สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ (อังกฤษ: Tottenham Hotspur F.C.) เป็นสโมสรฟุตบอลของอังกฤษซึ่งตั้งอยู่ในย่านทอตนัมในกรุงลอนดอน ปัจจุบันเล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ รู้จักในนามสั้น ๆ ว่า "สเปอร์" (Spurs) มีสนามเหย้าคือสนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์
ฉายา | สเปอร์, The Lilywhites ไก่เดือยทอง (ไทย) | |||
---|---|---|---|---|
ก่อตั้ง | ค.ศ. 1882 (ในชื่อ "สโมสรฟุตบอลฮอตสเปอร์) | |||
สนาม | สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ | |||
ความจุ | 62,062 | |||
เจ้าของ | อีเอ็นไอซีกรุ๊ป | |||
ประธาน | แดเนียล เลวี | |||
ผู้จัดการ | อันโตนีโอ กอนเต | |||
ลีก | พรีเมียร์ลีก | |||
2021–22 | อันดับที่ 4 | |||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | |||
| ||||
สโมสรก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1882 มีคำขวัญว่า "To dare is to do" ("จงกล้าที่จะทำ") สีประจำสโมสรคือเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินซึ่งใช้มาตั้งแต่ฤดูกาล 1898–99 สเปอร์ชนะเลิศเอฟเอคัพสมัยแรกใน ค.ศ. 1901 ส่งผลให้พวกเขาเป็นสโมสรจากลีกสมัครเล่นเพียงทีมเดียวถึงปัจจุบันที่คว้าแชมป์ได้นับตั้งแต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ก่อตั้งระบบการแข่งขันแบบลีกขึ้นใน ค.ศ. 1888 สเปอร์ยังเป็นสโมสรแรกในศตวรรษที่ 20 ที่ชนะเลิศฟุตบอลลีกและเอฟเอคัพได้ในฤดูกาลเดียวกัน (ฤดูกาล 1960–61) และยังเป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่ชนะเลิศถ้วยยุโรป ภายหลังชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพใน ค.ศ. 1963 รวมทั้งเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ชนะเลิศถ้วยยุโรป 2 รายการแตกต่างกัน ภายหลังชนะเลิศยูฟ่าคัพใน ค.ศ. 1972 สเปอร์ยังเป็นหนึ่งในสองสโมสรของอังกฤษร่วมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ชนะเลิศถ้วยรางวัลได้อย่างน้อย 1 รายการ 6 ทศวรรษติดต่อกัน (ค.ศ. 1950–2000)
ในการแข่งขันในประเทศ สเปอร์ชนะเลิศลีกสูงสุด 2 สมัย, เอฟเอคัพ 8 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย และ เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 7 สมัย ในการแข่งขันระดับทวีป พวกเขาชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย และ ยูฟ่าคัพ 2 สมัย และเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกใน ค.ศ. 2019 สเปอร์มีสโมสรคู่ปรับสำคัญคือ อาร์เซนอล โดยการแข่งขันระหว่างสองทีมเรียกว่า ดาร์บีลอนดอนเหนือ สโมสรมีกลุ่มอีเอ็นไอซีกรุ๊ปบริษัทด้านการลงทุนของอังกฤษเป็นเจ้าของทีมตั้งแต่ ค.ศ. 2001 สเปอร์เป็นสโมสรที่มีมูลค่าทีมสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ด้วยมูลค่า 1.67 พันล้านปอนด์ใน ค.ศ. 2021 และมีรายรับมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลกด้วยรายได้ 390 ล้านปอนด์ใน ค.ศ. 2020
ประวัติ
ยุคก่อตั้ง (ค.ศ. 1882–1908)
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1882 โดยกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยม 11 คนซึ่งเป็นสมาชิกชมรมคริกเกต นำโดย บ็อบบี บัคเคิล โดยใช้ชื่อ ฮอตสเปอร์ เอฟซี โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ออกกำลังกายในช่วงปิดภาคเรียน หนึ่งปีต่อมา กลุ่มนักเรียนได้ร้องขอให้ จอห์น ริพเชอร์ คุณครูสอนคัมภีร์ไบเบิลในโบสถ์ประจำโรงเรียนเป็นประธานสโมสรคนแรก โดยริพเชอร์ได้ช่วยเหลือทีมทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายและการฝึกซ้อม ใน ค.ศ. 1884 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น ท็อตนัมฮอตสเปอร์ เอฟซี เพื่อให้ไม่เกิดความสับสนกับสโมสรอื่น ๆ ในกรุงลอนดอนที่ใช้ชื่อว่าฮอตสเปอร์ และมีการตั้งชือเล่นสโมสรว่า "สเปอร์" และมีฉายาว่า "ดอกลิลลี่สีขาว (The Lily Whites)"
ในช่วงแรกทีมยังไม่ลงแข่งขันระดับทางการโดยมีเพียงการเตะอุ่นเครื่องกับสโมสรท้องถิ่น การแข่งขันอาชีพนัดแรกของสเปอร์คือการพบกับทีมท้องถิ่นชื่อว่า Radicals ซึ่งพวกเขาแพ้ไป 0–2 ต่อมา สเปอร์ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลถ้วยทางการครั้งแรกในถ้วยการกุศลของกรุงลอนดอน ในวันที่ 17 ตุลาคม 1885 เอาชนะทีม เซนต์ อัลบาน ไป 5–2 ต่อมา สเปอร์ได้จดทะเบียนเป็นสโมสรอาชีพในวันที่ 20 ธันวาคม 1895 และได้ร่วมแข่งขันลีกเป็นครั้งแรกในเซาเทิร์นฟุตบอลลีก
สโมสรมีสนามเหย้าแห่งแรกคือทอตนัม มาร์เชส แต่ใน ค.ศ. 1897 สนามได้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวรเนื่องจากเกิดสงคราม โดยสเปอร์ได้เช่าบริเวณย่านนอททัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนามนอททัมเบอร์แลนด์ พาร์คเป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังไวต์ฮาร์ตเลน ในปี 1898 และแต่งตั้ง แฟรงค์ เบรดเทลล์ ชาวอังกฤษเป็นผู้จัดการทีมคนแรก โดยนักเตะคนแรกที่เบรดเทลล์ซื้อมาร่วมทีมคือ จอห์น คาเมรอน จากสโมสรควีนส์พาร์ก และในปีนั้น สโมสรได้จดทะเบียนเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการ หลังจากคุมทีมได้ฤดูกาลเดียว เบรดเทลล์ได้ย้ายไปคุมพอร์ตสมัท และผู้ที่มาคุมทีมแทนก็คือ จอห์น คาเมรอนซึ่งเบรดเทลล์เพิ่งซื้อตัวเขามานั่นเอง คาเมรอนได้เซ็นสัญญาในฐานะผู้เล่น–ผู้จัดการทีมโดยยังลงเล่นให้กับสโมสรในตำแหน่งกองหน้า
คาเมรอนนำสเปอร์คว้าแชมป์เซาเทิร์นฟุตบอลลีกได้ในปี 1900 ตามด้วยแชมป์เอฟเอคัพสมัยแรกในปี 1901 โดยเอาชนะเชฟฟีลด์ยูไนเต็ดในนัดแข่งใหม่ 3–1 หลังจากเสมอกันในนัดแรก 2–2 ทำให้สเปอร์เป็นสโมสรจากลีกสมัครเล่นเพียงทีมเดียวจนถึงทุกวันนี้ที่ได้แชมป์เอฟเอคัพ นับตั้งแต่เริ่มมีการนำระบบลีกอาชีพมาใช้ในปี 1888 คาเมรอนยังพาสเปอร์ได้รองแชมป์ลีกอีก 2 ครั้งในปี 1902 และ 1904 ต่อมา ในปี 1908 คาเมรอนลาออก และเฟรด เคิร์กแฮม เข้ามาคุมทีมต่อ ในปีนั้นสเปอร์ได้ย้ายไปเล่นในดิวิชั่นสองและได้รองแชมป์
ยุคตกต่ำ และแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรก (ค.ศ. 1912–1957)
ในช่วง ค.ศ. 1912–27 สเปอร์มี ปีเตอร์ แม็ควิลเลียม อดีตนักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์เป็นผู้จัดการทีม และพวกเขาจบอันดับสุดท้ายในดิวิชั่นหนึ่งฤดูกาล 1914–15 ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลลีกจะหยุดไป 5 ปีเนื่องจากสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ต่อมา ฟุตบอลอังกฤษได้กลับมาแข่งขันในฤดูกาล 1919–20 สมาคมฟุตบอลอังกฤษมีมติเพิ่มจำนวนทีมในลีกสูงสุดจากเดิม 20 ทีม เป็น 22 ทีม โดยให้สิทธิ์ทีมอันดับ 1 และ 2 ในดิวิชั่นสองเลื่อนชั้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติซึ่งได้แก่ ดาร์บีเคาน์ตี และเพรสตันนอร์ทเอนด์ และในส่วนของโควตาทีมสุดท้ายนั้น สมาคมได้โหวตเลือกอาร์เซนอลซึ่งอยู่ในดิวิชั่น 2 เลื่อนชั้นขึ้นมาในลีกสูงสุด และให้สเปอร์ซึ่งได้อันดับ 20 ในดิวิชั่นหนึ่งฤดูกาลล่าสุดต้องตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 แทน แม้สเปอร์จะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลแต่ก็ไม่เป็นผล แต่สเปอร์ก็เลื่อนขั้นกลับขึ้นมาลีกสูงสุดได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งฤดูกาล
ใน ค.ศ. 1921 สเปอร์คว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ เอาชนะวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 1–0 ตามด้วยรองแชมป์ลีกใน ค.ศ. 1922 ทีมมีผู้เล่นชื่อดังในสมัยนั้นคือ อาเทอร์ กริมส์เดล กัปตันทีม แต่หลังจากนั้นพวกเขาเริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำโดยเป็นทีมกลางตารางในอีก 5 ฤดูกาลถัดมา และตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1927–28 และแม็คมิลานลาออก ถัดมา ในช่วงทศวรรษ 1930–40 สเปอร์เล่นอยู่ในดิวิชั่นสองเป็นส่วนมาก ต่อมา ใน ค.ศ. 1949 สโมสรมีผู้จัดการทีมคือ อาเทอร์ โรเวย์ ชาวอังกฤษ ซึ่งเข้ามาปฏิวัติแผนการเล่นของทีมให้เน้นเกมรุกเอาใจแฟน ๆ ด้วยลีลาการเล่นที่เร้าใจโดยผู้เล่นทุกคนต้องเคลือนที่ด้วยความรวดเร็ว จนได้รับฉายาว่า The "push and run" โรเวย์พาสเปอร์เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในปี 1950 และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดอย่างดิวิชันหนึ่งได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1950–51 ก่อนจะลาออกในปี 1955 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ
ยุคทองแห่งความสำเร็จ (ค.ศ. 1958–1991)
บิล นิโคลสัน ตำนานผู้เล่นของสโมสร ได้มาคุมทีมใน ค.ศ. 1958 และถือเป็นยุคทองของสโมสร โดยครองแชมป์ฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่ง 1 สมัย, เอฟเอคัพ 3 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 3 สมัย และยังประสบความสำเร็จในรายการยุโรป โดยได้แชมป์ยูฟ่าคัพ (ยูโรปาลีกในปัจจุบัน) 1 สมัย และแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ อีก 1 สมัย และสเปอร์ยังได้ร่วมแข่งขันยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก) เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1961–62 แต่นิโคลสันก็ถูกปลดในฤดูกาล 1974–75 หลังจากนั้น สเปอร์ก็ยังเล่นอยู่ในลีกสูงสุดอย่างมั่นคง และในปี 1981–82 สเปอร์เป็นแชมป์เอฟเอคัพ 2 สมัยติดต่อกันในยุคของ คีธ เบอร์คินชอว์ ตามด้วยแชมป์ยูฟ่าคัพ สมัยที่ 2 ในปี 1984 โดยเบอร์คินชอว์สร้างทีมด้วยนักเตะแกนหลักอย่าง เกล็น ฮอดเดิล ก่อนจะลาทีมในปี 1984 จากนั้น ปีเตอร์ ชรีฟส์, เดวิด พลีท และดัก ลิเวอร์มอร์ เข้ามาคุมทีม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เทอร์รี เวนาเบิลส์ อดีตผู้เล่นของสโมสรเข้ามาคุมทีมในปี 1987 โดยพาสเปอร์คว้าแชมป์เอฟเอคัพและเอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ได้ในฤดูกาล 1990–91 และเป็นทีมแรกที่ได้แชมป์เอฟเอคัพครบ 8 สมัย นักเตะตัวหลักของทีมในช่วงนั้นได้แก่ พอล แกสคอยน์ และ แกรี่ ลินิเกอร์
ยุคพรีเมียร์ลีก (ค.ศ. 1992–ปัจุจบัน)
ในช่วงปี 1993–2000 สเปอร์คว้าแชมป์เพิ่มได้รายการเดียวคือลีกคัพในฤดูกาล 1998–99 ภายใต้การคุมทีมของจอร์จ เกรแฮม เอาชนะเลสเตอร์ซิตี 1–0 ในยุคนั้นนั้นทีมมีผู้เล่นชื่อดังหลายราย เช่น เท็ดดี้ เชอริงแฮม, เยือร์เกิน คลีนส์มัน, คริส อาร์มสตรอง และ ดาวีด ฌีโนลา แต่ผลงานในลีกก็ไม่ดีนักโดยเป็นเพียงทีมกลางตาราง ในทศวรรษถัดมา ทีมยังคงมีผลงานไม่สม่ำเสมอ และเปลี่ยนผู้จัดการทีมหลายคน เช่น เกล็น ฮอดเดิล, เดวิด พลีท, ฌัก ซ็องตีนี และ มาร์ติน โยล ก่อนที่ฆวนเด รามอสจะเข้ามาคุมทีม และพาทีมได้แชมป์ลีกคัพ ปี 2008 เอาชนะเชลซี 2–1 ในช่วงต่อเวลา แต่ก็ถูกปลดในปีต่อมา แฮร์รี เรดแนปป์ เข้ามาคุมทีมต่อในฤดูกาล 2008–09 และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศลีกคัพกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแต่แพ้จุดโทษ ต่อมาในฤดูกาล 2009–10 สเปอร์ซึ่งมีผู้เล่นตัวหลักอย่าง แกเร็ท เบล และ ลูกา มอดริชจบอันดับ 4 ในลีกได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1961–62
ในฤดูกาล 2010–11 สเปอร์ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกก่อนจะแพ้เรอัลมาดริด และเรดแนปป์ได้ลาทีมในปีต่อมาเนื่องจากเจรจาสัญญาฉบับใหม่ไม่ลงตัว อังแดร วีลัช-โบอัช และ ทิม เชอร์วูด เข้ามาคุมทีมต่อในปี 2012 และ 2013 และพาทีมจบอันดับ 5 และ 6 ตามลำดับได้สิทธิ์แข่งขันยูโรปาลีก
เมาริซิโอ โปเชติโน เข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2014–15 และพาทีมจบอันดับ 5 รวมทั้งเข้าชิงชนะเลิศลีกคัพก่อนจะแพ้เชลซี 0–2 ในปีต่อ ๆ มา สเปอร์ซึ่งมีกองหน้าคนสำคัญอย่าง แฮร์รี่ เคน ยังคงทำอันดับในลีกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจบอันดับสามในฤดูกาล 2015–16 และคว้ารองแชมป์ได้ในฤดูกาล 2016–17 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1962–63 ในสมัยฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่งก่อนจะจบอันดับสามอีกครั้งในฤดูกาล 2017–18 และเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในฤดูกาล 2018–19 แต่แพ้ลิเวอร์พูล 0–2 ต่อมา โปเชติโนถูกปลดในฤดูกาล 2019–20 โชเซ มูรีนโยเข้ามาคุมทีมต่อ ก่อนจะถูกปลดในฤดูกาล 2020–21 แม้จะพาทีมเข้าชิงชนะเลิศอีเอฟแอลคัพได้ ไรอัน เมสัน อดีตผู้เล่นสโมสรเข้ามารักษาการต่อ แต่พาทีมแพ้แมนเชสเตอร์ซิตีในรอบชิงชนะเลิศอีเอฟแอลคัพ 0–1
ในฤดูกาล 2021–22 สเปอร์แต่งตั้ง นูนู อึชปีรีตู ซังตู เป็นผู้จัดการทีม แต่ก็ถูกปลดหลังคุมทีมได้เพียง 4 เดือน และ อันโตนีโอ กอนเต เข้ามาคุมทีมต่อ ซึ่งเขาพาทีมจบอันดับ 4 ได้สำเร็จ ได้สิทธิ์ไปแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ตราสัญลักษณ์
ตราสัญลักษณ์ของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์เป็นรูปไก่ตัวผู้ที่มีเดือยแหลมคมเหยียบลูกฟุตบอล จึงได้ฉายาในภาษาไทยว่า "ไก่เดือยทอง" ตราสัญลักษณ์นี้มีที่มาจากนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในปี 1901 เมื่อแฮร์รี เพอร์ซี ฮอตสเปอร์ บุคคลที่เชื่อกันว่าทางสโมสรได้นำนามสกุลของเขาตั้งขึ้นเป็นชื่อสโมสร ใส่รูปไก่ตัวผู้ลงไปในตราสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้เล่นเกิดความฮึกเหิม ต่อมาอีก 8 ปี วิลเลียม เจมส์ สก๊อต อดีตผู้เล่นของสโมสรได้ทำรูปหล่อสำริดไก่ตัวผู้เหยียบลูกฟุตบอลขึ้นมา จึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรนับตั้งแต่บัดนั้น
โดยสัญลักษณ์รูปนี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนมาหลายครั้งในหลายยุคสมัย โดยในยุคทศวรรษที่ 1920 เป็นรูปลักษณ์ที่เรียบ ๆ ต่อมาสมัยก็มีรูปลูกโลกรวมถึงสิงโตคู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลนอร์ททัมเบอร์แลนด์ของแฮร์รี ฮอตสเปอร์ ทั้งปราสาทบรูซซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามไวท์ฮาร์ทเลน รวมทั้งต้นไม้ 7 ต้น สื่อถึงเซเวนซิสเตอร์ส์ ย่านหนึ่งในลอนดอนเหนือที่ตั้งของสโมสรด้วย พร้อมคติภาษาละตินที่ว่า "Audere Est Facere" (จงกล้าที่จะทำ) ต่อมาในยุคทศวรรษที่ 1980 ได้ตัดรายละเอียดต่าง ๆ ออกไป เหลือเพียงไก่กับสิงโตและคติภาษาละตินเท่านั้น
โดยสัญลักษณ์แบบปัจจุบันเกิดขึ้นในปี 2006
สนามเหย้า
ในยุคแรก ทอตนัมฮอตสเปอร์มีสนามประจำสโมสรคือ ทอตนัม มาร์เชส แต่เนื่องจากเกิดปัญหาสงครามขึ้นใน ค.ศ. 1897 ทอตนัม มาร์เชส ได้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวร โดยสโมสรได้ไปเช่าบริเวณย่าน นอททัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนาม นอททัมเบอร์แลนด์ พาร์ค เป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังสนาม ไวต์ฮาร์ตเลน ในปี 1899 ความจุ 36,230 ที่นั่ง และยังได้รับเลือกให้เป็นสนามฟุตบอลที่สะอาดที่สุดในประเทศอังกฤษ โดยสนามเป็นพื้นหญ้ายาว 100 เมตร กว้าง 67 เมตร ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ อาชิบัลด์ ลีตช์ ชาวสกอตแลนด์ และสโมสรได้ใช้สนามแห่งนี้จนถึงต้นทศวรรษที่ 2000 ผู้บริหารจึงมีแนวคิดที่จะสร้างสนามแห่งใหม่เพื่อรองรับแฟนบอลที่เพิ่มขึ้น โดยมีความพยายามที่จะย้ายสนามใหม่ตั้งแต่ปี 2001 โดยจะย้ายไปยังสนามกีฬาในเขตพิคเกตส์ล็อก แต่ไม่ได้รับอนุมัติจากกรุงลอนดอนเนื่องจากสภาพการจราจรที่แออัด รวมถึงแผนการย้ายไปยังเวมบลีย์ในปี 2007 แต่ก็ไม่เกิดขึ้น
ในเดือนตุลาคม 2008 สโมสรประกาศแผนการสร้างสนามใหม่ทางทิศเหนือแทนที่ไวท์ฮาร์ทเลน เนื่องจากต้องการเพิ่มความจุและความทันสมัย โดยทางใต้ของสนามใหม่จะมีเนื่อที่ครึ่งหนึ่งทับซ้อนกันกับทางตอนเหนือของเดอะเลน โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า "นอร์ธัมเบอร์แลนด์" สโมสรเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2009 แต่หลังจากปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านทำเลที่ตั้งและค่าใช้จ่าย สโมสรก็ถูกเพิกถอนโครงการชั่วคราว แต่ผู้บริหารสเปอร์ได้เสนอแผนงานใหม่อีกครั้งโดยมีการเสนอไปที่องค์การอนุรักษ์แห่งอังกฤษ และเลขานุการของรัฐบาล โดยบอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนในขณะนั้นได้อนุมัติในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2010
ในปี 2011 ระหว่างการดำเนินการโครงการ นอร์ธัมเบอร์แลนด์ ผู้บริหารของสเปอร์มีแนวคิดที่จะย้ายไปยังสนามกีฬาลอนดอน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 และในปีเดียวกัน ได้มีการยื่นข้อเสนอขอใช้สนามจากสองสโมสรคือสเปอร์กับเวสต์แฮมยูไนเต็ด โดยสเปอร์ได้ชนะในการเสนอราคาครั้งแรก แต่ถอนตัวในภายหลังเนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่าย ทำให้เวสต์แฮมได้ใช้สนามกีฬาโอลิมปิกลอนดอนแทน
ภายหลังจากความล่าช้าต่าง ๆ ในที่สุด การก่อสร้างสนามแห่งใหม่ได้เริ่มขึ้นในปี 2016 และมีกำหนดเปิดในช่วงฤดูกาล 2018–19 และในระหว่างการก่อสร้าง เกมในบ้านของสเปอร์ทั้งหมดในฤดูกาล 2017–18 ได้ย้ายไปเล่นที่เวมบลีย์ หลังจากการทดสอบระบบที่ประสบความสำเร็จสองครั้ง สเปอร์ได้ย้ายเข้าสู่สนามใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2019 ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกกับคริสตัลพาเลซ ซึ่งสเปอร์ชนะ 2–0 สนามใหม่นี้มีชื่อว่า สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ และเป็นบ้านหลังใหม่ของสเปอร์ถึงปัจจุบัน
แฟนคลับ
สเปอร์เป็นสโมสรเก่าแก่ที่มีผู้ติดตามมายาวนาน และมีฐานแฟนคลับที่ใหญ่ในกรุงลอนดอน พวกเขาเคยมียอดผู้ชมเกมในสนามเฉลี่ยมากทีสุดในประเทศในช่วงปี 1950–62 และมียอดจำหน่ายบัตรเข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2008–09 และสเปอร์เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกจากทุกทวีป แฟนคลับรุ่นบุกเบิกของสโมสรมีชื่อเรียกว่า "ยิดอาร์มี" (Yid Army) ซึ่งหมายถึงชาวยิว เนื่องจากแฟนคลับแต่ดั้งเดิมของสโมสรเป็นชาวยิวที่ตั้งรกรากในกรุงลอนดอนตอนเหนือ แฟนฟุตบอลที่มีชื่อเสียงของสเปอร์ได้แก่ เจสซี เจ นักร้องชื่อดังชาวอังกฤษ และ เจ. เค. โรว์ลิง นักเขียนนวนิยาย
สเปอร์มีเพลงประจำสโมสรที่แฟน ๆ มักร้องเชียร์ในสนามคือ "Glory Glory Tottenham Hotspur" เริ่มใช้ครั้งแรกในปี 1961 ภายหลังจากที่ทีมคว้าดับเบิลแชมป์ได้ในฤดูกาลดังกล่าว และได้ไปแข่งขันฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรก
สโมสรคู่อริ
ทอตนัมฮอตสเปอร์ เป็นคู่แข่งโดยตรงกับอาร์เซนอล ซึ่งตั้งอยู่ในย่านลอนดอนเหนือด้วยกัน โดยการแข่งขันระหว่างสองทีมเรียกว่า ดาร์บีลอนดอนเหนือ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการย้ายจากลอนดอนใต้ มายังลอนดอนเหนือของอาร์เซนอลใน ค.ศ. 1913 โดยแต่เดิมนั้น สเปอร์เป็นสโมสรเดียวที่ตั้งอยู่ในย่านลอนดอนเหนือ พวกเขาเปรียบเสมือนความภาคภูมิใจและเป็นสโมสรตัวแทนของคนในย่านนี้ การย้ายมาของอาร์เซนอลจึงเปรียบเสมือนการมาแย่งพื้นที่และฐานแฟนคลับของสเปอร์ ยิ่งไปกว่านั้น จากการมีมติเพิ่มจำนวนทีมในดิวิชันหนึ่งจากเดิม 20 ทีม เป็น 22 ทีมในฤดูกาล 1919–20 โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ให้สิทธิ์ทีมอันดับ 1 และ 2 จากดิวิชั่นสองเลื่อนชั้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ (ดาร์บีเคาน์ตี และ เพรสตันนอร์ทเอนด์) และในโควตาทีมสุดท้ายนั้น สมาชิกสมาคมได้โหวตเลือกให้อาร์เซนอลซึ่งอยู่ในดิวิชั่นสองเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ดิวิชั่นหนึ่ง และให้สเปอร์ซึ่งได้อันดับ 20 ในดิวิชั่นหนึ่งตกชั้นไปเล่นดิวิชั่นสองแทน และเหตุการณ์ครั้งนั้นได้มีการกล่าวหาว่า เฮนรี นอร์ริส ประธานสโมสรอาร์เซนอลในขณะนั้นใช้วิธีวิ่งเต้นและติดสินบนต่อสมาคม แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอ และนั่นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างความโกรธแค้นให้แก่สเปอร์และทำให้ความเป็นอริกันของสองสโมสรทวีความรุนแรงมาจนถึงทุกวันนี้
สโมสรในลอนดอนอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งกับสเปอร์ได้แก่ เชลซี และ เวสต์แฮม แต่ความเป็นอริและบรรยากาศการเผชิญหน้ากันไม่ดุเดือดเท่าการพบกับอาร์เซนอล
การช่วยเหลือสังคม
ตั้งแต่ปี 2006 สโมสรได้ทำงานร่วมกับ Haringey Council และ Metropolitan Housing Trust และชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬาและกิจกรรมทางสังคมซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Barclays Spaces for Sport และ Football Foundation มูลนิธิทอตนัมฮอตสเปอร์ได้รับการสนับสนุนระดับสูงจากนายกรัฐมนตรี และเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ 2007
ในเดือนมีนาคม 2007 สโมสรได้ประกาศความร่วมมือกับองค์กรการกุศล SOS Children's Villages UK โดยนำเงินค่าปรับจากผู้เล่นที่ทำผิดวินัยไปช่วยเหลือหมู่บ้านเด็กของมูลนิธิในรัสเตนบูร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ รวมทั้งสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนที่หลากหลายในและรอบ ๆ เมืองรัสเตนบูร์ก ในปีงบประมาณ 2006 และ 2007 สเปอร์ครองอันดับสูงสุดในอังกฤษในด้านการบริจาคเพื่อการกุศลคิดเป็นมูลค่ากว่า 4,545,889 ปอนด์ ซึ่งรวมถึงการบริจาคเงินอีก 4.5 ล้านปอนด์ตลอดระยะเวลาสี่ปี เพื่อจัดตั้งมูลนิธิทอตนัมฮอตสเปอร์
สเปอร์ยังเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมที่มีชื่อเสียงในโครงการ 10:10 ซึ่งสนับสนุนให้บุคคล ธุรกิจ และองค์กรดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม พวกเขาเข้าร่วมในปี 2007 ด้วยความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พวกเขาได้อัพเกรดไฟในสนามเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหนึ่งปีต่อมา พวกเขารายงานว่าพวกเขาลดการปล่อยคาร์บอนลง 14% นอกจากนี้สเปอร์ยังได้ให้เงินสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนในอังกฤษ รวมถึงการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่คนยากไร้ การสร้างโรงเรียนอนุบาล และสนับสนุนการจ้างงานกว่า 3,500 ตำแหน่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ "นอร์ธัมเบอร์แลนด์" ในการพัฒนาสนามเหย้าแห่งใหม่
ชุดแข่งและสปอนเซอร์
ชุดที่ใช้
- 1978–1980: แอดมิรัล
- 1980–1985: เลอ ค็อก สปอร์ทิฟ
- 1985–1991: ฮุมเมล
- 1991–1995: อัมโบร
- 1995–1999: โพนี
- 1999–2002: อาดิดาส
- 2002–2006: แคปปา
- 2006–2012: พูมา
- 2012–2017: อันเดอร์ อาร์มัวร์
- 2017 - ไนกี้
สปอนเซอร์
- 1882–1983: ไม่มี
- 1983–1995: โฮลสเตน
- 1995–1999: ฮิวเลตต์-แพคการ์ด
- 1999–2002: โฮลสเตน
- 2002–2006: ธอมสัน ฮอลิเดย์
- 2006–2010: Mansion.com คาสิโน & โป๊กเกอร์
- 2010–2011: ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน (ใช้ในพรีเมียร์ลีก)
- 2010–2013: ธนาคารอินเวสเทค (ใช้ในแชมเปียนส์ลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพและยูโรปาลีก)
- 2011–2013: ออราสมา1 (ใช้ในพรีเมียร์ลีก)
- 2013–2014: ฮิวเลตต์-แพคการ์ด2, AIA (เอฟเอคัพ, ลีกคัพและยูโรปาลีก)
- 2014–: AIA
1 ออราสมาเป็นบริษัทลูกของ ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน
2 ฮิวเลตต์-แพคการ์ด เป็นบริษัทแม่ของ ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
- ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2022
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นที่ปล่อยยืม
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ทำเนียบผู้จัดการทีม
- รายชื่อเรียงตามปีที่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมทอตนัมฮอตสเปอร์:
|
|
บุคลากรปัจจุบัน
ตำแหน่ง | รายชื่อ |
---|---|
ผู้จัดการทีม | อันโตนีโอ กอนเต |
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม | กริสเตียน สเตลลินี |
ผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่ | ไรอัน เมสัน |
ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู | มาร์โก ซาวาโรนี |
ผู้ฝึกสอนฟิตเนส | กอสตันติโน กอรัตติ |
ผู้ฝึกสอนฟิตเนส | จาน เปาโล เบนโตรเน่ |
นักวิเคราะห์ | จานลูกา กอนเต |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | เลดลีย์ คิง |
ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน | ดีน รัสติก |
ผู้ฝึกสอนรุ่นอายุ 17-23 ปี | คริส โพเวลล์ |
หัวหน้าแมวมอง | ปีเตอร์ บราวด์ |
หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา | เจฟ สกอต |
นักกายภาพบำบัด | สจ๊วต แคมเบล |
- ข้อมูลล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2021
อดีตผู้เล่นที่มีชื่อเสียง
- เฮอร์เบิร์ต แชปแมน (1905–1907)
- จิมมี่ กรีฟส์ (1961–1970)
- แกรม ซูเนสส์ (1970–1972)
- คริส ฮิวตัน (1977–1990)
- เรย์ คลีเมนซ์ (1981–1988)
- พอล แกสคอยน์ (1988–1992)
- แกรี่ ลินิเกอร์ (1989–1992)
- เอียน วอล์กเกอร์ (1989–2001)
- ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน (1992–2004)
- โซล แคมป์เบลล์ (1992–2001)
- เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม (1992–1997, 2001–2003)
- เจอร์เกน คลินส์มันน์ (1994–1995)
- เลส เฟอร์ดินันด์ (1997–2003)
- เดวิด ชิโนลา (1997–2000)
- ปีเตอร์ เคราช์ (1998–2000, 2009– 2011)
- เลดลีย์ คิง (1998–2012)
- นีล ซุลลิแวน (2000–2003)
- ไซมอน เดวิส (2000–2005)
- กุสตาโบ โปเย (2001–2004)
- เคซี่ย์ เคลเลอร์ (2001–2005)
- เจมี่ เรดแนปป์ (2002–2005)
- ร็อบบี คีน (2002–2008, 2009–2011)
- เฮลเดอร์ ปอสติกา (2003–2004)
- บ๊อบบี้ ซาโมรา (2003–2004)
- พอล โรบินสัน (2004–2008)
- ลี ยอง-เปียว (2005–2008)
- เจอร์เมน จีนาส (2005–2013)
- แดนนี่ เมอร์ฟี่ (2006–2007)
- ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (2006–2008)
- แกเร็ธ เบล (2007–2013, 2020–2021)
- แดร์เรน เบนต์ (2007–2009)
- เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ (2008–2009-ยืมตัว)
- ลูกา โมดริช (2008–2012)
- โรมัน พาฟลูเชนโก (2008–2012)
- วิลสัน ปาลาซิออส (2009–2011)
- นิโก ครานจ์ชาร์ (2009–2012)
- ไอเดอร์ กุดยอห์นเซน (2010-ยืมตัว)
- ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ต (2010–2012)
- สก็อต พาร์กเกอร์ (2011–2013)
เกียรติประวัติ
ระดับประเทศ
- ดิวิชันหนึ่ง
- ชนะเลิศ (2): 1950–51, 1960–61
- ดิวิชันสอง
- ชนะเลิศ (2): 1919–20, 1949–50
- เอฟเอคัพ
- ชนะเลิศ (8): 1900–01, 1920–21, 1960–61, 1961–62, 1966–67. 1980–81, 1981–82, 1990–91
- อีเอฟแอลคัพ
- ชนะเลิศ (4): 1970–71, 1972–73, 1998–99, 2007–08
- เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์
- ชนะเลิศ (7): 1920–21, 1950–51, 1960–61, 1961–62, 1966–67, 1980–81, 1990–91
ระดับทวีปยุโรป
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- รองชนะเลิศ (1): 2018–19
- ยูฟ่ายูโรปาลีก
- ชนะเลิศ (2): 1971–72, 1983–84
- ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ
- ชนะเลิศ (1): 1962–63
สถิติสำคัญ
- สถิติผู้ชมในสนามมากที่สุด: ในเวมบลีย์ นัดที่พบกับไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก), 2 พฤศจิกายน 2016 (85,512 คน)
- สถิติชนะมากที่สุด: ชนะ ครูว์ อเล็กซานดร้า 13–2 (เอฟเอคัพ), 3 กุมภาพันธ์ 1960
- สถิติแพ้มากที่สุด: แพ้ แอร์สเทอ เอ็ฟเซ เคิลน์ 0–8 (ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ), 22 กรกฎาคม 1995
- ผู้เล่นที่ลงสนามทุกรายการมากที่สุด: สตีฟ เพอร์รี่แมน, 854 นัด, 1969–86
- ผู้เล่นที่ลงสนามในลีกมากที่สุด: สตีฟ เพอร์รี่แมน, 613 นัด, 1969–86
- ผู้เล่นที่อายุมากที่สุดที่ลงสนาม: แบรด ฟรีเดล, 42 ปี และ 176 วัน, พบกับนิวคาสเซิลยูไนเต็ด, 10 พฤศจิกายน 2013
- ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนาม: อัลฟี เดวีน, 16 ปี และ 163 วัน, พบกับ Marine A.F.C., 10 มกราคม 2021
- สถิติซื้อนักเตะแพงที่สุด: 53.8 ล้านปอนด์, ต็องกี อึนดอมเบเล จาก ออแล็งปิกลียอแน, 2019
- สถิติขายนักเตะแพงที่สุด: 86.3 ล้านปอนด์, แกเร็ท เบล ไป เรอัลมาดริด, 2013
- นักเตะที่ทำประตูมากที่สุดใน 1 ฤดูกาล (ดิวิชั่นหนึ่ง): ไคลฟ์ อัลเลน, 49 ประตู, ฤดูกาล 1986–87
- นักเตะที่ทำประตูมากที่สุดใน 1 ฤดูกาล (พรีเมียร์ลีก): แฮร์รี่ เคน, 33 ประตู , ฤดูกาล 2020–21
- นักเตะที่ทำประตูรวมมากที่สุดตลอดกาล: จิมมี กรีฟส์, 266 ประตู, 1961–70
- ฤดูกาลที่ทีมยิงประตูมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก: 86 ประตู, ฤดูกาล 2016–17
- ผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด: บิล นิโคลสัน, ชนะเลิศถ้วยรางวัล 11 รายการ (1958–74)
- ผู้จัดการทีมที่คุมทีมยาวนานที่สุด: บิล นิโคลสัน, 16 ฤดูกาล (1958–74)
ในประเทศไทย
สำหรับผู้สนับสนุนทอตนัมฮอตสเปอร์ในประเทศไทยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อาทิวราห์ คงมาลัย (นักร้อง), อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี (นักร้อง), ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ (นักร้องและนักแสดง), เพชร มาร์ (โปรดิวเซอร์-นักดนตรี-นักแต่งเพลงและพิธีกร), เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (นักฟุตบอลทีมชาติไทย) เป็นต้น
ทีมฟุตบอลหญิง
ทีมหญิงของสโมสรท็อตนัมฮอตสเปอร์ก่อตั้งในปี 1985 ในชื่อ "Broxbourne Ladies" ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ "Tottenham Hotspur" ในฤดูกาล 1991–92 และลงเล่นในลีกสมัครเล่นของฟุตบอลหญิงอังกฤษ (London and South East Women's Regional Football League) ซึ่งเป็นลีกระดับสี่ ก่อนจะเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาล 2007–08 และในฤดูกาล 2016–17 พวกเธอชนะเลิศการแข่งขันลีก FA Women's National League South ซึ่งเป็นลีกระดับสาม และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในระดับสอง (FA Women's Championship)
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2019 หลังเกมที่เสมอกับแอสตันวิลลา 1–1 ส่งผลให้ทีมได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของฟุตบอลหญิงอังกฤษ (เอฟเอวีเมนส์ซูเปอร์ลีก) และในฤดูกาล 2019–20 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น Tottenham Hotspur Women และในวันที่ 29 มกราคม 2021 สโมสรได้เซ็นสัญญากับ โช โซ-ฮย็อน กัปตันทีมชาติฟุตบอลหญิงเกาหลีใต้ ส่งผลให้สเปอร์เป็นสโมสรแรกที่มีกัปตันทีมชาติจากชาติเดียวกันสองคนทั้งในทีมชายและทีมหญิง ลงเล่นให้สโมสร โดย ซน ฮึง-มิน ซึ่งเป็นกัปตันทีมชายของทีมชาติเกาหลีใต้ ก็เล่นให้กับทีมชายของสเปอร์เช่นกัน
อ้างอิง
- "Year By Year". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "Spurs Trophies & Honours". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "Tottenham Hotspur football club honours". www.11v11.com.
- UEFA.com. "Tottenham | History | UEFA Champions League". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ).
- "The Business Of Soccer". Forbes (ภาษาอังกฤษ).
- "Deloitte Football Money League | Deloitte UK". Deloitte United Kingdom (ภาษาอังกฤษ).
- "Year By Year". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "JOHN RIPSHER". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "Why Tottenham Hotspur owe it all to a pauper". www.telegraph.co.uk.
- . web.archive.org. 2015-05-04.
- Nilsson, Leonard Jägerskiöld (2018-11-15). World Football Club Crests: The Design, Meaning and Symbolism of World Football's Most Famous Club Badges (ภาษาอังกฤษ). Bloomsbury Publishing. ISBN 978-1-4729-5424-4.
- "TOPSPURS.COM - Jim Duggan's Spurs Site". www.topspurs.com.
- http://www.spurshistory.com/pages/32.htm
- "England Players' Clubs - Tottenham Hotspur". www.englandfootballonline.com.
- "Football League - facts, stats and history". www.footballhistory.org.
- "History Of THFC". www.mehstg.com.
- "Arsenal's Election To The First Division In 1919 | The History of Arsenal". blog.woolwicharsenal.co.uk (ภาษาอังกฤษ). 2013-01-19.
- "Obituary: Arthur Rowe". The Independent (ภาษาอังกฤษ). 2011-10-23.
- "Spurs Odyssey - Spurs' First Title Success (1950-51)- February 1951". www.spursodyssey.com.
- "Bill Nicholson". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "Bill Nicholson -" (ภาษาอังกฤษ).
- "Tottenham 2-1 Chelsea" (ภาษาอังกฤษ). 2008-02-24. สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- Lawton, Jerry (2021-06-01). "Ex-Spurs boss Juande Ramos 'lost the dressing room' after banning apple crumble". Dailystar.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- Thomas, Gareth (2019-07-02). "The story of Juande Ramos' ill-fated 12-month stint at Tottenham". These Football Times (ภาษาอังกฤษ).
- "Man Utd 0-0 Tottenham (aet)" (ภาษาอังกฤษ). 2009-03-01. สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- "Harry Redknapp and Spurs given bitter pill of Europa League by Chelsea". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2012-05-19.
- Scott, Trent. "Tottenham's 10 Best Moments Under Harry Redknapp". Bleacher Report (ภาษาอังกฤษ).
- "Tottenham sack manager Redknapp". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- "Sherwood sacked as Tottenham manager". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- "Mauricio Pochettino - Manager profile". www.transfermarkt.com (ภาษาอังกฤษ).
- "Mauricio Pochettino". The Independent (ภาษาอังกฤษ).
- "Mourinho sacked by Tottenham". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). 2021-04-19.
- "Nuno Espírito Santo promises a Spurs love story – with Harry Kane". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2021-07-16.
- Mokbel, Sami (2021-11-01). "Tottenham SACK Nuno Espirito Santo after just four months in charge". Mail Online.
- "Conte named new Tottenham manager". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-11-29.
- "ทำไมสเปอส์ต้องเป็นไก่". tukthakai. 10 March 2016.[ลิงก์เสีย]
- "White Hart Lane History". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- Non (2018-05-07). "ข้อมูล ประวัติ สถิติ ทีม ทอตนัมฮอตสเปอร์ : ไก่เดือยทองตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน". Cheerthai (ภาษาอังกฤษ).
- schreef, Footymaddad. "White Hart Lane - London - The Stadium Guide" (ภาษาดัตช์).
- "Tottenham reveal new ground plan" (ภาษาอังกฤษ). 2008-10-30. สืบค้นเมื่อ 2021-08-15.
- "Tottenham confirm they will not play in new stadium until 2019". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2018-10-26.
- Parry, Jack Rosser, Joe Krishnan, Richard (2019-04-03). "Tottenham new stadium opening - LIVE!". www.standard.co.uk (ภาษาอังกฤษ).
- "Spurs Supporters' Clubs in the UK". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "Spurs fans - footballlondon". www.football.london.
- "Tottenham Hotspur FC – Famous Tottenham Hotspur Fans". Genius.
- X, Mr. "Arsenal and Tottenham Hotspur: A Rivalry Explained". Bleacher Report (ภาษาอังกฤษ).
- (PDF). web.archive.org. 2013-10-20.
- https://www.tottenhamhotspur.com/archived-news/
- "Sponsorship and 2010/2011 Kit Update". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 8 July 2010. สืบค้นเมื่อ 1 March 2013.
- "Tottenham Hotspur announces new shirt sponsorship with Investec". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 16 August 2010. สืบค้นเมื่อ 1 March 2013.
- "Historical Kits – Tottenham Hotspur". historicalkits.co.uk. Historic Football Kits. สืบค้นเมื่อ 1 March 2013.
- "Club Announce HP as Principal Partner". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 8 July 2013. สืบค้นเมื่อ 8 July 2013.
- "Tottenham Hotspur announces AIA as Cup Shirt Partner". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 15 August 2013. สืบค้นเมื่อ 22 August 2013.
- "AIA to Become Tottenham Hotspur's New Principal Partner". tottenhamhotspur.com. Tottenham Hotspur. 13 February 2014. สืบค้นเมื่อ 5 June 2014.
- "First team: Players". Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 31 January 2022.
- "First team: Hugo Lloris". Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 16 September 2018.
- "Lyon loan for Ndombele". Tottenham Hotspur F.C. 31 January 2022. สืบค้นเมื่อ 31 January 2022.
- . 31 August 2021 https://www.tottenhamhotspur.com/news/2021/august/celtic-loan-for-carter-vickers/. สืบค้นเมื่อ 31 August 2021. Missing or empty
|title=
(help) - "Alfie Whiteman". Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 11 February 2022.
- "Everything you need to know about Jack Clarke as Tottenham's ex-Leeds United attacker signs for Sunderland". Sunderland Echo. สืบค้นเมื่อ 28 January 2022.
- Tottenham Hotspur F.C. 27 August 2021 https://www.tottenhamhotspur.com/news/2021/august/pape-matar-sarr-signs-from-metz/. สืบค้นเมื่อ 27 August 2021. Missing or empty
|title=
(help) - "Manager list". Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 25 May 2019.
- https://www.tottenhamhotspur.com/news/2021/november/savorani-joins-as-goalkeeper-coach/
- https://www.tottenhamhotspur.com/news/2020/august/academy-coaching-update/
- "85,512 - the facts". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "On This Day: Spurs secured record victory 13-2; Kluivert scored FOUR for Barca| All Football". AllfootballOfficial (ภาษาอังกฤษ).
- "1. FC Köln 8-0 Tottenham Hotspur 22 Temmuz 1995 1995 Sezonu İntertoto Kupası 2. Grup 5. Maçı Müngersdorfer Stadion Stadyumu, Köln, Almanya". www.macanilari.com.
- "Steve Perryman". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- "Premier League + 1. Division - All-time appearances". worldfootball.net (ภาษาอังกฤษ).
- "Friedel becomes oldest Spurs player". Sports Mole (ภาษาอังกฤษ).
- 161385360554578 (2019-07-04). "Ndombele 'joined Spurs to win silverware' - despite last trophy coming 11 years ago". talkSPORT (ภาษาอังกฤษ).CS1 maint: numeric names: authors list (link)
- "Gareth Bale in battle to force through £86m move to Real Madrid". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2013-07-27.
- Admin (2021-07-03). "Harry Kane scored 33 goals with 17 assists in 2021, Check out Haaland goals in the same season". Sports Extra (ภาษาอังกฤษ).
- "Jimmy Greaves". Tottenham Hotspur (ภาษาอังกฤษ).
- George-Miller, Dustin (2017-05-24). "Tottenham Hotspur 2016-17 Season in Review". Cartilage Free Captain (ภาษาอังกฤษ).
- "League Managers Association - BILL NICHOLSON OBE". leaguemanagers.com.
- "Bill Nicholson -" (ภาษาอังกฤษ).
- "สัมภาษณ์2นักร้องชื่อดังที่แฟนปืน-ผีอาจมีเคือง". thaifootball.com. 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551. สืบค้นเมื่อ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - https://www.tottenhamhotspur.com/news-archive-1/spurs-ladies-all-set-for-womens-super-league/
- https://www.bbc.co.uk/sport/football/48125741
- https://www.bbc.co.uk/sport/football/48066352
- https://apnews.com/article/soccer-sports-europe-f7e2c34b379f2b607b49d5cbb473d3db
บรรณานุกรม
- Cloake, Martin; Fisher, Alan (2016). People's History of Tottenham Hotspur: How Spurs Fans Shaped the Identity of One of the World's Most Famous Clubs. Pitch Publishing. ISBN 9781785312465.
- Davies, Hunter (1972). The Glory Game. Mainstream. ISBN 978-1840182422.
- Donovan, Mike (2017). Glory, Glory Lane. Pitch Publishing. ISBN 978-1-78531-326-4.
- Goodwin, Bob (1988). Spurs: A Complete Record 1882–1988. Breedon Books. ISBN 978-0907969426.
- Goodwin, Bob (2003). Spurs: The Illustrated History. Bredon. ISBN 1-85983-387-X.
- Shakeshaft, Simon; Burney, Daren; Evans, Neville (2018). The Spurs Shirt. Vision Sports Publishing. ISBN 978-1909534-76-6.
- Welch, Julie (2015). The Biography of Tottenham Hotspur. Vision Sports Publishing. ISBN 9781909534506.
- The Tottenham & Edmonton Herald (1921). A Romance of Football, The History of the Tottenham Hotspur F.C. สืบค้นเมื่อ 30 June 2018.
หนังสืออ่านเพิ่ม
- Cloake, Martin; Powley, Adam (2004). We are Tottenham: Voices from White Hart Lane. Mainstream. ISBN 1-84018-831-6.
- Ferris, Ken (1999). The Double: The Inside Story of Spurs' Triumphant 1960–61 Season. Mainstream. ISBN 1-84018-235-0.
- Gibson, Colin; Harris, HarryZ (1986). The Glory Glory Nights. Cockerel. ISBN 1-869914-00-7.
- Hale, Steve E. (2005). Mr Tottenham Hotspur: Bill Nicholson OBE – Memories of a Spurs Legend. Football World. ISBN 0-9548336-5-1.
- Harris, Harry (1990). Tottenham Hotspur Greats. Sportsprint. ISBN 0-85976-309-9.
- Holland, Julian (1961). Spurs – The Double. Heinemann. no ISBN.
- Matthews, Tony (2001). The Official Encyclopaedia of Tottenham Hotspur. Brightspot. ISBN 0-9539288-1-0.
- Nathan, Guy (1994). Barcelona to Bedlam: Venables/Sugar – The True Story. New Author. ISBN 1-897780-26-5.
- Ratcliffe, Alison (2005). Tottenham Hotspur (Rough Guide 11s): The Top 11 of Everything Spurs. Rough Guides. ISBN 1-84353-558-0.
- Scholar, Irving (1992). Behind Closed Doors: Dreams and Nightmares at Spurs. André Deutsch. ISBN 0-233-98824-6.
- Soar, Phil (1998). The Hamlyn Official History of Tottenham Hotspur 1882–1998. Hamlyn. ISBN 0-600-59515-3.
- Waring, Peter (2004). Tottenham Hotspur Head to Head. Breedon Books.
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ |
- TottenhamHotspur.com Official club website
- สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่เฟซบุ๊ก
- สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ ที่ทวิตเตอร์
- Tottenham Hotspur 2011-11-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at the Premier League official website
- Tottenham Hotspur F.C. 2011-10-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน at UEFA
- Tottenham Hotspur News – Sky Sports
- Tottenham Hotspur Ladies 2017-05-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Official ladies club website
- Supporters' Trust
- Spurs Canada
- Tottenham Hotspur Brasil 2013-12-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Tottenham Hotspur Switzerland
- Spurs history 1882–1921
- Timesonline archive
- Full list of honours
- เว็บไซต์แฟนคลับในประเทศไทย
- เฟซบุกแฟนคลับในประเทศไทย
- เฟซบุกแฟนคลับในประเทศไทย
- ทวิตเตอร์แฟนคลับในประเทศไทย