ประเทศซิมบับเว
พิกัดภูมิศาสตร์: 20°S 30°E / 20°S 30°E
ซิมบับเว (อังกฤษ: Zimbabwe) มีชื่อทางการคือ สาธารณรัฐซิมบับเว (อังกฤษ: Republic of Zimbabwe) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ทวีปแอฟริกา อยู่ระหว่างแม่น้ำซัมเบซีและแม่น้ำลิมโปโป มีอาณาเขตทิศเหนือติดกับประเทศแซมเบีย ทิศตะวันออกติดกับประเทศโมซัมบิก ทิศตะวันตกติดกับประเทศบอตสวานา และทิศใต้ติดกับประเทศแอฟริกาใต้ มีพื้นที่ประเทศ 390,580 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงคือ กรุงฮาราเร
สาธารณรัฐซิมบับเว Republic of Zimbabwe (อังกฤษ) | |
---|---|
เพลงชาติ: เพลงชาติซิมบับเว Simudzai Mureza wedu WeZimbabwe หรือ Kalibusiswe Ilizwe leZimbabwe ("โปรดประทานพรแก่ดินแดนแห่งซิมบับเว") | |
ที่ตั้งของ ประเทศซิมบับเว (เขียวเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | ฮาราเร 17°50′S 31°3′E / 17.833°S 31.050°E |
ภาษาราชการ | ภาษาอังกฤษ |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบพรรคเด่น ประธานาธิบดี สาธารณรัฐ |
• ประธานาธิบดี | เอ็มเมอร์สัน อึมนังกากวา |
• รองประธานาธิบดี | Constantino Chiwenga |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | รัฐสภา |
ประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักร | |
• ประกาศ | 11 พฤศจิกายน 1965 |
2 มีนาคม 1970 | |
• ซิมบับเวโรดีเชีย | 1 มิถุนายน 1979 |
• อิสรภาพได้รับการยอมรับ | 18 เมษายน 1980 |
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 15 พฤษภาคม 2013 |
พื้นที่ | |
• รวม | 390,757 ตารางกิโลเมตร (150,872 ตารางไมล์) (60) |
1 | |
ประชากร | |
• 2019 ประมาณ | 15,092,171 (74) |
• สำมะโนประชากร 2012 | 12,973,808 |
26 ต่อตารางกิโลเมตร (67.3 ต่อตารางไมล์) (170) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | 2019 (ประมาณ) |
• รวม | $41.031 พันล้าน |
• ต่อหัว | $2,621 |
จีดีพี (ราคาตลาด) | 2019 (ประมาณ) |
• รวม | $22.290 พันล้าน |
• ต่อหัว | $1,424 |
จีนี (2017) | 44.3 ปานกลาง |
เอชดีไอ (2019) | 0.571 ปานกลาง · 150 |
สกุลเงิน | ดอลลาร์ซิมบับเว |
เขตเวลา | UTC+2 (CAT) |
รูปแบบวันที่ | วว/ดด/ปปปป |
ขับรถด้าน | ซ้ายมือ |
รหัสโทรศัพท์ | +263 |
โดเมนบนสุด | .zw |
ชื่อประเทศ
ชื่อซิมบับเวมาจากคำว่า "Dzimba dza mabwe" ซึ่งแปลว่าบ้านหินใหญ่ในภาษาโชนา ชื่อนี้ถูกนำมาจากเกรตซิมบับเวซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของอาณาจักรเกรตซิมบับเว
ภูมิศาสตร์
ซิมบับเวเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ถูกล้อมรอบด้วยประเทศแอฟริกาใต้ทางใต้โดยมีแม่น้ำลิมโปโปกั้นอยู่ บอตสวานาทางตะวันตก แซมเบียทางตะวันตกเฉียงเหนือ และโมซัมบิคทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ซิมบับเวยังมีจุดที่ติดต่อกับประเทศนามิเบียทางตะวันตกอีกด้วย จุดที่สูงที่สุดของประเทศคือภูเขาเนียนกานี ซึ่งสูง 2,592 เมตร
ประวัติศาสตร์
ยุคก่อนประวัติศาสตร์
มีหลักฐานว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในของซิมบับเวตั้งแต่ห้าแสนปีก่อน ช่วงสองร้อยปีหลังคริสตกาล ชาวกอยเซียนได้เข้ามาตั้งรกรากที่พื้นที่แถบนี้ นอกจากนั้นมีชาวบันตู ชาวโชนา ชาวงูนี และชาวซูลู
อาณานิคมสหราชอาณาจักร
นักสำรวจชาวอังกฤษได้เข้ามาในซิมบับเวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และเริ่มการล่าอาณานิคมขึ้น ดินแดนแซมเบเซียต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันในนามโรดีเซียในพ.ศ. 2435 หลังจากนั้นได้แบ่งเป็นโรดีเซียเหนือและในที่สุดได้กลายมาเป็นแซมเบีย ใน พ.ศ. 2441 ตอนใต้ของพื้นที่ แซมเบเซีย ถูกเรียกว่าโรดีเซียใต้ ต่อมาได้กลายมาเป็นซิมบับเวในอีกหลายปีหลังจากนั้น
สงครามกลางเมือง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หลังการประกาศเอกราช
หลังจากผ่านการขัดแย้งกันทางสีผิว รวมไปถึงบทบาทจากสหประชาชาติ และการต่อสู้ของกองโจรในช่วงพ.ศ. 2503 ในที่สุดซิมบับเวได้รับอิสรภาพในพ.ศ. 2523 ในปีเดียวกันนั้น รอเบิร์ต มูกาบี ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ และเป็นประธานาธิบดีใน พ.ศ. 2530 จนกระทั่งถูกกดดันให้ลาออกใน พ.ศ. 2560
การเมืองการปกครอง
บริหาร
นิติบัญญัติ
ตุลาการ
การบังคับใช้กฎหมาย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สิทธิมนุษยชน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การแบ่งเขตการปกครอง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กองทัพ
กองทัพบก
กองทัพอากาศ
กองกำลังกึ่งทหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เศรษฐกิจ
โครงสร้างเศรษฐกิจ
การส่งออกแร่ธาตุ การเกษตร และการท่องเที่ยว เป็นธุรกิจที่นำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ซิมบับเว การทำเหมืองแร่ยังคงเป็นธุรกิจที่ให้กำไรมาก ซิมบับเวมีแหล่งทรัพยากรแพลทินัมที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ซิมบับเวเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปของแอฟริกาใต้
ซิมบับเวมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีตลอดคริสต์ทศวรรษ 1980 (อัตราการเติบโตของจีดีพีร้อยละ 5.0 ต่อปี) และ 1990 (ร้อยละ 4.3 ต่อปี) อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจเริ่มถดถอยลงตั้งแต่ปี 2000 โดยลดลงร้อยละ 5 ในปี 2000, ร้อยละ 8 ในปี 2001, ร้อยละ 12 ในปี 2002, และร้อยละ 18 ในปี 2003 รัฐบาลซิมบับเวประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายอย่างหลังจากล้มเลิกความตั้งใจที่จะพัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาด เช่นปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงมาก และการขาดแคลนอุปทานของสินค้าต่าง ๆ การที่ซิมบับเวมีส่วนร่วมกับสงครามในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ระหว่างปี 1998 ถึง 2002 ทำให้ต้องสูญเสียหลายร้อยล้านดอลลาร์ออกจากระบบเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจที่ดิ่งลงเหวนี้มีสาเหตุหลักมาจากการบริหารที่ล้มเหลวและการคอร์รัปชันของรัฐบาลมูกาเบ และการขับไล่ชาวไร่ผิวขาวกว่า 4,000 คนในระหว่างการจัดสรรที่ดินที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในปี 2000 ซึ่งทำให้ซิมบับเวซึ่งเคยเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดกลับกลายเป็นผู้นำเข้าแทน ปริมาณการส่งออกยาสูบก็ลดลงอย่างมาก จากรายงานในเดือนมิถุนายน 2007 ของหน่วยปฏิบัติการเพื่อการอนุรักษ์ซิมบับเว ประมาณว่าซิมบับเวสูญเสียสัตว์ป่าไปถึงร้อยละ 60 ตั้งแต่ปี 2000 ในรายงานยังได้กล่าวเตือนอีกว่าการสูญเสียพันธุ์สัตว์ป่าและการทำลายป่าไม้อย่างกว้างขวางนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อธุรกิจท่องเที่ยว
ปลายปี 2006 ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้าย รัฐบาลเริ่มประกาศอนุญาตให้ชาวไร่ผิวขาวกลับมาสู่ที่ดินของตนอีกครั้ง มีชาวไร่ผิวขาวเหลืออยู่ในประเทศประมาณ 400-600 คน แต่ที่ดินที่ถูกยึดคืนส่วนใหญ่นั้นกลายเป็นที่ดินเสื่อมสภาพและไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้อีกต่อไป ในเดือนมกราคม 2007 รัฐบาลยอมให้ชาวไร่ผิวขาวเซ็นสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว แต่แล้วในปีเดียวกันรัฐบาลก็กลับขับไล่ชาวไร่ผิวขาวออกจากประเทศอีกครั้ง
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 32 ต่อปีในปี 1998 จนถึงร้อยละ 231,000,000 ตามสถิติของทางการในเดือนกรกฎาคม 2008 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และทำให้ธนาคารต้องออกธนบัตรใบละ 1 แสนล้านดอลลาร์มาใช้ ในเดือนพฤศจิกายน 2008 ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการรายงานว่าอัตราเงินเฟ้อของซิมบับเวพุ่งขึ้นสูงถึงร้อยละ 516 ล้านล้านล้านต่อปี และราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 1.3 วัน และนับเป็นภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่เลวร้ายเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์โลก รองจากวิกฤติเงินเฟ้อในฮังการีในปี 1946 ซึ่งราคาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก ๆ 15.6 ชั่วโมง
การท่องเที่ยว
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
โครงสร้างพื้นฐาน
การคมนาคม และ โทรคมนาคม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การศึกษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สาธารณสุข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประชากรศาสตร์
ในปี 2008 ซิมบับเวมีประชากรประมาณ 11.4 ล้านคน จากรายงานขององค์การอนามัยโลก อายุคาดหมายเฉลี่ยสำหรับผู้ชายชาวซิมบับเวคือ 37 ปี และสำหรับผู้หญิงคือ 34 ปี ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดของปี 2004 อัตราการติดเชื้อเอดส์ ในประชากรระหว่างอายุ 15-49 ปี ถูกประมาณไว้ที่ร้อยละ 20.1 ในปี 2006
เชื้อชาติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ประชากรประมาณร้อยละ 98 เป็นชาวพื้นเมืองผิวดำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโชนา (ประมาณร้อยละ 80-84) รองลงมาคือชาวเดเบเล (ประมาณร้อยละ 10-15) ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากซูลูที่อพยพมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 นอกจากนี้ยังมีคนผิวขาวซึ่งส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวอังกฤษ
ศาสนา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ภาษา
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ภาษาทางการคือภาษาอังกฤษ แต่ภาษาที่ใช้มากได้แก่ภาษาโชนา และภาษาเดเบเล
วัฒนธรรม
ภาษาที่ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ และมีภาษาพื้นเมืองอื่น ๆ คือ Shona Sindebele ศาสนา ลัทธิผสม (ระหว่างศาสนาคริสต์และความเชื่อดั้งเดิม) 50% ศาสนาคริสต์ 25% ความเชื่อดั้งเดิม 24% ศาสนาอิสลามและอื่น ๆ 1%
อาหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดนตรี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กีฬา
ฟุตบอล
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มวยสากล
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วันหยุด
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
- "Zimbabwe". The Beaver County Times. 13 September 1981. สืบค้นเมื่อ 2 November 2011.
- https://www.macrotrends.net/countries/ZWE/zimbabwe/population
- (PDF). Zimbabwe National Statistical Agency. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม (PDF) เมื่อ 3 September 2013. สืบค้นเมื่อ 25 August 2013.
- ↑ "Report for Selected Countries and Subjects".
- "GINI Index". World Bank. สืบค้นเมื่อ 21 July 2013.
- Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
- . Greenwich Mean Time. Greenwich 2000. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 19 กรกฎาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2017.
- . Somali Press. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2011-05-03. สืบค้นเมื่อ 2008-12-14.
- "Zimbabwe Parks and Wildlife Management Authority". สืบค้นเมื่อ 2007-11-13.
- . Foreign Affairs and International Trade Canada. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2008-02-26. สืบค้นเมื่อ 2007-12-02.
ประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติมากมายเช่นแร่ธาตุ ที่ดิน และสัตว์ป่า ยังมีโอกาสมากมายที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจที่มีทรัพยากรเป็นพื้นฐาน เช่นการทำเหมืองแร่ การเกษตร และการท่องเที่ยว และธุรกิจที่ต่อเนื่องจากธุรกิจเหล่านี้
- ↑ "No quick fix for Zimbabwe's economy". BBC. 2008-04-14. สืบค้นเมื่อ 2009-03-01.
- "Zimbabwe-South Africa economic relations since 2000". Africa News. 2007-10-31. สืบค้นเมื่อ 2007-12-03.
- Richardson, C.J. 2005. The loss of property rights and the collapse of Zimbabwe. Cato Journal, 25, 541-565. [1]
- Organised Violence and Torture in Zimbabwe in 1999, 1999. Zimbabwe Human Rights NGO Forum.
- Robinson, Simon. "A Tale of Two Countries" 2019-10-18 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน — Time Magazine — Monday, February 18, 2002
- "Zimbabwe forbids white farmers to harvest" — USA Today — 06/24/2002
- "White farmers under siege in Zimbabwe" — BBC — Thursday, 15 August, 2002
- Nick Wadhams (2007-08-01). "Zimbabwe's Wildlife Decimated by Economic Crisis". Nairobi: National Geographic News. สืบค้นเมื่อ 2007-08-05.
- ↑ "Desperate Mugabe allows white farmers to come back". The Independent. 2006-12-17. สืบค้นเมื่อ 2009-03-08.
- Meldrum, Andrew (2005-05-21). "As country heads for disaster, Zimbabwe calls for return of white farmers". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2009-03-08.
- Timberg, Craig (2007-01-06). "White Farmers Given Leases In Zimbabwe". Washington Post. สืบค้นเมื่อ 2009-03-08.
- "Zimbabwe threatens white farmers". Washington Post. 2007-02-05.
- Chinaka, Cris (2007-08-08). "Zimbabwe threatens white farmers on evictions". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2009-03-08.
- ↑ "Zimbabwe inflation hits 11,200,000". CNN.com. 2008-08-19. สืบค้นเมื่อ 2008-08-19.
- "Zimbabwe introduces $100 billion banknotes". CNN.com. 2008-07-19. สืบค้นเมื่อ 2009-03-08.
- "A worthless currency". The Economist. 2008-07-17. สืบค้นเมื่อ 2008-09-05.
- ↑ "Hyperinflation in Zimbabwe". Telegraph.co.uk. 2008-11-13.
- ↑ "Zimbabwe". The World Factbook. Central Intelligence Agency. 2008-05-15. สืบค้นเมื่อ 2008-05-26.
- The World Health Organization. "Annex Table 1—Basic indicators for all Member States". The World Health Report 2006 (PDF). สืบค้นเมื่อ 2009-03-10.
- "Zimbabwe". UNAIDS. สืบค้นเมื่อ 2007-12-03.
- "The People of Zimbabwe". สืบค้นเมื่อ 2007-11-13.
- "Ethnicity/Race of Zimbabwe". สืบค้นเมื่อ 2008-01-06.
- "Languages of Zimbabwe". สืบค้นเมื่อ 2009-03-18.
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ประเทศซิมบับเว |
วิกิท่องเที่ยว มีคำแนะนำการท่องเที่ยวสำหรับ Zimbabwe |
- ข้อมูลทั่วไป
- Zimbabwe entry at The World Factbook
- Humanitarian information coverage on ReliefWeb
- Zimbabwe 2008-10-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน from UCB Libraries GovPubs
- Global Integrity Report: Zimbabwe[ลิงก์เสีย]—anti-corruption policy scorecard
- Key Development Forecasts for Zimbabwe from International Futures
- Voice of Witness – Narratives of Zimbabweans whose lives have been affected by the country's
- รัฐบาล
- รัฐสภาซิมบับเว
- รัฐบาลซิมบับเว
- Chief of State and Cabinet Members 2013-03-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ท่องเที่ยว
- การศึกษา