fbpx
วิกิพีเดีย

ป้อมปราการโก๋ลวา

ป้อมปราการโก๋ลวา (เวียดนาม: Thành Cổ Loa) เป็นป้อมปราการที่มีความสำคัญทางโบราณสถานในปัจจุบันทั้งอยู่บริเวณเขตดงอาน เมืองฮานอย ประมาณ 16 กิโลเมตร (10 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของใจกลางกรุงฮานอย ที่โก๋ลวามีการค้นพบซากโบราณต่างๆในยุคสำริด อันได้แก่ วัฒนธรรมฟุงเหวียนและวัฒนธรรมดงเซิน แม้ว่าภายหลังจะมีการจัดตั้งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเอิวหลัก ในช่วง 3 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากนี้ป้อมโก๋ลวาได้มีการก่อสร้างบูรณะเพิ่มเติมได้เพิ่มขึ้นในช่วงราชวงศ์ต่อมา ป้อมโก๋ลวา ยังคงเป็นศูนย์กลางทางการเมืองที่สำคัญของชาวเวียตนามจนถึงศตวรรษที่ 10

แผนที่ป้อมปราการโก๋ลวา

ชื่อของป้อม คำว่า "โก๋ลวา" มาจาก คำศัพท์จีน-เวียดนาม คำว่า 古螺, ที่แปลว่า "เกลียวโบราณ", ซึ่งได้มีนักภาษาศาตร์เวียดนามอธิบายคำว่า "โก๋ลวา" ว่าอาจจะสันนิษฐานที่มาของป้อมปราการที่นำมาตั้งชื่อได้สะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างแบบหลายชั้นของกำแพงคูเมืองและคูน้ำ

ประวัติ

ตามที่ตำนานพื้นบ้านที่เล่าขาน, ถุก ฟ้านแม่ทัพเชื้อสายจีนได้ปราบกษัตริย์หุ่งองค์สุดท้ายของราชวงศ์ห่งบ่าง ในช่วง 257 ปีก่อนคริสต์ศักราช และได้ก่อตั้งอาณาจักรเอิวหลักขึ้น โดยได้เลือกบริเวณเมืองโก๋ลวาซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่เป็นที่ตั้งราชธานี เมืองหลวงโก๋ลวายังคงมีบทบาทสำคัญในบริเวณที่ราบลุ่มทางตอนเหนือของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง และจะต้องใช้แรงงานและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อสร้างซึ่งอาน เซือง เวือง เล็งเห็นว่าเมืองโก๋ลวามีความเหมาะสมที่สุด

 
บ้านชุมชนภายในป้อม

ตำนานหน้าไม้วิเศษ

กษัตริย์แห่งราชวงศ์ถุก พยายามขอเจ้าหญิงจากราชวงศ์ห่งบ่าง ซึ่งปกครองอาณาจักรวันลางแต่งงาน กษัตริย์ทุกข์ระทมเพราะเจ้าหญิงปฏิเสธ เขาจึงสาบานว่าจะทำลายล้างราชวงศ์ห่งบ่างให้ได้ แต่กลับเสียชีวิตไปก่อนโดยมิอาจได้ชำระแค้น จึงมอบภารกิจนี้ให้แก่ผู้สืบบัลลังก์ต่อไป นี่คือจุดกำเนิดของสงครามระหว่างอาณาจักรถุกกับอาณาจักรวันลาง ราชวงศ์ห่งบ่างมีชัยชนะติดต่อกันหลายปี แต่อำนาจและความสำเร็จทำให้บรรดาลูกหลานมั่นใจเกินไป เหล่าราชวงศ์ขาดความรอบคอบ ใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านเฉยเมย ส่วนฝ่ายศัตรูคือ ถุก ฟ้าน ได้เริ่มฝึกทหารอย่างยาวนานและเลือกช่วงเวลาอันเหมาะสมเพื่อรุกรานอาณาจักรวันลางของราชวงศ์ห่งบ่าง กษัตริย์ถุก ฟ้าน รวมสองอาณาจักรคือ ถุกและวันลางเข้าด้วยกันได้ ขึงได้ตั้งชื่ออาณาจักรใหม่ว่าเอิว หลัก และเรียกตนเองว่า อาน เซือง เวือง พระองค์ได้สร้างนครหลวง และกำแพงแน่นหนาทางด้านเหนือเพื่อป้องกันอาณาจักรจากกองโจร แต่เมื่อสร้างกำแพงเสร็จมีพายุพัดกระหน่ำ ฝนตกไหลจนน้ำเชี่ยว ลมแรงพัดโหมจนกำแพงพังโนเสียงสนั่นหวั่นไหว กษัตริย์อาน เซือง เวือง ได้สร้างกำแพงขึ้นอีกสามครั้ง แต่ก็ถูกทำลายในทำนองเดียวกันทุกครั้ง ในที่สุดพระองค์ก็ได้เรียกบรรดาอำมาตย์เข้าเฝ้า อำมาตย์จึงแนะนำให้ อาจจะเป็นเพราะเทพไม่โปรดปราน และควรตั้งศาลถวายเครื่องเซ่นไหว้เพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือจากเทพเจ้า กษัตริย์ อาน เซือง เวือง จึงให้ตั้งศาลขึ้นริมฝั่งแม่น้ำนอกประตูเมืองตะวันออก มีการเซ่นสรวงโค กระบือ และสวดภาวนาหมอบกราบเพื่อขอพรจากเทพเจ้า ในวันขึ้นเจ็ดค่ำเดือนสาม มีภูตแปลงเป็นเต่าสีทองตัวโตมาปรากฏในฝันของกษัตริย์ เต่าได้บอกวิธีสร้างกำแพงที่เหมาะสมว่า "วิญญาณเป็นผู้พังกำแพงของท่าน ซึ่งเป็นวิญญาณที่ชอบหลอกพวกมนุษย์เพื่อแสดงพลังของตน" เมื่อ อาน เซือง เวือง ตื่นเช้าวันรุ่งขึ้น พระองค์ได้จำสิ่งที่เต่าทองบอกได้หมด จึงปฏิบัติตามคำสอนทุกประการและได้สร้างกำแพงป้อมปราการใหญ่เป็นรูปหอยสังข์ ได้เรียกป้อมปราการนี้ว่า ป้อมโก๋ลวา หรือ "ป้อมหอยสังข์" และตั้งชื่อเมืองว่า เมืองโก๋ลวา หรือ นครหอยสังข์

อาน เซือง เวือง คือว่า กำแพงคงป้องกันสิ่งต่างๆในเมืองให้ปลอดภัยได้ แต่ก็ทราบดีว่าหากถูกศัตรูที่มีกำลังกล้าแข็งล้อมรอบก็คงไม่อาจป้องกันเมืองไว้ได้ตลอดไป เต่าสีทองทราบความกังวลของ อาน เซือง เวือง จึงปรากฏให้เห็นในความฝันอีกครั้ง "ความเจริญรุ่งเรืองหรือความเสื่อมสลายขึ้นอยู่กับเจตจำนงของสวรรค์ แต่สวรรค์จะช่วยผู้ที่เหมาะสม บัดนี้ท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่าไว้ใจข้ามาก ข้าจะทำของขวัญจากเล็บของข้ามอบให้ ท่านจงนำไปใช้เป็นหน้าไกของหน้าไม้ มันจะช่วยขับวิญญาณชั่วร้ายออกไปและปราบได้ทั้งกองทัพ แต่ท่านต้องไม่ลืมว่าความมั่นคงของอาณาจักรขึ้นอยู่กับความระมัดระวังของท่านเองด้วย เต่าดึงเล็บข้างหนึ่งออกมามอบให้ อาน เซือง เวือง แล้วกลับคืนลงสู่แม่น้ำ" อาน เซือง เวือง พอใจมากเมื่อตื่นมาพบเล็บวิเศษในมือ จึงสั่งให้ช่างอาวุธทำหน้าไม้ล้ำค่าซึ่งใช้เล็บวิเศษเป็นไกและกล่องผลึกงดงามไว้สำหรับบรรจุลูกศร อาน เซือง เวือง รำลึกถึงพระคุณของเต่าเสมอ พระองค์เชื่อมั่นว่าอาณาจักรของพระองค์จะมีสันติภาพและสงบเรียบร้อยเป็นเวลาหลายปี

 
ด้านนอกของป้อม

ในเวลานั้นประเทศจีนอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ฉิน ซึ่งจิ๋นซีฮ่องเต้ได้ปราบปรามอาณาจักรรอบๆมาเป็นเมืองขึ้นได้ทั้งหมดและยกกองทัพมาถึงทะเลจีนใต้ ในปีเดียวกันกับที่ อาน เซือง เวือง เริ่มสร้างกำแพง จิ๋นซีฮ่องเต้ส่งไพร่พลและทัพม้าขนาดใหญ่ลงมาจากจีนตอนใต้พื่อรุกรานอาณาจักรเอิวหลัก แต่ก็พ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง และในที่สุดก็ถูกทำลายด้วยธนูวิเศษก่อนที่จะยกทัพมาประชิดพระนครโก๋ลวา สามปีต่อมา จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ส่งกองทหารห้าแสนนาย นำโดยนายพลเจี่ยวด่า ทำให้ภาคเหนือของอาณาจักรเอิวหลักตกอยู่ในมือของจีนอย่างง่ายดาย กองทหารจีนยกมาเป็นสามขบวนคือ พลม้า พลเท้า พลเรือ กองทัพนั้นยกมาพร้อมธงปลิวไสวในอากาศ เสียงอาวุธกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว นายพลเจี่ยวด่าสั่งให้ยกทัพไปตั้งบนภูเขา ให้กองเรือเทียบรอในแม่น้ำ ปิดล้อมพระนครไว้ กษัตริย์อาน เซือง เวือง เฝ้าสังเกตการณ์อย่างสุขุมจากหน้าต่างของป้อมปราการ ขณะที่กองทหารทั้งสามขบวนหลั่งไหลเข้าล้อมพระนครโก๋ลวา พระองค์กลับปล่อยให้กองทัพจีนเข้ามาโดยไม่ยกทัพออกไปต้านและไม่สั่งให้เตรียมกำลังป้องกันพระนครแต่อย่างใด เมื่อทหารรายงานว่า ทหารจีนมากันมืดฟ้ามัวดิน พระองค์กลับกล่าวอย่างพอใจว่า "พวกเขาคงจะลืมหน้าไม้วิเศษของข้าแล้วกระมัง" แล้วพระองค์ก็เล่นหมากรุกต่อโดยไม่แยแส เมื่อข้าศึกมาประชิดประตูเมืองโก๋ลวา อาน เซือง เวือง ยืนขึ้นไปหยิบหน้าไม้ แต่หลังจากยิงครั้งแรก ก็ยิงไม่ออก เมื่อยิงอีก ข้าศึกก็ยังคงหลั่งไหลเหมือนกระแสน้ำบ่าท่วมเข้ามา

อาน เซือง เวือง ตัดสินใจหลบหนี เขาแทบไม่มีเวลาเตรียมม้าจึงให้เจ้าหญิงหมิเจิวประทับนั่งซ้อนหลัง ทั้งสองควบม้าไปอย่างรวดเร็วสู่ทิศใต้ ทิ้งเมืองหลวงและอาณาจักรไว้เบื้องหลัง อาน เซือง เวือง ควบม้าผ่านทุ่งนาและหนองบึงหลายแห่ง เมื่อถึงทางแยก เจ้าหญิงหมีเจิว ได้โปรยขนห่านเพื่อให้จ่องถวีตามมาถูก ส่วนที่พพระราชวัง จ่องถวีพบว่ากษัตริย์กับเจ้าหญิงหลบหนีไปแล้วจึงออกติดตามทันที และได้ตามรอยขนห่านที่เจ้าหญิงโปรยไว้เป็นเครื่องนำทาง ม้าของอาน เซือง เวือง วิ่งต่อไปเรื่อยๆพาทั้งสองไกลไปจนถึงทะเลกว้างใหญ่ ที่นั่นไม่มีเรือแม้แต่ลำเดียวและไม่มีวิธีอื่นที่จะข้ามน้ำได้ อาน เซือง เวืองแหงนหน้าขึ้นท้องฟ้าและร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง ทันใดนั้นเต่าสีทองก็โผล่หัวขึ้นมาจากใต้ทะเลสีครามแล้วร้องขึ้นด้วยเสียงอันทางพลังว่า "จงระวังศัตรูทรยศที่นั่งอยู่หลังพระองค์" อาน เซือง เวืองหันไปจับจ้องเจ้าหญิง หมิเจิว เจ้าหญิง หมิเจิวตัวสั่นเทิ้มน้ำตาไหลพราก อาน เซือง เวืองจึงชักดาบออกมาตัดศีรษะของเจ้าหญิงทันที อาน เซือง เวืองหวาดกลัวและละอายในการกระทำของพระองค์ จึงกระโดดลงทะเลตามเต่าสีทองหายไป เมื่อจ่องถวีตามมาถึงพบร่างของเจ้าหญิงหมิเจิว จึงร้องไห้เสียใจเป็นอันมากและนำร่างของเจ้าหญิงกลับไปยังพระนครเพื่อทำพิธีฝัง

ในเวลาต่อมา จ้าวตัว หรือ (เจี่ยวด่า ในภาษาเวียดนาม) หนึ่งในแม่ทัพของราชวงศ์ฉิน ได้ถือโอกาสในช่วงราชวงศ์ฉินล่มสลายและสร้างอาณาจักรอิสระของตนขึ้นบริเวณตอนเหนือของเอิวหลักมีนามว่า น่านเย่ว์

ความสำคัญทางด้านโบราณคดี

 
ส่วนด้านนอกของป้อมปราการในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว

บริเวณประกอบด้วยกำแพงด้านนอกสองด้านและป้อมปราการในภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า คูเมืองประกอบด้วยลำธารหลายสาย ประกอบไปด้วย แม่น้ำฮองเซียง และเครือข่ายของทะเลสาบที่ให้เอื้อต่อเมืองโก๋ลวาในด้านการป้องกันและการเดินเรือ

ป้อมปราการด้านนอกประกอบด้วยขอบกั้น 8 กิโลเมตรและเรียงรายไปด้วยป้อมยาม กำแพงยังสูงถึง 12 เมตรและมีความกว้าง 25 เมตรที่วัดจากฐาน นอกจากนี้บางส่วนของกำแพงด้านในถูกตัดผ่านเพื่อนำไปวิเคราะห์เพื่อจุดประสงค์ในการสืบสวนทางโบราณคดี ซึ่งเป็นทำให้สามารถนับย้อนไปในช่วง 400-350 ปีก่อนคริสตกาล และมีข้อเสนอแนะว่ากำแพงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวท้องถิ่นและสังคมชนเผ่าพื้นเมืองก่อนที่จะดินแดนอาณาจักรบริเวณเวียดนามจะตกอยู่ภายใต้การล่าอาณานิคมของราชวงศ์ฮั่นจากจีน

วัฒนธรรมดงเซิน (700 BC - 100 AD)

Citations

  1. Ray 2010.
  2. Higham, p. 122.
  3. รศ. ดร.สุนทร โคตรบรรเทา (แปล), จิตพาชื่น มุสิกานนท์ (2014-03). ตำนานและนิทานพื้นบ้านเวียดนาม. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์. ISBN 9786160423811. Check date values in: |date= (help)
  4. รศ. ดร.สุนทร โคตรบรรเทา (แปล), จิตพาชื่น มุสิกานนท์ (2014-03). ตำนานและนิทานพื้นบ้านเวียดนาม. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์. ISBN 9786160423811. Check date values in: |date= (help)
  5. รศ. ดร.สุนทร โคตรบรรเทา (แปล), จิตพาชื่น มุสิกานนท์ (2014-03). ตำนานและนิทานพื้นบ้านเวียดนาม. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์. ISBN 9786160423811. Check date values in: |date= (help)
  6. รศ. ดร.สุนทร โคตรบรรเทา (แปล), จิตพาชื่น มุสิกานนท์ (2014-03). ตำนานและนิทานพื้นบ้านเวียดนาม. นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์. ISBN 9786160423811. Check date values in: |date= (help)
  7. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ l
  8. Kim, N. C., Van Toi, L., & Hiep, T. H. (2010). Co Loa: an investigation of Vietnam's ancient capital. [1] Antiquity, 84(326).

References

พิกัดภูมิศาสตร์: 21°06′48″N 105°52′24″E / 21.113408°N 105.873206°E / 21.113408; 105.873206

อมปราการโก, ลวา, เว, ยดนาม, thành, cổ, เป, นป, อมปราการท, ความสำค, ญทางโบราณสถานในป, จจ, นท, งอย, บร, เวณเขตดงอาน, เม, องฮานอย, ประมาณ, โลเมตร, ไมล, ทางตะว, นออกเฉ, ยงเหน, อของใจกลางกร, งฮานอย, โก, ลวาม, การค, นพบซากโบราณต, างๆในย, คสำร, นได, แก, ฒนธรรมฟ, งเหว. pxmprakaroklwa ewiydnam Thanh Cổ Loa epnpxmprakarthimikhwamsakhythangobransthaninpccubnthngxyubriewnekhtdngxan emuxnghanxy praman 16 kiolemtr 10 iml thangtawnxxkechiyngehnuxkhxngicklangkrunghanxy 1 thioklwamikarkhnphbsakobrantanginyukhsarid xnidaek wthnthrrmfungehwiynaelawthnthrrmdngesin aemwaphayhlngcamikarcdtngepnemuxnghlwngkhxngxanackrexiwhlk inchwng 3 pikxnkhristkal 2 nxkcaknipxmoklwaidmikarkxsrangburnaephimetimidephimkhuninchwngrachwngstxma pxmoklwa yngkhngepnsunyklangthangkaremuxngthisakhykhxngchawewiytnamcnthungstwrrsthi 10aephnthipxmprakaroklwa chuxkhxngpxm khawa oklwa macak khasphthcin ewiydnam khawa 古螺 thiaeplwa ekliywobran sungidminkphasasatrewiydnamxthibaykhawa oklwa waxaccasnnisthanthimakhxngpxmprakarthinamatngchuxidsathxnihehnthungokhrngsrangaebbhlaychnkhxngkaaephngkhuemuxngaelakhuna enuxha 1 prawti 1 1 tananhnaimwiess 2 khwamsakhythangdanobrankhdi 2 1 wthnthrrmdngesin 700 BC 100 AD 3 Citations 4 Referencesprawti aekikhtamthitananphunbanthielakhan thuk fanaemthphechuxsaycinidprabkstriyhungxngkhsudthaykhxngrachwngshngbang inchwng 257 pikxnkhristskrach aelaidkxtngxanackrexiwhlkkhun odyideluxkbriewnemuxngoklwasungmikhnadkhxnkhangihyepnthitngrachthani emuxnghlwngoklwayngkhngmibthbathsakhyinbriewnthirablumthangtxnehnuxkhxngdindxnsamehliympakaemnaaedng aelacatxngichaerngnganaelathrphyakrcanwnmakephuxsrangsungxan esuxng ewuxng elngehnwaemuxngoklwamikhwamehmaasmthisud 2 banchumchnphayinpxm tananhnaimwiess aekikh kstriyaehngrachwngsthuk phyayamkhxecahyingcakrachwngshngbang sungpkkhrxngxanackrwnlangaetngngan kstriythukkhrathmephraaecahyingptiesth ekhacungsabanwacathalaylangrachwngshngbangihid aetklbesiychiwitipkxnodymixacidcharaaekhn cungmxbpharkicniihaekphusubbllngktxip nikhuxcudkaenidkhxngsngkhramrahwangxanackrthukkbxanackrwnlang rachwngshngbangmichychnatidtxknhlaypi aetxanacaelakhwamsaercthaihbrrdalukhlanmnicekinip ehlarachwngskhadkhwamrxbkhxb ichchiwitxyangekiyckhranechyemy swnfaystrukhux thuk fan iderimfukthharxyangyawnanaelaeluxkchwngewlaxnehmaasmephuxrukranxanackrwnlangkhxngrachwngshngbang kstriythuk fan rwmsxngxanackrkhux thukaelawnlangekhadwyknid khungidtngchuxxanackrihmwaexiw hlk aelaeriyktnexngwa xan esuxng ewuxng phraxngkhidsrangnkhrhlwng aelakaaephngaennhnathangdanehnuxephuxpxngknxanackrcakkxngocr aetemuxsrangkaaephngesrcmiphayuphdkrahna fntkihlcnnaechiyw lmaerngphdohmcnkaaephngphngonesiyngsnnhwnihw kstriyxan esuxng ewuxng idsrangkaaephngkhunxiksamkhrng aetkthukthalayinthanxngediywknthukkhrng inthisudphraxngkhkideriykbrrdaxamatyekhaefa xamatycungaenanaih xaccaepnephraaethphimoprdpran aelakhwrtngsalthwayekhruxngesnihwephuxkhxkhaaenanaaelakhwamchwyehluxcakethpheca kstriy xan esuxng ewuxng cungihtngsalkhunrimfngaemnanxkpratuemuxngtawnxxk mikaresnsrwngokh krabux aelaswdphawnahmxbkrabephuxkhxphrcakethpheca inwnkhunecdkhaeduxnsam miphutaeplngepnetasithxngtwotmapraktinfnkhxngkstriy etaidbxkwithisrangkaaephngthiehmaasmwa wiyyanepnphuphngkaaephngkhxngthan sungepnwiyyanthichxbhlxkphwkmnusyephuxaesdngphlngkhxngtn emux xan esuxng ewuxng tunechawnrungkhun phraxngkhidcasingthietathxngbxkidhmd cungptibtitamkhasxnthukprakaraelaidsrangkaaephngpxmprakarihyepnruphxysngkh ideriykpxmprakarniwa pxmoklwa hrux pxmhxysngkh aelatngchuxemuxngwa emuxngoklwa hrux nkhrhxysngkh 3 xan esuxng ewuxng khuxwa kaaephngkhngpxngknsingtanginemuxngihplxdphyid aetkthrabdiwahakthukstruthimikalngklaaekhnglxmrxbkkhngimxacpxngknemuxngiwidtlxdip etasithxngthrabkhwamkngwlkhxng xan esuxng ewuxng cungpraktihehninkhwamfnxikkhrng khwamecriyrungeruxnghruxkhwamesuxmslaykhunxyukbectcanngkhxngswrrkh aetswrrkhcachwyphuthiehmaasm bdnithanidaesdngihehnaelwwaiwickhamak khacathakhxngkhwycakelbkhxngkhamxbih thancngnaipichepnhnaikkhxnghnaim mncachwykhbwiyyanchwrayxxkipaelaprabidthngkxngthph aetthantxngimlumwakhwammnkhngkhxngxanackrkhunxyukbkhwamramdrawngkhxngthanexngdwy etadungelbkhanghnungxxkmamxbih xan esuxng ewuxng aelwklbkhunlngsuaemna xan esuxng ewuxng phxicmakemuxtunmaphbelbwiessinmux cungsngihchangxawuththahnaimlakhasungichelbwiessepnikaelaklxngphlukngdngamiwsahrbbrrculuksr xan esuxng ewuxng ralukthungphrakhunkhxngetaesmx phraxngkhechuxmnwaxanackrkhxngphraxngkhcamisntiphaphaelasngberiybrxyepnewlahlaypi 4 dannxkkhxngpxm inewlannpraethscinxyuphayitkarpkkhrxngkhxngckrphrrdicinsihxnget aehngrachwngschin sungcinsihxngetidprabpramxanackrrxbmaepnemuxngkhunidthnghmdaelaykkxngthphmathungthaelcinit inpiediywknkbthi xan esuxng ewuxng erimsrangkaaephng cinsihxngetsngiphrphlaelathphmakhnadihylngmacakcintxnitphuxrukranxanackrexiwhlk aetkphayaephhlaytxhlaykhrng aelainthisudkthukthalaydwythnuwiesskxnthicaykthphmaprachidphrankhroklwa sampitxma cinsihxngetidsngkxngthharhaaesnnay naodynayphleciywda thaihphakhehnuxkhxngxanackrexiwhlktkxyuinmuxkhxngcinxyangngayday kxngthharcinykmaepnsamkhbwnkhux phlma phletha phlerux kxngthphnnykmaphrxmthngpliwiswinxakas esiyngxawuthkrathbkndngsnnhwnihw nayphleciywdasngihykthphiptngbnphuekha ihkxngeruxethiybrxinaemna pidlxmphrankhriw kstriyxan esuxng ewuxng efasngektkarnxyangsukhumcakhnatangkhxngpxmprakar khnathikxngthharthngsamkhbwnhlngihlekhalxmphrankhroklwa phraxngkhklbplxyihkxngthphcinekhamaodyimykthphxxkiptanaelaimsngihetriymkalngpxngknphrankhraetxyangid emuxthharraynganwa thharcinmaknmudfamwdin phraxngkhklbklawxyangphxicwa phwkekhakhngcalumhnaimwiesskhxngkhaaelwkramng aelwphraxngkhkelnhmakruktxodyimaeyaes emuxkhasukmaprachidpratuemuxngoklwa xan esuxng ewuxng yunkhuniphyibhnaim aethlngcakyingkhrngaerk kyingimxxk emuxyingxik khasukkyngkhnghlngihlehmuxnkraaesnabathwmekhama 5 xan esuxng ewuxng tdsinichlbhni ekhaaethbimmiewlaetriymmacungihecahyinghmieciwprathbnngsxnhlng thngsxngkhwbmaipxyangrwderwsuthisit thingemuxnghlwngaelaxanackriwebuxnghlng xan esuxng ewuxng khwbmaphanthungnaaelahnxngbunghlayaehng emuxthungthangaeyk ecahyinghmieciw idoprykhnhanephuxihcxngthwitammathuk swnthiphphrarachwng cxngthwiphbwakstriykbecahyinghlbhniipaelwcungxxktidtamthnthi aelaidtamrxykhnhanthiecahyingopryiwepnekhruxngnathang makhxngxan esuxng ewuxng wingtxiperuxyphathngsxngiklipcnthungthaelkwangihy thinnimmieruxaemaetlaediywaelaimmiwithixunthicakhamnaid xan esuxng ewuxngaehngnhnakhunthxngfaaelarxngxxkmadwykhwamsinhwng thnidnnetasithxngkophlhwkhunmacakitthaelsikhramaelwrxngkhundwyesiyngxnthangphlngwa cngrawngstruthrysthinngxyuhlngphraxngkh xan esuxng ewuxnghnipcbcxngecahying hmieciw ecahying hmieciwtwsnethimnataihlphrak xan esuxng ewuxngcungchkdabxxkmatdsirsakhxngecahyingthnthi xan esuxng ewuxnghwadklwaelalaxayinkarkrathakhxngphraxngkh cungkraoddlngthaeltametasithxnghayip emuxcxngthwitammathungphbrangkhxngecahyinghmieciw cungrxngihesiyicepnxnmakaelanarangkhxngecahyingklbipyngphrankhrephuxthaphithifng 6 inewlatxma cawtw hrux eciywda inphasaewiydnam hnunginaemthphkhxngrachwngschin idthuxoxkasinchwngrachwngschinlmslayaelasrangxanackrxisrakhxngtnkhunbriewntxnehnuxkhxngexiwhlkminamwa naneywkhwamsakhythangdanobrankhdi aekikh swndannxkkhxngpxmprakarinchwngethskalthxngethiyw briewnprakxbdwykaaephngdannxksxngdanaelapxmprakarinphayinrupsiehliymphunpha 2 khuemuxngprakxbdwylatharhlaysay prakxbipdwy aemnahxngesiyng aelaekhruxkhaykhxngthaelsabthiihexuxtxemuxngoklwaindankarpxngknaelakaredinerux 7 pxmprakardannxkprakxbdwykhxbkn 8 kiolemtraelaeriyngrayipdwypxmyam kaaephngyngsungthung 12 emtraelamikhwamkwang 25 emtrthiwdcakthan nxkcaknibangswnkhxngkaaephngdaninthuktdphanephuxnaipwiekhraahephuxcudprasngkhinkarsubswnthangobrankhdi sungepnthaihsamarthnbyxnipinchwng 400 350 pikxnkhristkal aelamikhxesnxaenawakaaephngnithuksrangkhunodychawthxngthinaelasngkhmchnephaphunemuxngkxnthicadinaednxanackrbriewnewiydnamcatkxyuphayitkarlaxananikhmkhxngrachwngshncakcin 8 wthnthrrmdngesin 700 BC 100 AD aekikh ekhruxngithphrwnaelahwkhwansarid klxngsaridthikhudphbthioklwaCitations aekikh Ray 2010 2 0 2 1 2 2 Higham p 122 rs dr sunthr okhtrbrretha aepl citphachun musikannth 2014 03 tananaelanithanphunbanewiydnam nanmibukhsphbliekhchns ISBN 9786160423811 Check date values in date help rs dr sunthr okhtrbrretha aepl citphachun musikannth 2014 03 tananaelanithanphunbanewiydnam nanmibukhsphbliekhchns ISBN 9786160423811 Check date values in date help rs dr sunthr okhtrbrretha aepl citphachun musikannth 2014 03 tananaelanithanphunbanewiydnam nanmibukhsphbliekhchns ISBN 9786160423811 Check date values in date help rs dr sunthr okhtrbrretha aepl citphachun musikannth 2014 03 tananaelanithanphunbanewiydnam nanmibukhsphbliekhchns ISBN 9786160423811 Check date values in date help xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux l Kim N C Van Toi L amp Hiep T H 2010 Co Loa an investigation of Vietnam s ancient capital 1 Antiquity 84 326 References aekikhphikdphumisastr 21 06 48 N 105 52 24 E 21 113408 N 105 873206 E 21 113408 105 873206 Higham Charles 1996 The Bronze Age of Southeast Asia Cambridge World Archaeology ISBN 0 521 56505 7 Ray Nick aelakhna 2010 Co Loa Citadel Vietnam Lonely Planet p 123 ISBN 9781742203898 bthkhwamekiywkbxakhar hrux sthanthisakhyniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmulekhathungcak https th wikipedia org w index php title pxmprakaroklwa amp oldid 9187304, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม