ลัทธิบัวขาว
ประวัติศาสตร์จีน | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ยุคโบราณ | |||||||
สามราชาห้าจักรพรรดิ | |||||||
ราชวงศ์เซี่ย 2100–1600 BCE | |||||||
ราชวงศ์ชาง 1600–1046 BCE | |||||||
ราชวงศ์โจว 1045–256 BCE | |||||||
ราชวงศ์โจวตะวันตก 1046–771 BCE | |||||||
ราชวงศ์โจวตะวันออก 771–256 BCE ยุควสันตสารท ยุครณรัฐ | |||||||
ยุคจักรวรรดิ | |||||||
ราชวงศ์ฉิน 221 BCE–206 BCE | |||||||
ราชวงศ์ฮั่น 206 BCE–220 CE | |||||||
ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก | |||||||
ราชวงศ์ซิน | |||||||
ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก | |||||||
ยุคสามก๊ก 220–280 | |||||||
เว่ย์ ฉู่ และ อู๋ | |||||||
ราชวงศ์จิ้น 265–420 | |||||||
จิ้นตะวันตก | ยุคห้าชนเผ่าสิบหกรัฐ 304–439 | ||||||
จิ้นตะวันออก | |||||||
ราชวงศ์เหนือ-ใต้ 420–589 | |||||||
ราชวงศ์สุย 581–618 | |||||||
ราชวงศ์ถัง 618–690, 705–907 | |||||||
ราชวงศ์อู่โจว 690–705 | |||||||
ยุคห้าวงศ์สิบรัฐ 907–960 | ราชวงศ์เหลียว 907–1125 | ||||||
ราชวงศ์ซ่ง 960–1279 | |||||||
ราชวงศ์ซ่งเหนือ | เซี่ยตะวันตก | ||||||
ราชวงศ์ซ่งใต้ | จิน | ||||||
ราชวงศ์หยวน 1271–1368 | |||||||
ราชวงศ์หมิง 1368–1644 | |||||||
ราชวงศ์จินยุคหลัง 1616–1636 | |||||||
ราชวงศ์ชิง 1636–1912 | |||||||
ยุคใหม่ | |||||||
สาธารณรัฐจีน (บนแผ่นดินใหญ่) 1912–1949 | |||||||
สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนแผ่นดินใหญ่) 1949–ปัจจุบัน | สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) 1949–ปัจจุบัน | ||||||
บทความที่เกี่ยวข้อง | |||||||
ลัทธิบัวขาว (จีน: 白蓮教 ไป๋เหลียนเจี้ยว) เป็นขบวนการทางศาสนาและการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศจีนสมัยราชวงศ์หยวน เป็นลัทธิบูชาพระแม่องค์ธรรมเป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด และรอคอยยุคพระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งเป็นอุตมรัฐที่เชื่อว่าสังคมจะรุ่งเรืองสงบสุขตลอดไป
ประวัติ
ลัทธิบัวขาว มีหลักความเชื่อที่ผสมผสานระหว่างศาสนามาณีกีกับศาสนาพุทธ มีหลักปฏิบัติคือการกินเจอย่างเคร่งครัด ให้บุรุษกับสตรีมีปฏิสัมพันธ์กันได้ค่อนข้างเสรีซึ่งขัดกับธรรมเนียมจีนสมัยนั้น และปกปิดพิธีกรรมของตนเป็นความลับ โดยให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นเพียงการไหว้เจ้า หลักฐานเกี่ยวกับลัทธิบัวขาวปรากฏครั้งแรกในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ตรงกับสมัยราชวงศ์หยวนที่จักรวรรดิมองโกลปกครองแผ่นดินจีน ชาวฮั่นในสมัยนั้นไม่พอใจที่คนต่างชาติมาปกครองอย่างกดขี่ จึงรวมกลุ่มกันตั้งเป็นสมาคมทางศาสนาและดำเนินการเคลื่อนไหวทางการเมื่อเพื่อปลดปล่อยประเทศจากการปกครองของคนต่างชาติ ลัทธิบัวขาวมีส่วนร่วมในขบวนการนี้ด้วย จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แนวทางการเมืองนี้ทำให้ลัทธิบัวขาวถูกทางการปราบปรามอย่างหนัก
ศาสนิกชนของลัทธิบัวขาวได้ร่วมกันก่อกบฏโพกผ้าแดงขึ้นในช่วง ค.ศ. 1351 – 1368 จู หยวนจางกับสมัครพรรคพวกก็เข้าร่วมขบวนการด้วย กลุ่มกบฏสามารถโค่นล้มราชวงศ์หยวนได้เป็นผลสำเร็จในเวลาต่อมา และส่งเสริมราชวงศ์หมิงให้ปกครองแผ่นดินสีบแทน โดยจู หยวนจางได้รับอาณัติสวรรค์ให้ปกครองแผ่นดิน เฉลิมพระนามจักรพรรดิหงหวู่
เมื่อราชวงศ์หมิงล่มสลายและถูกราชวงศ์ชิงขึ้นมาปกครองแทน ลัทธิบัวขาวก็ก่อกบฏบัวขาวอีกครั้งในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 เพื่อต่อต้านราชวงศ์ชิงที่กดขี่เรื่องภาษีและฟื้นฟูราชวงศ์หมิง แต่ก็ถูกปราบปรามอย่างหนักจนสลายตัวไปในปี ค.ศ. 1804 ศาสนิกชนถูกจับกุมและประหารชีวิต ตำราคัมภีร์ต่าง ๆ ถูกเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก
ความเชื่อ
ความเชื่อหลักของลัทธิบัวขาวคือการบูชาพระเป็นเจ้าคือพระแม่องค์ธรรม พระผู้สร้างสรรพสิ่งและให้สรรพชีวิตทั้งหลายมาเกิดบนโลก ชีวิตทั้งหลายจึงเป็นบุตรของพระแม่องค์ธรรม ล้วนแต่มีธรรมชาติบริสุทธิ์มาแต่เดิม แต่ต่อมาสรรพสัตว์กลับใช้ชีวิตหลงผิด สูญเสียธรรมชาติเดิมจนไม่อาจกลับไปหาพระแม่องค์ธรรมได้
พระแม่องค์ธรรมจึงเมตตาต่อสรรพสัตว์ด้วยการส่งพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ลงมาบนโลกเพื่อช่วยแนะนำสั่งสอนมนุษย์ให้ปฏิบัติในหนทางที่ถูกและกลับไปสู่พระแม่องค์ธรรมได้ ในการนี้พระแม่องค์ธรรมได้ส่งพระทีปังกรพุทธเจ้าและพระศากยมุนีพุทธเจ้ามาช่วยเวไนยสัตว์ได้จำนวนหนึ่งแล้ว แต่สรรพสัตว์ส่วนมากยังตกค้างอยู่ พระแม่จึงสัญญาต่อมนุษย์ว่าต่อไปจะส่งพระศรีอริยเมตไตรยลงมาเพื่อช่วยเหลือเวไนยสัตว์ที่เหลือทั้งหมด
ในท้ายยุคของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะมีการชุมนุมอริยะบนสวรรค์เพื่อสรุปผลการช่วยสรรพสัตว์ การชุมนุมท้ายสมัยพระทีปังกรเรียกว่า ชิงหยางฮุ่ย (ตะวันเขียว) ท้ายสมัยพระศากยมุนีเรียกว่า หงหยางฮุ่ย (ตะวันแดง) และท้ายสมัยพระเมตไตรยเรียกว่า ไป๋หยางฮุ่ย (ตะวันขาว) ลัทธิบัวขาวเชื่อว่าตนเองกำลังอยู่ในปลายสมัยตะวันแดง จึงมุ่งหวังและรอคอยการมาถึงของสมัยตะวันขาว ซึ่งพระศรีอารย์จะลงมาโปรดชี้แนะการบำเพ็ญวิถีธรรมที่ถูกต้องเพื่อกลับสู่บ้านเดิม
แม้ลัทธิบัวขาวจะสลายตัวไปจากการปราบปรามของทางการชิง แต่แนวคิดและขนบของลัทธิบัวขาวยังสืบทอดมาอีกในหลายลัทธิ โดยเฉพาะในลัทธิเซียนเทียนเต้า ซึ่งหวง เต๋อฮุย ได้ก่อตั้งขึ้นในเวลาต่อมา ลัทธินี้ยังคงรักษาความเชื่อหลักได้แก่การบูชาพระแม่องค์ธรรม พระผู้สร้างสรรพสิ่ง และส่งสรรพชีวิตทั้งหลายมาเกิดบนโลก และรอคอยการมาถึงของยุคพระศรีอริยเมตไตรยซึ่งเชื่อว่าเป็นสังคมในอุดมคติที่ลัทธินี้จะสร้างขึ้นสำเร็จในอนาคต
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- Teng 1958, p. 94.
- Mote 2003.
- "Tian Dao Hui". Chinese Boxing. ม.ป.ป. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - . Cultural China. ม.ป.ป. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2012-01-21. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ "Inspiration: The Organization and Ideology of White Lotus Sects" (PDF). Yale University Press. 1976. สืบค้นเมื่อ 30 มีนาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) หน้า 9-13
- บรรณานุกรม
- Mote, Frederick W. (2003). Imperial China 900-1800. Harvard University Press. ISBN 978-0-674-01212-7.CS1 maint: ref=harv (link)
- Teng, Ssu-yü (1958). "A Political Interpretation of Chinese Rebellions and Revolutions". Tsing Hua Journal of Chinese Studies. 1 (3).CS1 maint: ref=harv (link)