fbpx
วิกิพีเดีย

วัฒนธรรมกัมพูชา

วัฒนธรรมกัมพูชาที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติมีพื้นฐานมาจากศาสนาทั้งศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู กัมพูชาได้รับอิทธิพลจากอินเดียทั้งทางด้านภาษาและศิลปะผ่านทางแผ่นดินใหญ่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งจากการค้าทางทะเลทางไกลกับอินเดียและจีนจนเกิดอาณาจักรฟูนันขึ้นเป็นครั้งแรก

ประวัติศาสตร์

ยุคทองของกัมพูชาอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 14 – 19 ในยุคพระนครซึ่งมีอำนาจครอบคลุมพื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องทำสงครามกับเพื่อนบ้านที่แข็งแกร่งคือสยามกับไดเวียด สิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่สำคัญในสมัยนี้คือนครวัดและนครธม และยังมีปราสาทหินที่พบได้ทั่วไปในเขตแดนของกัมพูชา ไทย ลาว และเวียดนามในปัจจุบัน อิทธิพลทางศิลปะของกัมพูชาทั้งสถาปัตยกรรม ดนตรี และนาฏศิลป์ได้ส่งผลต่อศิลปะของประเทศเพื่อนบ้านทั้งไทยและลาว

สถาปัตยกรรมและบ้านเรือน

 
บ้านของชาวเขมรในชนบท
 
พระราชวังพนมเปญ

สิ่งก่อสร้างในสมัยพระนครมักสร้างด้วยหิน ได้รับแรงบันดาลใจทางศาสนา ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู โดยสลักเรื่องเล่าทางศาสนาเหล่านี้ไว้บนผนัง รวมทั้งใช้สัญลักษณ์ทางศาสนาในการตกแต่ง ตัวอย่างเช่น พระราชวังในพนมเปญใช้รูปครุฑซึ่งเป็นเทพกึ่งนกศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูในการตกแต่ง

ชนบทสมัยใหม่ในกัมพูชา ชาวบ้านมักอาศัยในบ้านทรงสี่เหลี่ยมที่มีขนาดผันแปรไปตามจำนวนสมาชิกในครัวเรือน สร้างด้วยไม้หรือไม้ไผ่ นิยมยกพื้นสูงเพื่อให้พ้นจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นทุกปี มีบันไดไม้สำหรับขึ้นบ้าน โดยทั่วไปจะแบ่งเป็นสามห้องที่กั้นด้วยฟากไม้ไผ่ การสร้างบ้านจะอาศัยความ ร่วมมือกันระหว่างครอบครัวนั้นและเพื่อนบ้าน ครัวจะแยกออกจากบ้านอยู่ใกล้ๆหรืออยู่ข้างหลัง ห้องน้ำจะอยู่แยกต่างหากจากบ้าน ส่วนบ้านของชาวจีนและชาวเวียดนามจะสร้างบนพื้น ในเขตเมืองมักเป็นอาคารพาณิชย์

ศาสนา

ดูบทความหลักที่: ศาสนาในประเทศกัมพูชา
 
แม่ชีที่นครวัด
 
พระภิกษุที่นครวัด

ชาวกัมพูชา 90% นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท มี 1% นับถือศาสนาคริสต์ นอกจากนั้นเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาดั้งเดิม ศาสนาพุทธเข้ามาสู่กัมพูชาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 10 และศาสนาพุทธนิกายเถรวาทได้เป็นศาสนาประจำรัฐตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ยกเว้นสมัยเขมรแดงครองอำนาจ

ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของชาวจามหรือเขมรมุสลิมและชนกลุ่มน้อยชาวมลายูในกัมพูชา ในช่วง พ.ศ. 2518 มีมุสลิมในกัมพูชาราว 150,000 - 200,000 คน และลดลงหลังจากที่เขมรแดงมีอำนาจในกัมพูชา ชาวจามนับถือทั้งนิกายสุหนี่และชีอะห์ ในกลุ่มชาวจามด้วยกันเองนั้นจะแบ่งเป็นมุสลิมแบบดั้งเดิมและแบบพื้นบ้าน

ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาสู่กัมพูชาเมื่อราว พ.ศ. 2203 การเผยแพร่เป็นไปอย่างช้าๆ ใน พ.ศ. 2515 คาดว่ามีผู้นับถือศาสนาคริสต์ในกัมพูชาราว 20,000 คน ส่วนใหญ่เป็นนิกายโรมันคาทอลิก ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2513 ก่อนจะมีการขับไล่ชาวเวียดนาม มีขาวคริสต์ในกัมพูชาที่เป็นชาวเวียดนามประมาณ 50,000 คน แต่หลังจากนั้น ชาวคริสต์ที่เหลืออยู่ในเวียดนามมักมีเชื้อสายยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศส ในขณะที่การเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ของมิชชันนารีจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้นหลังจากจัดตั้งสาธารณรัฐเขมร โดยเฉพาะการเผยแพร่ในหมู่ชาวเขมรบนและชาวจาม

ชนเผ่าบนที่สูงในกัมพูชามีระบบความเชื่อดั้งเดิมเป็นของตนเอง มีผู้นับถือราว 100,000 คน โดยเป็นการนับถือสิ่งต่างๆในธรรมชาติ ผู้นำศาสนาคือหมอผี โดยในบรรดาชาวเขมรบน ชาวราเดและชาวจรายมีระบบความเชื่อที่พัฒนาดีที่สุด

การดำเนินชีวิต

การเกิดและการตาย

การเกิดของเด็กเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจในครอบครัว การเกิดถือว่าเป็นอันตรายทั้งต่อแม่และเด็ก สตรีที่ตายเพราะการคลอดบุตรจะเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของปีศาจ ดังนั้น หญิงที่ตั้งครรภ์จึงมีข้อห้ามต่างๆมากมาย ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ยังนิยมอยู่ในชนบท แต่น้อยลงแล้วในเขตเมือง

ในมุมมองของชาวกัมพูชา การตายคือการสิ้นสุดของชีวิตหนึ่งและเป็นการเริ่มต้นของอีกชีวิตหนึ่ง ชาวพุทธในกัมพูชานิยมเผาศพและนำเถ้ามาเก็บในสถูปเจดีย์ในวัด

วัยเด็กและวัยรุ่น

 
เด็กหญิงชาวกัมพูชา

เด็กในกัมพูชาจะได้รับการเลี้ยงดูจนกว่าจะอายุประมาณ 2-4 ปี หลังจากนั้น เด็กจะมีอิสระมากขึ้น เด็กอายุ 5 ขวบจะสามารถช่วยดูแลน้องๆได้ เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มไปโรงเรียนเมื่ออายุ 7-8 ปี เมื่ออายุ 10 ขวบ เด็กหญิงจะเริ่มช่วยงานบ้านได้ ส่วนเด็กผู้ชายต้องช่วยงานในไร่นาภายใต้การควบคุมของผู้ใหญ่ วัยรุ่นมักจะจับกลุ่มในเพศเดียวกัน เด็กผู้ชายบางคนบวชเป็นสามเณร ในยุคก่อนคอมมิวนิสต์ พ่อแม่มีอำนาจปกครองจนกว่าบุตรจะแต่งงาน การติดต่อระหว่างกลุ่มชนต่างอายุกัน จะต้องเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสม

การแต่งงานและการหย่าร้าง

ดูบทความหลักที่: การแต่งงานแบบกัมพูชา
 
เจ้าบ่าวสวมชุดครุยและถือดาบ ส่วนเจ้าสาวสวมชุดสไบในงานแต่งงานแบบกัมพูชา

การเลือกคู่ครองเป็นเรื่องที่ซับซ้อนโดยจะต้องดูภูมิหลังทางสังคมประกอบด้วย พ่อแม่มีส่วนในการพิจารณาแต่ก็อาจจะคัดค้านได้ ผู้ชายจะแต่งงานในช่วงอายุ 19 – 25 ปี ส่วนผู้หญิงในช่วงอายุ 16 – 22 ปี การแต่งงานตามประเพณีใช้เวลาถึง 3 วันแต่หลังจาก พ.ศ. 2523 ใช้เวลาเพียงวันครึ่ง มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ในวันแต่งงาน ในชนบทจะมีการสวมด้ายมงคลและเวียนเทียน หลังแต่งงาน คู่สมรสจะไปอยู่กับพ่อแม่ฝ่ายหญิงประมาณ 1 ปี หลังจากนั้น จะสร้างบ้านใหม่ใกล้ๆกัน

การหย่าร้างนั้นถูกกฎหมาย เกิดขึ้นได้ง่าย แต่ไม่ใช่เรื่องปกติ ผู้ที่หย่าร้างแล้วสามารถแต่งงานใหม่ได้ แต่หญิงจะรอไว้ 10 เดือน เด็กมักจะอยู่กับมารดา

ประเพณี

 
ซัมเปี๊ยะห์ (การทักทายแบบกัมพูชา)

ในวัฒนธรรมเขมรถือว่าศีรษะเป็นของสูง การสัมผัสศีรษะหรือหันเท้าไปทางศีรษะจึงไม่สุภาพ การทักทายจะใช้ “ซัมเปี๊ยะห์”ที่คล้ายการไหว้ของไทย การสบตากับผู้สูงอายุถือว่าไม่สุภาพ

การแต่งกาย

 
หญิงชาวเขมรกับกร็อมา
 
นางระบำสวมสัมพต จ็องกเบน

การแต่งกายของชาวกัมพูชาต่างกันไปตามชั้นของสังคม ชาวกัมพูชาพื้นเมืองนิยมใช้ผ้าขาวม้าหรือกร็อมาซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ชาวเขมรต่างไปจากเพื่อนบ้านคือลาว ไทย และเวียดนาม กร็อมานี้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น กันแดด ช่วยในการปีนป่ายใช้ห่อทารก ใช้เป็นผ้าขนหนูหรือใช้นุ่งเป็นโสร่ง หรืออาจทำเป็นตุ๊กตาผ้าสำหรับเด็ก ในสมัยเขมรแดง กร็อมาถือเป็นเครื่องแต่งกายมาตรฐาน

ชุดประจำชาติที่มีความนิยมอย่างยาวนานคือสัมพต เป็นเครื่องแต่งกายที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดียตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนัน อย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของชาวเขมรได้เปลี่ยนไปตามช่วงเวลาและศาสนา ในช่วงระยะเวลาระหว่างสมัยอาณาจักรฟูนันจนถึงจักรวรรดิเขมรเป็นช่วงที่ศาสนาฮินดูมีอิทธิพลมากต่อการแต่งกาย มีการสวมสัมพตและเครื่องประดับต่างๆ เมื่อชาวเขมรหันมานับถือศาสนาพุทธมากขึ้น ชาวเขมรเริ่มสวมเสื้อและกางเกง ความนิยมต่อเครื่องแต่งกายในแบบสมัยฮินดูลดลง มีเครื่องแต่งกายที่เรียกสไบ

สัมพตยังมีการสวมใส่ในกลุ่มเชื้อพระวงศ์ในสมัยอุดงนิยมสวมสไบปิดบ่าซ้ายและเปิดบ่าขวา นักแสดงแต่งกายด้วยสัมพตสระภาพและเครื่องประดับที่เรียกสเรงกอร์ และยังมีมงกุฏสำหรับเชื้อพระวงศ์เพื่อการตกแต่งตามฐานะ

อาหาร

ดูบทความหลักที่: อาหารกัมพูชา
 
อาม็อกเตร็ย อาหารกัมพูชายอดนิยม
 
ปร็อฮกทอด

อาหารกัมพูชามีความคล้ายคลึงกับเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอาหารไทย อาหารเวียดนามและอาหารจีนแต้จิ๋ว อาหารกัมพูชาใช้น้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรสสำคัญ มีการปรุงอาหารด้วยการผัดแบบจีน มีแกงใส่กะทิที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดีย กุยเตียวเป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากก๋วยเตี๋ยวของจีนและมีบัญเจาเป็นขนมเบื้องญวนแบบกัมพูชา

อาหารกัมพูชามีการใช้ปลาร้าหรือปร็อฮก (ប្រហុក) ในการปรุงอาหาร เพื่อให้มีกลิ่นรสที่เฉพาะหรือใช้กะปิที่ทำจากกุ้ง กะทิเป็เครื่องปรุงหลักในอาหารคาวและอาหารหวานหลายชนิด รับประทานทั้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียว โดยข้าวเหนียวนิยมใช้ทำขนม เช่น ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน

อาหารกัมพูชามีลักษณะเฉพาะตามพื้นที่ ในกำปอตและแกบ อาหารที่มีชื่อเสียงคือปูพริกกำปอต (ក្តាមឆាម្រេចខ្ជី) ในไพลิน หมี่โกลาซึ่งเป็นอาหารของชาวกุลา ชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งในกัมพูชาเป็นที่นิยม ทางภาคใต้จะพบอาหารเวียดนามมาก โดยเฉพาะบัญตรัง ซึ่งเป็นอาหารที่นิยมในภาคใต้มากกว่าภาคกลาง อาหารของชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนเป็นที่นิยมในเสียมราฐและกำปงธม

ศิลปะและวรรณคดี

ทัศนศิลป์

ประวัติของทัศนศิลป์ในกัมพูชาย้อนหลังไปถึงยุคของนครวัดที่นิยมจารึกลงบนศิลา และได้รับศิลปะแบบตะวันตกเข้าสู่ประเทศด้วย แต่ศิลปะพื้นบ้านและศิลปะสมัยใหม่ตกต่ำลงในสมัยเขมรแดงที่มีการสังหารศิลปินและการทำลายศิลปะ ศิลปินที่รอดชีวิตได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล องค์กรเอกชนและต่างประเทศมากขึ้น

ดนตรี

ในช่วง พ.ศ. 2503 – 2513 สิน สีสมุทและรส ศรีสุทธาเป็นนักร้องที่โด่งดังในประเทศ หลังจากที่ทั้งสองคนเสียชีวิตได้มีนักร้องรุ่นใหม่เกิดขึ้นและกัมพูชาได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมากขึ้น

ดนตรีคลาสสิกของกัมพูชาเช่นพิณเพียต นิยมบรรเลงในงานเทศกาลต่างๆ และประกอบการแสดงระบำ เครื่องดนตรีประกอบด้วยโรเนียตเอกหรือระนาดเอก โรเนียตทุงหรือระนาดทุ้ม กองวงตวจหรือฆ้องวงเล็กและกองวงทมหรือฆ้องวงใหญ่ กลองสัมโพ กลองสกอร์ทมและสราไลหรือปี่

นาฏศิลป์

ดูบทความหลักที่: นาฏศิลป์ในประเทศกัมพูชา
 
ระบำเทพอัปสรา

นาฏศิลป์ในประเทศกัมพูชาแบ่งได้เป็นนาฏศิลป์คลาสสิก นาฏศิลป์พื้นบ้านและการแสดงทางสังคม นาฏศิลป์คลาสสิกเกิดขึ้นในราชสำนัก มีความคล้ายคลึงกับนาฏศิลป์ไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2493 จะแสดงในงานเฉลิมฉลอง เทศกาลสำคัญและเพื่อการท่องเที่ยว ช่วง พ.ศ. 2503 เป็นยุคทองของนาฏศิลป์คลาสสิก บัลเลต์หลวงของกัมพูชาได้รับการยกย่องว่าเป็นความทรงจำของโลก นาฏศิลป์ของกัมพูชานิยมแสดงเกี่ยวกับเรื่องเรียมเกอร์หรือรามเกียรติ์ เช่นระบำสุวรรณมัจฉาและระบำมณีเมขลา ระบำอัปสราเป็นการแสดงของกัมพูชาที่กำเนิดจากรูปนางอัปสราสมัยพระนคร เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ริเริ่มโดยพระนโรดม บุปผาเทวีก่อนสมัยเขมรแดงปกครองประเทศ และได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของกัมพูชา

ระบำพื้นบ้านของกัมพูชาเป็นการแสดงที่รูปแบบไม่ได้กำหนดตายตัวเช่นระบำคลาสสิก การแต่งกายเป็นไปตามการแต่งกายของกลุ่มชน เช่น ชาวจาม ชาวเขมรบนเผ่าต่างๆ และชาวนา นิยมบรรเลงด้วยวงมโหรี ระบำเชิงสังคมเป็นการแสดงในโอกาสที่มีการเฉลิมฉลองทางสังคมเช่น รอมวง รอมกบัจ รอมสาละวันและลำเลียบ บางส่วนได้รับอิทธิพลจากการแสดงพื้นบ้านของลาวยกเว้นรอมกบัจที่ได้อิทธิพลจากระบำราชสำนักมาก

วรรณคดี

ดูบทความหลักที่: วรรณคดีกัมพูชา
 
ภาพวาดเรื่องวรวงศ์

วรรณคดียุคเริ่มแรกของกัมพูชาเป็นจารึกบนศิลาซึ่งเล่าถึงการสืบเชื้อสายของราชวงศ์ การศาสนา อาณาเขตยึดครอง และการจัดการภายในราชอาณาจักร เอกสารภาษาเขมรที่เก่าแก่ที่สุดเป็นการแปลพระไตรปิฎกและอรรถกถาจากภาษาบาลี เขียนโดยพระสงฆ์ลงบนใบลาน

เรียมเกอร์เป็นรามายณะฉบับเขมรที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดียและยังมีอิทธิพลต่อระบำคลาสสิก และเป็นเรื่องที่มีประวัติการนำมาแสดงเก่าแก่ที่สุดในกัมพูชา กัมพูชามีวรรณกรรมมุขปาฐะที่หลากหลาย ซึ่งไม่มีการเขียนจนกระทั่งได้รับอิทธิพลจากยุโรป เรื่องที่มีชื่อเสียงมากคือวรวงศ์และสรวงศ์หรือวรวงศ์และเสารวงศ์ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้าชายเขมรสององค์ มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่พระตะบอง ตุมเตียว เป็นเรื่องแนวความรักที่เป็นที่นิยมในกัมพูชา โครงเรื่องคล้ายโรมิโอและจูเลียตของเชคสเปียร์ โดยมีที่มาจากกวีนิพนธ์ของพระปทุมเถระ (โสม)

หนังตะลุง

 
นังสเบกธม

นัง สเบกมีลักษณะใกล้เคียงกับหนังใหญ่ในประเทศไทย วายังของมาเลเซียและอินโดนีเซียในบริเวณเกาะชวาและบาหลี ทำให้คาดว่าต้นกำเนิดของนัง สเบกมาจากมาเลเซียและอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีผู้นิยมน้อยลง นัง สเบกในกัมพูชามี 3 ชนิดคือ

  • นังสเบกธม ส่วนใหญ่เล่นเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ บรรเลงประกอบด้วยพิณพาทย์
  • นัง สเบก โตจ หรือนังกาลูน หรืออายัง ใช้หุ่นตัวเล็กกว่าและเล่นได้หลายเรื่องมากกว่า
  • สเบก เปาร์ ใช้หุ่นที่มีสี

ภาพยนตร์

ภาพยนตร์ในกัมพูชาเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2493 พระนโรดม สีหนุเองทรงมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์และในสมัยระบอบสังคมของพระองค์เป็นยุคทองของภาพยนตร์ก่อนจะตกต่ำลงในสมัยเขมรแดง

กีฬา

ดูบทความหลักที่: กีฬาในประเทศกัมพูชา
 
เยาวชนกัมพูชาที่ฝึกชกมวย

นับแต่ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬาในระดับโลกมากขึ้น ฟุตบอลกลายเป็นกีฬายอดนิยมเช่นเดียวกับศิลปะการต่อสู้เช่น ประดัลเสรี ปกกโต และมวยปล้ำกัมพูชา

ปกกโตเป็นศิลปะการต่อสู้แบบโบราณในกัมพูชา และคาดว่าเป็นต้นกำเนิดของกีฬามวยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบในภาพแกะสลักสมัยนครวัด และมีการแต่งกายคล้ายกับทหารโบราณของกัมพูชา และถือเป็นศิลปะการสู้รบของทหาร ประดัลเสรีเป็นมวยพื้นบ้านของกัมพูชา มีภาพสลักของการต่อสู้ที่คล้ายประดัลเสรีที่นครวัดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลายชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับจุดกำเนิดของกีฬามวยในภูมิภาค มวยปล้ำกัมพูชาเป็นกีฬายอดนิยมอย่างหนึ่งในกัมพูชา นิยมจัดแข่งขันช่วงเทศกาลปีใหม่

สหพันธ์ฟุตบอลกัมพูชาเป็นผู้ควบคุมกีฬาฟุตบอลในกัมพูชา และฟุตบอลทีมชาติกัมพูชา ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2476 และเป็นสมาชิกฟีฟ่าตั้งแต่ พ.ศ. 2496 เป็นสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียใน พ.ศ. 2500 สนามกีฬาแห่งชาติพนมเปญเป็นสนามกีฬาแห่งชาติ จุคนได้ 50,000 คน ตั้งอยู่ในพนมเปญ

อ้างอิง

  1. "CIA World Factbook - Cambodia". สืบค้นเมื่อ 2007-04-10.
  2. Federal Research Division. Russell R. Ross, ed. "Families". Cambodia: A Country Study. Research completed December 1987. This article incorporates text from this source, which is in the public domain.[1]

แหล่งข้อมูลอื่น

ฒนธรรมก, มพ, ชา, เป, นเอกล, กษณ, ของชาต, นฐานมาจากศาสนาท, งศาสนาพ, ทธและศาสนาฮ, นด, มพ, ชาได, บอ, ทธ, พลจากอ, นเด, ยท, งทางด, านภาษาและศ, ลปะผ, านทางแผ, นด, นใหญ, ของเอเช, ยตะว, นออกเฉ, ยงใต, รวมท, งจากการค, าทางทะเลทางไกลก, บอ, นเด, ยและจ, นจนเก, ดอาณาจ, กรฟ,. wthnthrrmkmphuchathiepnexklksnkhxngchatimiphunthanmacaksasnathngsasnaphuththaelasasnahindu kmphuchaidrbxiththiphlcakxinediythngthangdanphasaaelasilpaphanthangaephndinihykhxngexechiytawnxxkechiyngitrwmthngcakkarkhathangthaelthangiklkbxinediyaelacincnekidxanackrfunnkhunepnkhrngaerk enuxha 1 prawtisastr 2 sthaptykrrmaelabaneruxn 3 sasna 4 kardaeninchiwit 4 1 karekidaelakartay 4 2 wyedkaelawyrun 4 3 karaetngnganaelakarhyarang 4 4 praephni 5 karaetngkay 6 xahar 7 silpaaelawrrnkhdi 7 1 thsnsilp 7 2 dntri 7 3 natsilp 7 4 wrrnkhdi 7 5 hnngtalung 7 6 phaphyntr 7 7 kila 8 xangxing 9 aehlngkhxmulxunprawtisastr aekikh nkhrwd yukhthxngkhxngkmphuchaxyurahwangphuththstwrrsthi 14 19 inyukhphrankhrsungmixanackhrxbkhlumphunthiinexechiytawnxxkechiyngitradbhnung aetktxngthasngkhramkbephuxnbanthiaekhngaekrngkhuxsyamkbidewiyd singkxsrangthangsasnathisakhyinsmynikhuxnkhrwdaelankhrthm aelayngmiprasathhinthiphbidthwipinekhtaednkhxngkmphucha ithy law aelaewiydnaminpccubn xiththiphlthangsilpakhxngkmphuchathngsthaptykrrm dntri aelanatsilpidsngphltxsilpakhxngpraethsephuxnbanthngithyaelalawsthaptykrrmaelabaneruxn aekikh bankhxngchawekhmrinchnbth phrarachwngphnmepy singkxsranginsmyphrankhrmksrangdwyhin idrbaerngbndalicthangsasna thngsasnaphuththaelasasnahindu odyslkeruxngelathangsasnaehlaniiwbnphnng rwmthngichsylksnthangsasnainkartkaetng twxyangechn phrarachwnginphnmepyichrupkhruthsungepnethphkungnkskdisiththiinsasnahinduinkartkaetngchnbthsmyihminkmphucha chawbanmkxasyinbanthrngsiehliymthimikhnadphnaepriptamcanwnsmachikinkhrweruxn srangdwyimhruximiph niymykphunsungephuxihphncaknathwmthiekidkhunthukpi mibnidimsahrbkhunban odythwipcaaebngepnsamhxngthikndwyfakimiph karsrangbancaxasykhwam rwmmuxknrahwangkhrxbkhrwnnaelaephuxnban khrwcaaeykxxkcakbanxyuiklhruxxyukhanghlng hxngnacaxyuaeyktanghakcakban swnbankhxngchawcinaelachawewiydnamcasrangbnphun inekhtemuxngmkepnxakharphanichysasna aekikhdubthkhwamhlkthi sasnainpraethskmphucha aemchithinkhrwd phraphiksuthinkhrwd chawkmphucha 90 nbthuxsasnaphuththnikayethrwath mi 1 nbthuxsasnakhrist nxkcaknnepnphunbthuxsasnaxislamaelasasnadngedim sasnaphuththekhamasukmphuchatngaetrawphuththstwrrsthi 10 aelasasnaphuththnikayethrwathidepnsasnapracarthtngaetrawphuththstwrrsthi 18 ykewnsmyekhmraedngkhrxngxanac 1 sasnaxislamepnsasnakhxngchawcamhruxekhmrmuslimaelachnklumnxychawmlayuinkmphucha inchwng ph s 2518 mimusliminkmphucharaw 150 000 200 000 khn aelaldlnghlngcakthiekhmraedngmixanacinkmphucha chawcamnbthuxthngnikaysuhniaelachixah inklumchawcamdwyknexngnncaaebngepnmuslimaebbdngedimaelaaebbphunbansasnakhristnikayormnkhathxlikekhamasukmphuchaemuxraw ph s 2203 karephyaephrepnipxyangcha in ph s 2515 khadwamiphunbthuxsasnakhristinkmphucharaw 20 000 khn swnihyepnnikayormnkhathxlik ineduxnemsayn ph s 2513 kxncamikarkhbilchawewiydnam mikhawkhristinkmphuchathiepnchawewiydnampraman 50 000 khn aethlngcaknn chawkhristthiehluxxyuinewiydnammkmiechuxsayyuorp odyechphaafrngess inkhnathikarephyaephrsasnakhristnikayopraetsaetnthkhxngmichchnnaricakshrthephimmakkhunhlngcakcdtngsatharnrthekhmr odyechphaakarephyaephrinhmuchawekhmrbnaelachawcamchnephabnthisunginkmphuchamirabbkhwamechuxdngedimepnkhxngtnexng miphunbthuxraw 100 000 khn odyepnkarnbthuxsingtanginthrrmchati phunasasnakhuxhmxphi odyinbrrdachawekhmrbn chawraedaelachawcraymirabbkhwamechuxthiphthnadithisudkardaeninchiwit aekikhkarekidaelakartay aekikh karekidkhxngedkepnsingthinaphumiicinkhrxbkhrw karekidthuxwaepnxntraythngtxaemaelaedk strithitayephraakarkhlxdbutrcaechuxwaekidcakkarkrathakhxngpisac dngnn hyingthitngkhrrphcungmikhxhamtangmakmay sungkhxhamehlaniyngniymxyuinchnbth aetnxylngaelwinekhtemuxng 2 inmummxngkhxngchawkmphucha kartaykhuxkarsinsudkhxngchiwithnungaelaepnkarerimtnkhxngxikchiwithnung chawphuththinkmphuchaniymephasphaelanaethamaekbinsthupecdiyinwd wyedkaelawyrun aekikh edkhyingchawkmphucha edkinkmphuchacaidrbkareliyngducnkwacaxayupraman 2 4 pi hlngcaknn edkcamixisramakkhun edkxayu 5 khwbcasamarthchwyduaelnxngid edkswnihycaerimiporngeriynemuxxayu 7 8 pi emuxxayu 10 khwb edkhyingcaerimchwynganbanid swnedkphuchaytxngchwynganinirnaphayitkarkhwbkhumkhxngphuihy wyrunmkcacbkluminephsediywkn edkphuchaybangkhnbwchepnsamenr 2 inyukhkxnkhxmmiwnist phxaemmixanacpkkhrxngcnkwabutrcaaetngngan kartidtxrahwangklumchntangxayukn catxngeluxkichkhaphudihehmaasm karaetngnganaelakarhyarang aekikh dubthkhwamhlkthi karaetngnganaebbkmphucha ecabawswmchudkhruyaelathuxdab swnecasawswmchudsibinnganaetngnganaebbkmphucha kareluxkkhukhrxngepneruxngthisbsxnodycatxngduphumihlngthangsngkhmprakxbdwy phxaemmiswninkarphicarnaaetkxaccakhdkhanid phuchaycaaetngnganinchwngxayu 19 25 pi swnphuhyinginchwngxayu 16 22 pi karaetngngantampraephniichewlathung 3 wnaethlngcak ph s 2523 ichewlaephiyngwnkhrung mikarnimntphrasngkhmaswdmntinwnaetngngan inchnbthcamikarswmdaymngkhlaelaewiynethiyn hlngaetngngan khusmrscaipxyukbphxaemfayhyingpraman 1 pi hlngcaknn casrangbanihmiklkn 2 karhyarangnnthukkdhmay ekidkhunidngay aetimicheruxngpkti 2 phuthihyarangaelwsamarthaetngnganihmid aethyingcarxiw 10 eduxn edkmkcaxyukbmarda praephni aekikh smepiyah karthkthayaebbkmphucha inwthnthrrmekhmrthuxwasirsaepnkhxngsung karsmphssirsahruxhnethaipthangsirsacungimsuphaph karthkthaycaich smepiyah thikhlaykarihwkhxngithy karsbtakbphusungxayuthuxwaimsuphaphkaraetngkay aekikh hyingchawekhmrkbkrxma nangrabaswmsmpht cxngkebn karaetngkaykhxngchawkmphuchatangkniptamchnkhxngsngkhm chawkmphuchaphunemuxngniymichphakhawmahruxkrxmasungepncudthithaihchawekhmrtangipcakephuxnbankhuxlaw ithy aelaewiydnam krxmaniichpraoychnidhlakhlay echn knaedd chwyinkarpinpayichhxthark ichepnphakhnhnuhruxichnungepnosrng hruxxacthaepntuktaphasahrbedk insmyekhmraedng krxmathuxepnekhruxngaetngkaymatrthanchudpracachatithimikhwamniymxyangyawnankhuxsmpht epnekhruxngaetngkaythiidrbxiththiphlcakxinediytngaetsmyxanackrfunn xyangirktam ekhruxngaetngkaykhxngchawekhmridepliyniptamchwngewlaaelasasna inchwngrayaewlarahwangsmyxanackrfunncnthungckrwrrdiekhmrepnchwngthisasnahindumixiththiphlmaktxkaraetngkay mikarswmsmphtaelaekhruxngpradbtang emuxchawekhmrhnmanbthuxsasnaphuththmakkhun chawekhmrerimswmesuxaelakangekng khwamniymtxekhruxngaetngkayinaebbsmyhinduldlng miekhruxngaetngkaythieriyksibsmphtyngmikarswmisinklumechuxphrawngsinsmyxudngniymswmsibpidbasayaelaepidbakhwa nkaesdngaetngkaydwysmphtsraphaphaelaekhruxngpradbthieriykserngkxr aelayngmimngkutsahrbechuxphrawngsephuxkartkaetngtamthanaxahar aekikhdubthkhwamhlkthi xaharkmphucha xamxketry xaharkmphuchayxdniym prxhkthxd xaharkmphuchamikhwamkhlaykhlungkbephuxnbaninexechiytawnxxkechiyngitodyechphaaxaharithy xaharewiydnamaelaxaharcinaetciw xaharkmphuchaichnaplaepnekhruxngprungrssakhy mikarprungxahardwykarphdaebbcin miaekngiskathithiidrbxiththiphlcakxaharxinediy kuyetiywepnxaharthiidrbxiththiphlcakkwyetiywkhxngcinaelamibyecaepnkhnmebuxngywnaebbkmphuchaxaharkmphuchamikarichplarahruxprxhk ប រហ ក inkarprungxahar ephuxihmiklinrsthiechphaahruxichkapithithacakkung kathiepekhruxngprunghlkinxaharkhawaelaxaharhwanhlaychnid rbprathanthngkhawecaaelakhawehniyw odykhawehniywniymichthakhnm echn khawehniywnakathithueriynxaharkmphuchamilksnaechphaatamphunthi inkapxtaelaaekb xaharthimichuxesiyngkhuxpuphrikkapxt ក ត មឆ ម រ ចខ ជ iniphlin hmioklasungepnxaharkhxngchawkula chnklumnxyklumhnunginkmphuchaepnthiniym thangphakhitcaphbxaharewiydnammak odyechphaabytrng sungepnxaharthiniyminphakhitmakkwaphakhklang xaharkhxngchawkmphuchaechuxsaycinepnthiniyminesiymrathaelakapngthmsilpaaelawrrnkhdi aekikhthsnsilp aekikh prawtikhxngthsnsilpinkmphuchayxnhlngipthungyukhkhxngnkhrwdthiniymcaruklngbnsila aelaidrbsilpaaebbtawntkekhasupraethsdwy aetsilpaphunbanaelasilpasmyihmtktalnginsmyekhmraedngthimikarsngharsilpinaelakarthalaysilpa silpinthirxdchiwitidrbkarsnbsnuncakrthbal xngkhkrexkchnaelatangpraethsmakkhun dntri aekikh inchwng ph s 2503 2513 sin sismuthaelars srisuththaepnnkrxngthiodngdnginpraeths hlngcakthithngsxngkhnesiychiwitidminkrxngrunihmekidkhunaelakmphuchaidrbxiththiphlcaktawntkmakkhundntrikhlassikkhxngkmphuchaechnphinephiyt niymbrrelnginnganethskaltang aelaprakxbkaraesdngraba ekhruxngdntriprakxbdwyoreniytexkhruxranadexk oreniytthunghruxranadthum kxngwngtwchruxkhxngwngelkaelakxngwngthmhruxkhxngwngihy klxngsmoph klxngskxrthmaelasrailhruxpi natsilp aekikh dubthkhwamhlkthi natsilpinpraethskmphucha rabaethphxpsra natsilpinpraethskmphuchaaebngidepnnatsilpkhlassik natsilpphunbanaelakaraesdngthangsngkhm natsilpkhlassikekidkhuninrachsank mikhwamkhlaykhlungkbnatsilpithy tngaet ph s 2493 caaesdnginnganechlimchlxng ethskalsakhyaelaephuxkarthxngethiyw chwng ph s 2503 epnyukhthxngkhxngnatsilpkhlassik blelthlwngkhxngkmphuchaidrbkarykyxngwaepnkhwamthrngcakhxngolk natsilpkhxngkmphuchaniymaesdngekiywkberuxngeriymekxrhruxramekiyrti echnrabasuwrrnmcchaaelarabamniemkhla rabaxpsraepnkaraesdngkhxngkmphuchathikaenidcakrupnangxpsrasmyphrankhr epnthiniymkhxngnkthxngethiyw rierimodyphranordm bupphaethwikxnsmyekhmraedngpkkhrxngpraeths aelaidrbkarykyxngihepnsylksnkhxngkmphucharabaphunbankhxngkmphuchaepnkaraesdngthirupaebbimidkahndtaytwechnrabakhlassik karaetngkayepniptamkaraetngkaykhxngklumchn echn chawcam chawekhmrbnephatang aelachawna niymbrrelngdwywngmohri rabaechingsngkhmepnkaraesdnginoxkasthimikarechlimchlxngthangsngkhmechn rxmwng rxmkbc rxmsalawnaelalaeliyb bangswnidrbxiththiphlcakkaraesdngphunbankhxnglawykewnrxmkbcthiidxiththiphlcakrabarachsankmak wrrnkhdi aekikh dubthkhwamhlkthi wrrnkhdikmphucha phaphwaderuxngwrwngs wrrnkhdiyukherimaerkkhxngkmphuchaepncarukbnsilasungelathungkarsubechuxsaykhxngrachwngs karsasna xanaekhtyudkhrxng aelakarcdkarphayinrachxanackr exksarphasaekhmrthiekaaekthisudepnkaraeplphraitrpidkaelaxrrthkthacakphasabali ekhiynodyphrasngkhlngbniblaneriymekxrepnramaynachbbekhmrthiidrbxiththiphlcakxinediyaelayngmixiththiphltxrabakhlassik aelaepneruxngthimiprawtikarnamaaesdngekaaekthisudinkmphucha kmphuchamiwrrnkrrmmukhpathathihlakhlay sungimmikarekhiyncnkrathngidrbxiththiphlcakyuorp eruxngthimichuxesiyngmakkhuxwrwngsaelasrwngshruxwrwngsaelaesarwngssungepneruxngelaekiywkbecachayekhmrsxngxngkh mikarbnthukepnlaylksnxksrthiphratabxng tumetiyw epneruxngaenwkhwamrkthiepnthiniyminkmphucha okhrngeruxngkhlayormioxaelacueliytkhxngechkhsepiyr odymithimacakkwiniphnthkhxngphrapthumethra osm hnngtalung aekikh nngsebkthm nng sebkmilksnaiklekhiyngkbhnngihyinpraethsithy wayngkhxngmaelesiyaelaxinodniesiyinbriewnekaachwaaelabahli thaihkhadwatnkaenidkhxngnng sebkmacakmaelesiyaelaxinodniesiy pccubnmiphuniymnxylng nng sebkinkmphuchami 3 chnidkhux nngsebkthm swnihyelnechphaaeruxngramekiyrti brrelngprakxbdwyphinphathy nng sebk otc hruxnngkalun hruxxayng ichhuntwelkkwaaelaelnidhlayeruxngmakkwa sebk epar ichhunthimisiphaphyntr aekikh phaphyntrinkmphuchaerimkhunemux ph s 2493 phranordm sihnuexngthrngmibthbathsakhyinthanaphukakbphaphyntraelainsmyrabxbsngkhmkhxngphraxngkhepnyukhthxngkhxngphaphyntrkxncatktalnginsmyekhmraedng kila aekikh dubthkhwamhlkthi kilainpraethskmphucha eyawchnkmphuchathifukchkmwy nbaetchwng 30 pithiphanma kmphuchaekharwminkaraekhngkhnkilainradbolkmakkhun futbxlklayepnkilayxdniymechnediywkbsilpakartxsuechn pradlesri pkkot aelamwyplakmphuchapkkotepnsilpakartxsuaebbobraninkmphucha aelakhadwaepntnkaenidkhxngkilamwyinexechiytawnxxkechiyngit phbinphaphaekaslksmynkhrwd aelamikaraetngkaykhlaykbthharobrankhxngkmphucha aelathuxepnsilpakarsurbkhxngthhar pradlesriepnmwyphunbankhxngkmphucha miphaphslkkhxngkartxsuthikhlaypradlesrithinkhrwdechnkn xyangirktam hlaychatiinexechiytawnxxkechiyngitmikhxotaeyngekiywkbcudkaenidkhxngkilamwyinphumiphakh mwyplakmphuchaepnkilayxdniymxyanghnunginkmphucha niymcdaekhngkhnchwngethskalpiihmshphnthfutbxlkmphuchaepnphukhwbkhumkilafutbxlinkmphucha aelafutbxlthimchatikmphucha kxtngemux ph s 2476 aelaepnsmachikfifatngaet ph s 2496 epnsmachikshphnthfutbxlexechiyin ph s 2500 snamkilaaehngchatiphnmepyepnsnamkilaaehngchati cukhnid 50 000 khn tngxyuinphnmepyxangxing aekikh CIA World Factbook Cambodia subkhnemux 2007 04 10 2 0 2 1 2 2 2 3 Federal Research Division Russell R Ross ed Families Cambodia A Country Study Research completed December 1987 This article incorporates text from this source which is in the public domain 1 aehlngkhxmulxun aekikhCambodia Cultural Profile Ministry of Culture and Fine Arts Visiting Arts Center For Khmer Studies Khmer Renaissance Culture Kampot pepper Archived 2018 06 29 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamekiywkbpraethssmachikxaesiynniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmul duephimthi wikixaesiyn ekhathungcak https th wikipedia org w index php title wthnthrrmkmphucha amp oldid 9593509, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม