สาธารณรัฐเขมร
สาธารณรัฐเขมร (เขมร: សាធារណរដ្ឋខ្មែរ; ฝรั่งเศส: République Khmère) เป็นรัฐบาลของประเทศกัมพูชาที่ปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2513 โดยมีนายพล ลอนนอล จนถึง นายพลลองโบเรท ที่เป็นประธานาธิบดียุคสาธารณรัฐเขมร และสลายตัวไปเมื่อ พ.ศ. 2518 หลังจากที่เขมรแดงยึดกรุงพนมเปญได้ และประกาศจัดตั้งกัมพูชาประชาธิปไตย
สาธารณรัฐเขมร Khmer Republic République Khmère សាធារណរដ្ឋខ្មែរ | |||||
---|---|---|---|---|---|
พ.ศ. 2513–พ.ศ. 2518 | |||||
สถานะ | สาธารณรัฐ | ||||
เมืองหลวง | พนมเปญ | ||||
ภาษาทั่วไป | ภาษาเขมร, ภาษาฝรั่งเศส | ||||
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบประธานาธิบดี สาธารณรัฐระบบรัฐสภาภายใต้เผด็จการทหาร | ||||
ประธานาธิบดี | |||||
• พ.ศ. 2513 - 2515 | เจง เฮง (ประมุขแห่งรัฐ) | ||||
• พ.ศ. 2515 - 2518 | ลอน นอล | ||||
• พ.ศ. 2518 | เซากัม คอย (พฤตินัย) | ||||
นายกรัฐมนตรี | |||||
• พ.ศ. 2513 - 2514 | ลอน นอล | ||||
• พ.ศ. 2514 - 2515 | สีสุวัตถิ์ สิริมตะ | ||||
• พ.ศ. 2515 | เซิน หง็อก ถั่ญ | ||||
• พ.ศ. 2515 - 2516 | ฮาง ทุน ฮัก | ||||
• พ.ศ. 2516 | อิน ตัม | ||||
• พ.ศ. 2516 - 2518 | ลอง โบเรต | ||||
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภาแห่งสาธารณรัฐเขมร | ||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สงครามกลางเมืองกัมพูชา | ||||
• รัฐประหารล้มระบอบสังคมราษฎรนิยม | 18 มีนาคม พ.ศ. 2513 | ||||
17 เมษายน พ.ศ. 2518 | |||||
พื้นที่ | |||||
พ.ศ. 2513 | 181,035 ตารางกิโลเมตร (69,898 ตารางไมล์) | ||||
พ.ศ. 2518 | 181,035 ตารางกิโลเมตร (69,898 ตารางไมล์) | ||||
ประชากร | |||||
• พ.ศ. 2513 | 6937995 | ||||
• พ.ศ. 2518 | 7097801 | ||||
สกุลเงิน | เรียลกัมพูชา | ||||
|
ภูมิหลัง
ได้มีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเขมรอย่างเป็นทางการเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2513 โดยกลุ่มฝ่ายขวาที่นิยมสหรัฐอเมริกา นำโดยลน นล และนักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะ ซึ่งได้อำนาจมาจากการรัฐประหาร 18 มีนาคม พ.ศ. 2513 ล้มล้างรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
สาเหตุหลักของรัฐประหารคือการที่สมเด็จพระนโรดม สีหนุ หันไปสนับสนุนกิจกรรมของเวียดนามเหนือตามแนวชายแดนกัมพูชา ยอมให้มีการขนส่งอาวุธหนักของฝ่ายคอมมิวนิสต์ผ่านพื้นที่กัมพูชาตะวันออก และเศรษฐกิจของกัมพูชาได้รับผลกระทบจากนโยบายของสีหนุที่ประกาศเป็นกลางและต่อต้านสหรัฐอเมริกา
เมื่อสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พ้นจากอำนาจ การปกครองของกัมพูชาจึงเปลี่ยนจากราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐ แม้ว่าราชบัลลังก์จะว่างมาหลายปีนับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤตเสด็จสวรรคต ลักษณะของระบอบใหม่เป็นชาตินิยมฝ่ายขวา เป็นการสิ้นสุดความร่วมมือกับเวียดนามเหนือและเวียดกงในยุคสมเด็จพระนโรดม สีหนุและเป็นพันธมิตรกับเวียดนามใต้ในสงครามอินโดจีนที่กำลังดำเนินอยู่ สาธารณรัฐเขมรได้ประกาศเป็นฝ่ายตรงข้ามกับแนวร่วมสหภาพแห่งชาติเขมร ซึ่งเป็นพันธมิตรในแนวชายแดนระหว่างฝ่ายของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กับพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ฝ่ายทหารขององค์กรดังกล่าวคือกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติประชาชนกัมพูชาซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทัพประชาชนเวียดนามและแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเวียดนามใต้หรือเวียดกง ซึ่งเข้ามาใช้พื้นที่ของกัมพูชาเพื่อเข้ายึดครองเวียดนามใต้
แม้ว่ารัฐบาลของสาธารณรัฐเขมรจะเป็นรัฐบาลทหารและได้รับการสนับสนุนทางทหารและการเงินจากสหรัฐอเมริกา แต่กองทัพของรัฐบาลนี้กลับอ่อนแอ ไม่ได้รับการฝึกฝนที่พอเพียง ทำให้พ่ายแพ้ต่อกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติประชาชนกัมพูชา กองทัพประชาชนเวียดนาม และเวียดกง สาธารณรัฐเขมรจึงล่มสลายเมื่อ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ยึดครองพนมเปญได้
รัฐประหาร
สมเด็จพระนโรดม สีหนุกล่าวอ้างว่าการรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2513 เป็นผลจากความร่วมมือของเซิน หง็อก ถั่ญ นักชาตินิยมฝ่ายขวาที่ลี้ภัยออกนอกประเทศ นักองค์ราชวงศ์ สีสุวัตถิ์ สิริมตะ นายกรัฐมนตรีซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของสมเด็จพระนโรดม สีหนุในการขึ้นสู่ราชบัลลังก์กัมพูชา และซีไอเอ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นมิตรกับสหรัฐ จริง ๆ แล้วมีหลักฐานน้อยที่แสดงว่าสหรัฐเกี่ยวข้องกับรัฐประหาร เว้นแต่จะมีส่วนหนึ่งของกองกำลังพิเศษของสหรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนและฝึกฝนให้กับทหารของลน นล
เมื่อสมเด็จพระนโรดม สีหนุเดินทางออกจากประเทศไปเยือนฝรั่งเศส ได้เกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้านเวียดนามในพนมเปญ มีการโจมตีสถานทูตของเวียดนามเหนือและเวียดกง คาดว่าการลุกฮือครั้งนี้ มีฝ่ายของลน นล อยู่เบื้องหลัง ในวันที่ 12 มีนาคม นายกรัฐมนตรีประกาศปิดท่าเรือเมืองพระสีหนุเพื่อระงับการขนส่งอาวุธไปให้เวียดกงและเวียดนามเหนือ และออกคำสั่งให้เวียดกงถอนทหารออกไปจากกัมพูชาภายใน 72 ชั่วโมงหรือภายใน 15 มีนาคม มิฉะนั้นจะใช้กำลังทหาร. แม้ว่าจะเป็นการขัดต่อนโยบายของสีหนุที่ให้ความร่วมมือกับเวียดนามเหนือ แต่ลน นล ได้แสดงตนเป็นผู้กุมชะตากรรมของประเทศ เขาต้องการให้กดดันเวียดนามเหนือมากกว่านี้
การลงมติของสภาแห่งชาติในวันที่ 18 มีนาคม ถูกควบคุมโดยอิน ตัม ลน นลได้ประกาศตัวเป็นผู้นำของประเทศในภาวะฉุกเฉิน ในวันที่ 28 – 29 มีนาคม มีกลุ่มผู้นิยมสีหนุจำนวนมากในหลายจังหวัดออกมาประท้วง ลน นลสั่งให้มีการปราบปรามทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน มีเจ้าหน้าที่ทหารหลายคนเสียชีวิตรวมทั้ง ลน นิล น้องชายของลน นล
ท่าทีของต่างชาติยังไม่แน่นอนกับการสนับสนุนรัฐบาลใหม่ เวียดนามเหนือพยายามเจรจากับลน นล เพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงทางการค้าที่ถูกยกเลิกไป แต่ในที่สุดการเจรจาก็สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองสาธารณรัฐเขมร โดยได้ส่ง ชนะ สมุทวณิช เป็นเอกอัครราชทูตคนแรกประจำสาธารณรัฐเขมร
การประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเขมรและกองทัพแห่งชาติเขมร
ผลกระทบสำคัญที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารคือช่วงเวลาระหว่างเมษายน – มิถุนายน พ.ศ. 2513 กองทัพเวียดนามใต้ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาหนุนหลังบุกเข้าสู่กัมพูชาตะวันออกเพื่อโจมตีกองทหารของเวียดนามเหนือและเวียดกง ทำให้กองกำลังคอมมิวนิสต์ต้องถอยลึกเข้ามาทางตะวันตกในแผ่นดินกัมพูชามากขึ้น หรือมิฉะนั้นก็เคลื่อนกำลังไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชาซึ่งเป็นพื้นที่ของฝ่ายที่ต่อต้านลน นล ลน นลกล่าวว่าเหตุการณ์เป็นการก่อการร้ายในกัมพูชา ทำให้กัมพูชาตกอยู่ในสภาวะอันตราย ในขณะที่สหรัฐอเมริกากล่าวว่าจะไม่มีการใช้ทหารปฏิบัติการภาคพื้นดินในกัมพูชา แต่จะช่วยเหลือกองทัพกัมพูชาแทน
ในวันที่ 9 ตุลาคม ศาลทหารได้ตัดสินประหารชีวิตสมเด็จพระนโรดม สีหนุ สมเด็จพระมหากษัตริยานีกุสุมะ พระมารดาของสีหนุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ในสมัยของสีหนุถูกกักบริเวณ และพระราชินีโมนิก พระมเหสีของสีหนุถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ฝ่ายปฏิวัติได้ประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเขมร ในขณะที่สีหนุได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลราชอาณาจักรสหภาพแห่งชาติกัมพูชาที่ปักกิ่งที่มีฝ่ายคอมมิวนิสต์หนุนหลัง
กองทัพจริง ๆ ของฝ่ายราชวงศ์ในช่วงเวลาที่เกิดรัฐประหารมีเพียง 35,000 คน และขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนกองทัพฝ่ายสาธารณรัฐมีทหารประมาณ 150,000 คน ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2513 ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มต่อต้านเวียดนาม สหรัฐให้การสนับสนุนในการฝึกหัดทหาร และส่งทหารของเขมรเสรีและกองทัพแขมร์กรอมที่ฝึกในเวียดนามใต้เข้ามาอีก หลายพันคน ทำให้ทหารฝ่ายสาธารณรัฐเพิ่มเป็น 200,000 คน
แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐ แต่กองทัพของสาธารณรัฐเขมรมีปัญหาด้านคอรัปชั่น โดยเฉพาะเงินเดือนของกองทหารที่ไม่มีอยู่จริง และความไร้ประสิทธิภาพของกองทัพ แม้ว่านายทหารของฝ่ายสาธารณรัฐอย่างนักองค์มจะ นโรดม จันทรังสี ซึ่งควบคุมกองพลที่ 13 จะประสบความสำเร็จในบริเวณทางหลวงหมายเลข 4 และที่ราบคีรีรมย์ แต่แม้ทัพนายกองคนสำคัญคนอื่น ๆ มักไร้ประสบการณ์หรือความสามารถ ปฏิบัติการที่สำคัญในการต่อต้านเวียดนามคือปฏิบัติการเจนละ 1 และ 2 สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้
เหตุการณ์ทางการเมืองของสาธารณรัฐเขมร
ประวัติศาสตร์กัมพูชา | |
---|---|
ประวัติศาสตร์ยุคแรก | |
อาณาจักรฟูนาน (611–1093) | |
อาณาจักรเจนละ (1093–1345) | |
จักรวรรดิเขมร (1345–1974) | |
ยุคมืด | |
สมัยจตุมุข (1974–2068) | |
สมัยละแวก (2068–2136) | |
สมัยศรีสันธร (2136–2162) | |
สมัยอุดง (2162–2406) | |
ยุครัฐในอารักขา | |
ไทยและเวียดนาม | |
อาณานิคมฝรั่งเศส (2406–2496) ส่วนหนึ่งของอินโดจีนฝรั่งเศส | |
ยุคญี่ปุ่นยึดครอง (2484–2489) | |
หลังได้รับเอกราช | |
สงครามกลางเมืองกัมพูชา (2510–2518) | |
รัฐประหาร พ.ศ. 2513 | |
สาธารณรัฐเขมร | |
สงครามเวียดนาม พ.ศ. 2513 | |
ยุคเขมรแดง (2518–2519) | |
สงครามกัมพูชา–เวียดนาม (2518–2532) | |
สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา (2522–2536) | |
การจัดการเลือกตั้งโดยสหประชาชาติ | |
ราชอาณาจักรกัมพูชา (2536–ปัจจุบัน) | |
หลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2536 | |
| |
นอกจากจะเข้าร่วมในสงครามอินโดจีนโดยอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มที่นิยมสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา และเวียดนามเหนือแล้ว สาธารณรัฐเขมรยังมีความขัดแย้งกันภายในรัฐบาล ความโดดเด่นทางการเมืองขอสมเด็จงพระนโรดม สีหนุในช่วง พ.ศ. 2493 – 2513 แสดงถึงความเป็นนักการเมืองที่จัดเจนของพระองค์ ในช่วงเริ่มต้น ฝ่ายสาธารณรัฐมีการแบ่งกลุ่มกันภายในเพื่อต่อสู้กับระบอบสีหนุคือฝ่ายของลน นล กับฝ่ายของนักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะ นักองค์ราชวงศ์สีสุวัตถิ์ สิริมตะเป็นนายกรัฐมนตรีในปีแรกเนื่องจากลน นล มีปัญหาทางด้านสุขภาพ บทบาทของเจ้าสิริมตะมีความโดดเด่นเนื่องจากรูปแบบการบริหารงานและการเป็นเชื้อพระวงศ์ ความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนหนุ่มสาว และคนในเขตเมือง แม้ว่ายังคงมีการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ทำให้รัฐบาลอ่อนแอ เมื่อลน นลเดินทางกลับมาจากการรักษาตัวที่ฮาวายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2514 ได้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในรัฐบาล โดยเฉพาะกับลน นน น้องชายของลน นลที่มีบทบาทมากในกองทัพ ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2514 ลน นลเข้าครอบงำสภาแห่งชาติในการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่
พ.ศ. 2515: การกำจัดนักองค์ราชวงศ์ สีสุวัตถิ์ สิริมตะ
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2515 ลน นลและน้องชายได้กำจัดนักองค์ราชวงศ์ สีสุวัตถิ์ สิริมตะ ให้พ้นจากอำนาจ ลน นนจัดให้นักศึกษาสายอาชีพออกมาเรียกร้องให้เจ้าะสิริมตะลาออก ในที่สุดเจ้าสิริมตะจึงถูกกักบริเวณ ลน นลก้าวขึ้นเป็นประมุขของประเทศ เจง เฮงเข้ามามีบทบาทในรัฐบาลและเซิง งอกทัญ ซึ่งเป็นผู้นำของเขมรเสรีและกองทัพจากขแมร์กรอมเป็นนายกรัฐมนตรี มีกองทัพของสหรัฐฯ ให้การสนับสนุน
ปลายปีนั้น ลน นลประกาศลงสมัครเป็นประธานาธิบดี อิน ตัม และแก้ว อัน ไม่เพียงแต่จะประกาศลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังไม่ยอมถอนตัวอีกด้วย การเลือกตั้งสิ้นสุดลงโดยลน นล เป็นฝ่ายชนะ โดยมีการแทรกแซงของรัฐบาล ซึ่งหากดำเนินไปโดยยุติธรรมแล้ว อิน ตัมน่าจะเป็นผู้ชนะ.
สถานการณ์ทางการเมืองยังคงวุ่นวายตลอดปี พ.ศ. 2515 พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามทั้งสองพรรคคือกรมประชาธิปไตยของอิน ตัม และพรรคสาธารณรัฐของเจ้าสิริมตะปฏิเสธการเข้าร่วมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเดือนกันยายน ทำให้พรรคสาธารณรัฐสังคมนิยมของลน นน ชนะอย่างถล่มทลาย เกิดการก่อการร้ายในเมืองหลวงซึ่งคาดว่าเกิดจากการควบคุมของเซิง งอกทัญ ทำให้ทัญที่เพิ่งจะประกาศปิดหนังสือพิมพ์ของเจ้าสิริมตะต้องลาออกและลี้ภัยไปเวียดนามใต้ ฮาง ทุน ฮัก นักการเมืองฝ่ายซ้ายขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในขณะที่รัฐบาลสาธารณรัฐเขมรอ่อนแอจากความขัดแย้งภายใน กองทัพของเวียดนามเหนือที่รบชนะในปฏิบัติการเจนละได้เข้ามาครอบงำในพื้นที่ตามแนวชายแดนกัมพูชา ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาเข้มแข็งขึ้นในเขตชนบท
พ.ศ. 2516: การเจรจาสงบศึก
ข้อตกลงสันติภาพปารีสเมื่อต้นปี พ.ศ. 2516 ทำให้สงครามกลางเมืองชะงักไประยะหนึ่ง ลน นล ประกาศสงบศึกฝ่ายเดียว แม้ว่ากองทัพของฝ่ายสาธารณรัฐอ่อนแอเต็มที จริง ๆ แล้วมีการติดต่อกันเพียงเล็กน้อยระหว่างฝ่ายสาธารณรัฐกับฝ่ายเขมรแดงหัวก้าวหน้าคือ ฮู ยวน เวียดนามเหนือกดดันให้พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชายอมรับข้อตกลงสันติภาพ ในขณะที่ยังมีการสู้รบกันบ้างประปราย ผู้นำของเขมรแดงไม่ยอมรับการประนีประนอม
การสู้รบเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 เมื่อกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์โจมตีฝ่ายสาธารณรัฐที่จังหวัดกำปงธม ในเดือนเมษายน กองทัพฝ่ายสาธารณรัฐพ่ายแพ้และเสียฐานที่มั่นในต่างจังหวัด สหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือรัฐบาลของลน นล และพยายามดึงนักงองค์ราชวงศ์ สีสุวัตถิ์ สิริมตะให้เข้ามามีบทบาท และลดบทบาทของลน นน ลง ในวันที่ 24 เมษายน ลน นล ประกาศจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติซึ่งประกอบด้วยลน นล, เจ้าสิริมตะ, เจง เฮง และอิน ตัม ความโกรธแค้นสหรัฐอเมริกาที่มาทิ้งระเบิดในกัมพูชาทำให้เขมรแดงได้รับความนิยมมากขึ้น
พ.ศ. 2517: อุดงแตก
ช่วงต้นปี พ.ศ. 2517 ลน นลขึ้นมากุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียวอีกครั้ง สถานการณ์ทางทหารเลวร้ายลง กองทัพคอมมิวนิสต์บุกเข้าประชิดพนมเปญและเข้ายึดอุดงค์เมืองหลวงเก่าได้ในเดือนมีนาคม ฝ่ายคอมมิวนิสต์ฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐและครู เผาเมือง แต่ในที่สุดฝ่ายสาธารณรัฐสามารถเข้ายึดเมืองอุดงค์และเส้นทางเข้าสู่ทะเลสาบเขมรคืนมาได้
สิ้นสุดอำนาจ
ในช่วงฤดูแล้ง พ.ศ. 2518 กองกำลังเขมรแดงได้ยกเข้ามาล้อมพนมเปญไว้ มีผู้อพยพเข้าในเมืองหลวงมากขึ้น ลน นลได้สั่งให้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปคุ้มกันประชาชนเหล่านั้น การได้รับการสนับสนุนจากจีนทำให้ฝ่ายเขมรแดงมีความเข้มแข็งมากกว่า การพยายามเจรจาสันติภาพล้มเหลวเพราะสีหนุปฏิเสธที่จะเจรจากับลน นลโดยตรง แผนสันติภาพที่ฝรั่งเศสเสนอต่อจีนให้สีหนุกลับไปเป็นประมุขของสาธารณรัฐเขมรล้มเหลวเช่นกัน
ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2518 ลน นล ได้ประกาศลาออกและลี้ภัยออกนอกประเทศ กองทัพฝ่ายสาธารณรัฐสลายตัวไป เจ้าสิริมตะ, ลอง โบเรต, ลน นน และนักการเมืองอื่น ๆ ยังคงอยู่ในเมืองหลวงเพื่อจะพยายามเจรจาสงบศึกกับฝ่ายเขมรแดง จนกระทั่งเมื่อพนมเปญแตกในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 ฝ่ายเขมรแดงได้ประหารชีวิตนักการเมืองในระบอบเก่าทั้งหมด สาธารณรัฐเขมรจึงล่มสลายลง บริเวณสุดท้ายที่อยู่ภายใต้อำนาจของฝ่ายสาธารณรัฐเขมรคือบริเวณปราสาทเขาพระวิหารบนเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งกองทัพฝ่ายสาธารณรัฐสามารถยึดครองไว้ได้ในปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2518. และฝ่ายเขมรแดงแย่งชิงมาได้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2518
อ้างอิง
- Milton Osborne, Sihanouk, Prince of Light, Prince of Darkness. Silkworm 1994. ISBN 978-0824816391.
- Norodom Sihanouk, My War with the CIA, Pantheon (1972). ISBN 978-0394485430, p.37
- Kiernan, B. How Pol Pot came to power, Yale University Press (2004). ISBN 978-0300102628, p.300
- Shawcross, W. (1981). Sideshow: Kissinger, Nixon, and the Destruction of Cambodia. New York: Washington Square Books. p. 118. ISBN 0671230700.
- Sutsakhan, Lt. Gen. S. The Khmer Republic at War and the Final Collapse Washington DC: U.S. Army Center of Military History, 1987, Part 1, p. 42. See also Part 1Part 2Part 3.
- ชาญวิทย์ เกษตรศิริ. ลัทธิชาตินิยมไทย/สยามกับกัมพูชาและกรณีศึกษาปราสาทเขาพระวิหาร.มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์. 2552. หน้า 93
- Kiernan, p.303
- Leifer, M. Selected Works on Southeast Asia, Institute of Southeast Asian Studies (no ISBN), p.418
- Kiernan, p.347
- Kamm, H. Cambodia: report from a stricken land, Arcade (1998). ISBN 978-1611451269, pp.110-112
- Kiernan, p.346
- Kahin, G. Southeast Asia: a testament, Routledge (2003). ISBN 978-0415299756, p.310
- ↑ Clymer, K. J. (2004). The United States and Cambodia, 1969-2000. Routledge. p. 55. ISBN 9780415326025.
- ↑ Clymer, p.65
- Kiernan, p.348
- Clymer, p.71
- Fenton, J. To the bitter end in Cambodia, New Statesman, 25-04-75
แหล่งข้อมูลอื่น
- เพลงชาติของสาธารณรัฐเขมร
- Lon Nol- The Khmer Republic
- République Khmère 1970-1975 (07/15) Part of a series (ฝรั่งเศส)
- République Khmère 1970-1975 (15/15) (ฝรั่งเศส)