ก่อแก้ว พิกุลทอง
ก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีตรักษาการผู้อำนวยการ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) อดีตเจ้าหน้าที่บริหารสำนักงานเลขาธิการพรรคไทยรักไทย
ก่อแก้ว พิกุลทอง ป.ช., ป.ม. | |
---|---|
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 27 มีนาคม พ.ศ. 2508 (56 ปี) จังหวัดพังงา ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | ไทยรักษาชาติ |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | น.ป.ช. |
ศาสนา | พุทธ |
ประวัติ
ก่อแก้ว พิกุลทอง เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2508 ที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา จบการศึกษามัธยมปลายจาก โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เคยสอบได้ที่ 1 ของภาคใต้ ในการสอบแข่งขันของสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม เมื่อปี พ.ศ. 2526 จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (เกียรตินิยม) เมื่อ พ.ศ. 2531 และจบปริญญาโท ด้านการบริหารธุรกิจ หลักสูตรนานาชาติ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เกียรตินิยม) เมื่อ พ.ศ. 2542 ในระหว่างศึกษาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้รับเลือกให้เป็นประธานนักศึกษาปริญญาโท
องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้รับการแต่งตั้งจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เป็นกรรมการและรักษาการผู้อำนวยการ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) เมื่อสิงหาคม พ.ศ. 2548 เพื่อทำหน้าที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาของ ร.ส.พ. ที่ขาดทุนมานานเกือบ 20 ปี หลังจากเข้าไปทำงานศึกษาพิจารณาข้อมูลรอบด้านแล้ว ได้เสนอ 2 ทางเลือกให้คณะกรรมการพิจารณา คือ ฟื้นฟูกิจการอย่างเบ็ดเสร็จ หรือปิดกิจการ ในที่สุดคณะกรรมการฯ มีมติให้ปิดกิจการรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินกิจการมากว่า 59 ปี และเป็นการปิดกิจการรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยปิดกิจการมา (มีพนักงานประมาณ 1,600 คน) ในระหว่างที่กำลังจะปิดกิจการ ได้มีการต่อต้านจากพนักงานที่ไม่เห็นด้วยประมาณ 200 คน อย่างต่อเนื่อง นานนับเดือน แต่สามารถประคับประคองให้การปิดกิจการเป็นไปอย่างเสียหายน้อยที่สุด
การเมือง
ก่อแก้ว พิกุลทอง ได้รับการชักชวนจากจตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ให้ร่วมจัดรายการด้านเศรษฐกิจที่พีทีวี แต่ไม่เคยได้จัด เพราะสถานีไม่เคยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลในขณะนั้นให้ออกอากาศได้ จึงไปเป็นแกนนำร่วมกับบุคคลอื่นในการต่อต้าน คมช. ที่ท้องสนามหลวงแทน
ต่อมาในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้อนุญาตให้สถานีโทรทัศน์ NBT ออกอากาศรายการความจริงวันนี้ ก่อแก้วจึงได้มีโอกาสร่วมรายการเป็นพิธีกรรับเชิญแทนพิธีกรคนอื่นที่ติดภารกิจ ก่อแก้ว เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และเคยจัดรายการมหาประชาชน และรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีประชาชน People's Channels อยู่บ่อยครั้ง ต่อมาในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 6 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 แทนนายทิวา เงินยวง จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเสียชีวิตลงนั้น นายก่อแก้ว พิกุลทอง ได้รับเลือกจากพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนของพรรคสมัครรับเลือกตั้งในเขตดังกล่าว ผลปรากฏว่าได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 2 รองจากพนิช วิกิตเศรษฐ์ ผู้ลงสมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
ในการเลือกตั้งทั่วไป 3 กรกฎาคม 2554 นายก่อแก้ว สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 54 และได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 47
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2556 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. 2555 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
อ้างอิง
- เป็นคนเรียนหนังสือดี แต่ประสบการณ์ทางการเมืองด้อยชั้นกว่า 3 เกลอ
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2020-10-28. สืบค้นเมื่อ 2009-09-19.
- ในที่สุดก็เคาะชื่อสุดท้าย
- กรุงเทพธุรกิจออนไลน์. คนใช้สิทธิแค่49.55% 'พนิช'เฉือนชนะ'ก่อแก้ว'. เข้าถึง 26-07-2553.
- ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (พรรคเพื่อไทย)
- ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (พรรคเพื่อไทย)
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๖, เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๓๐ ข หน้า ๓๘, ๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๕, เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๓๕ ข หน้า ๗๔, ๓ ธันวาคม ๒๕๕๕