fbpx
วิกิพีเดีย

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์

สิงหาคม 04, 2021

บทความนี้เกี่ยวกับเจ้าหญิงเฟาซียะห์พระราชธิดาในพระเจ้าฟุอาด สำหรับเจ้าหญิงเฟาซียะห์พระองค์อื่น ดูที่ เจ้าหญิงเฟาซียะห์ ฟารุก แห่งอียิปต์

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ (อาหรับ: فوزية بنت فؤاد الأول‎; เปอร์เซีย: فوزیه فؤاد‎; ประสูติ: 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921 — สิ้นพระชนม์: 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2013) เจ้าหญิงแห่งอียิปต์และอดีตสมเด็จพระราชินีในโมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี ชาห์อิหร่าน

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์
พระอิสริยยศเจ้าหญิงแห่งอียิปต์
เจ้าหญิงแห่งอิหร่าน
ฐานันดรศักดิ์เฮอร์อิมพีเรียลไฮนิส
เฮอร์รอยัลไฮนิส
ราชวงศ์มุฮัมมัดอะลี (ประสูติ)
ปาห์ลาวี (เสกสมรส)
ข้อมูลส่วนพระองค์
ประสูติ5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921(1921-11-05)
อะเล็กซานเดรีย รัฐสุลต่านอียิปต์
สิ้นพระชนม์2 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 (91 ปี)
อะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
พระบิดาพระเจ้าฟุอาดที่ 1
พระมารดาสมเด็จพระราชินีนาซลี
พระสวามี
พระบุตร

หลังจากการเสกสมรสอีกครั้งใน ค.ศ. 1949 พระองค์ได้ใช้พระนามว่า เฟาซียะห์ ชีรีน เรื่อยมาจนถึงการโค่นล้มพระราชวงศ์ในอียิปต์ในเหตุการณ์ปฏิวัติอียิปต์ใน ค.ศ. 1952 แม้พระองค์จะถูกถอดออกจากฐานันดรศักดิ์แล้ว แต่พระองค์ยังเป็นคนในพระราชวงศ์มฮัมมัดอะลีที่อาวุโสคนหนึ่งในราชวงศ์

พระประวัติ

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ ประสูติเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921 ที่พระราชวังราส เอล-ติน ที่เมืองอะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ เป็นพระธิดาในพระเจ้าฟุอาดที่ 1 กับสมเด็จพระราชินีนาซลีแห่งอียิปต์ ซึ่งพระมารดาของพระองค์สืบเชื้อสายมาจากสุลัยมาน พาชา ทหารชาวฝรั่งเศสของนโปเลียนที่หันมานับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนี้พระปัยกาฝ่ายพระชนนีของพระองค์ก็สืบเชื้อสายมาจากตุรกี พระองค์จึงมีเชื้อสายแอลเบเนีย, ฝรั่งเศส และตุรกี

เจ้าหญิงเฟาซียะห์มีพระเชษฐาคือพระเจ้าฟารุกที่ 1 แห่งอียิปต์ และมีพระขนิษฐาได้แก่ เจ้าหญิงฟัยซะฮ์, เจ้าหญิงฟัยกะฮ์ และเจ้าหญิงฟัตฮียะฮ์ ทั้งยังมีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีต่างมารดาด้วย 2 พระองค์ คือ เจ้าชายอิสมาอีล และเจ้าหญิงเฟากียะฮ์

พระองค์เข้ารับการศึกษาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สามารถตรัสภาษาอาหรับ อังกฤษ และฝรั่งเศส ขณะที่ยังพระองค์ยังเป็นดรุณีแรกรุ่น พระองค์ที่เป็นสตรีที่ทรงพระสิริโฉมมากจนถือเป็น "หนึ่งในสตรีที่สวยที่สุดในโลก" ในขณะนั้น ได้รับการยกย่องว่า "มีความงามดุจเทพธิดาวีนัส" ทั้งยังได้รับการเปรียบเทียบว่ามีพระพักตร์คล้ายนักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นคือ เฮดี ลามาร์ และวิเวียน ลีห์

ชีวิตส่วนพระองค์

 
ในงานอภิเษกสมรสที่วังอาบีดิน ประเทศอียิปต์ (เรียงจากซ้าย) พระเจ้าฟารุกที่ 1 แห่งอียิปต์ (พระเชษฐา), เจ้าหญิงเฟาซียะห์ และมกุฎราชกุมารเรซา ปาห์ลาวี

อภิเษกสมรสกับชาห์แห่งอิหร่าน

พระองค์ได้เข้าพระราชพิธีหมั้นกับมกุฎราชกุมารโมฮัมหมัด เรซาแห่งอิหร่านในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1938 ทั้งสองพบกันในพระราชพิธีหมั้นเพียงครั้งเดียวก่อนพระราชพิธีอภิเษกสมรส พระราชพิธีอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้นที่พระราชวังอับดีน กรุงไคโรในวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1939 หลังจากการฮันนีมูน ทั้งสองก็จัดพิธีอภิเษกสมรสอีกครั้งที่พระราชวังหินอ่อนในเตหะราน ซึ่งจัดตามพระราชประสงค์ของชาห์เรซา การอภิเษกสมรสของทั้งสองถูกจัดขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญระหว่างเจ้าหญิงที่เป็นสุหนี่กับมกุฎราชกุมารที่เป็นชีอะห์

สองปีต่อมาพระสวามีได้ขึ้นครองราชสมบัติ เจ้าหญิงเฟาซียะห์จึงกลายเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่าน พระราชินีเฟาซียะห์ทรงเป็นนางแบบให้เซซิล บีตัน ถ่ายพระฉายาลักษณ์เพื่อตีพิมพ์ลงในนิตยสารไลฟ์ (Life) โดยนายเซซิล บีตันได้กล่าวชื่นชมพระราชินีองค์นี้ว่าทรงเป็น "เทพธิดาวีนัสแห่งเอเชีย" ทั้งยังเสริมว่า "มีพระพักตร์รูปหัวใจคมซีดเผือดผิดปกติ แต่มีดวงพระเนตรสีฟ้าอันเฉียบคม"

หลังจากการอภิเษกสมรส ทั้งสองพระองค์ก็มีพระธิดาด้วยกัน 1 พระองค์ คือ เจ้าหญิงชาห์นาซ แต่ชีวิตสมรสของทั้งสองไม่ราบรื่นนัก พระราชินีเฟาซียะห์เสด็จกลับกรุงไคโรราวเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 และทำการหย่าร้างในอียิปต์ ทรงให้เหตุผลว่าเตหะรานนั้นด้อยพัฒนาตรงกันข้ามกับไคโรที่แลดูทันสมัยและเป็นสากล

 
สมเด็จพระราชินีเฟาซียะห์ พร้อมด้วยชาห์โมฮัมหมัด เรซา และเจ้าหญิงชาห์นาซ ปาห์ลาวี พระธิดาพระองค์แรก

นอกจากนี้พระราชินีเฟาซียะห์ยังทรงมีช่วงเวลาที่น่าลำบากจากความไม่ซื่อสัตย์ของชาห์ พระองค์จึงเข้าพบจิตแพทย์อเมริกันที่แบกแดดไม่นานนักก่อนที่จะเสด็จออกจากเตหะราน ตรงกันข้ามรายงานของซีไอเออ้างว่าพระราชินีทรงเยาะเย้ยและละอายพระทัยเกี่ยวกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของชาห์จนนำไปสู่การหย่าร้าง ขณะที่บันทึกของเจ้าหญิงอัชราฟ พระขนิษฐาฝาแฝดของชาห์ได้ให้ข้อมูลว่า พระราชินีมิได้รับสั่งเรื่องการหย่ากับชาห์เลย

ต่อมาทั้งสองพระองค์ได้หย่ากันที่อียิปต์เมื่อ ค.ศ. 1945 นั้นมิได้รับการยอมรับในประเทศอิหร่านนานหลายปี แต่อย่างไรก็ดีทั้งสองพระองค์ก็ได้ทำการหย่ากันอย่างเป็นทางการในอิหร่านเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1948 พระราชินีเฟาซียะห์ได้กลับมาใช้พระอิสริยยศเดิมคือ เจ้าหญิงแห่งอียิปต์ ส่วนพระราชธิดานั้นตกอยู่ในการดูแลของชาห์

ทั้งนี้ทางสำนักพระราชวังได้ให้เหตุผลว่า "ด้วยสภาวะอากาศของเปอร์เซียทำให้สุขภาพของราชินีเฟาซียะห์ทรุดโทรม ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับพระขนิษฐากษัตริย์อียิปต์ที่ต้องการจะหย่า" และชาห์ก็ออกมาประกาศว่า "ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีที่มีอยู่ระหว่างอียิปต์กับอิหร่าน"

ดังนั้นสมเด็จพระราชินีเฟาซียะห์จึงกลับมาดำรงพระยศเป็นเจ้าแห่งอียิปต์และซูดานตามเดิม ส่วนพระเชษฐาของเจ้าหญิงเฟาซียะห์คือพระเจ้าฟารุกที่ 1 แห่งอียิปต์ ก็ได้ทำการหย่าร้างกับสมเด็จพระราชินีฟารีดาในสัปดาห์เดียวกัน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวเป็นที่สนใจของโลกตะวันตกอย่างมาก

 
เจ้าหญิงเฟาซียะห์ กับอิสมาอีล พระสวามี

การสมรสครั้งที่สอง

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ ได้สมรสอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1949 กับพันเอกอิสมาอีล ฮุซัยน์ ชีรีน เบย์ (ค.ศ. 1919-1994) ที่ถูกจัดขึ้นที่พระราชวังคุบบา อิสมาอีลซึ่งเป็นพระญาติห่าง ๆ ของพระองค์ เป็นบุตรคนโตของฮุซัยน์ ชีรีน กับเจ้าหญิงอามีนะห์ บีห์รุซ ขณะนั้นเขาได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือของอียิปต์ หลังจากการสมรสทั้งสองได้พำนักในที่ดินส่วนพระองค์ที่มาอ์ดีในกรุงไคโร และพำนักที่บ้านอีกแห่งในอะเล็กซานเดรีย

ทั้งคู่มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ นาดียะห์ (ค.ศ. 1950-2009) และฮุซัยน์ (เกิด ค.ศ. 1955)

พระบุตร

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ ทรงให้ประสูติกาลพระโอรส-ธิดา รวมกัน 1 พระองค์ กับอีก 2 คน โดยเป็นชาย 1 คน และหญิง 2 คน ซึ่งเป็นบุตรจากการสมรสครั้งแรก 1 พระองค์ และจากการสมรสครั้งที่สองอีก 2 คน คือ

  1. เจ้าหญิงชาห์นาซแห่งอิหร่าน (ประสูติ: ค.ศ. 1940) เสกสมรสครั้งแรกกับอาร์เดชีร์ ซาเฮดี ภายหลังทรงหย่าและเสกสมรสกับโคสเลา จาฮันบานี มีพระธิดาจากการสมรสครั้งแรกหนึ่งพระองค์ และโอรสธิดาอย่างละคนจากการสมรสครั้งที่สอง ปัจจุบันประทับอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  2. นาดียะห์ ราชิด (เกิด: 19 ธันวาคม ค.ศ. 1950 - ค.ศ. 2009) สมรสครั้งแรกกับยูซุฟ ซะบาอัน นักแสดงชาวอียิปต์ มีธิดาด้วยกัน 1 คน คือ ซีไน ฟารามาวี (ค.ศ. 1973) ต่อมาได้สมรสครั้งที่สองกับมุสตอฟา ราชิด มีธิดาด้วยกัน 1 คน คือ เฟาซียะห์ ราชิด
  3. ฮุซัยน์ ชีรีน (เกิด ค.ศ. 1955) พระโอรสที่เกิดกับอิสมาอีล ฮุซัยน์ ชีรีน เบย์

ปลายพระชนม์ชีพและการสิ้นพระชนม์

ในปลายชนม์พระองค์ประทับอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในปี ค.ศ. 2004 ได้มีการเผยแพร่พระฉายาลักษณ์ล่าสุดของพระองค์คู่กับอาร์เดชีร์ ซาเฮดี อดีตพระชามาดา มีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับข่าวการสิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2005 ที่เกิดการสับสนในเรื่องพระนามที่เหมือนกันของพระองค์กับพระภาติยะ คือ เจ้าหญิงเฟาซียะห์ (ค.ศ. 1940-2005) ซึ่งเป็นพระธิดาของพระเชษฐาคือพระเจ้าฟารุกที่ 1 แห่งอียิปต์

เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ ได้เสด็จกลับมาประทับในเมืองอะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ก่อนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 ขณะมีพระชนมายุ 91 พรรษา พระราชพิธีศพถูกจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันที่ 3 กรกฎาคมที่มัสยิดซาเยดา กรุงไคโร และฝังพระศพที่ไคโรเคียงข้างกับอิสมาอีล พระภัสดาคนที่สอง

พระเกียรติยศ

พระอิสริยยศ

  • เฮอร์สุลตานิกไฮนิส เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งรัฐสุลต่านอียิปต์และซูดาน (5 พฤศจิกายน ค.ศ. 1921 – 15 มีนาคม ค.ศ. 1922)
  • เฮอร์รอยัลไฮนิส เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์และซูดาน (15 มีนาคม ค.ศ. 1922 – 15 มีนาคม ค.ศ. 1939)
  • เฮอร์อิมพีเรียลและรอยัลไฮนิส เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอิหร่าน, เจ้าหญิงแห่งอียิปต์และซูดาน (15 มีนาคม ค.ศ. 1939 –16 มีนาคม ค.ศ. 1939)
  • เฮอร์อิมพีเรียลและรอยัลไฮนิส เจ้าหญิงเฟาซียะห์ มกุฎราชกุมารีแห่งอิหร่าน, เจ้าหญิงแห่งอียิปต์ (16 มีนาคม ค.ศ. 1939 – 16 กันยายน ค.ศ. 1941)
  • เฮอร์อิมพีเรียลมาเจสตี สมเด็จพระราชินีเฟาซียะห์แห่งอิหร่าน (16 กันยายน ค.ศ. 1941 – ค.ศ. 1948)
  • เฮอร์อิมพีเรียลและรอยัลไฮนิส เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอิหร่าน, เจ้าหญิงแห่งอียิปต์และซูดาน (ค.ศ. 1948 – 28 มีนาคม ค.ศ. 1949)
  • เฟาซียะห์ ชีรีน (28 มีนาคม ค.ศ. 1949 – 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2013)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

  •   อียิปต์: เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งคุณธรรม ชั้นสูงสุด (16 พฤษภาคม ค.ศ. 1939)
  •   อิหร่าน: เครื่องราชอิสริยาภรณ์ปาห์ลาวี ชั้นสูงสุด (27 ตุลาคม ค.ศ. 1940)

พระอนุสรณ์

มีการตั้งนามเมืองแห่งหนึ่งในอียิปต์ว่า เฟาซียะห์บัด (Fawziabad) เมื่อปี ค.ศ. 1939 เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ และช่วงปี ค.ศ. 1950 มีถนนย่านมาอ์ดีในกรุงไคโรชื่อ อามีราเฟาซียะห์ (Amira Fawzia) แต่ในปี ค.ศ. 1956 ได้เปลี่ยนชื่อถนนเป็น มุสตาฟาญามาล (Mustafa Kamel)

สู่งานเขียน

เรื่องราวของเจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ได้ถูกถ่ายทอดเรื่องราวลงในหนังสือ ฟอว์ซียา...วีนัสแห่งลุ่มน้ำไนล์ ในเรื่องราวของหญิงงามดุจเทพธิดาวีนัส ที่ได้เป็นพระมเหสีพระองค์แรกของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน แต่พระสิริโฉม และฐานะอันสูงส่งของพระองค์ก็มิได้ทำให้พระองค์ทรงมีความสุขเลย แต่กลับต้องตกอยู่ภายใต้ความโศกเศร้าเสียใจ

พงศาวลี

อ้างอิง

  1. ↑ การอภิเษกสมรสของพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี
  2. ↑ "Princess Fawzia Fuad of Egypt". The Telegraph. 5 July 2013. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  3. Goldschmidt, Arthur (2000). Biographical dictionary of modern Egypt. Lynne Rienner Publishers. p. 191. ISBN 1555872298.
  4. Montgomery-Massingberd, Hugh, บ.ก. (1980). "The French Ancestry of King Farouk of Egypt". Burke's Royal Families of the World. Volume II: Africa & the Middle East. London: Burke's Peerage. p. 287. ISBN 978-0-85011-029-6. OCLC 18496936.
  5. ↑ "Colorful Fetes Mark Royal Wedding that will Link Egypt and Persian". The Meriden Daily Journal. 13 March 1939. สืบค้นเมื่อ 8 August 2013.
  6. "Bidding Farewell" (Press release) (ภาษาอังกฤษ). Al-Ahram Weekly. สืบค้นเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556. Check date values in: |accessdate= (help)
  7. ↑ ฟอว์ซียา..วีนัสแห่งลุ่มน้ำไนล์
  8. Suzy Hansen (มมป.). "QUEEN FAWZIA". The New York Times Magazine. สืบค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2557. Check date values in: |accessdate=, |date= (help)
  9. Charmody, Diedre (27 July 1973). "Nixon forth to see Shah". The Leader Post. New York. สืบค้นเมื่อ 10 November 2012.
  10. Rizk, Yunan Labib (2–8 March 2006). "Royal mix". Al Ahram Weekly (784). สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  11. ↑ "Earlier Marriages Ended In Divorce. Deposed Shah of Iran". The Leader Post. AP. 29 July 1980. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  12. ↑ Ghazal, Rym (8 July 2013). "A forgotten Egyptian Princess remembered". The National. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  13. ↑ "Princess Fawzia of Egypt Married". The Meriden Daily Journal. Cairo. AP. 15 March 1939. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  14. Camron Michael Amin (1 December 2002). The Making of the Modern Iranian Woman: Gender, State Policy, and Popular Culture, 1865-1946. University Press of Florida. p. 137. ISBN 978-0-8130-3126-2. สืบค้นเมื่อ 3 July 2013.
  15. "The Pahlavi Dynasty". Royal Ark. สืบค้นเมื่อ 23 July 2013.
  16. "Princess Fawzia Fuad of Egypt". Telegraph. 2 กรกฎาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 19 มกราคม 2016.
  17. Dagres, Holly (4 February 2013). "When they were friends: Egypt and Iran". Ahram Online. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  18. Jeffrey Lee (1 April 2000). Crown of Venus. Universe. p. 51. ISBN 978-0-595-09140-9. สืบค้นเมื่อ 3 July 2013.
  19. ↑ "Iran and its playboy king". The Milwaukee Journal. Time Magazine. 9 January 1946. สืบค้นเมื่อ 23 July 2013.
  20. Steyn, Mark (5 July 2013). "The Princess and the Brotherhood". National Review Online. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  21. ↑ Anderson, Jack; Les Whitten (11 July 1975). "CIA: Shah of Iran a dangerous ally". St. Petersburg Times. Washington. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  22. Noblesse & Royautés - Egypte
  23. ↑ "Queens Lack Male Heirs, Lose Mates". Pittsburgh Post Gazette. Cairo. AP. 19 November 1948. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  24. "2 Moslem Rulers let the man and wife divorce if they need to", The New York Times, 20 November 1948, page 1.
  25. Bernard Reich (1 January 1990). Political Leaders of the Contemporary Middle East and North Africa: A Biographical Dictionary. Greenwood Publishing Group. p. 188. ISBN 978-0-313-26213-5. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  26. "Queen Farida of Egypt Dies at 68". 1988-11-17. สืบค้นเมื่อ 2009-06-06.
  27. "Princess Fawzia engaged". The Indian Expree. 28 March 1949. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  28. ↑ "Princess Fawzia weds diplomat". Meriden Record. 29 March 1949. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
  29. "Maadi's Ottomans". Egy. สืบค้นเมื่อ 17 July 2013.
  30. ↑ Sami, Soheir (4–10 June 1998). "Profile: Youssef Shaaban". Al Ahram Weekly (380). สืบค้นเมื่อ 17 July 2013.
  31. "Shah's ex-wives keep low profiles in Egypt, Europe". The Palm Beach Post. AP. 28 July 1980. สืบค้นเมื่อ 6 November 2012.
  32. ↑ Parstime - Shahnaz Pahlavi
  33. "Shah's daughter 'could not stand' exile". BBC News. 2001-06-12. สืบค้นเมื่อ 2010-07-14.
  34. "Girl is born to Princess Fawzia". Pittsburgh Post Gazette. Cairo. AP. 20 December 1950. สืบค้นเมื่อ 5 February 2013.
  35. ↑ EGYPT -The Muhammad 'Ali Dynasty
  36. ↑ "EGYPTIAN SHAHBANOU: Princess Fawzia and Son-in-Law Ardeshir Zahedi (2004)" (Press release) (ภาษาอังกฤษ). Iranian. 5 กุมภาพันธ์ 2554. สืบค้นเมื่อ 24 มีนาคม 2555. Check date values in: |accessdate=, |date= (help)
  37. "Princess Fawzia, Shah's first wife, dies in Egypt". Reuters.
  38. "Death of Princess Fawzia". Alroeya News. 2 July 2013. สืบค้นเมื่อ 17 July 2013.
  39. "Maadi Street Names". Egy. สืบค้นเมื่อ 9 August 2013.
  40. Montgomery-Massingberd, Hugh, บ.ก. (1980). "The French Ancestry of King Farouk of Egypt". Burke's Royal Families of the World. Volume II: Africa & the Middle East. London: Burke's Peerage. p. 287. ISBN 9780850110296. OCLC 18496936.

แหล่งข้อมูลอื่น

คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ:
เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์
  • EGYPT
  • Pandora's Box
  • Egyptian Royalty by Ahmed S. Kamel, Hassan Kamel Kelisli-Morali, Georges Soliman and Magda Malek.
  • L'Egypte D'Antan... Egypt in Bygone Days by Max Karkegi.
ก่อนหน้า เจ้าหญิงเฟาซียะห์แห่งอียิปต์ ถัดไป
ตาจญ์อัลโมลูก อัยรุมลู    
สมเด็จพระราชินีแห่งอิหร่าน
(ค.ศ. 1941-1948) 		  โซรยา อัสฟานดิยารี

สิงหาคม 04, 2021
เจ, าหญ, งเฟาซ, ยะห, แห, งอ, ปต, บทความน, เก, ยวก, บเจ, าหญ, งเฟาซ, ยะห, พระราชธ, ดาในพระเจ, าฟ, อาด, สำหร, บเจ, าหญ, งเฟาซ, ยะห, พระองค, เจ, าหญ, งเฟาซ, ยะห, ฟาร, แห, งอ, ปต, อาหร, فوزية, بنت, فؤاد, الأول, เปอร, เซ, فوزیه, فؤاد, ประส, พฤศจ, กายน, 1921, นพระชน. bthkhwamniekiywkbecahyingefasiyahphrarachthidainphraecafuxad sahrbecahyingefasiyahphraxngkhxun duthi ecahyingefasiyah faruk aehngxiyipt ecahyingefasiyahaehngxiyipt xahrb فوزية بنت فؤاد الأول epxresiy فوزیه فؤاد prasuti 5 phvscikayn kh s 1921 sinphrachnm 2 krkdakhm kh s 2013 ecahyingaehngxiyiptaelaxditsmedcphrarachiniinomhmhmd ersa pahlawi chahxihranecahyingefasiyahaehngxiyiptphraxisriyysecahyingaehngxiyiptecahyingaehngxihranthanndrskdiehxrximphieriylihnisehxrrxylihnisrachwngsmuhmmdxali prasuti pahlawi esksmrs khxmulswnphraxngkhprasuti5 phvscikayn kh s 1921 1921 11 05 xaelksanedriy rthsultanxiyipt 1 sinphrachnm2 krkdakhm kh s 2013 91 pi xaelksanedriy praethsxiyiptphrabidaphraecafuxadthi 1phramardasmedcphrarachininasliphraswamichahomhmmd ersa pahlawi kh s 1939 1948 xismaxil husyn chirin eby kh s 1949 1994 phrabutrecahyingchahnasnadiyah chirinhusyn chirinhlngcakkaresksmrsxikkhrngin kh s 1949 phraxngkhidichphranamwa efasiyah chirin eruxymacnthungkarokhnlmphrarachwngsinxiyiptinehtukarnptiwtixiyiptin kh s 1952 aemphraxngkhcathukthxdxxkcakthanndrskdiaelw aetphraxngkhyngepnkhninphrarachwngsmhmmdxalithixawuoskhnhnunginrachwngs enuxha 1 phraprawti 2 chiwitswnphraxngkh 2 1 xphiesksmrskbchahaehngxihran 2 2 karsmrskhrngthisxng 2 3 phrabutr 3 playphrachnmchiphaelakarsinphrachnm 4 phraekiyrtiys 4 1 phraxisriyys 4 2 ekhruxngrachxisriyaphrn 5 phraxnusrn 6 sunganekhiyn 7 phngsawli 8 xangxing 9 aehlngkhxmulxunphraprawti aekikhecahyingefasiyahaehngxiyipt prasutiemuxwnthi 5 phvscikayn kh s 1921 2 thiphrarachwngras exl tin thiemuxngxaelksanedriy praethsxiyipt epnphrathidainphraecafuxadthi 1 kbsmedcphrarachininasliaehngxiyipt sungphramardakhxngphraxngkhsubechuxsaymacaksulyman phacha thharchawfrngesskhxngnopeliynthihnmanbthuxsasnaxislam nxkcakniphrapykafayphrachnnikhxngphraxngkhksubechuxsaymacakturki 3 phraxngkhcungmiechuxsayaexlebeniy frngess aelaturki 4 ecahyingefasiyahmiphraechsthakhuxphraecafarukthi 1 aehngxiyipt aelamiphrakhnisthaidaek ecahyingfysah ecahyingfykah aelaecahyingfthiyah thngyngmiphraechsthaaelaphraechsthphkhinitangmardadwy 2 phraxngkh khux ecachayxismaxil aelaecahyingefakiyahphraxngkhekharbkarsuksainpraethsswitesxraelnd 2 samarthtrsphasaxahrb xngkvs aelafrngess 5 khnathiyngphraxngkhyngepndruniaerkrun phraxngkhthiepnstrithithrngphrasiriochmmakcnthuxepn hnunginstrithiswythisudinolk inkhnann 6 idrbkarykyxngwa mikhwamngamducethphthidawins 7 thngyngidrbkarepriybethiybwamiphraphktrkhlaynkaesdnghyingthimichuxesiynginyukhnnkhux ehdi lamar aelawiewiyn lih 8 chiwitswnphraxngkh aekikh innganxphiesksmrsthiwngxabidin praethsxiyipt eriyngcaksay phraecafarukthi 1 aehngxiyipt phraechstha ecahyingefasiyah aelamkudrachkumarersa pahlawi xphiesksmrskbchahaehngxihran aekikh phraxngkhidekhaphrarachphithihmnkbmkudrachkumaromhmhmd ersaaehngxihranineduxnphvsphakhm kh s 1938 9 10 thngsxngphbkninphrarachphithihmnephiyngkhrngediywkxnphrarachphithixphiesksmrs 11 phrarachphithixphiesksmrsthukcdkhunthiphrarachwngxbdin krungikhorinwnthi 15 minakhm kh s 1939 12 13 hlngcakkarhnnimun thngsxngkcdphithixphiesksmrsxikkhrngthiphrarachwnghinxxninetharan 11 sungcdtamphrarachprasngkhkhxngchahersa 14 15 karxphiesksmrskhxngthngsxngthukcdkhunxyangminyyasakhyrahwangecahyingthiepnsuhnikbmkudrachkumarthiepnchixah 13 16 sxngpitxmaphraswamiidkhunkhrxngrachsmbti ecahyingefasiyahcungklayepn smedcphrarachiniaehngxihran phrarachiniefasiyahthrngepnnangaebbihessil bitn thayphrachayalksnephuxtiphimphlnginnitysarilf Life odynayessil bitnidklawchunchmphrarachinixngkhniwathrngepn ethphthidawinsaehngexechiy thngyngesrimwa miphraphktrruphwickhmsidephuxdphidpkti aetmidwngphraentrsifaxnechiybkhm 12 hlngcakkarxphiesksmrs thngsxngphraxngkhkmiphrathidadwykn 1 phraxngkh 17 khux ecahyingchahnas 1 18 aetchiwitsmrskhxngthngsxngimrabrunnk phrarachiniefasiyahesdcklbkrungikhorraweduxnphvsphakhm kh s 1945 19 aelathakarhyaranginxiyipt thrngihehtuphlwaetharannndxyphthnatrngknkhamkbikhorthiaelduthnsmyaelaepnsakl 20 21 smedcphrarachiniefasiyah phrxmdwychahomhmhmd ersa aelaecahyingchahnas pahlawi phrathidaphraxngkhaerk 22 nxkcakniphrarachiniefasiyahyngthrngmichwngewlathinalabakcakkhwamimsuxstykhxngchah phraxngkhcungekhaphbcitaephthyxemriknthiaebkaeddimnannkkxnthicaesdcxxkcaketharan 19 trngknkhamrayngankhxngsiixexxangwaphrarachinithrngeyaaeyyaelalaxayphrathyekiywkbkarhyxnsmrrthphaphthangephskhxngchahcnnaipsukarhyarang 21 khnathibnthukkhxngecahyingxchraf phrakhnisthafaaefdkhxngchahidihkhxmulwa phrarachinimiidrbsngeruxngkarhyakbchahely 11 txmathngsxngphraxngkhidhyaknthixiyiptemux kh s 1945 nnmiidrbkaryxmrbinpraethsxihrannanhlaypi aetxyangirkdithngsxngphraxngkhkidthakarhyaknxyangepnthangkarinxihranemuxwnthi 17 phvscikayn kh s 1948 phrarachiniefasiyahidklbmaichphraxisriyysedimkhux ecahyingaehngxiyipt swnphrarachthidanntkxyuinkarduaelkhxngchah 23 thngnithangsankphrarachwngidihehtuphlwa dwysphawaxakaskhxngepxresiythaihsukhphaphkhxngrachiniefasiyahthrudothrm dngnncungehndwykbphrakhnisthakstriyxiyiptthitxngkarcahya aelachahkxxkmaprakaswa immiphlkrathbtxkhwamsmphnthxndithimixyurahwangxiyiptkbxihran 24 dngnnsmedcphrarachiniefasiyahcungklbmadarngphraysepnecaaehngxiyiptaelasudantamedim swnphraechsthakhxngecahyingefasiyahkhuxphraecafarukthi 1 aehngxiyipt kidthakarhyarangkbsmedcphrarachinifaridainspdahediywkn 23 25 sungeruxngrawdngklawepnthisnickhxngolktawntkxyangmak 26 ecahyingefasiyah kbxismaxil phraswami karsmrskhrngthisxng aekikh ecahyingefasiyahaehngxiyipt idsmrsxikkhrngemuxwnthi 28 minakhm kh s 1949 kbphnexkxismaxil husyn chirin eby kh s 1919 1994 1 thithukcdkhunthiphrarachwngkhubba xismaxilsungepnphrayatihang khxngphraxngkh epnbutrkhnotkhxnghusyn chirin kbecahyingxaminah bihrus 27 28 khnannekhaiddarngtaaehnngrthmntrikrathrwngklaohmaelakxngthpheruxkhxngxiyipt hlngcakkarsmrsthngsxngidphankinthidinswnphraxngkhthimaxdiinkrungikhor 28 29 aelaphankthibanxikaehnginxaelksanedriy 30 thngkhumibutr thida 2 khn 31 khux nadiyah kh s 1950 2009 aelahusyn ekid kh s 1955 1 phrabutr aekikh ecahyingefasiyahaehngxiyipt thrngihprasutikalphraoxrs thida rwmkn 1 phraxngkh kbxik 2 khn odyepnchay 1 khn aelahying 2 khn sungepnbutrcakkarsmrskhrngaerk 1 phraxngkh aelacakkarsmrskhrngthisxngxik 2 khn khux ecahyingchahnasaehngxihran prasuti kh s 1940 esksmrskhrngaerkkbxaredchir saehdi phayhlngthrnghyaaelaesksmrskbokhsela cahnbani miphrathidacakkarsmrskhrngaerkhnungphraxngkh 32 aelaoxrsthidaxyanglakhncakkarsmrskhrngthisxng 32 pccubnprathbxyuinpraethsswitesxraelnd 32 33 nadiyah rachid ekid 19 thnwakhm kh s 1950 34 kh s 2009 smrskhrngaerkkbyusuf sabaxn nkaesdngchawxiyipt 30 mithidadwykn 1 khn khux siin faramawi kh s 1973 txmaidsmrskhrngthisxngkbmustxfa rachid mithidadwykn 1 khn khux efasiyah rachid 35 husyn chirin ekid kh s 1955 phraoxrsthiekidkbxismaxil husyn chirin eby 35 playphrachnmchiphaelakarsinphrachnm aekikhinplaychnmphraxngkhprathbxyuinpraethsswitesxraelnd sunginpi kh s 2004 idmikarephyaephrphrachayalksnlasudkhxngphraxngkhkhukbxaredchir saehdi xditphrachamada 36 mikarekhaicphidekiywkbkhawkarsinphrachnmemuxeduxnmkrakhm kh s 2005 thiekidkarsbsnineruxngphranamthiehmuxnknkhxngphraxngkhkbphraphatiya khux ecahyingefasiyah kh s 1940 2005 sungepnphrathidakhxngphraechsthakhuxphraecafarukthi 1 aehngxiyipt 36 ecahyingefasiyahaehngxiyipt idesdcklbmaprathbinemuxngxaelksanedriy praethsxiyipt kxnsinphrachnmemuxwnthi 2 krkdakhm kh s 2013 khnamiphrachnmayu 91 phrrsa 37 phrarachphithisphthukcdkhuninchwngbaykhxngwnthi 3 krkdakhmthimsyidsaeyda krungikhor 38 aelafngphrasphthiikhorekhiyngkhangkbxismaxil phraphsdakhnthisxng 12 phraekiyrtiys aekikhphraxisriyys aekikh ehxrsultanikihnis ecahyingefasiyahaehngrthsultanxiyiptaelasudan 5 phvscikayn kh s 1921 15 minakhm kh s 1922 ehxrrxylihnis ecahyingefasiyahaehngxiyiptaelasudan 15 minakhm kh s 1922 15 minakhm kh s 1939 ehxrximphieriylaelarxylihnis ecahyingefasiyahaehngxihran ecahyingaehngxiyiptaelasudan 15 minakhm kh s 1939 16 minakhm kh s 1939 ehxrximphieriylaelarxylihnis ecahyingefasiyah mkudrachkumariaehngxihran ecahyingaehngxiyipt 16 minakhm kh s 1939 16 knyayn kh s 1941 ehxrximphieriylmaecsti smedcphrarachiniefasiyahaehngxihran 16 knyayn kh s 1941 kh s 1948 ehxrximphieriylaelarxylihnis ecahyingefasiyahaehngxihran ecahyingaehngxiyiptaelasudan kh s 1948 28 minakhm kh s 1949 efasiyah chirin 28 minakhm kh s 1949 2 krkdakhm kh s 2013 ekhruxngrachxisriyaphrn aekikh xiyipt ekhruxngrachxisriyaphrnaehngkhunthrrm chnsungsud 16 phvsphakhm kh s 1939 xihran ekhruxngrachxisriyaphrnpahlawi chnsungsud 27 tulakhm kh s 1940 phraxnusrn aekikhmikartngnamemuxngaehnghnunginxiyiptwa efasiyahbd Fawziabad emuxpi kh s 1939 ephuxethidphraekiyrtiphraxngkh 5 aelachwngpi kh s 1950 mithnnyanmaxdiinkrungikhorchux xamiraefasiyah Amira Fawzia aetinpi kh s 1956 idepliynchuxthnnepn mustafayamal Mustafa Kamel 39 sunganekhiyn aekikheruxngrawkhxngecahyingefasiyahaehngxiyiptidthukthaythxderuxngrawlnginhnngsux fxwsiya winsaehnglumnainl ineruxngrawkhxnghyingngamducethphthidawins thiidepnphramehsiphraxngkhaerkkhxngphraecachah omhmhmd ersa pahlawi phraecachahaehngxihran aetphrasiriochm aelathanaxnsungsngkhxngphraxngkhkmiidthaihphraxngkhthrngmikhwamsukhely aetklbtxngtkxyuphayitkhwamoskesraesiyic 7 phngsawli aekikhphngsawliinecahyingefasiyahaehngxiyipt 40 16 walimuhmhmd xali phacha 8 walixibrahim phacha 17 xaminaaehngnxsrtli 4 khidifxismaxil phacha 18 9 ohchixar khadin 19 2 phraecafuxadthi 1 aehngxiyipt 20 10 21 5 efriyal khadin 22 11 23 1 ecahyingefasiyahaehngxiyipt 24 12 25 6 xbdulrxhim sabri phacha 26 13 27 3 nasli sabri 28 xahmd charif exfefndi kxdi xl xskr 14 muhmhmd charif phacha 29 7 etafika charif 30 suilman phacha xl fransawi 15 nasli xl fransawi 31 maeriy exelssi xangxing aekikh 1 0 1 1 1 2 1 3 karxphiesksmrskhxngphraecachah omhmhmd ersa pahlawi 2 0 2 1 Princess Fawzia Fuad of Egypt The Telegraph 5 July 2013 subkhnemux 16 July 2013 Goldschmidt Arthur 2000 Biographical dictionary of modern Egypt Lynne Rienner Publishers p 191 ISBN 1555872298 Montgomery Massingberd Hugh b k 1980 The French Ancestry of King Farouk of Egypt Burke s Royal Families of the World Volume II Africa amp the Middle East London Burke s Peerage p 287 ISBN 978 0 85011 029 6 OCLC 18496936 5 0 5 1 Colorful Fetes Mark Royal Wedding that will Link Egypt and Persian The Meriden Daily Journal 13 March 1939 subkhnemux 8 August 2013 Bidding Farewell Press release phasaxngkvs Al Ahram Weekly subkhnemux 31 krkdakhm ph s 2556 Check date values in accessdate help 7 0 7 1 fxwsiya winsaehnglumnainl Suzy Hansen mmp QUEEN FAWZIA The New York Times Magazine subkhnemux 17 tulakhm 2557 Check date values in accessdate date help Charmody Diedre 27 July 1973 Nixon forth to see Shah The Leader Post New York subkhnemux 10 November 2012 Rizk Yunan Labib 2 8 March 2006 Royal mix Al Ahram Weekly 784 subkhnemux 16 July 2013 11 0 11 1 11 2 Earlier Marriages Ended In Divorce Deposed Shah of Iran The Leader Post AP 29 July 1980 subkhnemux 16 July 2013 12 0 12 1 12 2 Ghazal Rym 8 July 2013 A forgotten Egyptian Princess remembered The National subkhnemux 16 July 2013 13 0 13 1 Princess Fawzia of Egypt Married The Meriden Daily Journal Cairo AP 15 March 1939 subkhnemux 16 July 2013 Camron Michael Amin 1 December 2002 The Making of the Modern Iranian Woman Gender State Policy and Popular Culture 1865 1946 University Press of Florida p 137 ISBN 978 0 8130 3126 2 subkhnemux 3 July 2013 The Pahlavi Dynasty Royal Ark subkhnemux 23 July 2013 Princess Fawzia Fuad of Egypt Telegraph 2 krkdakhm 2013 subkhnemux 19 mkrakhm 2016 Dagres Holly 4 February 2013 When they were friends Egypt and Iran Ahram Online subkhnemux 4 February 2013 Jeffrey Lee 1 April 2000 Crown of Venus Universe p 51 ISBN 978 0 595 09140 9 subkhnemux 3 July 2013 19 0 19 1 Iran and its playboy king The Milwaukee Journal Time Magazine 9 January 1946 subkhnemux 23 July 2013 Steyn Mark 5 July 2013 The Princess and the Brotherhood National Review Online subkhnemux 16 July 2013 21 0 21 1 Anderson Jack Les Whitten 11 July 1975 CIA Shah of Iran a dangerous ally St Petersburg Times Washington subkhnemux 16 July 2013 Noblesse amp Royautes Egypte 23 0 23 1 Queens Lack Male Heirs Lose Mates Pittsburgh Post Gazette Cairo AP 19 November 1948 subkhnemux 16 July 2013 2 Moslem Rulers let the man and wife divorce if they need to The New York Times 20 November 1948 page 1 Bernard Reich 1 January 1990 Political Leaders of the Contemporary Middle East and North Africa A Biographical Dictionary Greenwood Publishing Group p 188 ISBN 978 0 313 26213 5 subkhnemux 16 July 2013 Queen Farida of Egypt Dies at 68 1988 11 17 subkhnemux 2009 06 06 Princess Fawzia engaged The Indian Expree 28 March 1949 subkhnemux 4 February 2013 28 0 28 1 Princess Fawzia weds diplomat Meriden Record 29 March 1949 subkhnemux 16 July 2013 Maadi s Ottomans Egy subkhnemux 17 July 2013 30 0 30 1 Sami Soheir 4 10 June 1998 Profile Youssef Shaaban Al Ahram Weekly 380 subkhnemux 17 July 2013 Shah s ex wives keep low profiles in Egypt Europe The Palm Beach Post AP 28 July 1980 subkhnemux 6 November 2012 32 0 32 1 32 2 Parstime Shahnaz Pahlavi Shah s daughter could not stand exile BBC News 2001 06 12 subkhnemux 2010 07 14 Girl is born to Princess Fawzia Pittsburgh Post Gazette Cairo AP 20 December 1950 subkhnemux 5 February 2013 35 0 35 1 EGYPT The Muhammad Ali Dynasty 36 0 36 1 EGYPTIAN SHAHBANOU Princess Fawzia and Son in Law Ardeshir Zahedi 2004 Press release phasaxngkvs Iranian 5 kumphaphnth 2554 subkhnemux 24 minakhm 2555 Check date values in accessdate date help Princess Fawzia Shah s first wife dies in Egypt Reuters Death of Princess Fawzia Alroeya News 2 July 2013 subkhnemux 17 July 2013 Maadi Street Names Egy subkhnemux 9 August 2013 Montgomery Massingberd Hugh b k 1980 The French Ancestry of King Farouk of Egypt Burke s Royal Families of the World Volume II Africa amp the Middle East London Burke s Peerage p 287 ISBN 9780850110296 OCLC 18496936 aehlngkhxmulxun aekikhkhxmmxns miphaphaelasuxekiywkb ecahyingefasiyahaehngxiyiptEGYPT Pandora s Box Egyptian Royalty by Ahmed S Kamel Hassan Kamel Kelisli Morali Georges Soliman and Magda Malek L Egypte D Antan Egypt in Bygone Days by Max Karkegi kxnhna ecahyingefasiyahaehngxiyipt thdiptacyxlomluk xyrumlu smedcphrarachiniaehngxihran kh s 1941 1948 osrya xsfandiyariekhathungcak https th wikipedia org w index php title ecahyingefasiyahaehngxiyipt amp oldid 9443764, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม