เจ้าทิพเกสร
เจ้าเทพไกรสร บ้างว่า เจ้าทิพเกสร หรือ เจ้าทิพเกษร (พ.ศ. 2384—2427) เป็นพระธิดาในพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ประสูติแต่เจ้าอุษา เป็นพระชายาในพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ต่อมา และเป็นพระมารดาในเจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์สยาม
เจ้าเทพไกรสร | |
---|---|
ภรรยาพระเจ้านครเชียงใหม่ | |
ดำรงพระยศ | พ.ศ. 2416–2427 |
ก่อนหน้า | เจ้าอุษา |
ถัดไป | เจ้าทิพเนตร |
พระสวามี | พระเจ้าอินทวิชยานนท์ |
พระธิดา | เจ้าจันทรโสภา เจ้าดารารัศมี พระราชชายา |
ราชวงศ์ | ทิพย์จักร |
พระบิดา | พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ |
พระมารดา | เจ้าอุษา |
เกิด | พ.ศ. 2384 |
อสัญกรรม | 25 มิถุนายน พ.ศ. 2427 (43 ปี) |
ศาสนา | พุทธ |
พระนางมีพระนิสัยเฉียบขาดเยี่ยงพระบิดา ทรงเป็นราชนารีที่มีบทบาทด้านการปกครองที่โดดเด่น เคียงคู่กับพระขนิษฐาคือเจ้าอุบลวรรณา ที่มีบทบาทด้านเศรษฐกิจอันโดดเด่น ทั้งยังมีความสามารถในการว่าราชการบ้านเมืองแทนพระสวามี
พระประวัติ
ชีวิตตอนต้น
เจ้าเทพไกรสรเกิดปี พ.ศ. 2384 เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ในพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 6 กับเจ้าอุษา มีขนิษฐาร่วมอุทรหนึ่งพระองค์ คือ เจ้าอุบลวรรณา
เสกสมรส
แต่เดิมเจ้าเทพไกรสรเป็นพระธิดาในพระเจ้ากาวิโลรสที่ทรงครองโสดอยู่ผู้เดียว เนื่องจากเจ้าอุบลวรรณา พระขนิษฐาได้เสกสมรสไปแล้วก่อนหน้า ต่อมาเมื่อถึงวันงานแห่ครัวทาน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ผู้บิดา ได้รับสั่งเจ้าเทพไกรสร ว่า "เจ้าเห็นชายคนไหนดีพอจะเป็นคู่กับเจ้า ก็จงเลือกเอาตามแต่จะเห็นว่าเหมาะควร" และเมื่อเจ้าเทพไกรสรทอดพระเนตรเจ้าอินทนนท์ก็ทรงชื่นชมในท่าฟ้อนนำแห่ครัวทานกับแต่งกายตามประเพณีอย่างสวยงาม จึงทูลตอบพระบิดาว่า "ลูกดูแล้ว เห็นแต่เจ้าราชวงศ์อินทนนท์ คนเดียวเท่านั้นเจ้า ที่น่าจะเป็นผู้ใหญ่ครอบครองบ้านเมืองต่อไปได้" เมื่อเจ้ากาวิโลรสสดับความเช่นนั้นจึงส่งท้าวพญาผู้ใหญ่ไปติดต่อ
แต่ขณะนั้นเจ้าอินทนนท์เองก็มีหม่อมและพระบุตรอยู่หลายคนจึงได้ปฏิเสธไป แต่พระเจ้ากาวิโลรสมีรับสั่งให้ท้าวพญานิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ไปเจรจาบิณฑบาตให้เจ้าอินทนนท์ยอมตกลงปลงใจ คราวนี้เจ้าอินทนนท์ปฏิเสธไม่ได้จึงยอมรับแต่โดยดี เจ้าเทพไกรสรเองก็จัดขันคำส่งให้ข้าหลวงอัญเชิญมาขอสามีจากหม่อมบัวเขียวเชิงบังคับให้ตัดขาดจากความเป็นสามีภรรยากับเจ้าอินทนนท์นับแต่นี้เป็นต้นไป พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ประทานคุ้มท่าที่บ้านเจดีย์กิ่วนี้เป็นเรือนหอของทั้งสอง ภายหลังได้ตกเป็นมรดกของเจ้าดารารัศมี พระราชชายา
ทั้งสองมีพระธิดาสององค์ คือ เจ้าจันทรโสภา และเจ้าดารารัศมี ที่ต่อมาได้ถวายตัวรับราชการฝ่ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพมหานคร
บั้นปลาย
ในช่วงที่เจ้าเทพไกรสรทรงประชวร ช่วงนั้นได้มีการพิจารณาการผูกขาดต้มเหล้าของชาวจีน เจ้าอุบลวรรณาพระขนิษฐาจึงใช้โอกาสนี้จัดการเข้าทรง โดยรับเป็น "ม้าขี่" หรือร่างทรง เมื่อวิญญาณที่มาเข้าร่างทรงได้แสดงความไม่พอใจอย่างมากที่จะอนุญาตให้คนจีนผูกขาดการต้มเหล้า ทั้งยังได้ขู่สำทับด้วยว่า หากมีการอนุญาตจะเกิดเหตุใหญ่ร้ายแรงกว่านี้ และการที่เจ้าเทพไกรสรเจ็บป่วยครั้งนี้เป็นเพียงการสั่งสอนเท่านั้น ภายหลังจึงได้มีการล้มเลิกการผูกขาดการต้มเหล้าไป
เจ้าเทพไกรสรถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. 2427 ขณะที่เจ้าดารารัศมี พระธิดา มีชันษาเพียง 11 ปี เจ้าดารารัศมีจึงตกอยู่ในพระอุปการะของเจ้าอุบลวรรณา และสองปีหลังจากนี้เจ้าดารารัศมีก็ได้ถวายตัวรับราชการฝ่ายในที่กรุงเทพมหานคร
พระกรณียกิจ
เจ้าเทพไกรสรเป็นพระชายาในพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลม รอบรู้ในด้านราชการ เป็นที่ทราบกันว่า "สรรพราชการงานเมืองอยู่กับเจ้าเทพไกรษรนี้ผู้เดียวเด็ดขาด ตลอดเหมือนเปนพระเจ้าเชียงใหม่" และมีพระอำนาจเหนือพระสวามี มีหลักฐานของชาวต่างประเทศกล่าวถึงพระเจ้าอินทวิชยานนท์ว่า "เป็นผู้ที่มีใจเมตตากรุณา แต่อ่อนแอ" และ "...เจ้าหลวงถูกครอบงำโดยพระชายาผู้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็งทดแทนความอ่อนแอของพระองค์..." ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองจึงเรียกพระเจ้าอินทวิชยานนท์ว่า "เจ้าหลวงตาขาว" บทบาทด้านการบริหารบ้านเมืองจึงตกอยู่กับเจ้าอุปราช (บุญทวงศ์) และเจ้าเทพไกรสร พระชายา และมีบทบาทเรื่อยมาจนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2425 และ พ.ศ. 2427 ตามลำดับ
ดร. แดเนียล แมคกิลวารี หัวหน้าคณะมิชชันนารีชาวอเมริกัน ซึ่งได้เข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาในปลายสมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการสนทนากับเจ้าเทพไกรสร ความว่า "ท่านเป็นพระชายาองค์เดียวของเจ้าหลวงอินทนนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่ โดยกำเนิดท่านมีฐานันดรศักดิ์ที่สูงกว่าเจ้าหลวง และท่านก็ทรงคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งอันสูงส่งที่ท่านดำรงอยู่ในขณะนี้ทุกประการ ทั้งยังเป็นผู้มีปฏิภาณเฉียบแหลม และตั้งใจมั่นคง ซึ่งเป็นเหตุให้พระสวามีของท่านคือ เจ้าหลวงองค์ใหม่ หลีกเลี่ยงความบกพร่องและความผิดพลาดได้เป็นอันมาก… ในการสนทนาระหว่างข้าพเจ้ากับเจ้าหญิงนั้น เรามักจะวกมาถึงเรื่องศาสนาเกือบตลอดเวลา แต่ข้าพเจ้า รู้สึกว่าเจ้าหญิงมีความประสงค์จะเอาชนะในการโต้ตอบเรื่องศาสนานี้มากกว่าจะค้นเอาความจริง ท่านมีไหวพริบเหมือนหมอความ คอยจับคำพูดที่หละหลวม และด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมของท่าน ทำให้ท่านเป็นนักโต้คารมที่มีอารมณ์ครื้นเครง" และ "...อิทธิพลของสตรีในทางวิเทโศบายต่าง ๆ จงเพิ่มทวีขึ้นอย่างมากมายมาตั้งแต่ครั้งเจ้าหลวงองค์ก่อน [พระเจ้ากาวิโลรส] ยังทรงครองราชย์อยู่ ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์ไม่มีพระโอรส จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่พระธิดากลายเป็นผู้มีอำนาจและยังได้รับการฝึกฝนให้เข้าใจถึงงานต่าง ๆ ของรัฐด้วย...โดยกำเนิดแล้ว พระนางมียศสูงกว่าพระสวามี...ฐานะของพระนางจึงจำเป็นต่อการคานอำนาจกับองค์อุปราช [บุญทวงศ์]..." เมื่อรัฐบาลสยามส่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากรขึ้นเชียงใหม่ใน พ.ศ. 2426 เพื่อวางแผนจัดราชการและระเบียบการปกครองนครเชียงใหม่ร่วมกับเจ้าเทพไกรสร แต่เจ้าเทพไกรสรกลับล้มป่วยและถึงแก่อสัญกรรมเสียก่อน
เจ้าเทพไกรสรเป็นราชนารีที่มีความโดดเด่นในเรื่องความเข้มแข็ง ดังปรากฏว่าเมื่อครั้งที่เกิดกบฏพระยาปราบสงคราม ทรงไม่เห็นด้วยและแสดงความไม่พอพระทัย จึงสั่งให้จับพระยาปราบมาประหารชีวิตเสีย ทำให้พวกพระยาปราบเกรงกลัวและแตกหนีไป และอีกกรณีที่เจ้าเทพไกรสรได้บัญชาให้ประหารชีวิตพระญาติสาย "ณ ลำพูน" ที่กระทำการอุกอาจแทงช้างพระที่นั่งพระสวามีของพระองค์ด้วยความคะนอง และยังเคยติดตามพระเจ้าอินทวิชยานนท์เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหลายครั้ง
นอกจากด้านการปกครองแล้ว เจ้าเทพไกรสรยังเป็นผู้ริเริ่มให้มีการละครฟ้อนรำและเครื่องสายตามแบบอย่างราชสำนักกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นแห่งแรกในคุ้มของพระเจ้าอินทวิชยานนท์
ลำดับสาแหรก
พงศาวลีของเจ้าทิพเกสร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- ↑ วรชาติ มีชูบท. ย้อนรอยอดีตล้านนา ตอน รวมเรื่องน่ารู้จากแผนที่เมืองนครเชียงใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560, หน้า 162
- ↑ สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552. หน้า 352-353
- จิรวัฒน์ อุตตมะกุล, นายแพทย์. พระภรรยาเจ้า และสมเด็จเจ้าฟ้าในรัชกาลที่ 5. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : ลายคำ, 2552, หน้า 344
- ↑ ภูเดช แสนสา. "คติแนวคิดและพัฒนาการของการก่อ "กู่" อัฐิในล้านนา ธรรมเนียมจาก "ราช" สู่ "ราษฎร์"" (PDF). เวียงท่ากาน. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ภูเดช แสนสา. "การก่อกู่เจ้านาย กับกุศโลบายทางการเมืองของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี" (PDF). เวียงท่ากาน. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ "แม่เจ้าทิพเกสร สตรีผู้เปี่ยมด้วยความเด็ดขาดแห่งล้านนา". เชียงใหม่สู่มรดกโลก. สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2561. Check date values in:
|accessdate=
(help) - เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์. (20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555). "เจ้าอุบลวรรณา เมื่อคิดจะรัก ต้องกล้าหักด่านฐานันดร". มติชนสุดสัปดาห์. 32:1666, หน้า 76
- หนังสือประวัติพระเจ้านครเชียงใหม่แลเจ้าเชียงใหม่. เชียงใหม่ : บำรุงเจริญประเทศ บ้านฮ่อ นครเชียงใหม่. มมป., หน้า 9
- ↑ "แม่เจ้าบัวเขียว". วัดศรีนวรัฐ (ทุ่งเสี้ยว). สืบค้นเมื่อ 22 ธันวาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - วรชาติ มีชูบท. ย้อนรอยอดีตล้านนา ตอน รวมเรื่องน่ารู้จากแผนที่เมืองนครเชียงใหม่. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2560, หน้า 192-195
- ↑ "แม่เจ้าทิพเกสร (เทพไกรสร) ผู้ฉลาดหลักแหลม และมีปฏิภาณเป็นเลิศ". แม่ญิงล้านนา. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ "เจ้าอุบลวรรณา". เชียงใหม่ไทยแลนด์ดอตคอม. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - "บุคคลสำคัญ: เจ้าอุบลวรรณา". เชียงใหม่ไทยแลนด์ดอตคอม. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - เจ้าอุบลวรรณา
- สรัสวดี อ๋องสกุล. ประวัติศาสตร์ล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : อมรินทร์, 2552. หน้า 341
- คาร์ล บอค (เขียน) เสฐียร พันธรังสี และอัมพร จุลานนท์ (แปล). สมัยพระปิยมหาราช. พระนคร : เฟื่องนคร. 2505, หน้า 307-308
- Carl Bock. Temple and Elephants. Bangkok:White Orchid Press. 1985, p. 226
- "พระเจ้าอินทวิชยานนท์" (PDF). หอสมุดมหาวิทยาลัยพายัพ. สืบค้นเมื่อ 21 ธันวาคม 2556. Check date values in:
|accessdate=
(help) - เดเนียล แมคกิลวารี ดี.ดี (เขียน) จิตราภรณ์ ตันรัตนกุล (แปล). กึ่งศตวรรษในหมู่คนไทย และคนลาว. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน. 2544, หน้า 163-164
- รายพระนาม นาม เหล่าพระประยูรญาติ และ เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ