เทียนทะเล
เทียนทะเล | |
---|---|
พุ่มต้น เทียนทะเล (Pemphis acidula) บนหาดของ Réunion Island | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Myrtales |
วงศ์: | Lythraceae |
สกุล: | Pemphis |
สปีชีส์: | acidula |
ชื่อพ้อง | |
|
เทียนทะเล หรือ เทียนเล (ชื่อวิทยาศาสตร์: Pemphis acidula) ในภาษาอังกฤษรู้จักกันในชื่อ Bantigue (อ่านว่า bahn-tee-geh ) หรือ Mentigi เป็นพืชดอกในวงศ์ Lythraceae เป็นพืชทนเค็ม พบได้ทั่วไปตามแนวป่าชายเลน ในเขตร้อนแถบ อินโด - แปซิฟิกที่เติบโตบนชายฝั่งหิน เทียนทะเลถูกจำแนกอยู่มีเพียงสปีชีส์เดียวในสกุล Pemphis (โดยมีการอธิบายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2318) มานาน จนเรียกได้เป็นชนิดต้นแบบ ของสกุล Pemphis จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้พบว่าน่าจะนี้มีอย่างน้อยหนึ่งชนิด
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เทียนทะเล ชื่อวิทยาศาสตร์ Pemphis acidula J.R. Forst. จัดเป็นไม้ชนิดเดียวในสกุล Pemphis ที่พบในประเทศไทย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 8 เมตร แต่บางต้นอาจสูงได้ถึง 11 เมตร ลำต้นเป็นปุ่มปม แตกกิ่งแขนงจำนวนมาก ลำต้นมักบิดงอเนื่องมาจากแรงลม บางครั้งพบลำต้นมีลักษณะเลื้อย แคระ สูงเพียง 15 เซนติเมตร และต้นที่มีอายุมากผิวของลำต้นมักแห้งตายเป็นหย่อม ๆ
ใบเดี่ยว รูปขอบขนาน ปลายใบแหลม ใบขนาดเล็ก ค่อนข้างอวบน้ำ
ดอกสีขาวออกตามซอกใบ กลีบดอก 6 กลีบ กลีบดอกรูปขอบขนาน ฐานรองดอกเป็นรูปถ้วยปากแตรสีเขียว บางครั้งปนแดง
ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วและสามารถสร้างรากและตาใหม่ได้เร็วมาก มักเริ่มออกดอกและออกเมล็ดเมื่อสูงประมาณ 1-4 เมตร
ดอกและผลเทียนทะเล (Pemphis acidula) ใน ไอตุตากี หมู่เกาะคุก
ดอกและใบอ่อนเทียนทะเล ตองกา
การแพร่กระจายและถิ่นที่อยู่
เทียนทะเล (P. acidula) เป็น พืชทนเค็ม (halophyte) พุ่มไม้ที่พบได้ตามแนวชายฝั่ง ในเขตร้อนแถบอินโด-แปซิฟิก เป็นไม้พุ่มที่เจริญเติบโตในดินทราย ดินเหนียว และหินปูนของ โซนฝั่งทะเล ของ มหาสมุทรอินเดีย และตะวันตกและภาคกลางของ มหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากนี้ยังพบในแนวป่าชายเลน (ป่าโกงกาง)
ในประเทศไทยพบได้ในป่าชายเลนตามป่าชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ที่ผ่านมาผู้คนนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับและบอนไซ
แต่ในบางพื้นที่พบว่ามีจำนวนประชากรลดลงอย่างมาก เนื่องจากการขยายพื้นที่อยู่อาศัยรุกรานพื้นที่ป่าธรรมชาติ และที่เร่งการสูญพันธุ์คือการขุดไปค้าขายทำบอนไซ
การใช้ประโยชน์
เทียนทะเลมีประโยชน์สำหรับการป้องกันชายฝั่งจากลมที่มีความแรง และเป็นพืชที่แข็งแรง ในเวลาเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นได้ดีมาก
เนื้อไม้ของเทียนทะเลเป็นไม้เนื้อแข็ง มีคุณค่าตามประเพณีในหลายวัฒนธรรม จากความแข็ง น้ำหนักมาก ทนทานต่อการเน่าและการบิดโก่งตัว (ความแปรปรวนของรูปทรง) เนื่อไม้มีผิวละเอียดตามธรรมชาติและอาจใช้เป็นไม้เท้า เสารั้ว มือจับอุปกรณ์เครื่องมือ และแม้แต่สมอเรือ ในเมือง เรอูนียง และ ประเทศมอริเชียส เป็นที่รู้จักกันในชื่อ bois matelot ใน มัลดีฟส์ เทียนทะเลถูกใช้ในการต่อเรือแบบดั้งเดิม เป็นโครงเรือและหมุดเพื่อยึดแผ่นไม้ของตัวเรือเข้าด้วยกันตามภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึง "ตะปูไม้" ในพิธีไสยศาสตร์ท้องถิ่น
เทียนทะเล เป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ใช้ในการทำ บอนไซ ในพื้นที่เขตร้อนหรือมีอากาศแบบร้อนชื้นและยังทนทานต่อลมแรง เช่น พายุไต้ฝุ่น จึงเป็นบอนไซพบมากที่สุดใน ฟิลิปปินส์ และยังแพร่กระจายปลูกเป็นบอนไซใน ไต้หวัน และ หมู่เกาะริวกิว ของ ญี่ปุ่น เนื่องจากได้รับความนิยมและมีมูลค่าสูงในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบบอนไซจึงเป็นหนึ่งในรายชื่อสายพันธุ์ที่ถูกจัดอยู่ในประเภท 'คุกคาม' โดย กรมสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ของฟิลิปปินส์ การรวบรวมการขายและการขนส่ง Pemphis acidula ป่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในฟิลิปปินส์และมีโทษปรับและจำคุกไม่เกินหกปี
ในประเทศไทย ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่คำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่องมาตรการคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 เป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 ประกอบมาตรา 17 และ 27 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 เพื่อคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเลไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการลักลอบขุด โดยผู้ที่ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ
ในเกาะ Marovo, ตองกา, ตาฮิติ และ หมู่เกาะ อื่น ๆ ใน มหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ใช้ทำเครื่องมือไม้ เช่น สาก ด้ามเครื่องมือ อาวุธ และหวี
สารสกัดจากเปลือกของเทียนทะเลออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบรัดตัวมากขึ้นและถี่ขึ้น ซึ่งมีการใช้เป็นยาทำแท้งในเกาะวานูอาตู
เปลือกต้นเทียนทะเลมีสารสำคัญคือ แทนนิน เป็นองค์ประกอบ 19-43% นำมาใช้ในการฟอกหนัง เปลือกเมื่อนำมาฝนให้สีแดงนำมาเป็นสีย้อมได้
อ้างอิง
- IUCN Red List of Threatened Species
- ↑ https://www.matichonweekly.com/column/article_340923
- xycol.net Pemphis acidula J.R. Forst., 1775 - Nom pilote : miki miki
- http://www.fao.org/3/ai387e/AI387E06.htm
- Xavier Romero-Frias, The Maldive Islanders, A Study of the Popular Culture of an Ancient Ocean Kingdom. NEI (1999), ISBN 84-7254-801-5
- https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/894294
- Pawley, Andrew; Osmond, Meredith (eds). 2008. The lexicon of Proto Oceanic: The culture and environment of ancestral Oceanic society. Volume 3: Plants 2019-02-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Pacific Linguistics 599. Canberra: Pacific Linguistics, Australian National University.
- https://www.matichonweekly.com/column/article_340923
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "tpl" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "ipni2" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "cck" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ชื่อ "cjp" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า
<ref>
ชื่อ "fao" ซึ่งนิยามใน <references>
ไม่ถูกใช้ในข้อความก่อนหน้า