เดปอร์ติโบอาลาเบส
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เดปอร์ติโบอาลาเบส (สเปน: Deportivo Alavés) หรือมักย่อว่า อาลาเบส เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศสเปน ตั้งอยู่ในบิโตเรีย-กัสเตอิซ จังหวัดอาลาบา ในแคว้นปกครองตนเองประเทศบาสก์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1921 ในชื่อ sport friend club ปัจจุบันเล่นในลาลิกา ลีกสูงที่สุดของประเทศสเปน นับตั้งแต่ปี 2016–17
ชื่อเต็ม | บริษัทกีฬา เดปอร์ติโบอาลาเบส จำกัด (มหาชน) | |||
---|---|---|---|---|
ฉายา | Babazorros El Glorioso (The glorious one) Pink Team | |||
ก่อตั้ง | 1921 | |||
สนาม | สนามฟุตบอลเมนดิซอร์โรตซา บิโตเรีย แคว้นประเทศบาสก์ สเปน | |||
ความจุ | 19,840 | |||
เจ้าของ | ซัสกีบัสโกเนีย (70.44%) โฆเซ อันโตนิโอ เกเรเฆตา (6.4%) | |||
ประธาน | อัลฟอนโซ เฟร์นันเดซ เด โตรโกนิซ | |||
ผู้จัดการทีม | กาเบียร์ กอร์เรฆา | |||
ลีก | ลาลิกา | |||
2019–20 | ลาลิกา, อันดับที่ 16 | |||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | |||
| ||||
อาลาเบส นับว่าเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จรั้งท้ายในลีกสูงสุดในภูมิภาคประเทศบาสก์ตามหลังอัตเลติกเดบิลบาโอแห่งบิลบาโอ และเรอัลโซซิเอดัดแห่งซานเซบัสเตียน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรคือการผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าคัพ ในปี ค.ศ. 2001 ที่ดอร์ทมุนด์ แต่พวกเขาก็แพ้ให้กับลิเวอร์พูลจากอังกฤษไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ ด้วยกฎโกลเดนโกล 5–4 รวมถึงในปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านเข้าไปรอบชิงชนะเลิศ โกปาเดลเรย์ ในฤดูกาล 2016–17 แต่แพ้ให้กับบาร์เซโลน่า ไป 3–1 ที่บิเซนเต กัลเดรอน
อาลาเบสมีสีเสื้อแข่งขันเหย้าเป็นลายขาว-น้ำเงิน ซึ่งเป็นสีที่เป็นอัตลักษณ์ของสโมสร ปัจจุบันพวกเขาใช้สนามเมนดิซอร์โรตซา เป็นสนามเหย้าของทีมซึ่งมีความจุ 19,840 ที่นั่ง
ประวัติ
สโมสรก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1921 ในนาม สปอร์ตเฟรนด์คลับ ก่อนที่ในวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1921 จะถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็นปัจจุบัน อาลาเบส เป็นสโมสรแรกที่เลื่อนชั้นจาก เซกุนดาดิบีซีออน สู่ ลาลิกา ได้สำเร็จ ซึ่งเกิดขึ้นในฤดูกาล 1929–30 ทีมจบลำดับที่ 8 จาก 10 ทีมบนตารางคะแนนในฤดูกาลแรกในลีกสูงสุด ก่อนที่จะตกชั้นในอีก 2 ฤดูกาลถัดมา
ในฤดูกาล 1953–54 สโมสรได้กลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง ภายใต้การคุมทีมของ โรมัน การาตากา และได้ตกชั้นในฤดูกาลถัดมา ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1963 อาลาเบส ตกชั้นสู่ เตร์เซราดิบิซิออน ลีกลำดับที่สามในขณะนั้น ซึ่งได้อยู่ในลีกนี้จนถึงฤดูกาล 1985–86 ในฤดูกาล 1969-70 สโมสรตกสู่ระดับลีกลำดับที่สี่ แต่เพียงปีเดียวสโมสรก็สามารถกลับขึ้นมาเล่นในเตร์เซราดิบิซิออน ลีกลำดับที่สามในขณะนั้นได้ อีกครั้ง ก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการเลื่อนชั้นกลับเข้าสู่ เซกุนดาดิบิซิออนในฤดูกาล 1973–74 โดยรักษาการอยู่ในลีกนี้ได้เป็นเวลา 9 ปีก่อนที่จะตกชั้นลงสู่ลีกล่างอีกครั้ง ในฤดูกาล 1987–88 อาลาเบส จบลำดับที่ 8 บนตารางคะแนนเตร์เซราดิบิซิออน ซึ่งเป็นลีกอันดับที่สี่ในขณะนั้น นับเป็นการจบอันดับที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรจนถึงปัจจุบัน ก่อนที่ในอีกเจ็ดฤดูกาลถัดมาพวกเขาจะกลับขึ้นมาในเซกุนดาดิบิซิออนได้อีกครั้ง หลังจากคว้าแชมป์กลุ่มของเขาสองปีติดต่อกันใน เซกุนดาดิบิซิออน เบ ฤดูกาล 1992–93 (ลีกลำดับที่สามในขณะนั้นที่เพิ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1977)
หลังจากพวกเขาชนะเลิศ 1997–98, ก็ทำให้พวกเขาเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด เป็นครั้งแรกในรอบ 42 ปี โดยในฤดูกาลนี้ อาลาเบส จบลำดับที่ 16 บนตารางคะแนน ซึ่งเก็บแต้มได้มากกว่าทีมที่ต้องเพลย์-ออฟตกชั้นอย่าง เอ็กเตร์มาดูราอินเพียงแต้มเดียว ในฤดูกาลถัดมา อาลาเบส สามารถผ่านเข้าไปลงเล่นในยูฟ่าคัพได้สำเร็จ หลังจากพวกเขาจบอันดับที่หก บนตารางคะแนนลาลิกา โดยเก็บได้ 61 แต้ม โดยในจำนวนนี้พวกเขาสามารถเก็บ 6 แต้มได้จากการบาร์เซโลนา ทั้งเหย้าและเยือน โดยนับเป็นสถิติการจบลำดับที่ดีที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน
ในฤดูกาล2000–01 อาลาเบสจบลำดับที่ 10 บนตารางคะแนนลาลิกา และได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศชองฟุตบอลยูฟ่าคัพ หลังจากเอาชนะแอร์สเทอ เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์น ราโยบาเยกาโน และอินเตอร์มิลาน ตามลำดับในรอบแพ้คัดออก โดยพวกเขาแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ให้กับลิเวอร์พูล ด้วยคะแนน 5-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยกฎโกลเดนโกล หลังจากเดลฟิ เกลิ โหม่งสกัดลูกฟรีคิกของแกรี แม็กอัลลิสเตอร์ เข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 116
ในฤดูกาลถัดมา อาลาเบส จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7 บนตารางคะแนนลาลิกา ทำให้ได้ผ่านเข้าไปลงเล่นในยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 2002–03 นับเป็นครั้งที่สองที่ อาลาเบส ได้ลงเล่นในฟุตบอลยุโรป โดยทีมสามารถเอาชนะได้ในรอบแรกกับ อันคารากือจือ ก่อนที่จะแพ้ให้กับเบชิกทัชในรอบที่สอง
ในวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2003 อาบาเบส ชนะการแข่งขันลาลิกา นัดที่ 100 จากการชนะเรอัลบายาโดลิด 3–1 ที่สนามกีฬาโฆเซซอร์รียา โดยในฤดูกาลนี้พวกเขาต้องตกชั้นลงอีกครั้ง ในเวลานี้ อาลาเบส ถูกซื้อโดยดีมิทรี เพียตร์แมน นักธุรกิจชาวยูเครน - อเมริกัน โดยโค้ชและผู้เล่น รวมถึงแฟนบอล ต่างไม่พอใจกเปนอย่างมาก อาลาเบส ใช้เวลาเพียงปีเดียวก็สามารถกลับมาสู่ตำแหน่งลีกสูงสุดได้ ก่อนที่จะจบอันดับที่ 18 บนลาลิกาทำให้ต้องตกชั้นลง อีกครั่ง โดยตลอดฤดูกาลได้ใช้ผู้จัดการทีมถึง 3 คน เพียตส์แมน ออกจากการดำรงตำแหน่งในปี ค.ศ. 2007 ทำให้สโมสรมีหนี้สินจำนวนมาก อาลาเบส ต้องหนีการตกชั้นจากเซกุนดาดิบิซิออนสองฤดูกาล แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จในฤดูกาล 2008–09
อาลาเบส ต้องลงเล่นอยู่ในเซกุนดาดิบิซิออน เบ เป็นเวลา 4 ฤดูกาล ก่อนที่ โฆเซ อันโตนิโอ เกเรสเอตา จะเข้าซื้อสโมสร และสามารถเลื่อนชั้นได้ในฤดูกาลนี้ หลังจากชนะการเพลย์-ออฟ ต่อเรอัล ฆาเอน หลังจากการเข้ามาสะสางปัญหาทางเศรษฐกิจของ เกเรสเอตา ในอีกสามปีต่อมา ในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 อาลาเบส ชนะเลิศเซกุนดาดิบิซิออน ทำให้ได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี หลังเลกาเนส ทีมลำดับที่สองพ่ายแพ้ต่อนูมันเซีย 2–0 ในวันสุดท้ายของการแข่งขัน
ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2016 อาลาเบส ชนะการแข่งขันในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับขึ้นมา โดยเอาชนะแชมป์เก่าอย่างบาร์เซโลนา ด้วยคะแนน 2–1 ที่สนามกัมนอว์ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017 อาลาเบส สามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศโกปาเดลเรย์ หลังจากเอาชนะ เซลตาเดบิโก ในรอบรองชนะเลิศ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่สโมสรได้ลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศถ้วยในประเทศ หลังจาก ก่อนหน้านี้ เคยผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาแล้วในปี 1998 และ2004 โดยในปี ค.ศ. 2017 นี้พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับบาร์เซโลนา 3–1 ที่บิเซนเต กัลเดรอน โดยในฤดูกาลนี้พวกเขาจบลำดับที่เก้าบนตารางคะแนนลาลิกา จากการชนะ 14 นัด เสมอ 13 นัดและแพ้ 11 นัด
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
- ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ทีมสำรอง
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผลงาน
ผลงานในแต่ละฤดูกาล
|
|
|
|
- 15 ฤดูกาล ใน ลาลิกา
- 37 ฤดูกาล ใน เซกุนดาดิบิซิออน
- 12 ฤดูกาล ใน เซกุนดาดิบิซิออน เบ
- 22 ฤดูกาล ใน เตร์เซราดิบิซิออน
- 1 ฤดูกาล ใน ดิบิซิออน เรฆิออนาเรส
เกียรติประวัติ
- ชนะเลิศ (4): 1929–30, 1953–54, 1997–98, 2015–16
- ชนะเลิศ (4): 1992–93, 1993–94, 1994–95, 2012–13
- เตร์เซราดิบิซิออน
- ชนะเลิศ (5): 1940–41, 1960–61, 1964–65, 1967–68, 1973–74
- ชนะเลิศ: 1989–90
- ฟุตบอลลีกภูมิภาค
- บิสเกแชมเปียนชิป: 1929–30
- จิปุสโกแชมเปียนชิป: 1938–39
- โกปาเฟเดราซิออนเดเอสปัญญา
- ชนะเลิศ: 1945–46
- รองชนะเลิศ: 2016–17
- รองชนะเลิศ: 2000–01
หมายเหตุ
- ลีกลำดับที่สาม
- ไมเลื่อนชั้นเนื่องจากแพ้การ เพลย์-ออฟ
- ไมเลื่อนชั้นเนื่องจากแพ้การ เพลย์-ออฟ
- เลื่อนชั้น หลังจากชนะการเพลย์-ออฟ
- เลื่อนชั้นหลังจากชนะการ เพลย์-ออฟ และเป็นแชมป์ของลีกจากการมีคะแนนสูงสุดเมื่อรวมทั้ง 4 ลีก
- ลีกลำดับที่สาม
- เลื่อนชั้นหลังจากชนะการ เพลย์-ออฟ
- เลื่อนชั้นหลังจากชนะการ เพลย์-ออฟ
- ไมเลื่อนชั้นเนื่องจากแพ้การ เพลย์-ออฟ
- เลื่อนชั้นหลังจากชนะการ เพลย์-ออฟ
- เลื่อนชั้นโดยตรงโดยไม่ผ่านรอบเพลย์-ออฟ
- ลีกลำดับที่สี่
- เลื่อนชั้นโดยตรงโดยไม่ผ่านรอบเพลย์-ออฟ
อ้างอิง
- Mendizorrotza Stadium 27 พฤศจิกายน 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Depor, Redacción (2019-11-30). "¡Grítalo merengue! Real Madrid ganó 2–1 al Alavés por LaLiga Santander". Depor (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 2020-01-24.
- ↑ "La historia del Club | Alavés – Web Oficial". La historia del Club | Alavés – Web Oficial (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 2019-11-20.
- "Primera División, Temporada 1930/1931 – laliga, liga santander, la liga santander, campeonato nacional de liga de primera división, liga española". www.resultados-futbol.com. สืบค้นเมื่อ 2019-11-20.
- "Historia del Deportivo Alavés". Alaves – El Correo (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 2020-01-24.
- "Deportivo Alavés, S.A.D. :: La Futbolteca. Enciclopedia del Fútbol Español" (ภาษาสเปน). สืบค้นเมื่อ 2020-01-24.
- "El Alavés incendia San Siro" [Alavés set fire to San Siro] (ภาษาสเปน). El País. 23 February 2001. สืบค้นเมื่อ 24 February 2019.
- Robert O'Connor (18 May 2016). "What the heck happened to Alaves after 2001?". FourFourTwo. สืบค้นเมื่อ 24 February 2019.
- The greatest matches of all time; The Daily Telegraph, 4 July 2007
- Carreras denuncia el "trato vejatorio" de Piterman (Carreras denounces "vexatious treatment" by Piterman); 20 Minutos, 16 February 2006 (ในภาษาสเปน)
- Dimitri Piterman llama "subnormales" a los aficionados del Alavés (Dimitri Piterman calls Alavés' fans "morons"); 20 Minutos, 22 February 2006 (ในภาษาสเปน)
- "Querejeta compra las acciones del Alavés que tenía la familia Ortiz de Zárate" [Querejeta bought Alavés' shares that the Ortiz de Zárate family held] (ภาษาSpanish). El Correo. 29 July 2013. สืบค้นเมื่อ 26 February 2017.CS1 maint: unrecognized language (link)
- "Glorioso Matagigantes" [Glorious Giantkillers] (ภาษาSpanish). Marca. 10 September 2016. สืบค้นเมื่อ 21 September 2017.CS1 maint: unrecognized language (link)
- "Barcelona 3–1 Alavés". BBC Sport. 27 May 2017. สืบค้นเมื่อ 21 September 2017.
- "Primera División, Temporada 2016/2017 – laliga, liga santander, la liga santander, campeonato nacional de liga de primera división, liga española". www.resultados-futbol.com. สืบค้นเมื่อ 2019-11-20.
- . Plantilla Deportivo Alavés SAD – Alavés – Web Oficial. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 16 February 2017. สืบค้นเมื่อ 11 July 2017.
- Ganley, Joe (31 January 2021). "Facundo Pellistri joins Alaves on loan". ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 31 January 2021.
- "Spain – List of Champions of Norte". RSSSF. 21 January 2000. สืบค้นเมื่อ 5 March 2018.