fbpx
วิกิพีเดีย

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์

กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งมีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ หรือพระนามที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า เจ้าฟ้ากุ้ง เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและกรมหลวงอภัยนุชิต

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ดำรงพระยศพ.ศ. 2284 - พ.ศ. 2298 (14 ปี)
รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ก่อนหน้าเจ้าฟ้าพร
ถัดไปเจ้าฟ้าดอกเดื่อ
พระชายากรมขุนยี่สารเสนีย์
พระราชบุตรกรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศร์
พระองค์เจ้าฉาย
พระองค์เจ้าหญิงมิตร
พระองค์เจ้าหญิงทับ
พระองค์เจ้าหญิงชื่น
พระองค์เจ้าศรีสังข์
พระองค์เจ้าหญิงดารา
พระองค์เจ้าแม้น
พระองค์เจ้าหญิงชี
พระองค์เจ้าหญิงชาติ
พระองค์เจ้ามิ่ง
พระนามเต็ม
เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์
ราชวงศ์ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
พระราชบิดาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
พระราชมารดากรมหลวงอภัยนุชิต
พระราชสมภพพ.ศ. 2248
สวรรคตพ.ศ. 2298

พระองค์มีพระปรีชาสามารถหลายด้าน โดยเฉพาะด้านวรรณคดีไทยนั้นทรงพระนิพนธ์ไว้หลายเรื่อง เช่น กาพย์เห่เรือ นันโทปนันทสูตรคำหลวง พระมาลัยคำหลวง เนื่องจากพระองค์ลักลอบเป็นชู้กับพระมเหสีของพระราชบิดาจึงต้องพระอาญาให้เฆี่ยน เป็นเหตุให้พระองค์เสด็จสวรรคตในที่สุด

พระราชประวัติ

เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (คำให้การชาวกรุงเก่าว่า เจ้าฟ้านราธิเบศร์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ประสูติแต่กรมหลวงอภัยนุชิต (หรือพระพันวัสสาใหญ่) โดยพระมารดาของพระองค์สืบเชื้อสายมาจากสกุลพราหมณ์บ้านสมอพลือ ที่มีต้นสกุลมาจากเมืองรามนคร มัธยมประเทศ

พระองค์มีพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ คือ เจ้าฟ้าบรม และพระขนิษฐา 5 พระองค์ ได้แก่ เจ้าฟ้าธิดา เจ้าฟ้ารัศมี เจ้าฟ้าสุริยวงษ์ เจ้าฟ้าสุริยา เจ้าฟ้าอินทสุดาวดี (กรมขุนยิสารเสนี พระอัครมเหสีในพระองค์) นอกจากนี้ พระองค์ยังมีพระขนิษฐาและพระอนุชาต่างพระมารดา 3 พระองค์ คือเจ้าฟ้าเอกทัศ (สมเด็จพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์) และเจ้าฟ้าอุทุมพร (สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร) และ เจ้าฟ้าอินทสุดาวดี (กรมขุนยิสารเสนี พระอัครมเหสีในพระองค์) เมื่อสมเด็จพระราชบิดาขึ้นครองราชสมบัติแห่งกรุงศรีอยุธยาแล้ว พระองค์ได้รับการสถาปนาให้ทรงกรมที่ กรมขุนเสนาพิทักษ์

เหตุแห่งการออกผนวช

เนื่องจากกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ทรงสนิทกับพระราชบิดาของพระองค์อย่างมาก ทำให้พระองค์เกิดความระแวงขึ้น เมื่อพระราชบิดาทรงประชวร พระองค์จึงตรัสให้พระองค์เจ้าชื่นและพระองค์เจ้าเกิดไปนิมนต์เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เข้ามายังพระราชวังหน้าเพื่อมาเยี่ยมพระราชบิดา เมื่อเจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เสด็จมาถึง พระองค์ได้ใช้พระแสงดาบฟันเจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ แต่ไม่ทรงได้รับบาดเจ็บเพียงถูกแต่ผ้าจีวรขาดเท่านั้น เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นดังนั้นจึงเกรงพระราชอาญาแล้วจึงเสด็จไปยังตำหนักกรมหลวงอภัยนุชิต พระมารดาของพระองค์

หลังจากนั้น เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และพระองค์ตรัสถามว่า เหตุใดผ้าจีวรจึงขาด เจ้าฟ้าพระฯ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ถวายพระพรว่ากรมขุนเสนาพิทักษ์หยอกท่าน เมื่อเจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ถวายพระพรลาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแล้ว กรมหลวงอภัยนุชิตได้เสด็จมาอ้อนวอนและตรัสว่าถ้าท่านไม่ช่วยในคราวนี้เห็นทีกรมขุนเสนาพิทักษ์คงสิ้น เจ้าฟ้าพระฯ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์จึงตรัสว่าคงมีแต่ร่มกาสาวพัตรเท่านั้นที่จะช่วยได้ กรมหลวงอภัยนุชิตจึงพากรมขุนเสนาพิทักษ์เสด็จออกผนวชทันทีที่วัดโคกแสง มีพระนามฉายาว่า "สิริปาโล"

ในครั้งนั้นสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระพิโรธกรมขุนเสนาพิทักษ์มาก มีพระราชดำรัสให้ค้นหาตัวจนทั่วพระราชวัง แต่พบเพียงพระองค์เจ้าชื่นและพระองค์เจ้าเกิดที่สมรู้ร่วมคิดเท่านั้น จึงมีพระราชดำรัสให้นำตัวทั้ง 2 พระองค์ไปสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์

การขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

เมื่อปี พ.ศ. 2280 กรมหลวงอภัยนุชิตทรงพระประชวรหนักและได้ตรัสทูลขอพระราชทานอภัยโทษให้กรมขุนเสนาพิทักษ์ซึ่งผนวชอยู่นั้น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานอภัยโทษให้ หลังจากนั้น กรมหลวงอภัยนุชิตก็เสด็จสวรรคตลง ส่วนกรมขุนเสนาพิทักษ์ทรงลาผนวชและได้เข้าเฝ้าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวดังเดิม

ในปี พ.ศ. 2284 พระราชโกษาปานบ้านวัดระฆังได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวขอพระราชทานให้สถาปนากรมขุนเสนาพิทักษ์ขึ้นประดิษฐานที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้ประชุมเสนาบดี เมื่อทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งพระราชพิธีอุปราชาภิเษกสถาปนากรมขุนเสนาพิทักษ์ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล พร้อมกันนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้เจ้าฟ้าอินทสุดาวดีทรงกรมที่กรมขุนยิสารเสนี และพระราชทานให้เป็นพระอัครชายาในกรมพระราชวังบวรฯ ด้วย

เสด็จสวรรคต

กรมพระราชวังบวรสถานมงคลประชวรด้วยพระโรคสำหรับบุรุษ และกลายไปเป็นพระโรคคชราด (โรคคุดทะราด) เป็นเหตุให้พระองค์ไม่สามารถเข้าเฝ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวถึง 3 ปีเศษ วันหนึ่งพระองค์มีพระบัณฑูรให้ตำรวจมานำตัวเจ้ากรม ปลัดกรม และนายเวรปลัดเวรของเจ้าสามกรม (กรมหมื่นจิตรสุนทร กรมหมื่นสุนทรเทพ และกรมหมื่นเสพภักดี) มาถามความว่า เจ้ากรมนั้นเป็นแต่หมื่น เหตุใดจึงตั้งบรรดาศักดิ์ให้เป็นขุน ซึ่งนับว่าทำสูงเกินว่าศักดิ์ จึงมีพระบัณฑูรให้ลงพระราชอาญาโบยหลังคนละ 15 ทีบ้างคนละ 20 ทีบ้าง

หลังจากนั้นไม่นาน กรมหมื่นสุนทรเทพทำเรื่องกราบทูลสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเป็นการลับว่า กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จเข้ามาลอบทำชู้กับเจ้าฟ้านิ่มกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ (นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าเป็นองค์เดียวกัน) ถึงในพระราชวังหลายครั้ง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้หากรมพระราชวังบวรฯ เพื่อนำตัวมาสอบความ เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ รับสารภาพแล้ว จึงมีพระราชดำรัสลงพระราชอาญาเฆี่ยน แล้วให้เสนาบดีและลูกขุนพิพากษาโทษ ท้าวพระยามุขมนตรีและลูกขุนกราบบังคมทูลว่า โทษของกรมพระราชวังบวรฯ เป็นมหันตโทษขอพระราชทานให้สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ตามขัตติยประเพณี สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวตรัสขอชีวิตไว้แต่ให้นาบพระบาทแล้วถอดให้เป็นไพร่เสีย ส่วนเจ้าฟ้าสังวาลย์ให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนองค์ละ 30 ที พร้อมทั้งถอดเป็นไพร่เช่นกัน เจ้าฟ้าสังวาลย์อยู่ได้ 3 วันก็สิ้นพระชนม์ ส่วนกรมพระราชวังบวรฯ ต้องรับพระราชอาญาเฆี่ยนและเสด็จสวรรคตลง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้นำพระศพทั้งสองไปฝังยังวัดไชยวัฒนาราม

จดหมายจากนายนิโกลาส บัง (Nicolaas Bang) หัวหน้าสถานีการค้าบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ประจำกรุงศรีอยุธยา ถึงข้าหลวงใหญ่ MOSSCL ณ กรุงปัตตาเวีย เขียนที่กรุงศรีอยุธยา ลงวันที่ ๘ มกราคม ค.ศ. 1758 ซึ่งเป็นหลักฐานร่วมสมัย ให้รายละเอียดต่างไปว่า ราวเดือนเมษายน ค.ศ. 1756 กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (Kpoomprincs) ประชวรด้วยโรค Morbus Gallicus (กามโรคชนิดหนึ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า French Pox) เป็นเวลาราว 1 ปี ไม่สามารถเข้าวังหลวงได้ ทรงประทับอยู่แต่ในวังหน้า ในช่วงที่ทรงพระประชวร กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงสั่งลงโทษข้าหลวงอย่างรุนแรง นอกจากนั้นแล้วยังทรงวิวาทกับพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศอีกพระองค์หนึ่งคือ เจ้าสระแก้ว (Tjauw Sakew) สันนิษฐานว่าหมายถึงกรมหมื่นสุนทรเทพ ซึ่งตามพระราชพงศาวดารว่าทรงประทับอยู่ ณ พระตำหนักสระแก้ว กรมพระราชวังบวรสถานมงคลได้สั่งให้บริวารไปล้อมที่ประทับของกรมหมื่นสุนทรเทพ แต่กรมหมื่นสุนทรเทพพร้อมบรรดาพระราชโอรสของพระองค์สามารถหลบหนีไปได้ เสด็จไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและกราบบังคมทูลเรื่องราวทั้งหมด เมื่อกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทราบว่า กรมหมื่นสุนทรเทพหนีเข้าไปในพระราชวังหลวงแล้ว ก็ทรงนำบริวารบุกไปถึงพระทวารพระราชวังหลวง โดยตั้งพระทัยจะจับตัวกรมหมื่นสุนทรเทพมาฆ่าเสีย แต่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ทรงมีพระราชดำรัสว่าให้ปิดพระทวารพระราชวังเสีย ไม่ให้ผู้ใดล่วงเข้าไปทั้งสิ้น กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเลยเสด็จกลับไปยังวังหน้าของพระองค์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงออกพระโอษฐ์เรียกกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเข้าเฝ้า ทีแรกกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่ยอมมาเฝ้า แต่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงขู่ว่า ถ้าไม่มาเข้าเฝ้าแล้วไซร้พระองค์จะทรงมาจับตัวไปเอง กรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงทรงยอมไปเข้าเฝ้าที่พระราชวังหลวง ทรงนำอาวุธ (ดาบ) ติดพระองค์ไปด้วย พร้อมทั้งบริวารก็ถืออาวุธจำนวนหนึ่ง ทรงเดินถือดาบเข้าไปในพระราชวังหลวง (แต่บริวารของพระองค์ไม่สามารถเข้าไปได้) แต่ในที่สุดก็ทรงยอมยื่นดาบให้เจ้านายพระองค์หนึ่งก่อนเข้าเฝ้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงตรัสถามกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเรื่องการถืออาวุธเข้ามาในวังเพื่อที่จะฆ่ากรมหมื่นสุนทรเทพ แต่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่ทรงตอบคำถามดังกล่าว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงให้จับตัวกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไว้และล่ามโซ่ทั้งที่มือและเท้า ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปหาถ้าไม่ได้รับพระราชานุญาตจากพระองค์ ให้เจ้านายองค์หนึ่งพร้อมขุนนาง 2 คน คอยเฝ้าคุมอยู่ระหว่างที่เสวยพระกระยาหาร เนื่องจากกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่อยากเสวยพระกระยาหารนัก พระองค์จึงทรงเสวยได้น้อยมาก

ในเวลา 3 วัน ที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคลติดคุกอยู่ได้มีคนนำเอาเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคลมากราบทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศหลายเรื่อง จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้กรมหมื่นสุนทรเทพ, กรมหมื่นจิตรสุนทร (Tjauw Cromme Kiesa Poon) พร้อมทั้งเจ้าพระยาจักรี , เจ้าพระยาพระคลัง เป็นผู้สอบสวนกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงทรงลงพระอาญาให้โบยกรมพระราชวังบวรสถานมงคล 20 ที แต่ก็ไม่ได้ผล หลังจากนั้นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงถูกโบยอีก 20 ที และให้เผาปลายพระบาท (นาบพระบาท) ด้วย ถึงกระนั้นก็ยังไม่ได้ผลนัก จึงมีพระราชดำรัสให้จับข้าหลวงสำคัญๆ ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเข้าคุกให้หมด เพื่อสอบสวนความต่างๆ ซึ่งได้มีการทรมานเฆี่ยนตีข้าหลวงเหล่านี้ จึงได้ความว่า กรมพระราชวังบวรสถานมงคลได้ทรงสั่งให้ทำกุญแจไขเข้าไปในพระราชวังหลวงฝ่ายใน เพื่อที่จะได้ทรงเข้าไปหาพระมเหสีและพระสนมของของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ในตอนกลางคืน นอกจากนั้นแล้วยังได้ความอีกว่า กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงรับสั่งให้ข้าหลวงซื้ออาวุธปืนไฟ (ปืนยาว) และดาบมาเก็บไว้ และยังมีการกล่าวหากรมพระราชวังบวรสถานมงคลอีกด้วยว่า ทรงมีรับสั่งให้ประหารชีวิตพระสงฆ์และคนอื่นๆ อีกหลายคน และทรงรับสั่งให้ตัดมือตัดนิ้วมือของคนจำนวนหนึ่ง เมื่อกรมหมื่นสุนทรเทพ, กรมหมื่นจิตรสุนทร, เจ้าพระยาจักรี, เจ้าพระยาพระคลัง นำความกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงรับสั่งให้นำตัวเจ้าหญิงทั้ง 4 องค์ (Devier Princersen) เข้ามาสอบสวน ทีแรกต่างทรงปฏิเสธ แต่เมื่อทรงถูกขู่มากๆ เข้าก็ทรงยอมรับว่า กรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีแผนการที่จะลอบปลงพระชนม์ (เวลาที่พระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จเข้ามาหาพระมเหสี/พระสนม) เพื่อที่จะได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ด้วยความร่วมมือของเจ้านาย (เจ้าฟ้าเอกทัศน์) และขุนนางจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งบริวารของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเอง ซึ่งมีอาวุธพร้อมอยู่แล้วที่จะเข้ามายึดพระราชวังหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงตกพระทัยมาก จึงทรงมีรับสั่งให้เฆี่ยนตีพระมหาอุปราชอีก 50 ที และให้เอาเหล็กร้อนๆ มาจ่อที่หน้าผาก แขน และขา ส่วนพระมเหสีและพระสนมทั้งสี่องค์นั้นทรงถูกเฆี่ยนตีองค์ละ 50 ที จนสิ้นพระชนม์ทั้งหมด บริวารของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลต่างถูกโบยทั้งสิ้นและเสียชีวิต 2 ราย เมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1756 พวกชาวฮอลันดาได้ข่าวว่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคลสิ้นพระชนม์แล้ว

พระราชกรณียกิจ

พระองค์เป็นแม่กองในการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีสรรเพชญ์วัดอื่น ๆ มากมายและทรงควบคุมงานต่อพระเศียรพระมหามงคลบพิตร ทรงรื้อมณฑปที่ประดิษฐานพระมหามงคลบพิตรแล้วก่อขึ้นใหม่เป็นพระวิหารแทน รวมทั้ง ทรงอำนวยการซ่อมพระที่นั่งวิหารสมเด็จภายในพระราชวังกรุงศรีอยุธยา

พระราชนิพนธ์

พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถหลายด้าน โดยเฉพาะด้านวรรณกรรม พระองค์ทรงเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาพระองค์หนึ่ง ผลงานด้านวรรณกรรมที่พระองค์ทรงนิพนธ์ไว้โดยมากจะเป็นคำประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลงมากกว่างานพระนิพนธ์ชนิดอื่น ๆ พระนิพนธ์ประเภทกาพย์ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป เช่น พระนิพนธ์ "กาพย์เห่เรือ" แบ่งออกเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกเป็นบทชมพยุหยาตราทางชลมารค ต่อด้วยชมเรือ ชมปลา ชมไม้ และชมนก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สันนิษฐานว่า เป็นบทเห่เรือที่ทรงนิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้สำหรับเห่เรือพระที่นั่งของพระองค์เองเวลาตามเสด็จขึ้นพระบาท ส่วนเรื่องที่ 2 ได้หยิบยกเอาเรื่องพระยาครุฑลักนางกากีมาเป็นบทนำ ซึ่งกรมพระยาดำรงราชานุภาพ สันนิษฐานว่า เป็นบทที่สะท้อนความในพระหฤทัยของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรที่ลอบผูกสมัครรักใคร่กับเจ้าฟ้าสังวาล ด้วยเหตุนี้แต่เดิมเห็นจะใช้บทนี้เห่เวลาประพาสทางเรือโดยลำพัง บทเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป เช่น

สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย

งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์
เพียงหงส์ทรงพรหมมินทร์
ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม

ขณะที่ผนวชหรือภายหลังผนวชเล็กน้อย พระองค์ทรงนิพนธ์วรรณกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไว้ด้วย ได้แก่ นันโทปนันทสูตรคำหลวง ทรงพระนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2279 และ พระมาลัยคำหลวง ทรงพระนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2280 นอกจากนี้ ยังมีพระนิพนธ์เรื่องอื่นๆ อีกมากมาย เช่น บทเห่เรื่องกากี 3 ตอน, บทเห่สังวาสและเห่ครวญอย่างละบท, กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก, กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง (กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง), เพลงยาวบางบท และกาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท

ชีวิตส่วนพระองค์

กรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์มีพระชายาและเจ้าจอมหม่อมห้ามหลายพระองค์ เท่าที่ปรากฏพระนามมีดังต่อไปนี้

ลำดับ พระอัครชายา พระชายา และพระสนม พระราชโอรสธิดา
1. เจ้าฟ้าหญิงหญิงนุ่ม (กรมขุนยิสารเสนี) ไม่มีพระราชโอรสธิดา
2. เจ้าฟ้าหญิงเส เจ้าฟ้าศรี
3. หม่อมพัน กรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศร์
4. หม่อมเหม หรือ เหญก พระองค์เจ้าฉาย หรือ พระองค์เจ้าฉัตร หรือ พระองค์เจ้าเกิด
5. หม่อมเจ้าหญิงสวย พระองค์เจ้าหญิงมิตร
พระองค์เจ้าหญิงทับ
พระองค์เจ้าหญิงชื่น
6. หม่อมจัน พระองค์เจ้าศรีสังข์
7. หม่อมสรวย พระองค์เจ้าหญิงตา
8. หม่อมทองแดง พระองค์เจ้าชายแม้น
9. หม่อมเจ้าหญิงสร้อย พระองค์เจ้าหญิงดารา
10. หม่อมสุ่น พระองค์เจ้าหญิงชี
พระองค์เจ้าหญิงชาติ
11. หม่อมเต่วน พระองค์เจ้าชายมิ่ง

แต่ใน คำให้การชาวกรุงเก่า และ คำให้การขุนหลวงหาวัด ระบุว่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีเจ้าฟ้านุ่มเป็นพระมเหสีแต่ไม่มีพระโอรสธิดา

พระอิสริยยศ

  • พระราชสมภพ - 2276 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าธิเบศร์
  • พ.ศ. 2276 - 2284 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนเสนาพิทักษ์
  • พ.ศ. 2284 - 2298 กรมพระราชวังบวรสถานมงคล

พระราชตระกูล

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เล่ม ๑ อักษร ก, หน้า 368
  2. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 551
  3. "เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร". สืบค้นเมื่อ 23 March 2013.
  4. http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6388.0
  5. กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง, หน้า 4
  6. กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง, หน้า 5
  7. เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร, หน้า 25
  8. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 626
  9. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, หน้า 747
บรรณานุกรม
  • พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553. 800 หน้า. ISBN 978-616-7146-08-9
  • พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ภาค 2. [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], 2455. [สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิมพ์ขึ้นเป็นส่วนพระราชกุศลทานมัยในงานพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรเสฐสุดา, พระอรรคชายาเธอ กรมขุนอรรควรราชกัญญา, สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนพิจิตรเจษฎจันทร์ และสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี]
  • กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง และ เสภาของสุนทรภู่แต่ง ๒ เรื่อง เสภาเรื่องพระราชพงศาวดารและเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนกำเนิดพลายงาม. [ม.ป.ท.] : [ม.ป.พ.], 2498. [อนุสรณ์งานฌาปณกิจศพ นายแดง ศิลปสุขุม]
  • ราชบัณฑิตยสถาน. สารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เล่ม ๑ อักษร ก. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, 2549. 434 หน้า. หน้า 368-369. ISBN 974-9588-63-0
ก่อนหน้า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ ถัดไป
เจ้าฟ้าพร
(สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)
   
กรมพระราชวังบวรสถานมงคลแห่งกรุงศรีอยุธยา
(ราชวงศ์บ้านพลูหลวง)

(พ.ศ. 2284 - พ.ศ. 2298)
  สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนพรพินิต
(สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร)


เจ, าฟ, าธรรมธ, เบศไชยเชษฐ, ยวงศ, กรมพระราชว, งบวรสถานมงคล, งม, พระนามเด, มว, หร, อพระนามท, กก, นโดยท, วไปว, เจ, าฟ, าก, เป, นพระราชโอรสในสมเด, จพระเจ, าอย, วบรมโกศและกรมหลวงอภ, ยน, ตกรมพระราชว, งบวรสถานมงคลดำรงพระยศพ, 2284, 2298, ชสม, ยสมเด, จพระเจ, าอย, วบรม. krmphrarachwngbwrsthanmngkhl sungmiphranamedimwa ecafathrrmthiebsichyechsthsuriywngs 1 hruxphranamthiruckknodythwipwa ecafakung epnphrarachoxrsinsmedcphraecaxyuhwbrmoksaelakrmhlwngxphynuchitecafathrrmthiebsichyechsthsuriywngskrmphrarachwngbwrsthanmngkhldarngphraysph s 2284 ph s 2298 14 pi rchsmysmedcphraecaxyuhwbrmokskxnhnaecafaphrthdipecafadxkeduxphrachayakrmkhunyisaresniyphrarachbutrkrmhmunphithksphuebsrphraxngkhecachayphraxngkhecahyingmitrphraxngkhecahyingthbphraxngkhecahyingchunphraxngkhecasrisngkhphraxngkhecahyingdaraphraxngkhecaaemnphraxngkhecahyingchiphraxngkhecahyingchatiphraxngkhecamingphranametmecafathrrmthiebsrichyechsthsuriywngsrachwngsrachwngsbanphluhlwngphrarachbidasmedcphraecaxyuhwbrmoksphrarachmardakrmhlwngxphynuchitphrarachsmphphph s 2248swrrkhtph s 2298phraxngkhmiphraprichasamarthhlaydan odyechphaadanwrrnkhdiithynnthrngphraniphnthiwhlayeruxng echn kaphyeherux nnothpnnthsutrkhahlwng phramalykhahlwng enuxngcakphraxngkhlklxbepnchukbphramehsikhxngphrarachbidacungtxngphraxayaihekhiyn epnehtuihphraxngkhesdcswrrkhtinthisud enuxha 1 phrarachprawti 1 1 ehtuaehngkarxxkphnwch 1 2 karkhunepnkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl 1 3 esdcswrrkht 2 phrarachkrniykic 3 phrarachniphnth 4 chiwitswnphraxngkh 5 phraxisriyys 6 phrarachtrakul 7 xangxingphrarachprawti aekikhecafathrrmthiebsichyechsthsuriywngs khaihkarchawkrungekawa ecafanrathiebsr 2 esdcphrarachsmphphemuxidimprakthlkthan 1 phraxngkhepnphrarachoxrsphraxngkhihyinsmedcphraecaxyuhwbrmoks prasutiaetkrmhlwngxphynuchit hruxphraphnwssaihy odyphramardakhxngphraxngkhsubechuxsaymacakskulphrahmnbansmxphlux thimitnskulmacakemuxngramnkhr mthympraethsphraxngkhmiphraechsthphkhini 1 phraxngkh khux ecafabrm aelaphrakhnistha 5 phraxngkh idaek ecafathida ecafarsmi ecafasuriywngs ecafasuriya ecafaxinthsudawdi krmkhunyisaresni phraxkhrmehsiinphraxngkh nxkcakni phraxngkhyngmiphrakhnisthaaelaphraxnuchatangphramarda 3 phraxngkh khuxecafaexkths smedcphrathinngsuriyasnxmrinthr aelaecafaxuthumphr smedcphraecaxuthumphr aela ecafaxinthsudawdi krmkhunyisaresni phraxkhrmehsiinphraxngkh emuxsmedcphrarachbidakhunkhrxngrachsmbtiaehngkrungsrixyuthyaaelw phraxngkhidrbkarsthapnaihthrngkrmthi krmkhunesnaphithks ehtuaehngkarxxkphnwch aekikh enuxngcakkrmkhunsuernthrphithks phrarachoxrsinsmedcphraecathaysra thrngsnithkbphrarachbidakhxngphraxngkhxyangmak thaihphraxngkhekidkhwamraaewngkhun emuxphrarachbidathrngprachwr phraxngkhcungtrsihphraxngkhecachunaelaphraxngkhecaekidipnimntecaphrakrmkhunsuernthrphithksekhamayngphrarachwnghnaephuxmaeyiymphrarachbida emuxecaphrakrmkhunsuernthrphithksesdcmathung phraxngkhidichphraaesngdabfnecaphrakrmkhunsuernthrphithks aetimthrngidrbbadecbephiyngthukaetphaciwrkhadethann emuxphraxngkhthxdphraentrehndngnncungekrngphrarachxayaaelwcungesdcipyngtahnkkrmhlwngxphynuchit phramardakhxngphraxngkhhlngcaknn ecaphrakrmkhunsuernthrphithksesdcekhaefasmedcphraecaxyuhwbrmoks aelaphraxngkhtrsthamwa ehtuidphaciwrcungkhad ecafaphra krmkhunsuernthrphithksthwayphraphrwakrmkhunesnaphithkshyxkthan emuxecaphrakrmkhunsuernthrphithksthwayphraphrlasmedcphraecaxyuhwbrmoksaelw krmhlwngxphynuchitidesdcmaxxnwxnaelatrswathathanimchwyinkhrawniehnthikrmkhunesnaphithkskhngsin ecafaphra krmkhunsuernthrphithkscungtrswakhngmiaetrmkasawphtrethannthicachwyid krmhlwngxphynuchitcungphakrmkhunesnaphithksesdcxxkphnwchthnthithiwdokhkaesng miphranamchayawa siripaol 3 inkhrngnnsmedcphraphuththecaxyuhwthrngphraphiorthkrmkhunesnaphithksmak miphrarachdarsihkhnhatwcnthwphrarachwng aetphbephiyngphraxngkhecachunaelaphraxngkhecaekidthismrurwmkhidethann cungmiphrarachdarsihnatwthng 2 phraxngkhipsaercothsdwythxncnthn karkhunepnkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl aekikh emuxpi ph s 2280 krmhlwngxphynuchitthrngphraprachwrhnkaelaidtrsthulkhxphrarachthanxphyothsihkrmkhunesnaphithkssungphnwchxyunn smedcphraphuththecaxyuhwkphrarachthanxphyothsih hlngcaknn krmhlwngxphynuchitkesdcswrrkhtlng swnkrmkhunesnaphithksthrnglaphnwchaelaidekhaefalaxxngthuliphrabathsmedcphraphuththecaxyuhwdngediminpi ph s 2284 phrarachoksapanbanwdrakhngidkrabbngkhmthulsmedcphraphuththecaxyuhwkhxphrarachthanihsthapnakrmkhunesnaphithkskhunpradisthanthikrmphrarachwngbwrsthanmngkhl smedcphraphuththecaxyuhwcungmiphrarachdarsihprachumesnabdi emuxthukfayehnphxngtxngknaelw cungthrngphrakrunaoprdekla ihcdtngphrarachphithixuprachaphiesksthapnakrmkhunesnaphithkskhunepnkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl phrxmknnithrngphrakrunaoprdekla sthapnaihecafaxinthsudawdithrngkrmthikrmkhunyisaresni aelaphrarachthanihepnphraxkhrchayainkrmphrarachwngbwr dwy esdcswrrkht aekikh krmphrarachwngbwrsthanmngkhlprachwrdwyphraorkhsahrbburus aelaklayipepnphraorkhkhchrad orkhkhudtharad epnehtuihphraxngkhimsamarthekhaefasmedcphraphuththecaxyuhwthung 3 piess wnhnungphraxngkhmiphrabnthurihtarwcmanatwecakrm pldkrm aelanayewrpldewrkhxngecasamkrm krmhmuncitrsunthr krmhmunsunthrethph aelakrmhmunesphphkdi mathamkhwamwa ecakrmnnepnaethmun ehtuidcungtngbrrdaskdiihepnkhun sungnbwathasungekinwaskdi cungmiphrabnthurihlngphrarachxayaobyhlngkhnla 15 thibangkhnla 20 thibanghlngcaknnimnan krmhmunsunthrethphthaeruxngkrabthulsmedcphraphuththecaxyuhwepnkarlbwa krmphrarachwngbwrsthanmngkhlesdcekhamalxbthachukbecafanimkbecafasngwaly nkprawtisastrbangkhnechuxwaepnxngkhediywkn 3 thunginphrarachwnghlaykhrng smedcphraphuththecaxyuhwcungmiphrarachdarsihhakrmphrarachwngbwr ephuxnatwmasxbkhwam emuxkrmphrarachwngbwr rbsarphaphaelw cungmiphrarachdarslngphrarachxayaekhiyn aelwihesnabdiaelalukkhunphiphaksaoths thawphrayamukhmntriaelalukkhunkrabbngkhmthulwa othskhxngkrmphrarachwngbwr epnmhntothskhxphrarachthanihsaercothsdwythxncnthntamkhttiypraephni smedcphraphuththecaxyuhwtrskhxchiwitiwaetihnabphrabathaelwthxdihepniphresiy swnecafasngwalyihlngphrarachxayaekhiynxngkhla 30 thi phrxmthngthxdepniphrechnkn ecafasngwalyxyuid 3 wnksinphrachnm swnkrmphrarachwngbwr txngrbphrarachxayaekhiynaelaesdcswrrkhtlng smedcphraphuththecaxyuhwmiphrarachdarsihnaphrasphthngsxngipfngyngwdichywthnaramcdhmaycaknaynioklas bng Nicolaas Bang hwhnasthanikarkhabristhxinediytawnxxkkhxngenethxraelndpracakrungsrixyuthya thungkhahlwngihy MOSSCL n krungpttaewiy ekhiynthikrungsrixyuthya lngwnthi 8 mkrakhm kh s 1758 sungepnhlkthanrwmsmy ihraylaexiydtangipwa raweduxnemsayn kh s 1756 krmphrarachwngbwrsthanmngkhl Kpoomprincs prachwrdwyorkh Morbus Gallicus kamorkhchnidhnungthiphasaxngkvseriykwa French Pox epnewlaraw 1 pi imsamarthekhawnghlwngid thrngprathbxyuaetinwnghna inchwngthithrngphraprachwr krmphrarachwngbwrsthanmngkhlthrngsnglngothskhahlwngxyangrunaerng nxkcaknnaelwyngthrngwiwathkbphrarachoxrskhxngsmedcphraecaxyuhwbrmoksxikphraxngkhhnungkhux ecasraaekw Tjauw Sakew snnisthanwahmaythungkrmhmunsunthrethph sungtamphrarachphngsawdarwathrngprathbxyu n phratahnksraaekw krmphrarachwngbwrsthanmngkhlidsngihbriwariplxmthiprathbkhxngkrmhmunsunthrethph aetkrmhmunsunthrethphphrxmbrrdaphrarachoxrskhxngphraxngkhsamarthhlbhniipid esdcipekhaefasmedcphraecaxyuhwbrmoksaelakrabbngkhmthuleruxngrawthnghmd emuxkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlthrabwa krmhmunsunthrethphhniekhaipinphrarachwnghlwngaelw kthrngnabriwarbukipthungphrathwarphrarachwnghlwng odytngphrathycacbtwkrmhmunsunthrethphmakhaesiy aetsmedcphraecaxyuhwbrmoksidthrngmiphrarachdarswaihpidphrathwarphrarachwngesiy imihphuidlwngekhaipthngsin krmphrarachwngbwrsthanmngkhlelyesdcklbipyngwnghnakhxngphraxngkhsmedcphraecaxyuhwbrmoksthrngxxkphraoxstheriykkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlekhaefa thiaerkkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlimyxmmaefa aetphraecaxyuhwbrmoksthrngkhuwa thaimmaekhaefaaelwisrphraxngkhcathrngmacbtwipexng krmphrarachwngbwrsthanmngkhlcungthrngyxmipekhaefathiphrarachwnghlwng thrngnaxawuth dab tidphraxngkhipdwy phrxmthngbriwarkthuxxawuthcanwnhnung thrngedinthuxdabekhaipinphrarachwnghlwng aetbriwarkhxngphraxngkhimsamarthekhaipid aetinthisudkthrngyxmyundabihecanayphraxngkhhnungkxnekhaefa smedcphraecaxyuhwbrmoksthrngtrsthamkrmphrarachwngbwrsthanmngkhleruxngkarthuxxawuthekhamainwngephuxthicakhakrmhmunsunthrethph aetkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlimthrngtxbkhathamdngklaw smedcphraecaxyuhwbrmoksthrngihcbtwkrmphrarachwngbwrsthanmngkhliwaelalamosthngthimuxaelaetha hammiihphuidekhaiphathaimidrbphrarachanuyatcakphraxngkh ihecanayxngkhhnungphrxmkhunnang 2 khn khxyefakhumxyurahwangthieswyphrakrayahar enuxngcakkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlimxyakeswyphrakrayaharnk phraxngkhcungthrngeswyidnxymakinewla 3 wn thikrmphrarachwngbwrsthanmngkhltidkhukxyuidmikhnnaexaeruxngrawtangthiekiywkbkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlmakrabthulsmedcphraecaxyuhwbrmokshlayeruxng cungmiphrarachdarssngihkrmhmunsunthrethph krmhmuncitrsunthr Tjauw Cromme Kiesa Poon phrxmthngecaphrayackri ecaphrayaphrakhlng epnphusxbswnkrmphrarachwngbwrsthanmngkhl aetkimidrbkhatxb smedcphraecaxyuhwbrmokscungthrnglngphraxayaihobykrmphrarachwngbwrsthanmngkhl 20 thi aetkimidphl hlngcaknnkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlthrngthukobyxik 20 thi aelaihephaplayphrabath nabphrabath dwy thungkrannkyngimidphlnk cungmiphrarachdarsihcbkhahlwngsakhy khxngkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlekhakhukihhmd ephuxsxbswnkhwamtang sungidmikarthrmanekhiyntikhahlwngehlani cungidkhwamwa krmphrarachwngbwrsthanmngkhlidthrngsngihthakuyaecikhekhaipinphrarachwnghlwngfayin ephuxthicaidthrngekhaiphaphramehsiaelaphrasnmkhxngkhxngsmedcphraecaxyuhwbrmoksidintxnklangkhun nxkcaknnaelwyngidkhwamxikwa krmphrarachwngbwrsthanmngkhlthrngrbsngihkhahlwngsuxxawuthpunif punyaw aeladabmaekbiw aelayngmikarklawhakrmphrarachwngbwrsthanmngkhlxikdwywa thrngmirbsngihpraharchiwitphrasngkhaelakhnxun xikhlaykhn aelathrngrbsngihtdmuxtdniwmuxkhxngkhncanwnhnung emuxkrmhmunsunthrethph krmhmuncitrsunthr ecaphrayackri ecaphrayaphrakhlng nakhwamkrabbngkhmthulsmedcphraecaxyuhwbrmoks thrngrbsngihnatwecahyingthng 4 xngkh Devier Princersen ekhamasxbswn thiaerktangthrngptiesth aetemuxthrngthukkhumak ekhakthrngyxmrbwa krmphrarachwngbwrsthanmngkhlmiaephnkarthicalxbplngphrachnm ewlathiphraecaxyuhwthrngesdcekhamahaphramehsi phrasnm ephuxthicaidtngtnepnkstriyxngkhtxip dwykhwamrwmmuxkhxngecanay ecafaexkthsn aelakhunnangcanwnhnung phrxmthngbriwarkhxngkrmphrarachwngbwrsthanmngkhlexng sungmixawuthphrxmxyuaelwthicaekhamayudphrarachwnghlwng smedcphraecaxyuhwbrmoksthrngtkphrathymak cungthrngmirbsngihekhiyntiphramhaxuprachxik 50 thi aelaihexaehlkrxn macxthihnaphak aekhn aelakha swnphramehsiaelaphrasnmthngsixngkhnnthrngthukekhiyntixngkhla 50 thi cnsinphrachnmthnghmd briwarkhxngkrmphrarachwngbwrsthanmngkhltangthukobythngsinaelaesiychiwit 2 ray emuxwnthi 26 emsayn kh s 1756 phwkchawhxlndaidkhawwakrmphrarachwngbwrsthanmngkhlsinphrachnmaelw 4 phrarachkrniykic aekikhphraxngkhepnaemkxnginkarptisngkhrnwdphrasrisrrephchywdxun makmayaelathrngkhwbkhumngantxphraesiyrphramhamngkhlbphitr thrngruxmnthpthipradisthanphramhamngkhlbphitraelwkxkhunihmepnphrawiharaethn rwmthng thrngxanwykarsxmphrathinngwiharsmedcphayinphrarachwngkrungsrixyuthya 3 phrarachniphnth aekikhphraxngkhthrngmiphraprichasamarthhlaydan odyechphaadanwrrnkrrm phraxngkhthrngepnkwithiyingihyinsmykrungsrixyuthyaphraxngkhhnung phlngandanwrrnkrrmthiphraxngkhthrngniphnthiwodymakcaepnkhapraphnthpraephthkaphyhxokhlngmakkwanganphraniphnthchnidxun phraniphnthpraephthkaphythiepnthiruckodythwip echn phraniphnth kaphyeherux aebngxxkepn 2 eruxng eruxngaerkepnbthchmphyuhyatrathangchlmarkh txdwychmerux chmpla chmim aelachmnk smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph snnisthanwa epnbtheheruxthithrngniphnthkhunephuxichsahrbeheruxphrathinngkhxngphraxngkhexngewlatamesdckhunphrabath 5 swneruxngthi 2 idhyibykexaeruxngphrayakhruthlknangkakimaepnbthna sungkrmphrayadarngrachanuphaph snnisthanwa epnbththisathxnkhwaminphrahvthykhxngecafathrrmthiebsrthilxbphuksmkhrrkikhrkbecafasngwal dwyehtuniaetedimehncaichbthniehewlapraphasthangeruxodylaphng 6 btheheruxkhxngecafathrrmthiebsrthiepnthiruckodythwip echn suwrrnhngsthrngphuhxyngamchdchxylxyhlngsinthuephiynghngsthrngphrhmminthrlinlaseluxnetuxntachm khnathiphnwchhruxphayhlngphnwchelknxy phraxngkhthrngniphnthwrrnkrrmekiywkbphraphuththsasnaiwdwy idaek nnothpnnthsutrkhahlwng thrngphraniphnthemux ph s 2279 aela phramalykhahlwng thrngphraniphnthemux ph s 2280 nxkcakni yngmiphraniphntheruxngxun xikmakmay echn btheheruxngkaki 3 txn bthehsngwasaelaehkhrwyxyanglabth kaphyhxokhlngnirastharosk kaphyhxokhlngnirastharthxngaedng kaphyhxokhlngpraphastharthxngaedng ephlngyawbangbth aelakaphyhxokhlngnirasphrabathchiwitswnphraxngkh aekikhkrmphrarachwngbwrmhaesnaphithksmiphrachayaaelaecacxmhmxmhamhlayphraxngkh ethathipraktphranammidngtxipni 7 ladb phraxkhrchaya phrachaya aelaphrasnm phrarachoxrsthida1 ecafahyinghyingnum krmkhunyisaresni immiphrarachoxrsthida2 ecafahyinges ecafasri3 hmxmphn krmhmunphithksphuebsr4 hmxmehm hrux ehyk phraxngkhecachay hrux phraxngkhecachtr hrux phraxngkhecaekid5 hmxmecahyingswy phraxngkhecahyingmitrphraxngkhecahyingthbphraxngkhecahyingchun6 hmxmcn phraxngkhecasrisngkh7 hmxmsrwy phraxngkhecahyingta8 hmxmthxngaedng phraxngkhecachayaemn9 hmxmecahyingsrxy phraxngkhecahyingdara10 hmxmsun phraxngkhecahyingchiphraxngkhecahyingchati11 hmxmetwn phraxngkhecachaymingaetin khaihkarchawkrungeka aela khaihkarkhunhlwnghawd rabuwakrmphrarachwngbwrsthanmngkhlmiecafanumepnphramehsiaetimmiphraoxrsthida 8 9 phraxisriyys aekikhphrarachsmphph 2276 smedcphraecalukethx ecafathiebsr ph s 2276 2284 smedcphraecalukethx krmkhunesnaphithks ph s 2284 2298 krmphrarachwngbwrsthanmngkhlphrarachtrakul aekikhphngsawliinecafathrrmthiebsichyechsthsuriywngs 8 smedcphraephthracha 17 phranmeprm 4 smedcphrasrrephchythi 8 18 phraecaaesnemuxngaehngechiyngihm 9 nangkusawdi 2 smedcphraecaxyuhwbrmoks 1 ecafathrrmthiebs 6 naycbkhchprasiththi 3 krmhlwngxphynuchit phraphnwssaihy 7 impraktnamstrichawbansmxphlux xangxing aekikhechingxrrth 1 0 1 1 saranukrmprawtisastrithy elm 1 xksr k hna 368 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim aelaexksarxun hna 551 3 0 3 1 3 2 ecafathrrmthiebsr subkhnemux 23 March 2013 http www reurnthai com index php topic 6388 0 kaphyeheruxecafakung hna 4 kaphyeheruxecafakung hna 5 ecafathrrmthiebsr hna 25 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim aelaexksarxun hna 626 phrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim aelaexksarxun hna 747 brrnanukrmphrarachphngsawdarkrungsrixyuthya chbbphncnthnumas ecim aelaexksarxun nnthburi sripyya 2553 800 hna ISBN 978 616 7146 08 9 phrarachphngsawdar chbbphrarachhtthelkha phakh 2 m p th m p ph 2455 smedc ecafakrmphrayaphanuphnthuwngswredch phimphkhunepnswnphrarachkuslthanmyinnganphrasph phraecabrmwngsethx krmhlwngwresthsuda phraxrrkhchayaethx krmkhunxrrkhwrrachkyya smedc ecafakrmkhunphicitrecsdcnthr aelasmedc ecafakrmkhunswrrkholklksnwdi kaphyeheruxecafakung aela esphakhxngsunthrphuaetng 2 eruxng esphaeruxngphrarachphngsawdaraelaesphaeruxngkhunchangkhunaephntxnkaenidphlayngam m p th m p ph 2498 xnusrnnganchapnkicsph nayaedng silpsukhum rachbnthitysthan saranukrmprawtisastrithy elm 1 xksr k krungethph rachbnthitysthan 2549 434 hna hna 368 369 ISBN 974 9588 63 0 kxnhna ecafathrrmthiebsichyechsthsuriywngs thdipecafaphr smedcphraecaxyuhwbrmoks krmphrarachwngbwrsthanmngkhlaehngkrungsrixyuthya rachwngsbanphluhlwng ph s 2284 ph s 2298 smedcecafa krmkhunphrphinit smedcphraecaxuthumphr ekhathungcak https th wikipedia org w index php title ecafathrrmthiebsichyechsthsuriywngs amp oldid 9461853, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม