน มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย ตามพระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแพร่ พ.ศ. 2495 ได้มีเปลี่ยนแปลงดังนี้
- โอนอำเภอปง จังหวัดน่าน มาขึ้นกับจังหวัดเชียงราย
- โอนตำบลสวด อำเภอปง ไปขึ้นกับจังหวัดน่าน (ปัจจุบันยกฐานะเป็นอำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน)
- โอนตำบลสะเอียบ อำเภอปง ไปขึ้นกับอำเภอสอง จังหวัดแพร่
นอกจากนั้นยังมีกำหนดให้เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในเขตจังหวัดเชียงราย และจังหวัดน่านดังนี้
- โอนหมู่ที่ 10 บ้านสบขุ่น ตำบลควร อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน
- โอนตำบลยอด อำเภอปง จังหวัดเชียงราย ไปขึ้นอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน
อำเภอปง จังหวัดเชียงราย จึงเหลือ 7 ตำบลดังนี้
- ปง
- ควน (ควร)
- งิม
- ผาช้างน้อย
- ออย
- สระ (อ.เชียงม่วน ปัจจุบัน)
- เชียงม่วน (อ.เชียงม่วน ปัจจุบัน)
พ.ศ. 2518 ได้มีการแบ่งพื้นที่ตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ออกจากอำเภอปง จังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งประกาศจัดตั้งตำบลบ้านมางอีกหนึ่งตำบล รวมเป็น กิ่งอำเภอเชียงม่วน จังหวัดเชียงราย ขึ้นตรงกับอำเภอปง
วันที่ 20 สิงหาคม 2520 ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดพะเยา และได้โอนอำเภอปง จากการปกครองของจังหวัดเชียงราย ให้มาขึ้นอยู่ในปกครองของจังหวัดพะเยา - มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอเชียงม่วน ขึ้นตรงกับอำเภอปง เป็นอำเภอเชียงม่วน ขึ้นตรงกับจังหวัดพะเยา
วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2520 อำเภอพะเยาได้ยกฐานะขึ้นเป็น จังหวัดพะเยา นับเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอปงประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลงิม ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลงิม
- เทศบาลตำบลปง ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลปงและบางส่วนของตำบลนาปรัง
- เทศบาลตำบลแม่ยม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปง (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลปง)
- องค์การบริหารส่วนตำบลควร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลควรทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลออย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลออยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลงิม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลงิม (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลงิม)
- องค์การบริหารส่วนตำบลผาช้างน้อย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลผาช้างน้อยทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนาปรัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาปรัง (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลปง)
- องค์การบริหารส่วนตำบลขุนควร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลขุนควรทั้งตำบล
ที่ตั้งและอาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอจุนและอำเภอเชียงคำ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอสองแควและอำเภอท่าวังผา (จังหวัดน่าน)
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเมืองน่าน (จังหวัดน่าน) และอำเภอเชียงม่วน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอดอกคำใต้และอำเภอจุน
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอปงแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 7 ตำบล 79 หมู่บ้าน ได้แก่
ที่ | ชื่อตำบล | ตัวเมือง | อักษรโรมัน | จำนวนหมู่บ้าน | จำนวนครัวเรือน | จำนวนประชากร |
---|---|---|---|---|---|---|
1. | ปง | Pong | 16 | 2,626 | 8,275 | |
2. | ควร | Khuan | 9 | 1,637 | 5,544 | |
3. | ออย | Oi | 14 | 2,272 | 7,104 | |
4. | งิม | Ngim | 19 | 3,785 | 12,058 | |
5. | ผาช้างน้อย | Pha Chang Noi | 7 | 1,063 | 4,933 | |
6. | นาปรัง | Na Prang | 9 | 2,105 | 5,812 | |
7. | ขุนควร | Khun Khuan | 9 | 2,270 | 9,098 |
สถานที่ท่องเที่ยว
- วัดพระธาตุดอยหยวก
- วนอุทยานแห่งชาติภูลังกา
- ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า
- หาดน้ำดัง
- ต้นกำเนิดแม่น้ำยม
- น้ำตกถ้ำบ่อแร่
- ถ้ำผาตั้ง
- ดอยผาช้าง-ผาวัว
- ดอยผาจิ
สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
- ผ้าปักชาวเขา
- เครื่องเงิน
- ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่
- สมุนไพรเจียวกู่หลาน
- ผ้าทอพื้นเมืองบ้านป่าคา หมู่ที่ 3 ตำบลควร
โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา
สถานศึกษาระดับมัธยม 1-6 มีจำนวน 3 แห่ง
- โรงเรียนปงรัชดาภิเษก
- โรงเรียนปงพัฒนาวิทยาคม
- โรงเรียนขุนควรวิทยาคม
อ้างอิง
- มติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ 19 ต.ค. 2552
- จำนวนประชากรและบ้าน จำแนกเป็นรายอำเภอ และรายตำบล จังหวัดพะเยา ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2553, สำนักบริหารทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์เทศบาลตำบลแม่ยม
- พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแพร่ พ.ศ. ๒๔๙๕, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 96 หน้า 1440.http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2495/A/077/1440.PDF
- พระราชบัญญัติตั้งจังหวัดพะเยา พ.ศ. 2520, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 93 หน้า 1.http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2520/A/069/1.PDF
- ชื่อบ้าน-ภูมิเมืองอำเภอปง-พะเยา https://www.gotoknow.org/posts/442969