สถาปัตยกรรมฮินดู
สถาปัตยกรรมฮินดู หมายถึงระบบดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมในศาสนสถาน, สุสาน และอาคารอื่น ๆ ที่ใช้งานในเชิงศาสนาฮินดู วิทยาศาสร์และหลักการของสถาปัตยกรรมฮินดูนั้นมีอธิบายไว้ในวาสตุศาสตร์และศิลปศาสตร์ ซึ่งรวมไปถึงการสร้างรูปเคารพ ภาพแกะสลักหินและจิตรกรรม โบสถ์พราหมณ์ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในช่วงยุคกลางของอินเดีย ซึ่งปกครองโดยจักรวรรดิของชาวมุสลิม
โบสถ์พราหมณ์ (มณเทียร)
สถาปัตยกรรมโบสถ์พราหมณ์ มีรูปแบบที่หลากหลาย กระนั้นธรรมชาติของโบสถ์พราหมณ์ทุกแห่งจะเหมือนกัน อันประกอบด้วยโถงในสุดเรียกว่า "ครรภคฤห์" เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพคือมูรติ จากนั้นจึงมีโครงสร้างอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรายล้อมห้องครรภคฤห์นี้ องค์ประกอบสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ศิขร (อินเดียเหนือ) หรือ วิมาน (อินเดียใต้) คือส่วนโครงสร้างหอที่ครอบห้องครรภคฤห์นี้ไว้ ตัวอาคารศาลมักเว้นพื้นที่ไว้สำหรับการ "ปริกรม" (parikrama; circumambulation ), มณฑป คือโถงรวมตัวสำหรับศาสนิกชนประกอบพิธีกรรม บางครั้งยังพบ อันตราล เชื่อมระหว่างมณฑปและห้องครรภคฤห์ มณฑปนั้นอาจพบมากกว่าหนึ่งมณฑปก็ได้ แตกต่างกันไปตามขนาดของมณเทียร บางครั้งยังพบศาลาพิเศษสำหรับการร่ายรำโดยเฉพาะ เรียกว่า "นาฏมณเทียร" เช่นที่Koranak Sun Temple และบ่อน้ำที่เรียกว่า "Kunda" สำหรับการสรงน้ำ
โคปุรัม
โคปุรัม เป็นโครงสร้างสำคัญที่ขาดไม่ได้ของโบสถ์ โคปุรัมคือหอทางเข้า มักสร้างอย่างวิจิตรงดงาม และนิยมสร้างให้มีขนาดยิ่งใหญ่โดยเฉพาะในอินเดียใต้ (สถาปัตยกรรมดราวิเดียน)
อาราม (มาถ)
อารามในศาสนาฮินดู เช่น มาถ (Matha) และ อาศรม ประกอบด้วยคอมเพล็กซ์ของโบสถ์ กุฏิของสาธุ ฯลฯ ในศาสนาฮินดูบางกระแสจะพบภาชนกุตีร์ (Bhajana Kutir) ซึ่งเป็นที่ทำสมาธิของสาธุ
สุสาน (สมาธิ)
สมาธิ (สถานที่) คือสุสานที่อาจบรรจุศพหรือไม่บรรจุศพ เป้าหมายหลักของสมาธิคือสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงบุคคลนั้น ๆ มากกว่า
ราชรถ (รัถ)
ในสถานที่ของฮินดูบางแห่งจะพบอาคารหนึ่งที่เรียกว่า "รัถ" คืออาคารที่สร้างเป็นรูปราชรถขนาดใหญ่
ซุ้มทางเข้า (โตรณะ)
โตรณะ (Torana) คือซุ้มทางเข้าศาสนสถาน เทียบได้กับโทริอิของจินจะในญี่ปุ่น
เสา (สตมภ์)
สตมภ์ คือเสาที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกหรือแสดงการเคารพต่อเทพหรือบุคคล ส่วนเสาที่พบตรงทางเข้านั้นจะเรียกว่า ธวัช บางครั้งใช้เป็นเสาธงหรือประดับด้วยศิวลึงค์และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ฉัตรี
ฉัตรีคือโครงสร้างศาลาทรงโดม มีรากฐานมาจากสถาปัตยกรรมราชสถาน
ฆาฏ
ฆาฏคือบันไดทางลงแม่น้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำหรือทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์
โคศาลา
โคศาลาคือที่อยู่ของวัว ในฐานะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของฮินดู จึงมีการสร้างโคศาลาขึ้นเพื่อไว้เป็นที่อยู่ของสัตว์จำพวกวัว กระทิง
อ้างอิง
- Acharya 1927.
- Shukla 1993.
- Goel 1991.
- Michell 1988.
- Acharya 2010, p. 74.
- "Gopura". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 2008-01-20.
- Sears 2014, pp. 4—9.
- Glushkova 2014, p. 116.
- Harle 1994, p. 153.
- "Toraṇa | Grove Art". doi:10.1093/gao/9781884446054.001.0001/oao-9781884446054-e-7000085631. สืบค้นเมื่อ 2018-08-08.
- Dhar 2010.
- Acharya 2010, p. 533.
- . Times Of India. 2011-08-17. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2013-11-10. สืบค้นเมื่อ 2013-02-06.
=บรรณานุกรม
- Acharya, P. K. (2010). An encyclopaedia of Hindu architecture. New Delhi: Oxford University Press (Republished by Motilal Banarsidass). ISBN 81-85990-03-4.
- Acharya, P. K. (1927). Indian Architecture according to the Manasara Shilpa Shastra. London: Oxford University Press (Republished by Motilal Banarsidass). ISBN 0300062176.
- Dhar, P. D. (2010). The Torana in Indian and Southeast Asian Architecture. New Delhi: D K Printworld. ISBN 978-8124605349.
- Glushkova, I. (2014). Objects of Worship in South Asian Religions: Forms, Practices and Meanings. Routledge. ISBN 978-1-317-67595-2.
- Goel, S. R. (1991). Hindu Temples – What Happened to Them. 2. New Delhi: Voice of India. ISBN 81-85990-03-4.
- Harle, J. C. (1994). The Art and Architecture of the Indian Subcontinent (2nd ed.). Yale University Press Pelican History of Art. ISBN 0300062176.
- Juneja, M. (2001). Architecture in Medieval India: Forms, Contexts, Histories (2nd ed.). Orient Blackswan. ISBN 978-8178242286.
- Michell, G. (1988). The Hindu Temple: An Introduction to its Meaning and Forms (2nd ed.). Chicago/London: University of Chicago Press. ISBN 0-226-53230-5.
- Shukla, D. N. (1993). Vastu-Sastra: Hindu Science of Architecture. Munshiram Manoharial Publishers. ISBN 978-81-215-0611-3.
- Sears, T. (2014). Worldly Gurus and Spiritual Kings: Architecture and Asceticism in Medieval India. Yale University Press. ISBN 978-0-300-19844-7.
- Thapar, B. (2004). Introduction to Indian Architecture. Singapore: Periplus Editions. ISBN 0-7946-0011-5.