ลุค สกายวอล์คเกอร์
ลุค สกายวอล์คเกอร์ (อังกฤษ: Luke Skywalker) เป็นตัวละครสมมติและตัวละครหลักใน ภาพยนตร์ชุดไตรภาคเดิม ของ แฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส สร้างโดย จอร์จ ลูคัส แสดงโดย มาร์ค ฮามิลล์ ลุคปรากฏตัวครั้งแรกใน สตาร์ วอร์ส (1977) และเขาก็กลับมาใน สตาร์ วอร์ส 2 (1980) และ สตาร์ วอร์ส 3 ชัยชนะของเจได (1983) สามทศวรรษถัดมา เขาแสดงเป็นตัวละครเดิมใน สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต่อ โดนปรากฏตัวทั้งหมดสามเรื่อง ได้แก่ อุบัติการณ์แห่งพลัง (2015), ปัจฉิมบทแห่งเจได (2017) และ กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ (2019)
ลุค สกายวอล์คเกอร์ | |
---|---|
ตัวละครใน สตาร์ วอร์ส | |
ปรากฏครั้งแรก | สตาร์ วอร์ส (1977) |
สร้างโดย | จอร์จ ลูคัส |
แสดงโดย |
|
ให้เสียงโดย |
อื่น ๆ:
|
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง | |
นามแฝง | คอร์ล มาร์คัส |
เผ่าพันธุ์ | มนุษย์ |
เพศ | ชาย |
ตำแหน่ง |
|
อาชีพ |
|
สังกัด | แคนอน
|
ครอบครัว |
|
คู่สมรส | มารา เจด (ตำนาน) |
บุตร | เบน สกายวอล์คเกอร์ (ตำนาน) |
ญาติ |
|
ดาวเกิด | ทาทูอีน (ดาวบ้านเกิด) โพลิสแมสซา (สถานที่เกิด) |
ลุค สกายวอล์คเกอร์ เป็นลูกชายของอัศวินเจได อนาคิน สกายวอล์คเกอร์และวุฒิสมาชิกแพดเม่ อมิดาลา แห่งนาบู และเป็นพี่ชายของน้องสาวฝาแฝด เลอา ออร์กานา โซโล เป็นนักบินที่เก่งกาจ ผู้นำที่ยอดเยี่ยม และอาจารย์เจไดที่เป็นตำนาน ลุค สกายวอล์คเกอร์เป็นที่รู้จักจากการที่เขาเป็นผู้ทำลายดาวมรณะดวงแรก และเป็นผู้ที่ทำให้ดาร์ธ เวเดอร์ สามารถโค่นจักรพรรดิพัลพาทีนลงได้ ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิกาแลกติกและทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งพันธมิตรฟื้นฟูสาธารณรัฐ ภายหลังได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนายพล แต่ก็ได้สละยศในภายหลังจากสงครามกลางเมืองแกแลคติกสิ้นสุดลงและมาเป็นสมาชิกที่มีอิทธิพลในสาธารณรัฐใหม่ และอาจารย์เจไดที่มีความสามารถโดดเด่น
ด้วยการที่ได้รับการฝึกสอนในวิถีแห่งพลังจากสองอาจารย์เจไดคือโอบีวัน เคโนบี และ โยดา ลุคได้ยุติบทบาททางทหารและก่อตั้งเจไดพราเซียม (สถาบันฝึกสอนเจได) ขึ้น เพื่อสร้างนิกายเจไดใหม่ให้เป็นผู้พิทักษ์ความสงบสุขของสาธารณรัฐใหม่ ทำให้ลุคกลายเป็น "เจไดใหม่คนแรก" ตามที่โอบีวันได้กล่าวไว้ เขาได้แต่งงานกับเจไดชื่อมารา เจด และมีลูกชื่อเบน สกายวอล์คเกอร์ ในปีที่ 36 หลังยุทธการยาวิน ลุคได้รับขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์แห่งนิกายเจได ลุค สกายวอล์คเกอร์ ได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงครามกลางเมืองกาแลกติกและความขัดแย้งที่ตามมาจำนวนมาก รวมไปถึงสงครามยูซาน วอง และวิกฤติการณ์ดาร์คเนสท์
ประวัติ
วัยเด็ก (ปีที่ 19 - 0 ก่อนยุทธการยาวิน)
ลุค สกายวอล์คเกอร์ ถือกำเนิดในหมู่ดาวเคราะห์น้อยโปลิส แมสซา ไม่นานหลังการเริ่มต้นของการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่และการก่อตั้งจักรวรรดิกาแลกติก หลังจากที่แพดเม่ อมิดาลา ให้กำเนิดทารกคนที่สองแล้วก็เสียชีวิตลง ทำให้ทารกทั้งสองคนกลายเป็นเด็กกำพร้า
โอบีวัน เคโนบี และโยดา รู้ดีว่าทารกทั้งสองซึ่งมีสัมผัสแห่งพลังแข็งแกร่งตั้งแต่กำเนิด จะต้องได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากเงื้อมมือของพัลพาทีนและดาร์ธ เวเดอร์ จึงได้ตัดสินใจแยกทารกทั้งสองออกจากกัน โดยมอบทารกชายให้กับน้องชายต่างบิดาของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ คือ โอเวน ลาร์ส และภรรยา เบรู บนดาวเคราะห์ทาทูอีน ส่วนเลอาถูกส่งไปอยู่ภายในความดูแลของพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง คือเบล และเบรฮา ออร์กานา
โอบีวันรับหน้าที่ในการพาทารกน้อยไปยังทาทูอีนด้วยตนเอง โดยเดินทางด้วยยานอวกาศ โซลเลส วัน (Soulless One) ไปยังนาร์ ชาดดา แล้วจึงขายยานอวกาศเพื่อแลกกับการเดินทางไปยังบ้านเกิดของครอบครัวลาร์ส หลังจากนั้นจึงตัดสินใจหลบซ่อนตัวอยู่บนทาทูอีนใกล้ๆ กับทารกน้อย เพื่อคอยดูแลเขาในขณะที่เติบโตขึ้น
ในระยะแรกของการเป็นผู้พลัดถิ่นนั้น โอบีวันไปเยี่ยมเยียนบ้านไร่ลาร์สทุกวัน โดยพยายามหลบหน้าจากโอเวนและเบรู เพราะตั้งใจจะคอยดูลุคอยู่ห่างๆ เท่านั้น การนี้เองทำให้โอบีวันถูกมองไม่ดีในสายตาของโอเวน และทำให้โอบีวันต้องเลิกมาคอยจับตาดูลุคในที่สุด ตามคำบอกเล่าของลุคนั้น ครั้งแรกที่เขาได้ใช้พลังก็คือตอนที่มีอายุประมาณหกปีและหาไขควงที่หายไปใต้เก้าอี้ยาวได้ด้วยพลัง ลุคถูกโอเวนต่อว่าอย่างหนักเพราะโอเวนคิดว่าลุคจะรู้ที่อยู่ของไขควงนี้ได้ก็เพราะเขาเป็นคนเอาไปวางไว้เองเท่านั้น และทำให้ลุคเรียนรู้ที่จะหยุดยั้งการใช้ความสามารถนี้ในที่สุด
ลุค สกายวอล์คเกอร์ ใช้ชีวิตในไร่ความชื้นของครอบครัวลาร์สจนมีอายุ 19 ปี ระหว่างนั้น ลุงของเขาพยายามที่จะหันเหความสนใจของลุคออกจากการผจญภัย แต่ก็ไม่ประสบผล ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างความต้องการผจญภัยของลุคและความเชื่อในคุณธรรมของโอเวน ในช่วงวัยรุ่น ลุคฝันถึงการผจญภัยในดินแดนที่พ้นไปจากทาทูอีน และมีปากเสียงกับลุงของเขาหลายครั้งเกี่ยวกับความปรารถนาที่จะได้บินไปในหมู่ดาวบนพิภพไกลโพ้น เมื่อถูกถามถึงบทบาทของพ่อของเขาในสงครามโคลน ลาร์สบอกไปว่าพ่อของเขาเป็น "ต้นหนยานขนเครื่องเทศ" นอกเหนือไปจากความเข้าใจผิดนี้แล้ว ลุคกลายเป็นเด็กที่ใฝ่หาการผจญภัย ถึงกับขับยาน T-16 Skyhopper ไปตาบหุบเขาเบกการ์ (Beggar's Canyon) และแข่งยานแลนด์สปีดเดอร์โดยให้ความสนใจกับความปลอดภัยของตัวเองเพียงน้อยนิด นอกจากจะได้รับความสามารถในการขับยานมาจากพ่อแล้ว ลุคยังค่อยๆ สั่งสมความสามารถพิเศษในการซ่อมแซมเครื่องกลในขณะที่คอยดูแลดรอยด์และซ่อมเครื่องระเหยความชื้น
เขาเข้าร่วมกลุ่มเพื่อนที่มีความสนใจคล้ายกันบนทาทูอีน ซึ่งทำให้เขาได้รับชื่อเล่นว่า "ไอ้หนอน (Wormie)" กลุ่มเพื่อนนี้ได้แก่ ดีค (Deak) วินดี้ (Windy) เคมี่ (Camie) และฟิกเซอร์ (Fixer) ซึ่งสนใจการผจญภัยแต่ในทาทูอีนเท่านั้น กับ "ไอ้รถถัง (Tank)" และบิกส์ (Biggs) ซึ่งมีความฝันเดียวกันกับลุค และได้เข้าศึกษาในสถาบันจักรวรรดิและได้เป็นนักบิน อาจถือได้ว่าบิกส์ ดาร์คไลท์เตอร์เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของลุค ซึ่งลุคเองก็ดูแลบิกส์เหมือนพี่น้อง บิกส์ลาออกจากสถาบันฯ ในปีที่ 1 ก่อนยุทธการยาวิน ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความทะนงของลุค ความอิจฉา และความผิดหวัง ในขณะที่เพื่อนของลุคหลายๆ คนต่างทยอยเดินทางออกไปจากทาทูอีนเพื่อไล่ตามความฝันของตน เขาเริ่มหวาดกลัวว่าลุงของเขาจะไม่ยอมให้เขาออกไปจากดาวดวงนี้ โดยอ้างว่าต้องการให้ลุคคอยช่วยงานในไร่ แต่ที่จริงแล้ว โอเวนกำลังพยายามที่จะป้องกันไม่ให้ลุคต้องเดินตามรอยเท้าของบิดาของเขา
สงครามกลางเมืองกาแลกติก (ปีที่ 0 - 4 หลังยุทธการยาวิน)
เดินทางจากทาทูอีน
การที่ลุงของลุคได้ซื้อดรอยด์สองตัวมาจากพวกจาวาได้เปลี่ยนชีวิตของหนุ่มน้อยไปตลอดกาล หลังจากค้นพบข้อความขอความช่วยเหลือต่อ "โอบีวัน" เคโนบี ที่ถูกบันทึกไว้ในแอสโตรเมคดรอยด์ อาร์ทูดีทู ลุคก็เข้าร่วมการเดินทางกับ "เบน" เคโนบี ซึ่งได้เปิดเผยตัวเองว่าเคยเป็นอัศวินเจไดที่ต่อสู้ในสงครามโคลนร่วมกับพ่อของลุค และบอกลุคว่าพ่อของเขาไม่ใช่นักบินยานขนส่งสินค้า แต่เป็นอัศวินเจไดที่ถูกฆ่าโดยดาร์ธ เวเดอร์
หลังจากเดินทางกลับบ้าน ลุคพบว่าลุงและป้าของเขาถูกฆ่าตายโดยทหารสตอร์มทรูปเปอร์ของจักรวรรดิที่กำลังค้นหาอาร์ทูดีทูและซีทรีพีโอ เมื่อครอบครัวของเขาเสียชีวิตไปแล้วเช่นนี้ ลุคตัดสินใจที่จะติดตามเบนไปยังอัลเดอรานเพื่อส่งมอบแผนผังดาวมรณะที่อยู่ในอาร์ทูดีทูให้กับเบล ออร์กานา ตามคำขอร้องของเจ้าหญิงเลอา ผู้เป็นธิดาของเบล ลุคและเบนเดินทางไปยังร้านเหล้าในมอส ไอส์ลีย์ เพื่อหาวิธีการเดินทางออกจากทาทูอีน และได้พบกับฮัน โซโล และนักบินคู่หมายเลขหนึ่งของเขา ชิวแบคคา ทีนี่เอง ลุคมีเรื่องจนเกือบถึงแก่ชีวิตเมื่อเจอกับพอนดา บาบา ในร้านเหล้าชาลมุน
ภารกิจช่วยชีวิตบนดาวมรณะ
หลังจากหลบหนีสตอร์มทรูปเปอร์ไปจากดาวทาทูอีนบนยานอวกาศมิลเลนเนียม ฟอลคอน ของฮัน เบนก็เริ่มฝึกลุคในวิถีแห่งพลัง แม้จะได้รับการเยาะเย้ยจากฮันก็ตาม ทว่าการฝึกฝนนี้ก็ถูกขัดจังหวะลงเมื่อยานอวกาศมาถึงระบบดาวอัลเดอรานและพบว่าดาวอัลเดอรานถูกทำลายลงไปแล้ว พวกเขาพบยาน TIE fighter ที่กำลังออกตรวจตราอยู่ เมื่อไล่ตามยานนั้นไปพวกเขาก็พบสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นดวงจันทร์ ทว่าที่จริงแล้ว สิ่งนั้นคือดาวมรณะ ซึ่งเป็นสถานีอวกาศขนาดใหญ่ของจักรวรรดิ ยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน ถูกจับดึงโดยแสงนำทาง (Tractor beam) และถูกนำขึ้นไปบนดาวมรณะ
เมื่อเข้ามาอยู่ในดาวมรณะแล้ว เบนก็แยกกลุ่มกับลุค ฮัน ชิวแบคคา และดรอยด์ทั้งสอง เพื่อไปหาทางปิดการทำงานของแสงนำทาง แต่เมื่ออาร์ทูดีทูพบว่าเลอา ออร์กานา ถูกจับตัวเป็นนักโทษอยู่ในดาวมรณะนี้ ลุคก็ยืนกรานจะไปช่วยเหลือเธอ ด้วยความช่วยเหลือของฮันและชิวแบคคา ทั้งสามสามารถเข้าไปถึงที่คุมขังได้โดยการปลอมตัวเป็นสตอร์มทรูปเปอร์สองนายพร้อมนักโทษวู้กกี้ และช่วยเหลือเลอาได้เป็นผลสำเร็จ แต่ต้องแลกกับการโจนเข้าไปในห้องเก็บขยะเพื่อหลบหนีการตามล่า หลังจากนั้น ลุคกับเลอาถูกแยกจากฮันและชิวแบคคา แต่ด้วยจูบนำโชคจากเจ้าหญิง ลุคก็สามารถพาเลอาโหนข้ามร่องลึกไปเจอกับฮันและชิวแบคคาในท่าจอดยานได้เป็นผลสำเร็จ
ในที่สุดทั้งหมดก็หนีจากดาวมรณะได้สำเร็จ แต่ก็ต้องแลกกับการสละชีวิตของเบนในการประลองกระบี่แสงกับดาร์ธ เวเดอร์ พวกเขาเดินทางไปยังฐานทัพลับของกองทัพกบฏบนดวงจันทร์ยาวิน 4 โดยมีสถานีอวกาศดาวมรณะติดตามมาด้วย ฮันรับเงินรางวัลในการช่วยชีวิตเจ้าหญิงเลอาแล้วก็เตรียมตัวเดินทางกลับ แต่ลุคพยายามขอให้เขาอยู่และช่วยต่อสู้กับจักรวรรดิ แต่ฮันปฏิเสธ ซึ่งทำให้ลุคผิดหวังอย่างมาก
วีรบุรุษแห่งกองทัพกบฏ
ลุคเข้าร่วมยุทธการยาวินในฐานะ "เรดห้า" และต้องเห็นสหายร่วมรบจำนวนมากเสียชีวิตไปต่อหน้า รวมไปถึงบิกส์ ดาร์คไลท์เตอร์ด้วย และเมื่อหัวหน้าฝูงบินทั้งสองคนเสียชีวิตลง ลุคก็เป็นผู้นำฝูงบินในการจู่โจมครั้งสุดท้ายด้วยตัวเองก่อนที่จะถูกดาร์ธเวเดอร์ซึ่งขับยานจู่โจมรุ่น TIE Advanced x1 ยิงใส่ แต่ด้วยการมาถึงอย่างถูกเวลาของยานมิลเลนเนียม ฟอลคอนช่วยให้ลุครอดพ้นอันตรายได้ และด้วยคำแนะนำจากสปิริตของเบน ก็ทำให้ลุคสามารถยิงกระสุนโปรตอนตอร์ปิโดเพียงนัดเดียวโดยใช้พลังช่วยให้กระสุนเข้าเป้าและทำลายสถานีอวกาศลงเป็นผลสำเร็จ
หลังจากการทำลายดาวมรณะ สกายวอล์คเกอร์หนุ่มได้เข้าร่วมภารกิจของกองทัพกบฏจำนวนมาก เพียงสองสัปดาห์หลังจากยุทธการยาวิน ลุคก็ได้มีส่วนร่วมในการทำลายยานพิฆาตดาราชั้นอิมพีเรียล 1 ลิควิเดเตอร์ (Liquidator) ได้ช่วยพันธมิตรกบฏในการไปรับยานเอกซ์วิงลำใหม่ๆ จากวอร์ส วูโรเรียน (Vors Voorhorian) โดยตรง (ที่นี่เองที่ลุคได้แสดงความสามารถอันน่าทึ่งในการทำลายยานรบ TIE Fighter โดยใช้เพียงกระบี่แสงของพ่อของเขา) ได้เข้าร่วมรบในยุทธการวัคทูอีน และเดินทางไปยังโบนาดานและพื้นที่นอกสำรวจ และถูกส่งไปสำรวจสถานที่ก่อตั้งฐานทัพใหม่บนพิภพผู้พิทักษ์ (the Keeper's World) ดาวอาคูเรีย 2 และเดรกเซล การสำรวจทั้งหมดนี้จบลงด้วยความรุนแรงและความล้มเหลว
ด้วยความกระตือรือร้นที่จะรับใช้พันธมิตรกบฏ ชีวิตในปีแรกๆ ที่นี่ของลุคจึงเต็มไปด้วยการผจญภัย รวมไปถึงการต่อสู้กับโจรสลัด ช่วยเหลือในการต่อสู้ของกองทัพจักรวรรดิ และช่วยในการหลบหนีการจับกุมของดาร์ธ เวเดอร์ และทหารคนสนิท ครั้งหนึ่งในภารกิจออกสำรวจ ยาน x-wing ของลุคได้ติดไปกับดาวหางดวงหนึ่งและไปโผล่ที่ดาวน้ำแข็งร้าง ฮอธ หลังจากนั้นเขาเดินทางกลับไปยังฐานทัพและรายงานต่อผู้บังคับบัญชาถึงดาวเคราะห์ดวงนี้ พันธมิตรกบฏจึงวางแผนที่จะอพยพออกจากยาวิน 4 และดาวธิลาเพื่อไปก่อสร้างฐานทัพใหม่บนฮอธ
หลังจากอพยพออกจากยาวิน 4 แล้ว แจน โดดอนนา ก็ได้เลื่อนขั้นลุคให้เป็นผู้บังคับบัญชา (Commander) แต่ยังไม่ทันที่การแต่งตั้งจะสำเร็จเป็นทางการ นายพลแจนก็ถูกจับตัวไปเสียก่อน อย่างไรก็ดีเพียงไม่กี่วันหลังจากอพยพฐานเสร็จแล้ว ลุคก็ได้เป็นนาวาตรี (Lieutenant Commander) และออกนำปฏิบัติภารกิจที่แดนทูอีน(Dantooine) ราลล์ทีร์(Ralltiir) และทาทูอีน
ในช่วงนี้เองที่ลุคเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับฝูงบินรบเหมือนบ้าน ในยามที่ไม่ได้ออกบินร่วมกับฝูงบินเร้ดและผู้บังคับบัญชาที่ปรึกษา นาร์รา (Narra) นั้น เขาเป็นคนที่นำฝูงบินฝึกใหม่อย่างฝูงบินโร้กไปยังดาวเคราะห์ต่างๆ เช่น บาร์คเคช (Barkhesh) คอแรกซ์ (Chorax) คอเรลเลีย (Corellia) และเจอร์ราร์ด 5 (Gerrard V)
ก่อนที่จะครบปี ลุคก็ได้เข้าร่วมภารกิจโดยไม่ได้อยู่ในห้องนักบิน เขาได้มีส่วนร่วมในภารกิจที่จาบิอิม(Jabiim) คาลิสต์ 6 (Kalist VI) คิวา (Kiva) และเปอร์ ลูเปโล (Per Lupelo) และได้มีประสบการณ์ตรงในความโหดร้ายของสงคราม บนคาลิสต์ 6 ลุคได้พบกับเพื่อนสมัยเด็กคนหนึ่งอย่างไม่คาดฝัน คือเจเนค ซันเบอร์ ("ไอ้รถถัง") ซึ่งตอนนี้มียศเป็นเรือโท (lieutenant) ในกองทัพจักรวรรดิ
ในปีที่ 2 หลังยุทธการยาวิน เขาเดินทางร่วมกับเจ้าหญิงเลอาในภารกิจทางการทูตไปยังระบบดาวเซอร์คาร์ปัส (Circarpous system) แต่เกิดอุบัติเหตุยานตกบนดาวเคราะห์มิมบัน (Mimban) บนดาวมิมบันนี้เองที่ลุคและเลอาได้พบกับหญิงชราผู้มีสัมผัสแห่งพลังนามฮาลลา (Halla) ทั้งสองทำข้อตกลงกับหล่อนว่าจะค้นหาไคเบอร์คริสตัล (Kaiburr crystal) มาให้ถ้าฮาลลาจะพาพวกเขาออกไปจากดาวเคราะห์ดวงนี้ อย่างไรก็ดี ดาร์ธ เวเดอร์เองก็กำลังค้นหาไคเบอร์คริสตัลอันทรงพลังนี้อยู่เช่นกัน ทั้งลุคและเวเดอร์ถูกหลอกล่อด้วยอนุสรณ์สถานที่มีพลังสถิตแข็งแกร่งอย่างวิหารโปโมเจมา (Pomojema) และทำให้ทั้งคู่ได้ประลองกระบี่แสงกัน ทุกกระบวนท่าของลุคได้รับคำแนะนำจากสปิริตของเบน เคโนบี และได้รับพลังจากคริสตัล ทำให้เด็กหนุ่มสามารถประมือกับเวเดอร์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ถึงกับสามารถตัดแขนกลของลอร์ดมืดลงได้ข้างหนึ่ง เวเดอร์ตกใจมากและพลัดตกลงไปในหลุมลึก เป็นการจบการประลองครั้งนี้
ในปีที่ 3 หลังยุทธการยาวิน หลังจากโยกย้ายฐานทัพไปยังฮอธเรียบร้อยแล้วนั้น ลุคมีส่วนร่วมในการออกสำรวจตรวจตราปกติ ในขณะที่สำรวจรอบๆ ฐานเอโค เบส อยู่นั้น ลุคถูกโจมตีโดยตัวแวมปา (Wampa) แล้วไปได้สติอีกครั้งในถ้ำของมัน หลังจากตัดแขนของตัวแวมปาและหลบหนีออกมาได้แล้วนั้นการณ์กลายเป็นว่าลุคอยู่ไกลจากฐานเอโค เบส มากเกินไป หลังจากเดินทางไกลท่ามกลางพายุน้ำแข็งที่กำลังพัดแรง ลุคก็ล้มลงด้วยความเหนื่อยล้า ในขณะที่ใกล้เสียชีวิตนั้นเอง ลุคได้เห็นสปิริตของ เบน เคโนบี ซึ่งได้บอกให้เขาไปตามหาโยดาบนดาวเดโกบาห์เพื่อเรียนรู้ หลังจากนั้นเขาจึงได้รับการช่วยชีวิตจากฮัน โซโล
ลุครักษาตัวอยู่ในแบคตา แทงค์ แต่ก็ไม่มีเวลาให้ฟื้นตัวเต็มที่นักเพราะดรอยด์สอดแนมของดาร์ธ เวเดอร์ตัวหนึ่งในจำนวนนับพันตัวที่เวเดอร์ส่งออกไปทั่วกาแลกซีได้ค้นพบฐานทัพกบฏบนฮอธแห่งนี้และได้รายงานกลับไปยังจักรวรรดิกาแลกติก ทำให้กองทัพจักรวรรดิบุกมายังดาวฮอธ
ในยุทธการฮอธที่มีตามมานั้นลุคได้นำฝูงบินของเขาเพื่อตอบโต้การโจมตีและถ่วงเวลาสำหรับการ หลบหนีของพันธมิตรกบฏคนอื่นๆ ภายใต้การนำของลุค กองยานสปีดเดอร์พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความสามารถในการต่อสู้กับหุ่นรบขนาด ยักษ์เอที-เอที ได้เหนือกว่าที่จักรวรรดิคิดมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะถูกยิงจนยานตกก็ตาม ลุคก็ยังแสดงความสามารถอย่างเจไดเมื่อเขาทำลายหุ่นรบเอที-เอทีได้ด้วยตัวคนเดียวโดยใช้กระบี่แสงเปิดรูบนตัวหุ่นแล้วโยนระเบิดมือเข้าไป
ในขณะที่กองทัพจักรวรรดิรุกเข้ามาถึงแนวป้องกันแล้วนั่นเอง ยานขนส่งของพันธมิตรกบฏลำสุดท้ายก็ทะยานออกจากดาวฮอธพร้อมกับลุคที่ขับยาน เอกซ์วิงไปพร้อมกับอาร์ทูดีทู เป็นอันว่าพันธมิตรกบฏหลบหนีจากการโจมตีของจักรวรรดิเป็นผลสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง
ฝึกฝนเป็นเจได
หลังจากนั้นลุคจึงเดินทางไปยังเดโกบาห์ ที่นั่นเองที่เขาได้พบกับโยดา ในครั้งแรกที่ได้พบกันนั้น เนื่องจากลุคยังสับสนและหวาดกลัวสภาพแวดล้อมของเดโกบาห์ จึงไม่ได้ให้ความสนใจโยดาที่ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเองแก่ลุคนัก จนกระทั่งโยดาเปิดเผยว่าตนเองคือปรมาจารย์เจไดนั่นเองที่ลุคเริ่มให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับโยดามากขึ้น อย่างไรก็ดี กว่าโยดาจะยินยอมรับฝึกฝนลุคก็ต้องใช้การยืนกรานของโอบีวัน เคโนบี เข้าช่วย
การฝึกฝนของโยดานั้นลำบากมาก เนื่องจากการที่ในอดีตลุคเคยใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการผจญภัย จึงทำให้สัญชาตญาณของเขาหันเหเข้าสู่การต่อสู้และการยึดติดในอารมณ์ เมื่อโยดาให้ลุคเข้าไปในถ้ำที่ควรจะมีแต่ "สิ่งที่เจ้าเอาเข้าไปด้วย" นั้น ลุคกลับพบกับภาพมายาของตัวเขาเองที่สวมชุดดาร์ธ เวเดอร์ ไม่นานหลังจากนั้น ลุคมีนิมิตเห็นฮัน โซโล และเจ้าหญิงเลอา กำลังประสบความทุกข์เข็ญในนครเมฆาบนเบสพิน แม้โยดาและโอบีวันจะตักเตือนและไม่เห็นด้วยก็ตาม ลุคก็ยังเร่งเดินทางออกจากเดโกบาห์เพื่อไปช่วยสหายของเขา
ประลองกับลอร์ดมืด
ลุคมาถึงนครเมฆาและตรงไปช่วยเหลือเพื่อนของเขา ระหว่างนั้นเขาถูกยิงโดยโบบา เฟตต์ และถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มทหารสตอร์มทรูปเปอร์และเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิจำนวนหนึ่งที่ใช้เลอาเป็นโล่กำบัง เลอาพยายามเตือนลุคว่าสถานการณ์นี้เป็นกับดัก แต่ลุคก็ยังพยายามไล่ตามไป ทว่าก็คลาดกันในที่สุด จนมาโผล่ที่ห้องแช่แข็งด้วยคาร์บอน (carbon-freeze chamber) ซึ่งดาร์ธ เวเดอร์ รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองเริ่มการประลองกระบี่แสงอย่างดุเดือด โดยเวเดอร์แสดงความมีชั้นเชิงเหนือกว่าในการต่อสู้ด้วยกระบี่แสงด้วยการใช้รูปแบบที่ห้าร่วมกับโชไม (cho mai) และดุนมค (Dun Möch)
หลังจากที่ลุคสูญเสียมือขวาไปแล้ว เวเดอร์ก็พยายามชักจูงลุคให้เข้าร่วมด้านมืดของพลัง โดยเปิดเผยความจริงต่อลุคว่าตนเองคือบิดาของเขา ด้วยการที่ลุคต้องเผชิญหน้ากับข้อเสนอและความจริงอันน่าพรั่นพรึงนี้เขาต้องต่อสู้กับคุณธรรมในตัวจนสุดท้ายเขาเลือกความตายโดยทิ้งตัวลงไปในช่องลมลึก โชคดีที่เขารอดชีวิตแต่ก็ต้องโหนตัวอยู่ใต้นครเมฆา ในขณะที่กำลังอ่อนแอและสิ้นหวังอยู่นี้ ลุคพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากเลอาโดยใช้พลัง และเพียงครู่เดียวยานมิลเลนเนียม ฟอลคอน พร้อมแลนโด คาลริสเซียน เลอา ชิวแบคคา และพวกดรอยด์ก็มาช่วยเหลือเขา หลังจากกลับไปร่วมกับกองยานกบฏแล้วลุคก็ได้ต่อมือกลเทียมแทนมือที่ขาดไปบนยานรีเดมพ์ชัน (Redemption)
กลับไปฝึกฝน
หลังจากได้มือกลเทียมแทนมือที่ขาดไปลุคได้เดินทางกลับไปที่เดโกบาห์เพื่อทำการฝึกฝนกับโยดาต่อ จากนั้นลุคก็ได้กลับไปที่ทาทูอีน และได้เก็บตัวฝึกวิชาอยู่ที่กระท่อมของโอบิวัน กระทั่งเขาสามารถสร้างกระบี่แสงอันใหม่ขึ้นมาได้ ขณะเดียวกันเหล่าผู้นำกองทัพกบฏได้แต่งตั้งยศนายพลให้ลุค ก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับฝ่ายจักรวรรดิ ซึ่งมีจักรพรรดิ พัลพาทีน และผู้เป็นพ่ออย่าง ดาร์ธ เวเดอร์ รอการมาของเขาอยู่
ตามหาคนเสเพล
หลังจากฝึกเสร็จลุคได้กลับสู่ทาทูอีนเพื่อช่วยฮัน โซโลที่ถูกแช่แข็งในแท่งคาร์บอนจากแจบบา เดอะ ฮัทท์ เขาได้ส่งซีทรีพีโอและอาร์ทูดีทูไปเป็นทูตเจรจาเรื่องการคืนตัวฮันแต่แจบบ้าไม่ยอมทำตาม ลุคจึงได้เดินทางมาพบด้วยตัวตนเอง แต่ลุคและฮันโดนจับให้ลงไปประหารในหลุมปิศาจในทาทูอีน ลุคได้ทำตามแผนที่วางไว้คือให้แลนโด้เป็นทหารเฝ้าลุค และเก็บกระบี่แสงของตัวเองไว้ที่ตัวของอาร์ทูดีทู ลุคกระโดดลงไปในหลุมและก็กระโดดขึ้นมาอีกครั้งและใช้กระบี่แสงจัดการกับพวกลูกน้องของแจบบ้า เช่น โบบา เฟทท์ เป็นต้น และก็สามารถพาฮันกลับมาจากพวกแจบบ้าได้สำเร็จ
เจไดคนสุดท้าย
หลังช่วยชีวิตฮัน โซโลแล้ว ลุคได้แยกตัวออกจากกลุ่มเดินทางไปยังดาวเดโกบาห์ เพื่อไปหาปรมารจารยโยดาเพื่อฝึกเป็นเจไดให้สำเร็จ เมื่อเขาได้พบกับโยดาอีกครั้งก็ได้พบว่าโยดากำลังแก่ชราลงมาก จึงรู้สึกเป็นห่วง โยดาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรและได้ตัดสินใจจะลาจากชีวิต แต่ลุคได้อ้อนวอนให้อยู่ต่อและฝึกตนเป็นเจไดให้สำเร็จ โยดาได้บอกกับลุคว่าได้สำเร็จวิชาไปแล้วแต่มีข้อแม้ว่า ต้องเผชิญหน้าและกำจัดดาร์ธ เวเดอร์ ถ้าสำเร็จก็ถือว่าลุคได้เป็นเจไดอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อมีการเอ่ยถึงดาร์ธ เวเดอร์แล้ว ลุคได้ถามโยดาว่า ดาร์ธ เวเดอร์เป็นพ่อจริงหรือไม่ ตอนแรกโยดาไม่ยอมตอบแต่ได้แต่เฉไฉ เมื่อลุคได้รบเร้าเข้าทำให้โยดาได้ยอมรับความจริงว่า ดาร์ธ เวเดอร์คือพ่อของลุค ซึ่งโยดารู้อยู่แล้วว่า ลุคได้รู้ความจริงจากพ่อของเขา โยดาได้ตัดพ้อว่า ช่างเป็นเรื่องที่กระทันหันและน่าเสียดาย ลุคได้เอ่ยถามว่า เสียดายที่รู้ความจริงหรอ โยดาตอบว่าไม่ใช่ ที่น่าเสียดายเพราะลุครีบร้อนเกินไปที่ได้ไปเผชิญหน้ากับดาร์ธ เวเดอร์ ทั้งๆที่ยังฝึกไม่สำเร็จและยังไม่พร้อมสำหรับความจริงนี้ซึ่งลุคได้รู้สึกผิด โยดาได้กล่าวเตือนกับลุคว่า
จำไว้, ความแข็งแกร่งของเจไดมาจากพลัง แต่จงระวังด้านมืดเอาไว้ โกรธ, กลัว, เกรี้ยวกราด ด้านมืดของพลังคือพวกมัน เมื่อใดที่เจ้าจมดิ่งสู่ด้านมืด, มันจะครอบงำชะตากรรมของเจ้าตลอดไป
ลุค...ลุค อย่าได้ดูถูกอำนาจของจักรพรรดิเป็นอันขาด มิฉะนั้นเจ้าจะพบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับพ่อของเจ้า
ลุค...เมื่อข้าจากไป เจไดคนสุดท้ายก็คือเจ้า
ลุค...พลังแรงสถิตอยู่ในครอบครัวตระกูลของเจ้า จงสืบทอดวิชาที่ได้เรียนมา
ลุค...ยัง...มี...สกายวอล์คเกอร์...อยู่....อีก..คน— โยดาพูดกับลุค สกายวอล์คเกอร์เป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อโยดาได้สิ้นใจและร่างกายได้สลายหายไป ลุคได้กลับไปที่ยานเอ็กซ์-วิงซึ่งได้มองไปที่บ้านของโยดาซึ่งเมื่อโยดาจากไป ไฟก็ได้ดับลง ลุคปรับทุกข์กับอาร์ทูดีทูและตัดพ้อว่า ตนนั้นอยู่ตามลำพังไม่ได้ แต่สปีริตโอบีวัน เคโนบีก็ได้ปรากฏตัวมาพบอีกครั้ง ลุคได้เอ่ยถามว่า ทำไมไม่ยอมบอกความจริงแต่แรกว่า ดาร์ธ เวเดอร์เป็นพ่อของตน โอบีวีนได้ยอมรับความจริงกับลุคว่า ดาร์ธ เวเดอร์คือพ่อของลุค ซึ่งมีนามแต่เดิมว่า อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ เมื่อด้านมืดของพลังได้ครอบงำทำให้พลังด้านสว่างของพ่อของลุคถูกทำลายลง โอบีวันยังได้บอกถึงสิ่งที่ได้บอกไปนั้นไม่ใช่การโกหกแต่เป็นความจริงจากมุมมองด้านหนึ่งซึ่งลุคไม่เข้าใจ โอบีวันได้อธิบายว่า เมื่อความจริงที่ต้องยอมรับมันขึ้นมาจากมุมมองของตนเอง ตนได้ยอมรับความจริงว่า อนาคินนั้นเป็นทั้งสหายรัก ลูกศิษย์ น้องชายและบุตร และได้เล่าว่า ตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกที่ทาทูอีน อนาคินนั้นเป็นนักบินที่มีฝีมือฉกาจที่หาตัวจับได้ยาก แต่ตนและอาจารย์ของเขา(ไควกอน จินน์)ได้สังเกตและแปลกใจมากที่พลังแรงสถิตอยู่ในตัว อาจารย์ของเขาได้ปรารถนาที่จะฝึกอนาคินให้เป็นเจไดแต่สภาเจไดกลับไม่ยอมรับ หลังการตายของอาจารย์ทำให้โอบีวันได้ตัดสินใจฝึกอนาคินตามคำสั่งเสียและคิดว่าจะฝึกได้ดีเท่าอาจารย์ไควกอนและโยดาแต่กลับคิดผิดหมดเมื่ออนาคินได้หันเข้าหาด้านมืด ลุคได้คิดว่า ดาร์ธ เวเดอร์ยังมีความดีอยู่ในตัวแต่โอบีวันกลับไม่เห็นด้วย(นีไม่ใช่ครั้งแรกที่โอบีวันได้ยินเพราะแพดเม่ก็ได้พูดเอาไว้แล้ว) ลุคได้พยายามปฏิเสธที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับคือการกำจัดดาร์ธ เวเดอร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประลองกับลอร์ดมืดอีกครั้ง,สังหารจักรพรรดิและช่วยชีวิตวีรบุรุษ (ปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน)
ลุคกับเพื่อนๆได้เดินทางไปที่ดาวเอนดอร์เพื่อหาทางปิดเครื่องสร้างเกราะที่ครอบคลุมดาวมรณะดวงที่สอง ก่อนที่กองยานพันธิตรกบฏจะเดินทางมาถึงและเข้าทำลายมัน พวกเขาถูกพบตัวเข้า แต่พวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากพวกอีว็อกชนพื้นเมืองของเอนดอร์ ลุคยอมให้พวกสตอร์มทรูปเปอร์จับตัวไปส่งให้กับดาร์ธ เวเดอร์ กับจักรพรรดิ ลุคได้พูดคุยกับจักรพรรดิ จักรพรรดิได้ชักจูงให้ลุคเข้าสู่ด้านมืดแต่เขาก็ปฏิเสธ จักรพรรดิจึงให้ลุคประลองดาบฝีมือกับดาร์ธเวเดอร์ลุคชนะและได้ตัดมือเหล็กของเวเดอร์ขาด เมื่อจักรพรรดิเห็นท่าไม่ดีจึงใช้พลังสายฟ้าฟาดฟาดใส่ลุค แต่เวเดอร์เห็นความเจ็บปวดของลุคไม่ได้เขาจึงไปปกป้องลุค โดยการฆ่าจักรพรรดิ โดยอุ้มจักรพรรดิโยนลงในปล่องแกนปฏิกรณ์ของยาน เมื่อขณะอุ้มนั้น เวเดอร์ได้โดนพลังสายฟ้า ของจักรพรรดิ ทำให้ชุดพยุงชีพของเวเดอร์ล้มเหลว
เวเดอร์ได้ล้มตัวลงนอนแต่ลุคก็ได้มาประคองตัวไว้ เวเดอร์สั่งให้ลุคถอดหน้ากากของเขาออกเพื่อที่จะได้มองหน้าลูกชายของเขาด้วยตาสักครั้ง และลุคก็ตกลง เวเดอร์ได้กลับมาเป็นอนาคิน สกายวอลค์เกอร์อีกครั้ง ต่อมาอนาคินก็ตายในที่สุด หลังจากที่จักรวรรดิกาแลกติกล่มสลายลุคและพวกเพื่อนๆได้จัดพิธีเฉลิมฉลองกับพวกอีว็อก และได้นำความสงบสุขกลับมาสู่ทั่วทั้งจักรวาล
หายสาปสูญ (ปีที่ 34 หลังยุทธการยาวิน)
เรื่องราวของลุคได้กลายเป็นตำนานในกาแล็กซี่ ลุคถูกกล่าวถึงในฐานะวีรบุรุษในสงครามเพราะเขาคืออัศวินเจไดคนสุดท้าย ลุคได้ยุติบทบาททางทหาร และสร้างนิกายเจไดใหม่ขึ้น ในระหว่างนั้นลุคได้บุกขึ้นไปบนยานแม่ของ มอฟ กีเดียน เพื่อตามหาตัว โกรกู เด็กน้อยเผ่าพันธุ์เดียวกับ อาจารย์โยดา ซึ่งในที่สุดก็ได้รับตัวโกรกูมาจาก ดิน จาริน และพาตัวไปฝึกฝนในวิถีเจไดใหม่ ต่อมาลุคได้ฝึกฝนหลานชายของเขาเบน โซโล แต่หลานชายของเขาได้หันเหเข้าสู่ด้านมืดจากการชักจูงของสโน้ก และนิกายเจไดใหม่ที่เขาเพิ่งจะสร้างก็ต้องถูกทำลายอีกครั้ง เขาได้รู้สึกผิดจึงหายตัวไปและไปซ่อนตัวที่ดาวอัคโตที่ซึ่งเป็นวิหารเจไดแห่งแรกที่ลึกลับที่สุด ต่อมาเรย์ได้รับแผนที่จากอาร์ทูดีทูและบีบีเอท เรย์จึงได้ตามหาเขาไปที่ดาวแห่งหนึ่งและเรย์ได้ยื่นกระบี่แสงของอนาคินให้กับเขา พร้อมกับขอฝึกการเป็นเจได
ฝึกฝนศิษย์คนสุดท้าย
ตอนแรกที่ลุครับกระบี่แสงของอนาคินจากเรย์เขาปฏิเสธหน้าตาเฉยพร้อมโยนกระบี่แสงทิ้งไปเนื่องจากปักใจเชื่อว่าเจไดเป็นความล้มเหลว แม้จะทราบข่าวการเสียชีวิตของฮัน โซโลแล้วก็ยังคงปฏิเสธ ระหว่างนั้นเองลุคไม่รู้เลยว่าเรย์กับไคโลได้แอบติดต่อกันผ่านทางพลัง ในที่สุดด้วยความช่วยเหลือของอาร์ทูดีทูลุคก็ได้ตัดสินใจจะสอนบทเรียนเรื่องของพลังให้กับเรย์ ลุคกับไคโลเล่าเหตุการณ์ที่ทำให้ไคโลหันเข้าสู่ด้านมืดแตกต่างกัน โดยลุคเล่าว่าเขาเคยเผลอคิดจะฆ่าไคโลเมื่อสัมผัสได้ว่าผู้นำสูงสุดสโน้คได้ครอบงำจิตใจเขา ทำให้ไคโลทำลายนิกายเจไดใหม่ของลุค เรย์เชื่อว่าไคโลยังมีด้านดีหลงเหลือและยังมีโอกาสกลับใจได้ จึงเดินทางออกจากอัคโตไปเพื่อเผชิญหน้ากับไคโลโดยปราศจากลุค ลุคเตรียมตัวเผาคลังความรู้แห่งเจไดบนดาวแต่ลังเลไปชั่วครู่ ก่อนที่จะได้พบกับวิญญาณพลังของโยดา ผู้ช่วยลุคทำลายคลังความรู้ และชี้แนะว่าลุคควรจะเรียนรู้จากความผิดพลาด
ช่วยฝ่ายต่อต้าน,ดวลกับเร็นและเสียชีวิต (ปีที่ 34 หลังยุทธการยาวิน)
ลุคปรากฏตัวขึ้นและเผชิญหน้ากับไคโลเพียงลำพังเพื่อให้ฝ่ายต่อต้านที่ยังเหลือรอดสามารถหลบหนีได้ ไคโลออกคำสั่งให้กองทัพปฐมภาคีกระหน่ำยิงอาวุธไปยังลุคแต่ก็ไร้ผล เขาจึงลงไปต่อสู้ด้วยตัวเอง ไคโลฟาดฟันกระบี่แสงโดนตัวลุคอย่างจังถึงสองครั้งแต่ก็ไร้ผล จนค้นพบว่าลุคส่งร่างพลังมาเท่านั้น ลุคบอกไคโลว่าตัวเขาเองไม่ใช่เจไดคนสุดท้าย สงครามเพิ่งเริ่มต้น และพวกกบฏรุ่นใหม่จะก่อตั้งขึ้นเพื่อทำลายปฐมภาคีต่อไป จังหวะเดียวกันกับที่เรย์ใช้พลังยกก้อนหินที่ถล่มขวางทางออกจากถ้ำ เปิดเป็นทางให้นักรบฝ่ายต่อต้านหลบหนีไปกับยาน มิลเลนเนียม ฟาลคอน ส่วนที่อัคโต ลุคที่หมดสิ้นแรงจากการใช้พลังส่งร่าง ก็ได้เสียชีวิตอย่างสงบพร้อมกับเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง ก่อนเสียชีวิตลุคมองไปที่เส้นขอบฟ้าของดาวอัคโตอย่างมีความหวังก่อนที่จะสิ้นลมอย่างสงบ
บุคลิกและลักษณะพิเศษ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พลังและความสามารถ
ถึงแม้ว่าจะได้รับการฝึกเพียงเล็กน้อยก็ตาม ความสามารถของลุคทั้งในด้านสัมผัสแห่งพลังและการใช้กระบี่แสงก็เป็นที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง ในนิยายชุด New Jedi Order ลุคสามารถใช้ความสามารถของพลังที่แข็งเกร่งและเป็นเอกลักษณ์อย่าง "สายฟ้ามรกต" (Emerald Lightning) ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับพวกยูซาน วอง ความสามารถนี้ได้รับการบรรยายว่าเหมือนสายฟ้าสีเขียวที่สามารถสังหารเหยื่อได้ในพริบตา ตัวละครอื่นที่สามารถใช้สายฟ้าที่ทรงพลังได้ขนาดนี้มีเพียงพัลพาทีนเท่านั้น ตลอดทั้งเนื้อหาในจักรวาลขยายอื่นๆ เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการใช้พลังที่น่าทึ่ง เช่นสร้างหลุมดำ สร้างแรงดึงดูด และถึงขนาดสร้างดาวเคราะห์ขึ้นมาได้ทั้งดวง
แม้จะเป็นในช่วงแรกๆ ของการเป็นเจได เขาก็มีความสามารถสูงมาก ในระหว่างวิกฤตการณ์ดาร์คเอมไพร์ เขาสามารถตอบโต้ Force Storm ของจักรพรรดิ ที่สามารถทำลายยานอวกาศลำใหญ่ๆ ได้ หลานสาวของเขา ไจนา โซโล ได้บรรยายถึงลุคในยุทธการยูซาน วอง ครั้งสุดท้ายเอาไว้ว่าเหมือนกับกระแสน้ำวนของพลังที่แสนเยือกเย็นและมุ่งมั่นจนไม่สามารถหยุดยั้งได้ และยังกล่าวอีกว่ากระบี่แสงของลุคนั้นดูราวกับว่ามีลำกระบี่ถึงสิบหรือยี่สิบลำเคลื่อนที่
กระบี่แสง หรือ Lightsaber
เป็นอาวุธประจำกายของเหล่าเจได โดยมีลักษณะคล้ายกระบี่ และเรืองแสงได้ สีของกระบี่แสงแต่ละเล่มจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับไคลเบอร์คริสตัลแต่ละสี ซึ่งลุคสร้างกระบี่แสงของตนเองตามแบบอย่างของ โอบิวัน หรือ เบน เคโนบี ผู้เป็นอาจารย์คนแรกของเขา ส่วนใบดาบจะมีสีเขียว คาดว่าเป็นไคเบอร์คริสตัลเดิมของไควกอน จินน์ ที่ลุคพบในกระท่อมของโอบิวันในช่วงที่เก็บตัวฝึกวิชา
ความรัก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เลอา
น้องสาวฝาแฝดของลุค สกายวอร์คเกอร์ ทั้งคู่ถูกแยกจากกันตั้งแต่ยังเล็กเพื่อไม่ให้จักรวรรดิตามหาพวกเขาเจอ โดยเลอาถูกรับเลี้ยงโดย เบล ออร์กานา แห่งดาวอัลเดอราน จนกระทั่งทั้งคู่เติบใหญ่และกลับมาเจอกันอีกครั้งในกองทัพฝ่ายกบฎ หลังจากต่อสู้กับฝ่ายจักรวรรดิจนได้ชัยกลับมา ลุคได้ฝึกฝนเลอาในทักษะเจไดเบื้องต้น ทั้งในด้านการใช้พลัง และวิชากระบี่แสง แต่เลอาจำเป็นต้องกลับไปเป็นผู้นำสาธารณะรัฐใหม่ จึงทำให้เธอยังคงฝึกเป็นเจไดสำเร็จเพียงครึ่งทาง
ดานี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ชิรา บริเอ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ทานิธ ไชร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ซิบิล
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อเลกซานดรา วิงเกอร์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
แกเรียล แคปติสัน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มารี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เจม อิซานนา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คาลลิสตา มิง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อากานาห์ นอรานด์ กอสส์ เปลล์
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มารา เจด
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เบื้องหลัง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ที่มาของลุค
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
คัดเลือกนักแสดง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ลุค สกายวอล์คเกอร์ ในฐานะวีรบุรุษแบบตำนานกรีก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การเสียชีวิต (อย่างไม่เป็นทางการ)
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ไม่มีในข้อมูลและยังสรุปไม่ได้ว่าเสียชีวิต
ผังครอบครัว
อ้างอิง
- การ์ดเกม Star Wars Customizable Card Game: Premiere Limited
- หนังสือ The Essential Guide to Characters
- หนังสือ The Secrets of Star Wars: Shadows of the Empire
- หนังสือ Star Wars Chronicles
- หนังสือ Star Wars: The Visual Dictionary
- เกม Star Wars Roleplaying Game
- หนังสือ The Essential Chronology
- Luke Skywalker ใน Star Wars Databank
- บทความ Who's Who in the New Jedi Order
- หนังสือ The Official Star Wars Fact File 4
- หนังสือ The New Essential Guide to Characters
- หนังสือ Star Wars Episode III Revenge of the Sith: Illustrated Screenplay
- หนังสือ The New Essential Chronology
- ชุดเสริมเกม Star Wars Miniatures: Bounty Hunters
- ชุดเสริมเกม Star Wars Miniatures: Rebel Storm
- เว็บไซต์ With These Hands บน Hyperspace (สำหรับสมาชิก STAR WARS : HYPERSPACE เท่านั้น)
แหล่งข้อมูลอื่น
- Luke Skywalker ใน Star Wars Databank
- Luke Skywalker ใน Wookieepedia: The Star Wars Wiki
- Libbey, Dirk (July 27, 2018). "Mark Hamill Confirmed For Star Wars Episode 9". Cinemablend.com. สืบค้นเมื่อ July 27, 2018.
- Smith, Christopher Corey (June 17, 2014). "Power converters..." Twitter. สืบค้นเมื่อ June 29, 2014.