fbpx
วิกิพีเดีย

วัดพระยืน (จังหวัดลำพูน)

วัดพระยืน เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน มีเนื้อที่ประมาณ 29 ไร่ 2 งาน อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำกวง เป็นวัดสำคัญหนึ่งในสี่ของวัดสี่มุมเมืองที่พระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัยนคร

วัดพระยืน
เจดีย์ศิลปะพุกาม
ที่ตั้งตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
ประเภทวัดราษฎร์
นิกายมหานิกาย
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

ประวัติ

วัดพระยืน แต่เดิมไม่ได้มีชื่อนี้ สันนิษฐานว่าพระนางจามเทวีทรงสร้างขึ้นในราว พ.ศ. 1213 (หลังครองราชย์ได้ 7 ปี) ตามตำนานเรียกชื่อวัดนี้ว่า อรัญญิการาม

ชื่อของวัดพระยืน มาจากองค์พระพุทธรูปยืน ที่ตามเอกสารของวัดระบุว่า สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1606 ในสมัยพระเจ้าธรรมมิกราช (กษัตริย์องค์ที่ 32 แห่งหริภุญชัย) พระยืนองค์นี้หล่อด้วยทองสำริด สูง 18 ศอก (9 เมตร) เดิมประดิษฐานอยู่ในปราสาทสถูป (หลังวิหาร) ในสมัยนี้เรียกชื่อวัดว่า วัดพุทธอาราม

ต่อมาในปี พ.ศ. 1912 พระยากือนา ผู้ครองพิงนครเชียงใหม่และลำพูน ได้สร้างพระพุทธรูปยืนเพิ่มเติมขึ้นอีก 3 องค์ ใน ตำนานมูลศาสนา ได้กล่าวถึงตอนที่พระญากือนาได้อาราธนานิมนต์พระสุมนเถระจากเมืองสุโขทัย เพื่อมาเชียงใหม่ โดยได้พักที่วัดพระยืนในเมืองหริภุญชัย ซึ่งขณะนั้นได้มีพระยืน 1 องค์อยู่ก่อนแล้ว

จนกระทั่ง พ.ศ. 2447 พระครูศีลวิลาศ (พระคันธวงศ์เถระหรือครูบาวงศ์) เจ้าคณะจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยเจ้าหลวงอินทยงยศ เจ้าผู้ครองนครลำพูน ได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์สถูปเจดีย์ขึ้นมาใหม่ โดยสร้างก่อหุ้มคลุมองค์พระยืนทั้ง 4 ไว้ภายใน พร้อมกับสร้างพระพุทธรูปยืนองค์เล็กกว่าขึ้นมาประดับเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน

พ.ศ. 2471 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเจดีย์วัดพระยืนเป็นมรดกของชาติ จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2548–2549 กรมศิลปากรได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์วัดพระยืน รวมทั้งการปรับภูมิทัศน์โดยรอบของวัด ได้พบสิ่งปลูกสร้าง ก่อด้วยฐานอิฐถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่อาจสาวไปถึงการก่อสร้างวัด โดยมีการขุดพบฐานเจดีย์สมัยสุโขทัย ถนนที่ปูลาดด้วยอิฐโบราณ รวมถึงการขุดพบฐานเสนาสนะ จนเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ได้ขุดพบเศียรพระพุทธรูปสมัยหริภุญชัย สันนิษฐานว่ามีอายุในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17–18 และโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก อยู่ในฐานพระเจดีย์ที่ฝังอยู่ใต้ดินบริเวณหลังวิหารพระเจ้าทันใจ

อาคารและเสนาสนะ

 
วิหาร เห็นเจดีย์ด้านหลัง

เจดีย์ศิลปะพุกาม คล้ายกับเจดีย์วัดสัพพัญญูในเมืองพุกาม สร้างยกพื้นลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ มีบันไดเดินขึ้นสู่ลานประทักษิณชั้นบนที่ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว และมีเจดีย์บริวารองค์เล็กอยู่ทั้ง 4 มุม ส่วนเรือนธาตุเป็นองค์ 4 เหลี่ยม มีซุ้มจรนำทั้ง 4 ด้าน ภายในประดิษฐานองค์พระพุทธรูปยืนสีทอง เหนือขึ้นไปเป็นมาลัยเถา 4 เหลี่ยม ซ้อน 3 ชั้น ยอดเป็นฉัตรสีทองอร่าม บันไดทางขึ้นลานประทักษิณด้านหนึ่ง มีการสร้างรูปปูนปั้นนูนต่ำรูปเสือประดับไว้

อาคารหลังเล็ก ๆใต้ร่มไม้เป็น หลักศิลาจารึกวัดพระยืน (หลักที่ 62) เป็นหินชนวนรูปใบเสมา ระบุปีชัดเจนว่าเป็นจุลศักราช 732 (พ.ศ. 1913) ใกล้ ๆ มีศาลาบาตร หรือ ศาลาเก้าห้อง ในอดีตใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

วิหารที่แต่เดิมสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ก่อนจะทำการบูรณะครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2537 ภายในประดิษฐานพระประธานเก่าแก่รุ่นราวคราวเดียวกับการก่อสร้างวิหาร ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเป็นผลงานวาดใหม่ฝีมือช่างท้องถิ่นเรื่องราวพุทธประวัติ องค์พระประธานมีพระยืนองค์เล็ก ๆ ประดิษฐานอยู่ อุโบสถตรงบันไดทางเข้ามีตัวมอม ประดิษฐานองค์พระประธาน คือ พระศักยมุนีศรีสุมนะ หรือ หลวงพ่อใหญ่

วัดยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นทางด้านหลังวัดที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี พ.ศ. 2547 จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ต่าง ๆ อาทิ ตู้พระธรรม หีบพระธรรม เครื่องเขิน ถ้วยชาม สัตตภัณฑ์ ขันโตก ผ้าพระบฏ เป็นต้น

อ้างอิง

  1. "วัดพระยืน". สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน.
  2. "เจดีย์ทรงพุกามที่วัดพระยืนลำพูน". เชียงใหม่นิวส์.
  3. "วัดพระยืน". ศาลากลางจังหวัดลำพูน.
  4. ปิ่น บุตรี. "แอ่ว"วัดพระยืน" รื่นรมย์ รื่นใจ ในลำพูน". ผู้จัดการออนไลน์.

ดพระย, งหว, ดลำพ, ดพระย, เป, นว, ดราษฎร, งก, ดคณะสงฆ, ายมหาน, กาย, งอย, ในตำบลเว, ยงยอง, อำเภอเม, องลำพ, งหว, ดลำพ, เน, อท, ประมาณ, ไร, งาน, อย, ทางฝ, งตะว, นออกของแม, ำกวง, เป, นว, ดสำค, ญหน, งในส, ของว, ดส, มเม, องท, พระนางจามเทว, ปฐมกษ, ตร, แห, งหร, ญช, ยนค. wdphrayun epnwdrasdrsngkdkhnasngkhfaymhanikay tngxyuintablewiyngyxng xaephxemuxnglaphun cnghwdlaphun mienuxthipraman 29 ir 2 ngan xyuthangfngtawnxxkkhxngaemnakwng epnwdsakhyhnunginsikhxngwdsimumemuxngthiphranangcamethwipthmkstriyaehnghriphuychynkhr 1 wdphrayunecdiysilpaphukamthitngtablewiyngyxng xaephxemuxnglaphun cnghwdlaphunpraephthwdrasdrnikaymhanikayswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawti aekikhwdphrayun aetedimimidmichuxni snnisthanwaphranangcamethwithrngsrangkhuninraw ph s 1213 hlngkhrxngrachyid 7 pi tamtananeriykchuxwdniwa xryyikaram 2 chuxkhxngwdphrayun macakxngkhphraphuththrupyun thitamexksarkhxngwdrabuwa srangkhunemux ph s 1606 insmyphraecathrrmmikrach kstriyxngkhthi 32 aehnghriphuychy phrayunxngkhnihlxdwythxngsarid sung 18 sxk 9 emtr edimpradisthanxyuinprasathsthup hlngwihar insmynieriykchuxwdwa wdphuththxaramtxmainpi ph s 1912 phrayakuxna phukhrxngphingnkhrechiyngihmaelalaphun idsrangphraphuththrupyunephimetimkhunxik 3 xngkh in tananmulsasna idklawthungtxnthiphrayakuxnaidxarathnanimntphrasumnethracakemuxngsuokhthy ephuxmaechiyngihm odyidphkthiwdphrayuninemuxnghriphuychy sungkhnannidmiphrayun 1 xngkhxyukxnaelw 3 cnkrathng ph s 2447 phrakhrusilwilas phrakhnthwngsethrahruxkhrubawngs ecakhnacnghwdlaphun phrxmdwyecahlwngxinthyngys ecaphukhrxngnkhrlaphun idrwmknburnptisngkhrnsthupecdiykhunmaihm odysrangkxhumkhlumxngkhphrayunthng 4 iwphayin phrxmkbsrangphraphuththrupyunxngkhelkkwakhunmapradbecdiythng 4 danph s 2471 krmsilpakridkhunthaebiynecdiywdphrayunepnmrdkkhxngchati cnkrathngemux ph s 2548 2549 krmsilpakridthakarburnaptisngkhrnxngkhphraecdiywdphrayun rwmthngkarprbphumithsnodyrxbkhxngwd idphbsingpluksrang kxdwythanxiththuxepnhlkthanthangprawtisastrthixacsawipthungkarkxsrangwd odymikarkhudphbthanecdiysmysuokhthy thnnthipuladdwyxithobran rwmthungkarkhudphbthanesnasna cnemuxwnthi 13 kumphaphnth ph s 2549 idkhudphbesiyrphraphuththrupsmyhriphuychy snnisthanwamixayuinsmyphuththstwrrsthi 17 18 aelaobranwtthuepncanwnmak xyuinthanphraecdiythifngxyuitdinbriewnhlngwiharphraecathnic 2 xakharaelaesnasna aekikh wihar ehnecdiydanhlng ecdiysilpaphukam khlaykbecdiywdsphphyyuinemuxngphukam srangykphunldhlnknepnchn mibnidedinkhunsulanprathksinchnbnthilxmrxbdwykaaephngaekw aelamiecdiybriwarxngkhelkxyuthng 4 mum swneruxnthatuepnxngkh 4 ehliym misumcrnathng 4 dan phayinpradisthanxngkhphraphuththrupyunsithxng ehnuxkhunipepnmalyetha 4 ehliym sxn 3 chn yxdepnchtrsithxngxram bnidthangkhunlanprathksindanhnung mikarsrangruppunpnnuntarupesuxpradbiwxakharhlngelk itrmimepn hlksilacarukwdphrayun hlkthi 62 epnhinchnwnrupibesma rabupichdecnwaepnculskrach 732 ph s 1913 ikl misalabatr hrux salaekahxng inxditichepnthiprakxbphithikrrmthangsasnawiharthiaetedimsrangkhunmatngaetsmyphranangcamethwi kxncathakarburnakhrnglasudinpi ph s 2537 phayinpradisthanphraprathanekaaekrunrawkhrawediywkbkarkxsrangwihar phayinmicitrkrrmfaphnngepnphlnganwadihmfimuxchangthxngthineruxngrawphuththprawti xngkhphraprathanmiphrayunxngkhelk pradisthanxyu xuobsthtrngbnidthangekhamitwmxm pradisthanxngkhphraprathan khux phraskymunisrisumna hrux hlwngphxihywdyngmiphiphithphnththxngthinthangdanhlngwdthikxtngkhunmainpi ph s 2547 cdaesdngkhawkhxngekhruxngichekaaektang xathi tuphrathrrm hibphrathrrm ekhruxngekhin thwycham sttphnth khnotk phaphrabt epntn 4 xangxing aekikh wdphrayun sanknganwthnthrrmcnghwdlaphun 2 0 2 1 ecdiythrngphukamthiwdphrayunlaphun echiyngihmniws wdphrayun salaklangcnghwdlaphun pin butri aexw wdphrayun runrmy runic inlaphun phucdkarxxniln khxmmxns miphaphaelasuxekiywkb wdphrayunekhathungcak https th wikipedia org w index php title wdphrayun cnghwdlaphun amp oldid 9429761, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม