วิกฤตการณ์ราชาเงินทุน

วิกฤตการณ์ราชาเงินทุน เป็นวิกฤตการณ์ที่เริ่มต้นขึ้นโดยบริษัทราชาเงินทุน ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยในสมัยนั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2521 - 2522 บริษัทราชาเงินทุนได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัทของตน ทำให้เกิดหนี้เสียเป็นจำนวนมาก ธนาคารหลายแห่งต้องออกมาทวงหนี้ เศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างมาก จนในที่สุด กระทรวงการคลังต้องสั่งเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัท เนื่องจากบริษัทเกิดสภาวะล้มละลาย หนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2522

ลำดับเหตุการณ์

• พ.ศ. 2520 บริษัทราชาเงินทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ราคา 275 บาท
• 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งสู่จุดสูงสุด ที่ราคา 2,470 บาท เนื่องจากมีการปล่อยกู้ให้แก่ผู้ซื้อขายหุ้น แต่ไม่กี่วันต่อมา ราคาหุ้นก็เริ่มตกลง
• ต้นปี พ.ศ. 2522 ราคาหุ้นของบริษัทราชาเงินทุนเริ่มตกลงเรื่อยๆ จนมาเหลือเพียง 380 บาท
• 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 บริษัทราชาเงินทุนถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพิกถอนการซื้อขาย เนื่องจากบริษัทราชาเงินทุนถูกฟ้องล้มละลาย
• 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าควบคุมกิจการของบริษัทราชาเงินทุน
• 7 สิงหาคม พ.ศ. 2522 กระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัท เนื่องจากบริษัทเกิดสภาวะล้มละลาย
• 30 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ศาลชั้นต้น สั่งยกเลิกล้มละลาย ด้วยเหตุผล "ที่ผู้ชำระบัญชีตั้งสำรองหนี้สูญไว้นั้น ขาดหลักฐานสนับสนุน ฟังยุติไม่ได้ว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินไม่พอกันหนี้สิน"
• พ.ศ. 2526 ศาลอุทธรณ์ ตัดสินกลับคำตัดสินศาลชั้นต้นให้ราชาเงินทุนล้มละลาย
• ต่อมา ศาลฎีกา ตัดสินให้ล้มละลายยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งนาย เสรี ทรัพย์เจริญ
• เห็นว่าเป็นการตัดสินโดยผิดจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
• 7มี.ค.2561นายพีระอัครวัตรรองอธิบดีรักษาการแทนอธิบดีกรมบังคับคดีได้มีหนังสือที่ยธ.1501/2254ถึงข้าพเจ้าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ แจ้งว่าไม่มีหลักฐานทรัพย์สินและลูกหนี้ในคดีล้มละลายที่อาจมาแบ่งแก่เจ้าหนี้ตามมาตรา109แห่งพรบ.ล้มละลายทั้งๆที่จพท.ได้รวบรวมทรัพย์สินของบริษัทตามพรบ.ล้มละลายม.22(2)ทั้งหมดประมาณ2,300ล้านบาทตั้งแต่ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว
• ข้าพเจ้าได้มีสำเนาบันทึกข้อความของกรมบังคับคดีว่าเอกสารทรัพย์สินและลูกหนี้มีอยู่370กล่องทรัพย์สินรวม1000ล้านขึ้นไปดังนั้นจึงร้องทุกข์ต่อผบ.ตร.เมื่อวันที่2เม.ย.2561 เลขรับ292