องคชาตของมนุษย์
องคชาตของมนุษย์เป็นอวัยวะสืบพันธุ์เพศชายภายนอก และยังทำหน้าที่เป็นท่อปัสสาวะ มีส่วนหลักคือ ส่วนราก (Root / Radix) ส่วนลำตัว (Corpus) และส่วนเนื้อเยื่อบุผิวขององคชาต รวมถึงหนังบริเวณก้าน และหนังหุ้มปลายซึ่งห่อหุ้มส่วนหัวขององคชาต (Glans) ด้วย ส่วนลำตัวขององคชาตเกิดจากเนื้อเยื่อสามต้น ประกอบด้วยกล้ามเนื้อคอร์ปัส คาเวอร์โนซัม (Corpus cavernosum) สองมัดที่ด้านบน และกล้ามเนื้อคอร์ปัส สปอนจิโอซัม (Corpus spongiosum) ซึ่งอยู่ระหว่างกลางของกล้ามเนื้อส่วนแรก ท่อปัสสาวะของมนุษย์เพศชายจะผ่านกลางต่อมลูกหมาก ที่ซึ่งเชื่อมกับท่อฉีดอสุจิ และจากนั้นจะผ่านไปที่องคชาต โดยท่อปัสสาวะจะทอดตัวข้ามกล้ามเนื้อคอร์ปัส สปอนจิโอซัม และออกสู่รูเปิดบริเวณรูปัสสาวะ (Meatus) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปลายของส่วนหัวองคชาต โดยทำหน้าที่เป็นทางผ่านของทั้งปัสสาวะและการหลั่งของน้ำอสุจิ (ดูเพิ่มเติมที่ ระบบสืบพันธุ์เพศชาย)
องคชาตของมนุษย์ | |
---|---|
องคชาตขณะอ่อนตัว โดยส่วนของขนหัวหน่าวถูกนำออกไปเพื่อแสดงรายละเอียดทางกายวิภาคศาสตร์ | |
รายละเอียด | |
คัพภกรรม | ปุ่มอวัยวะสืบพันธุ์, ส่วนทบอวัยวะเพศและทางเดินปัสสาวะ |
หลอดเลือดแดง | หลอดเลือดแดงด้านบนขององคชาต, หลอดเลือดแดงลึกขององคชาต, หลอดเลือดแดงของกระเปาะองคชาต |
หลอดเลือดดำ | หลอดเลือดดำด้านบนขององคชาต |
ประสาท | เส้นประสาทด้านบนขององคชาต |
น้ำเหลือง | ต่อมน้ำเหลืองผิวขาหนีบ |
ตัวระบุ | |
ภาษาละติน | penis, pl. penes |
MeSH | D010413 |
TA98 | A09.4.01.001 |
TA2 | 3662 |
FMA | 9707 |
อภิธานศัพท์กายวิภาคศาสตร์ [แก้ไขบนวิกิสนเทศ] |
การพัฒนาขององคชาตโดยส่วนใหญ่จะมาจากเนื้อเยื่อเดียวกันในตัวอ่อน เช่นเดียวกับคริตอริสของเพศหญิง ผิวหนังโดยรอบขององคชาตและท่อปัสสาวะ ก็มาจากเนื้อเยื่อตัวอ่อนเดียวกันกับที่จะพัฒนาไปเป็นแคมเล็กของเพศหญิง การแข็งตัวคือการแข็งและสูงขึ้นขององคชาต ซึ่งจะเกิดขึ้นในขณะมีอารมณ์ทางเพศ แต่ก็ยังสามารถเกิดขึ้นในขณะที่ไม่มีอารมณ์ทางเพศได้เช่นกัน
ในสถานะอ่อนตัว (flaccid) ขององคชาต ส่วนลำขององคชาต (shaft) จะให้ความรู้สึกเป็นฟองน้ำหนาแน่นที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายในผิวหนังที่เรียบมาก และส่วนหัวขององคชาตในผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบจะถูกห่อหุ้มด้วยหนังหุ้มปลาย ในสถานะแข็งตัวเต็มที่ (erect) ส่วนลำขององคชาตจะแข็งซึ่งผิวหนังจะถูกยืดออกอย่างแน่น ส่วนหัวขององคชาตที่แข็งตัวจะให้ความรู้สึกคล้ายดอกเห็ด โดยองคชาตที่แข็งตัวนั้นอาจตรงหรือโค้งหรือชี้ไปในมุมขึ้นหรือชี้ไปในมุมลงก็ได้ เมื่อปี พ.ศ. 2558 การศึกษาที่ดีที่สุดเกี่ยวกับขนาดขององคชาตได้ข้อสรุปว่า ขนาดองคชาตของมนุษย์โดยเฉลี่ยขณะแข็งตัวมีความยาว 13.12 เซนติเมตร (5.17 นิ้ว) และมีความยาวเส้นรอบวง 11.66 เซนติเมตร (4.59 นิ้ว) ซึ่งทั้งอายุและขนาดขณะอ่อนตัวขององคชาตสามารถคาดการณ์ความยาวของอวัยวะเพศได้อย่างแม่นยำ
รูปแบบการเปลี่ยนแปลงส่วนหัวองคชาตที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยเป็นการนำส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของหนังหุ้มปลายออกไปด้วยเหตุผลทางวัฒนธรรม ศาสนา และไม่บ่อยนักด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งยังมีการถกเถียงกันในเรื่องของการขลิบหนังหุ้มปลายอยู่ในปัจจุบัน
กายวิภาคศาสตร์
ส่วนต่าง ๆ
- รากขององคชาต (Radix): เป็นส่วนที่ยึด ประกอบด้วยกระเปาะองคชาตในส่วนตรงกลาง และขาขององคชาตซึ่งอยู่คนละด้านกับกระเปาะ อยู่ภายในบริเวณตื้น ๆ ใต้ฝีเย็บ
- ส่วนตัวขององคชาต (Corpus): มีสองพื้นผิว คือ ส่วนบน (โพสเตอร์โรซูพีเรียร์ในส่วนยุบพองขององคชาต) และส่วนท้องหรือส่วนท่อปัสสาวะ (คว่ำลงและอยู่แนวหลังในภาวะองคชาตอ่อนตัว) พื้นผิวส่วนท้องจะทำให้เกิดร่องในแนวด้านข้าง
- เนื้อเยื่อบุผิวขององคชาต ประกอบด้วย หนังบริเวณก้าน หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย และเยื่อบุพรีพิวเทียลซึ่งอยู่ภายในหนังหุ้มปลายและปกคลุมส่วนหัวขององคชาต เนื้อเยื่อบุผิวนี้มิได้ยึดติดกับตัวก้าน จึงเป็นอิสระในการเคลื่อนไปมา
โครงสร้าง
องคชาตของมนุษย์เกิดจากเนื้อเยื่อสามต้น ประกอบด้วยกล้ามเนื้อคอร์ปัส คาเวอร์โนซัม (Corpus cavernosum) สองมัดที่ด้านบน และกล้ามเนื้อคอร์ปัส สปอนจิโอซัม (Corpus spongiosum) ซึ่งอยู่ระหว่างกลางของกล้ามเนื้อส่วนแรก
การขยายตัวและก้านกระเปาะส่วนท้ายของคอร์ปัส สปอนจิโอซัมรูปแบบส่วนหัวขององคชาต ซึ่งรองรับหนังหุ้มปลาย ซึ่งหากผิวหนังมีการพับอย่างหลวม ในวัยผู้ใหญ่จะสามารถเปิดออกเพื่อแสดงให้เห็นส่วนหัวขององคชาตได้ พื้นที่ที่อยู่ด้านใต้องคชาตเป็นส่วนที่หนังหุ้มปลายองคชาตถูกยึดติดไว้ในบริเวณที่เรียกว่า เส้นสองสลึง ส่วนฐานลักษณะโค้งมนของหัวองคชาตจะเรียกว่า โคโรนา ส่วน perineal raphe แสดงให้เห็นได้เป็นเส้น ด้านล่างขององคชาต
ท่อปัสสาวะ เป็นส่วนสุดท้ายของระบบขับถ่ายปัสสาวะ ซึ่งเคลื่อนผ่านคอร์ปัส สปอนจิโอซัม และเปิดออกบริเวณส่วนที่เรียกว่า ช่องปัสสาวะ บริเวณปลายสุดของหัวองคชาต ซึ่งเป็นทางผ่านของทั้งปัสสาวะและการหลั่งของน้ำอสุจิ ตัวอสุจิถูกสร้างขึ้นในอัณฑะ และเก็บไว้ภายในถุงเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) ในระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิ ตัวอสุจิจะถูกส่งขึ้นไปยังหลอดนำอสุจิ (Vas deferens) สองหลอดผ่านทางด้านหลังของกระเพาะปัสสาวะ ของเหลวจะถูกเพิ่มลงไปในท่อฉีดอสุจิ (Ejaculation ducts) ซึ่งจะเชื่อมกับท่อปัสสาวะภายในต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากและต่อมคาวเปอร์จะเติมสารคัดหลั่ง และน้ำอสุจิจะถูกขับออกมาทางองคชาต
Perineal raphe คือส่วนที่มองเห็นเป็นแนวระหว่างร่องทั้งสองข้างขององคชาต ซึ่งพบบริเวณด้านล่างส่วนท้องขององคชาต จากช่องปัสสาวะ (ส่วนเปิดของท่อปัสสาวะ) ผ่านถุงอัณฑะไปถึง Perineum (พื้นที่ระหว่างถุงอัณฑะและทวารหนัก)
องคชาตของมนุษย์ต่างจากองคชาตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ตรงที่ไม่มี Baculum หรือกระดูกอวัยวะเพศ และจะแทนที่การกักเลือดให้คั่งอยู่ในภาวะแข็งตัว และไม่สามารถหดกลับลงไปในบริเวณขาหนีบ และมันมีขนาดใหญ่กว่าโดยเฉลี่ยในอาณาจักรสัตว์ตามสัดส่วนน้ำหนักตัวของมนุษย์
ขนาด
การวัดขนาดองคชาตนั้นแปรปรวน ทั้งนี้การศึกษาที่อาศัยการวัดด้วยตนเอง จะมีการรายงานขนาดองคชาตโดยเฉลี่ยยาวกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการวัดที่ถูกกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ในปี พ.ศ. 2558 การปริทัศน์เป็นระบบของผู้ชาย 15,521 คน (และเป็นงานวิจัยที่ดีที่สุดในหัวข้อ เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างได้รับการวัดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ) ได้ข้อสรุปว่า ความยาวโดยเฉลี่ยขององคชาตมนุษย์ขณะแข็งตัวอยู่ที่ 13.12 เซนติเมตร (5.17 นิ้ว) ขณะที่ความยาวเส้นรอบวงโดยเฉลี่ยขององคชาตมนุษย์ขณะแข็งตัวอยู่ที่ 11.66 เซนติเมตร (4.59 นิ้ว)
ท่ามกลางบรรดาไพรเมต องคชาตของมนุษย์นั้นใหญ่ที่สุดในด้านเส้นรอบวง แต่สามารถเทียบกันได้กับองคชาตของชิมแปนซีและองคชาตของไพรเมตชนิดอื่นในด้านความยาว ขนาดขององคชาตได้รับผลกระทบจากพันธุกรรม แต่ยังอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยแวดล้อมด้วย เช่น การใช้ยาด้านภาวะเจริญพันธุ์ และการสัมผัสกับสารเคมีหรือมลพิษ ขณะที่เอกสารทางการระบุว่า องคชาตของมนุษย์ที่ยาวที่สุดนั้นถูกพบโดยนายแพทย์โรเบิร์ต แลทู ดิกคินสัน มีความยาว 34.3 เซนติเมตร (13.5 นิ้ว) และมีความยาวเส้นรอบวง 15.9 เซนติเมตร (6.26 นิ้ว)
รูปแบบปกติ
- Pearly penile papules เป็นการเกิดติ่งเนื้อเล็ก ๆ ขึ้นรอบฐาน (ร่อง) ของหัวองคชาตโดยปกติจะพัฒนาขึ้นในผู้ชายอายุ 20 ถึง 40 ปี ในปี ค.ศ. 1999 การศึกษาพบว่าภาวะนี้มีโอกาสเกิดขึ้นในผู้ชายทุกคน 8 ถึง 48 เปอร์เซ็นต์ บางครั้งอาจเข้าในผิดว่าเป็นหูด แต่ไม่มีอันตรายหรือติดเชื้อและไม่จำเป็นต้องรักษา
- จุดฟอร์ไดร์ซ เป็นจุดเล็ก ๆ นูนกว่าบริเวณโดยรอบ มีสีขาวเหลือง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1–2 มม. บางครั้งอาจปรากฏบนองคชาต ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่มีการติดเชื้อ
- Sebaceous prominences เป็นจุดที่นูนขึ้นกว่าบริเวณโดยรอบคล้ายกับจุดฟอร์ไดร์ซบนก้านองคชาต เป็นที่ตั้งของต่อมไขมันและเป็นเรื่องปกติ
- หนังหุ้มปลายองคชาตตีบ (Phimosis) เป็นอาการที่ไม่สามารถดึงหนังหุ้มปลายได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่เป็นอันตรายในวัยเด็กถึงวัยเด็กโต เกิดขึ้นประมาณ 8% ของเด็กผู้ชายอายุ 10 ปี ตามที่สมาคมแพทย์อังกฤษ ระบุว่าการรักษา (ด้วยครีมสเตียรอยด์เฉพาะที่ และ/หรือ การยืดด้วยมือ) จะไม่ถูกใช้จนกว่าจะอายุ 19 ปี
- การโค้ง: องคชาตจะไม่ตรงอย่างสมบูรณ์ ด้วยความโค้งที่พบได้บ่อยในทุกทิศทาง (ขึ้น, ลง, ซ้าย หรือ ขวา) บางครั้งที่ความโค้งอาจโดดเด่นมาก แต่ไม่ได้ยับยั้งการร่วมเพศ ส่วนโค้งที่มากกว่า 30 องศา ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นเรื่องปกติและไม่ค่อยต้องรักษา เว้นแต่มีมุมเกิน 45 องศา การเปลี่ยนแปลงความโค้งขององคชาตอาจเกิดจากโรคเพโรนีย์
การพัฒนา
ความแตกต่างระหว่างอวัยวะเพศของเพศหญิงและเพศชาย
ในการพัฒนาของทารกในครรภ์ ปุ่มอวัยวะสืบพันธุ์พัฒนาขึ้นเป็นส่วนหัวขององคชาตในเพศชาย และเป็นคริตอริสในเพศหญิง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเดียวกัน ส่วนทบอวัยวะเพศและทางเดินปัสสาวะพัฒนาขึ้นเป็นผิวหนังโดยรอบก้านขององคชาตและท่อปัสสาวะในเพศชาย และพัฒนาไปเป็นแคมเล็กในเพศหญิง โดย Corpora cavernosa เป็นต้นกำเนิดเดียวกันของตัวคริตอริส ส่วนคอร์ปัส สปอนจิโอซัมเป็นต้นกำเนิดเดียวกันของ Vestibular bulbs ซึ่งอยู่ใต้แคมเล็ก ถุงอัณฑะ ต้นกำเนิดเดียวกันกับแคมใหญ่ และหนังหุ้มปลาย ต้นกำเนิดเดียวกันกับส่วนหุ้มคริตอริส ส่วน Raphe ไม่พบในเพศหญิงเพาะทั้งสองส่วนไม่ได้เชื่อมกัน
การเจริญของอวัยวะเพศชายและวัยเริ่มเจริญพันธุ์
เมื่อเข้าสู่วัยเริ่มเจริญพันธุ์ องคชาต ถุงอัณฑะ และอัณฑะจะมีขนาดใหญ่ขึ้นต่อจนครบอายุ ในกระบวนการนั้น ขนหัวหน่าวจะขึ้นบริเวณเหนือและรอบ ๆ องคชาต จากการศึกษาขนาดอวัยวะเพศชายจำนวนมากในผู้ชายอายุ 17 ถึง 19 ปี กว่าพันคน ไม่พบความแตกต่างระหว่างขนาดเฉลี่ยขององคชาตระหว่างอายุ 17 ถึง 19 ปี จึงทำให้สามารถสรุปได้ว่าการเจริญของอวัยวะเพศชายจะสมบูรณ์ไม่เกินอายุ 17 ปี หรือก่อนหน้านั้น
หน้าที่ทางสรีรวิทยา
การถ่ายปัสสาวะ
ในเพศชาย การขับปัสสาวะออกจากร่างกายจะเสร็จสิ้นผ่านทางองคชาต โดยท่อปัสสาวะระบายน้ำออกจากกระเพาะปัสสาวะ ผ่านต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับท่อฉีดอสุจิ และต่อลงไปยังองคชาตต่อไป ที่รากขององคชาต (ใกล้กับจุดสิ้นสุดของคอร์ปัส สปอนจิโอซัม) ที่อยู่ตรงกล้ามเนื้อหูรูดภายนอก นี่คือหูรูดของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อลายและในผู้ชายสุขภาพดีภายใต้การควบคุมโดยสมัครใจ การผ่อนคลายหูรูดท่อปัสสาวะช่วยให้ปัสสาวะในท่อปัสสาวะตอนบน ไหลเข้าสู่องคชาตอย่างถูกต้องและทำให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
ทางสรีรวิทยา การถ่ายปัสสาวะเกี่ยวพันกับการประสานงานกันระหว่างระบบประสาทส่วนกลาง อัตโนวัติ และโซมาติก ในทารก หรือผู้สูงอายุบางคน ที่มีอาการบาดเจ็บของระบบประสาท การถ่ายปัสสาวะอาจเกิดขึ้นในฐานะรีเฟล็กซ์โดยไม่สมัครใจ ศูนย์สมองที่ควบคุมการปัสสาวะ ได้แก่ ศูนย์ถ่ายปัสสาวะพอนทีน (Pontine micturition center), เนื้อเทาพีเรียคืวดักทัล (Periaqueductal gray) และเปลือกสมอง ในระหว่างการแข็งตัว ศูนย์เหล่านี้จะยับยั้งการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อหูรูด เพื่อทำหน้าที่แยกทางสรีรวิทยาระหว่างการขับถ่ายและการสืบพันธุ์ขององคชาต และป้องกันปัสสาวะเข้าไปอยู่ในท่อปัสสาวะระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิ
ตำแหน่งถ่ายทิ้ง
ส่วนปลายของท่อปัสสาวะช่วยให้มนุษย์เพศชายปัสสาวะได้โดยตรงโดยผ่านองคชาต ความยืดหยุ่นช่วยให้เพศชายสามารถจัดท่าทางในการปัสสาวะได้ ในวัฒนธรรมที่มากกว่าขั้นต่ำในการสวมใส่เสื้อผ้า องคชาตช่วยให้เพศชายสามารถปัสสาวะในขณะยืนอยู่ได้โดยไม่ต้องถอดเสื้อผ้า ธรรมเนียมสำหรับผู้ชายบางคนอาจปัสสาวะในท่านั่งหรือหมอบ ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวอาจได้รับอิทธิพลมาจากความเชื่อทางศาสนาหรือวัฒนธรรม งานวิจัยทางการแพทย์นอกเหนือจากท่าทางที่มีอยู่ แต่ยังมีข้อมูลความเป็นแบบเดียวกัน การวิเคราะห์อภิมานสรุปหลักฐานที่พบว่าไม่มีท่าทางที่นอกเหนือในวัยหนุ่ม ผู้ชายที่มีสุขภาพดี สำหรับชายสูงอายุที่มีกลุ่มอาการระบบทางเดินปัสสาวะต่ำ (Lower urinary tract symptoms) อย่างไรก็ตามในท่านั่งเมื่อเปรียบเทียบกับท่ายืน:
- ปริมาณที่เหลือภายหลังการถ่ายทิ้ง (Post void residual; PVR, มิลลิลิตร) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- การไหลของปัสสาวะสูงสุด (Qmax, มิลลิลิตรต่อวินาที) เพิ่มขึ้น
- เวลาการถ่ายทิ้ง (Void time; VT, วินาที) ลดลง
ข้อมูลปัสสาวะพลวัตนี้สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
การแข็งตัว
การแข็งตัวคือการแข็งทื่อและสูงขึ้นขององคชาต ซึ่งจะเกิดขึ้นในขณะมีอารมณ์ทางเพศ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นในขณะที่ไม่มีอารมณ์ทางเพศได้เช่นกัน การแข็งตัวขององคชาตอาจเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งในช่วงวัยรุ่น เนื่องมาจากการเสียดสีกับเสื้อผ้า การเต็มของกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ใหญ่ ความแปรปรวนของฮอร์โมน ความตื่นกลัว และการถอดเสื้อผ้าแม้นในสถานการณ์ที่ไม่ข้อเกี่ยวกับทางเพศ นอกจากนี้การแข็งตัวยังอาจเกิดขึ้นระหว่างนอนหลักและในตอนตื่นนอนได้เช่นกัน (ดูที่องคชาตแข็งตัวขณะหลับ) กลไกทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวขององคชาตเป็นการกว้างขึ้นอัตโนวัติของหลอดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงไปยังองคชาต ซึ่งจะช่วยให้เลือดไหลไปมากขึ้นเพื่อเติมเต็มเนื้อเยื่อฟองน้ำภายในองคชาต ซึ่งทำให้องคชาตยาวและแข็งทื่อขึ้น เนื้อเยื่อของอวัยวะเพศในขณะนี้ได้ขยายขี้นจนไปกดหลอดเลือดดำที่นำเลือดออกจากองคชาต เลือดที่ไหลเข้าสู่องคชาตมากขึ้นกว่าเลือดที่ไหลออกจนถึงสภาวะสมดุลถึงที่ปริมาตรที่เท่ากันระหว่างเลือดไหลเข้าสู่หลอดเลือดแดงที่ถูกขยาย และหลอดเลือดดำที่ถูกบีบให้เล็กลง ขนาดการแข็งตัวที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นความสำเร็จของดุลยภาพนี้ และถุงอัณฑะอาจจะกระชับมากขึ้นด้วยในระหว่างการแข็งตัว
การแข็งตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการร่วมเพศ แม้ว่าจะไม่จำเป็นสำหรับกิจกรรมทางเพศบางประเภทก็ตาม
องศาการแข็งตัว
แม้ว่าองคชาตโดยมากจะแข็งตัวขึ้นไปด้านบน (ดังภาพตัวอย่างประกอบ) มันเป็นเรื่องธรรมดาและปกติที่เมื่อองคชาตแข็งตัวจะขี้ไปในลักษณะแนวเกือบตั้งขึ้นหรือเกือบตั้งลงในแนวนอนหรือแม้ในแนวตรง ทั้งหมดนั้นจะขึ้นอยู่กับความตึงของเส้นเอ็นพยุงที่ยึดองคชาตให้อยู่ในตำแหน่ง
ตารางต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงมุมต่าง ๆ ในท่ายืนของเพศชาย เป็นตัวอย่างจากผู้ชาย 1,564 คน อายุระหว่าง 20 ถึง 69 ปี โดยในตารางนี้ ค่าศูนย์องศาจะชี้ตรงกับช่องท้อง, 90 องศาจะเป็นแนวนอนและชี้ตรงไปด้านหน้า, ขณะที่ 180 องศาจะชี้ตรงลงไปที่เท้า ซึ่งส่วนมากแล้วมักเป็นมุมชี้ขึ้น
มุม (°) จากแนวตั้งขึ้น | เปอร์เซ็นต์ ของเพศชาย |
---|---|
0-30 | 4.9 |
30-60 | 29.6 |
60-85 | 30.9 |
85-95 | 9.9 |
95-120 | 19.8 |
120-180 | 4.9 |
การหลั่งน้ำอสุจิ
การหลั่งน้ำอสุจิคือการขับดันของน้ำอสุจิจากองคชาต ซึ่งมักเกิดขึ้นพร้อมกับความเสียวสุดยอดทางเพศ การหดตัวเป็นชุดของกล้ามเนื้อช่วยส่งน้ำอสุจิ ซึ่งบรรทุกเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย ที่รู้จักกันว่า เซลล์อสุจิ หรือสเปิร์มาโตซูน (Spermatozoon) จากองคชาต มักเป็นผลมาจากการการกระตุ้นทางเพศ ซึ่งอาจรวมถึงการกระตุ้นต่อมลูกหมาก และที่หาได้ยากจากอาการโรคต่อมลูกหมากโต การหลั่งน้ำอสุจิอาจเกิดขึ้นตามธรรมชาติในระหว่างการนอน (รู้จักกันว่าฝันเปียก) ส่วน Anejaculation เป็นภาวะเงื่อนไขของการที่ไม่สามารถหลั่งน้ำอสุจิได้
การหลั่งน้ำอสุจิมีสองขั้นตอน คือ การปล่อยออกมา และ การหลั่งน้ำอสุจิอย่างสมบูรณ์ ขั้นตอนการปล่อยออกมาของรีเฟล็กซ์การหลั่งน้ำอสุจิอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ขณะที่ขั้นตอนการหลั่งน้ำอสุจิอยู่ภายใต้การควบคุมของรีเฟล็กซ์เอ็นลึกที่ระดับของประสาทไขสันหลัง S2–4 ผ่านประสาทอวัยวะเพศ ระยะดื้อจากความสำเร็จในการหลั่งน้ำอสุจิและการกระตุ้นทางเพศที่มีมาก่อน
การดัดแปลงการวิวัฒน์
องคชาตของมนุษย์ได้รับการถกเถียงกันว่ามีการปรับตัวในหลายการวิวัฒนาการ ซึ่งวัตถุประสงค์ในการะปรับตัวเหล่านี้คือเพื่อเพิ่มความสำเร็จในการสืบพันธุ์และลดการแข่งขันของอสุจิ การแข่งขันของอสุจิคือ เมื่อตัวอสุจิของผู้ชายสองคนพร้อมกันที่อยู่ภายในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง และพวกมันจะแข่งกันเพื่อไปปฏิสนธิกับไข่ ถ้าผลการแข่งขันของอสุจิคือ อสุจิของเพศชายคู่แข่งได้เข้าไปปฏิสนธิกับไข่ อาจจะเกิดการมีชู้ของภรรยาขึ้น นี่เป็นกระบวนการที่เพศชายลงทุนของพวกเขาโดยไม่เจตนาในลูกหลานของชายอื่นและ การพูดถึงวิวัฒนาการเพื่อหลีกเลี่งต้นทุนทั้งหมด
งานวิจัยส่วนใหญ่พบการดัดแปลงขององคชาตมนุษย์และขนาดอัณฑะ การปรับเปลี่ยนการหลั่งน้ำอสุจิ และการเคลื่อนของน้ำอสุจิ
ลูกอัณฑะและขนาดองคชาต
การวิวัฒนาการได้ก่อให้เกิดการคัดเลือกทางเพศ การดัดแปลงเกิดขึ้นในขนาดองคชาตและขนาดอัณฑะในลำดับสูงสุดของความสำเร็จในการสืบพันธุ์และน้อยที่สุดในการแข่งขันของอสุจิ
การแข่งขันของอสุจิเป็นสาเหตุให้เกิดการวิวัฒน์ในความยาวและขนาดขององคชาตมนุษย์สำหรับการเก็บรักษาอสุจิและการเคลื่อนย้าย เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ องคชาตจะต้องมีความยาวเพียงพอที่จะเข้าถึงตัวอสุจิคู่แข่งใด ๆ และมากที่สุดในการเติมเต็มช่องคลอด ในลำดับเพื่อให้มั่นใจว่าเพศหญิงคนนั้นจะยังคงมีอสุจิของเพศชายเหลืออยู่ การปรับตัวในด้านความยาวขององคชาตมนุษย์จึงเกิดขึ้นให้การหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้นใกล้กับปากมดลูก นี่คือความสำเร็จเมื่อมีการล่วงล้ำอย่างสมบูรณ์เกิดขึ้นและองคชาตจะผลักดันขัดกับปากมดลูก การปรับตัวนี้ได้เกิดขึ้นเพื่อให้การปล่อยและคงไว้ซึ่งอสุจิไปยังจุดสูงสุดของระบบทางเดินช่องคลอด เป็นผลให้การปรับตัวนี้ยังฝากอสุจิของเพศชายมีความเสี่ยงน้อยลงต่อการเคลื่อนที่และการสูญเสียน้ำอสุจิ เหตุผลในการปรับตัวนี้เป็นผลมาจากลักษณะของท่าทางของมนุษย์ ซึ่งแรงโน้มถ่วงจะสร้างความเปราะบางต่อการสูญเสียน้ำอสุจิ ดังนั้นองคชาตที่ยาวซึ่งจะเข้าไปเกิดการหลั่งน้ำอสุจิภายในระบบทางเดินช่องคลอดที่ลึก สามารถลดการสูญเสียน้ำอสุจิได้
อีกทฤษฎีการวิวัฒนาการของขนาดองคชาต คือ การที่เพศหญิงเลือกคู่และการเป็นสมาคมที่มีการตัดสินทางสังคมในสังคมสมัยใหม่ การศึกษาแสดงให้เห็นถึงทางเลือกคู่ของเพศหญิงซึ่งมีอิทธิพลต่อขนาดองคชาตในการนำเสนอกับเพศหญิงด้วยขนาดชีวิต การหมุน การสร้างเพศชายจากคอมพิวเตอร์ เหล่านี้แตกต่างกันไปในระดับความสูง รูปร่าง และขนาดองคชาตขณะอ่อนตัว ด้วยประเด็นเหล่านี้เป็นตัวอย่างของความเป็นชาย การจัดอันดับความน่าดึงดูดใจของเพศหญิงสำหรับเพศชายแต่ละคนเผยให้เห็นว่าขนาดองคชาตที่ใหญ่เกี่ยวข้องกับอันดับที่สูงขึ้นในความน่าดึงดูดใจ ความสัมพันธ์ระหว่างองคชาตและความน่าสนใจจึงได้นำไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดองคชาตและความเป็นชายพบได้บ่อยในสื่อที่เป็นที่นิยม นี่ได้นำไปสู่อคติทางสังคมที่ว่าขนาดองคชาตที่ใหญ่จะเป็นที่ต้องการและมีสถานะทางสังคมที่สูงขึ้น นี่เป็นภาพสะท้อนในเรื่องการเชื่อมโยงกันระหว่างความกล้าหาญและขนาดองคชาตของเพศชาย และการตัดสินทางสังคมว่าขนาดองคชาตมีความสัมพันธ์กับ "ความเป็นลูกผู้ชาย"
เช่นกันกับองคชาต การแข่งขันของอสุจินั้นทำให้อัณฑะเกิดการวิวัฒนาการด้านขนาดด้วยวิธีการคัดเลือกทางเพศ นี่หมายความว่าการที่อัณฑะมีขนาดใหญ่เป็นตัวอย่างของการปรับตัวในการคัดเลือกทางเพศ อัณฑะของมนุษย์มีขนาดปานกลางเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์อื่น เช่น กอริลลาและชิมแปนซี ซึ่งอยู่ตรงสักทีหนึ่งในตรงกลาง อัณฑะที่มีขนาดใหญ่นั้นเป็นประโยชน์ในการแข่งขันของอสุจิ เนื่องจากความสามารถในการผลิตการหลั่งอสุจิที่มากกว่า การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์กันเชิงบวกอยู่ ระหว่างจำนวนของตัวอสุจิที่ถูกหลั่งและขนาดของอัณฑะ อัณฑะที่มีขนาดใหญ่กว่ายังแสดงให้เห็นถึงมีการพยากรณ์คุณภาพอสุจิที่ดีขึ้น ประกอบด้วย จำนวนของตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ที่มากกว่า
การวิจัยยังอธิบายให้เห็นอีกว่าการปรับตัวของขนาดอัณฑะนั้นจะขึ้นอยู่กับระบบการผสมพันธุ์ (Breeding system) ในแต่ละถิ่นที่อยู่ของสปีชีส์ ระบบการผสมพันธุ์ตัวผู้ตัวเดียว (Single-male breeding systems) หรือ สังคมการมีคู่สมรสคนเดียว มีแนวโน้มที่จะมีขนาดอัณฑะเล็กกว่าในระบบการผสมพันธุ์แบบตัวผู้หลายตัว (Multi-male breeding systems) มนุษย์นั้นอยู่ในสังคมที่เป็นสังคมการมีคู่สมรสคนเดียวเหมือนกับกอริลลา ดังนั้น ขนาดของอัณฑะจึงมีขนาดเล็กกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอันดับวานรที่มีระบบการผสมพันธุ์แบบตัวผู้หลายตัว อย่างเช่น ชิมแปนซี เหตุที่ทำให้เกิดความแตกต่างในขนาดอัณฑะนั้น คือเพื่อการประสบความสำเร็จในการสืบพันธุ์ในระบบการผสมพันธุ์แบบตัวผู้หลายตัว ตัวผู้จึงต้องมีความสามารถในการสร้างการหลั่งอสุจิอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่กรณีของสังคมการมีคู่สมรสคนเดียว ซึ่งการลดลงในการหลั่งเพื่อผสมพันธุ์นั้นไม่มีมีผลกระทบกับความสำเร็จในการสืบพันธุ์ สิ่งนี้ได้สะท้อนให้เห็นในมนุษย์ ที่จำนวนการหลั่งของอสุจิจะลดลงถ้าหากเกิดขึ้นมากกว่า 3 ถึง 5 ครั้งต่อสัปดาห์
การปรับเปลี่ยนในการหลั่งน้ำอสุจิ
หนึ่งในวิธีหลักที่การหลั่งน้ำอสุจิในเพศชายมีการวิวัฒน์นั้นก็เพื่อเอาชนะในการแข่งขันของอสุจิ นั้นคือผ่านความเร็วที่ตัวอสุจิใช้ในการเดินทาง การหลั่งน้ำอสุจิสามารถเดินทางได้ไกลถึง 30–60 เซนติเมตรในแต่ละครั้ง เมื่อรวมกับการวางตำแหน่งที่ตำแหน่งสูงสุดของทางช่องคลอดแล้ว จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในเพศชายที่ไข่จะได้รับการปฏิสนธิโดยตัวอสุจิของเขา (เมื่อเทียบกับตัวอสุจิของคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพ) ดังนั้นจึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจสูงสุดในการเป็นพ่ออย่างแน่นอน (paternal certainty)
นอกจากนี้ เพศชายยังสามารถและทำการปรับการหลั่งของตนเพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันของอสุจิได้ ตามความได้เปรียบอย่างสูงสุดในการจับคู่กับเพศหญิงคนหนึ่งด้วย การวิจัยได้มุ่งเน้นไปที่วิธีพื้นฐานสองวิธีที่เพศชายจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ นั่นคือ การปรับทางด้านขนาดของการหลั่งน้ำอสุจิ และการปรับในด้านคุณภาพของการหลั่งน้ำอสุจิ
ขนาด
จำนวนของตัวอสุจิที่ออกมาในแต่ละการหลั่งน้ำอสุจิจะแตกต่างกันไป การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกตั้งสมมติฐานว่าเป็นความพยายามของเพศชายเพื่อกำจัด หากไม่มีการลดลงของการแข่งขันของอสุจิ โดยเพศชายจะเปลี่ยนแปลงจำนวนของตัวอสุจิที่ส่งเข้าไปผสมในเพศหญิง ตามระดับการรับรู้ของการแข่งขันของอสุจิ โดยจะมีการผสมเชื้อ (inseminating) ตัวอสุจิเป็นจำนวนที่มาก หากเพศชายสงสัยว่าจะมีระดับการแข่งขันของอสุจิที่สูงจากชายอื่น
เพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนในการหลั่งน้ำอสุจิ การวิจัยแสดงให้เห็นว่า เพศชายมักจะเพิ่มจำนวนตัวอสุจิเข้าสู่คู่ของเขา หลังจากที่ถูกแยกกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง ลักษณะนี้จะเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความจริงที่ว่าคู่ที่มีเวลาให้กันน้อยกว่า จะมีโอกาสที่เพศหญิงจะได้รับการผสมโดยเพศชายคนอื่นเพิ่มขึ้น การแข่งขันของอสุจิจึงมีมากกว่า การเพิ่มจำนวนของตัวอสุจิที่เพศชายส่งเข้าไปผสมในเพศหญิง จะทำหน้าที่กำจัดตัวอสุจิของเพศหญิงใด ๆ ที่อาจถูกเก็บไว้ภายในเพศหญิง ที่เป็นผลมาจากการมีคู้ซ้อน (Extra-pair copulation; EPC) ในระหว่างการแยก ด้วยการเพิ่มจำนวนของตัวอสุจิหลังจากการแยก จะทำให้เพศชายนั้นเพิ่มความมั่นใจสูงสุดในการเป็นพ่ออย่างแน่นอน (paternal certainty) ได้ ส่วนการเพิ่มจำนวนของตัวอสุจิที่เพศชายสร้างเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันของอสุจินั้นไม่ได้ถูกสังเกตในส่วนการหลั่งน้ำอสุจิจากการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง
คุณภาพ
เพศชายยังมีการปรับการหลั่งน้ำอสุจิเพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันของอสุจิในแง่ของคุณภาพด้วย โดยมีงานวิจัยที่ได้แสดงให้เห็นในเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น การดูภาพทางเพศอย่างชัดเจนที่มีเพศหญิงจำนวนหนึ่งคนและเพศชายจำนวนสองคน (นั่นคือ มีการแข่งขันของอสุจิสูง) สามารถที่จะทำให้เพศชายสร้างจำนวนตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวได้มากกว่าการดูภาพทางเพศอย่างชัดเจนที่มีเพศหญิงจำนวนสามคน (นั่นคือ มีการแข่งขันของตัวอสุจิต่ำ) เช่นเดียวกับการเพิ่มจำนวน การเพิ่มคุณภาพของตัวอสุจิที่เพศชายส่งไปผสมในเพศหญิงนั้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจสูงสุดในการเป็นพ่ออย่างแน่นอน (paternal certainty) ได้ เมื่อการแข่งขันของอสุจินั้นสูง
นัยสำคัญทางคลินิก
ความผิดปกติ
- หนังหุ้มปลายองคชาตบวม (Paraphimosis) เป็นอาการที่ไม่สามารถย้ายหนังหุ้มปลายกลับลงไปคลุมส่วนหัวได้ อาจเกิดจากของเหลวซึ่งติดค้างอยู่ภายในหนังหุ้มปลายนั้น บางครั้งอาจเป็นไปตามขั้นตอนทางการแพทย์ หรืออาจเป็นการสะสมของของเหลวในหนังหุ้มปลาย อันเกิดจากแรงเสียดทานจากกิจกรรมทางเพศที่รุนแรง
- องคชาตโค้งงอ (Peyronie's disease) เป็นอาการที่มีแผลเป็นที่ผิดปกติเกิดขึ้นในเนื้อเยื่ออ่อนขององคชาต ทำให้เกิดความโค้งขึ้น หากเป็นกรณีที่รุนแรงสามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัด
- ภาวะการเกิดลิ่มเลือด (Thrombosis) สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาที่มีกิจกรรมทางเพศบ่อยครั้งและยืดเยื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเฟอเลชิโอ โดยปกติจะไม่อันตรายและสามารถหายได้ด้วยตนเองภายในไม่กี่สัปดาห์
- การติดเชื้อไวรัสเริม (Herpes) สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การพฒนาของแผลพุพองจากเริม
- การกดทับเส้นประสาทหว่างขา เป็นภาวะที่มีอาการปวดเกิดขึ้นเมื่อนั่ง และสูญเสียความรู้สึกที่องคชาตและการถึงจุดสุดยอดทางเพศ บางครั้งอาจเกิดการสูญเสียความรู้สึกทั้งหมด เส้นประสาทหว่างขาสามารถได้รับบาดเจ็บจากความแคบ, จากการนั่งเบาะจักรยานที่แข็ง และอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นกับคลิตอริสของเพศหญิงได้ด้วย
- องคชาตหัก (Penile fracture) สามารถเกิดขึ้นได้ หากองคชาตที่แข็งตัวนั้นเกิดการโค้งงอมากจนเกินไป โดยปกติเสียงป็อกหรือเสียงของหักและความเจ็บปวดนั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ควรได้รับการช่วยเหลือฉุกเฉินด้านการแพทย์โดยเร็วที่สุด การได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์อย่างทันเวลา ช่วยลดความโค้งมนที่จะเกิดขึ้นกับองคชาตถาวรได้
- ปลายประสาทอักเสบจากเบาหวาน สามารถทำให้เกิดอาการเหน็บชาในผิวองคชาต และความรู้สึกอาจลดลงหรือหายไปอย่างสมบูรณ์
- ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ คือ การไม่สามารถพัฒนาและรักษาการแข็งตัวขององคชาตให้เพียงพอต่อความพึงพอใจทางเพศได้ สาเหตุสำคัญอาจเกิดจากเบาหวาน หรือเกิดขึ้นตามวัย การบำบัดนั้นมีหลากวิธี ที่โดดเด่นที่สุด คือ การใช้ยาสารยับยั้งพีดีอี5 (เช่น ซิลเดนาฟิล ซิเตรต หรือ ไวอากา) ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาขยายหลอดเลือด
- ภาวะองคชาตแข็งค้าง เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีความเจ็บปวดและอาจมีอันตราย เนื่องจากองคชาตที่แข็งตัวไม่กลับไปสู่ภาวะอ่อนตัว ภาวะแข็งค้างที่เกิดขึ้นนานกว่าสี่ชั่วโมงเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ กลไกที่เป็นสาเหตุนั้นยังไม่กระจ่างนัก แต่มันเกี่ยวข้องกับปัจจัยของระบบประสาทและหลอดเลือดที่มีความซับซ้อน ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น คือ การขาดเลือดเฉพาะที่, ภาวะการเกิดลิ่มเลือด และภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ในกรณีที่มีความร้ายแรงอาจส่งผลให้เกิดเนื้อตายเน่า ซึ่งอาจเป็นผลให้มีการการตัดอวัยวะออก อย่างไรก็ตาม โดยปกติมักจะเป็นกรณีที่ถ้าอวัยวะเกิดการชำรุดและเกิดอาการเจ็บเพราะมัน ปัจจัยนั้นมีความเกี่ยวข้องกับความหลากหลายของยาที่ใช้ รวมถึง โพรสตาแกลนดินด้วย ซึ่งขัดกับความรู้สึกทั่วไปที่ ซิลเดนาฟิล (ไวอากา) นั้นจะไม่ก่อให้เกิดอาการนี้
- ลิมฟาจิโอสคลีโรซิส (Lymphangiosclerosis) เป็นการแข็งของหลอดน้ำเหลือง แม้ว่าจะสามารถให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการแข็งขึ้นจนเกือบจะเป็นการจับของหินปูน (calcified) หรือเป็นเส้นใยแบบหลอดเลือดดำ อย่างไรก็ตาม มันมีแนวโน้มที่จะไม่มีสีน้ำเงินร่วมกับหลอดเลือดดำ โดยอาจรู้สึกได้เป็นก้อนแข็งหรือเป็น "หลอดเลือดดำ" แม้ในขณะที่องคชาตอ่อนตัว และอาการลักษณะดังกล่าวจะโดดเด่นมากขึ้นในขณะที่องคชาตแข็งตัว ถือเป็นเงื่อนไขทางกายภาพที่ไม่ร้าย (benign) ถือเป็นเรื่องทั่วไป และสามารถทำกิจกรรมทางเพศได้ตามปกติ และมีแนวโน้มที่จะหายไปหากได้รับการพักผ่อนและการดูแลอย่างอ่อนโยน เช่น การใช้สารหล่อลื่น
- มะเร็งองคชาต (Carcinoma of the penis) พบได้ยาก มีรายงานพบในสัดส่วน 1 ต่อ 100,000 คนในประเทศพัฒนาแล้ว บางแหล่งข้อมูลระบุว่าการขลิบนั้นสามารถป้องกันมะเร็งองคชาตได้ แต่แนวคิดนี้ยังเป็นข้อขัดแย้งกันในวงการแพทย์
ความผิดปกติทางการพัฒนา
- รูเปิดท่อปัสสาวะต่ากว่าปกติ (Hypospadias) เป็นความผิดปกติทางการพัฒนาที่ซึ่งรูท่อปัสสาวะอยู่ผิดต่ำแหน่งเมื่อเกิด รูท่อปัสสาวะต่ากว่าปกติยังสามารถเกิดขึ้นได้จากหมอทำ ซึ่งเกิดจากความดันที่ลดลงของสายสวนปัสสาวะที่สวนค้างไว้ด้วย มักถูกแก้ไขโดยการผ่าตัด
- องคชาตเล็กมาก (Micropenis) เป็นการที่องคชาตมีขนาดเล็กมาก ซึ่งเกิดจากปัญหาการพัฒนาหรือปัญหาแต่กำเนิด
- สององคชาต (Diphallia) หรือ การเป็นคู่ขององคชาต (Penile duplication; PD) เป็นสภาพที่มีองคชาตสองอัน อย่างไรก็ตาม ความผิดปกตินี้พบได้ยากมาก
การถูกกล่าวหาและความผิดปกติที่สังเกตได้ทางจิตวิทยา
- โรคจู๋ (Penis panic) ในภาษามาเลเซีย/ภาษาอินโดนีเซียเรียกว่า โคโร (koro) เป็นภาพลวงตาที่เกิดเห็นองคชาตหดลงและหดหลับเข้าไปในร่างกาย ความผิดปกตินี้เหมือนจะมีเงื่อนไขทางวัฒนธรรมและมักจำกัดอยู่ภายในประเทศกานา ประเทศซูดาน ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศในแอฟริกาตะวันตก
- ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 ในเมืองกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในแอฟริกาตะวันตก ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 14 คน (จากการวิ่งราวองคชาต) และหมอผีซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้มนต์ดำหรือเวทมนตร์คาถาในการขโมย (ทำให้หายไป) หรือทำให้องคชาตของผู้ชายหดหายไปเพื่อรีดไถเงิน ท่ามกลางความตื่นตระหนกของหมู่ชน การจับกุมนั้นเกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือดด้วย ดังกรณีในประเทศกานา เมื่อสิบปีก่อน โดยที่มีองคชาตของชายจำนวน 12 คนถูกวิ่งราวไป ซึ่งผู้วิ่งราวองคชาตนั้นถูกรุมประชาทัณฑ์จนถึงแก่ความตายโดยกลุ่มผู้ชุมนุม
- ความอิจฉาองคชาต (Penis envy) เป็นแย้งความเชื่อของซีคมุนท์ ฟร็อยท์ ที่เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความอิจฉาตามธรรมชาติที่ผู้ชายมีองคชาต
การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
การผ่าตัดด้วยการอัลโลทรานสแพลนท์องคชาตที่สำเร็จเป็นครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 ในโรงพยาบาลทหารในกว่างโจว ประเทศจีน ผู้ป่วยเป็นชายอายุ 44 ปีซึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและองคชาตได้ถูกตัดขาดไป การปัสสาวะเป็นไปได้ยากลำบากเนื่องจากท่อปัสสาวะบางส่วนของผู้ป่วยถูกปิดกั้น จึงได้มีการเลือกการปลูกถ่ายขึ้นจากชายอายุ 23 ปีที่เสียชีวิตจากสมองตายเมื่อไม่นานนัก แม้จะมีการฝ่อของหลอดเลือดและเส้นประสาท แต่หลอดเลือดแดง หลอดเลือดดำ เส้นประสาท และคอร์ปัส สปอนจิโอซุมนั้นเข้ากันได้อย่างดี แต่ในวันที่ 19 กันยายน (สองสัปดาห์ให้หลัง) การผ่าตัดก็ถูกย้อนกลับ เนื่องจากปัญหาทางจิตใจอย่างรุนแรง (ปฏิกิริยาปฏิเสธสิ่งปลูกถ่าย) จากตัวผู้รับและภรรยา
อ้างอิง
- ↑ Keith L. Moore, T. V. N. Persaud, Mark G. Torchia, The Developing Human: Clinically Oriented Embryology 10th Ed. Elsevier Health Sciences, 2015 ISBN 9780323313483, pp 267-69
- Richard E. Jones; Kristin H. Lopez (28 September 2013). Human Reproductive Biology. Academic Press. p. 352. ISBN 978-0-12-382185-0.
- ↑ "Is Your Penis Normal? There's a Chart for That - RealClearScience".
- ↑ Veale, D.; Miles, S.; Bramley, S.; Muir, G.; Hodsoll, J. (2015). "Am I normal? A systematic review and construction of nomograms for flaccid and erect penis length and circumference in up to 15 521 men". BJU International. 115 (6): 978–986. doi:10.1111/bju.13010. PMID 25487360.
- Video of gliding action
- Dixson, A. F. (2009). Sexual selection and the origins of human mating systems. Oxford University Press. pp. 61–65. ISBN 9780191569739.
- Center of Disease Control. "DES Update: Consumers". สืบค้นเมื่อ 2013-11-07.
- Swan SH, Main KM, Liu F, และคณะ (August 2005). "Decrease in anogenital distance among male infants with prenatal phthalate exposure". Environmental Health Perspectives. 113 (8): 1056–61. doi:10.1289/ehp.8100. PMC 1280349. PMID 16079079.
- Montague, Peter. . Rachel's Hazardous Waste News. 372. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2012-03-03.
- "Hormone Hell". DISCOVER. สืบค้นเมื่อ 2008-04-05.
- Dickinson, R.L. (1940). The Sex Life of the Unmarried Adult. New York: Vanguard Press.[ต้องการหน้า]
- Brown, Clarence William (February 13, 2014). "Pearly Penile Papules: Epidemiology". Medscape. สืบค้นเมื่อ 2014-03-08.
- Spots on the penis
- Richard E. Jones; Kristin H. Lopez (28 September 2013). Human Reproductive Biology. Academic Press. ISBN 978-0-12-382185-0.
- Ponchietti R, Mondaini N, Bonafè M, Di Loro F, Biscioni S, Masieri L (February 2001). "Penile length and circumference: a study on 3,300 young Italian males". European Urology. 39 (2): 183–6. doi:10.1159/000052434. PMID 11223678.
- Sie JA, Blok BF, de Weerd H, Holstege G (2001). "Ultrastructural evidence for direct projections from the pontine micturition center to glycine-immunoreactive neurons in the sacral dorsal gray commissure in the cat". J. Comp. Neurol. 429 (4): 631–7. doi:10.1002/1096-9861(20010122)429:4<631::AID-CNE9>3.0.CO;2-M. PMID 11135240.
- Schirren, C.; Rehacek, M.; Cooman, S. de; Widmann, H.-U. (24 April 2009). "Die retrograde Ejakulation". Andrologia. 5 (1): 7–14. doi:10.1111/j.1439-0272.1973.tb00878.x.
- Y. de Jong; R.M. ten Brinck; J.H.F.M. Pinckaers; A.A.B. Lycklama à Nijeholt. "Influence of voiding posture on urodynamic parameters in men: a literature review" (PDF). Nederlands Tijdschrift voor urologie). สืบค้นเมื่อ 2014-07-02.
- de Jong, Y; Pinckaers, JH; Ten Brinck, RM; Lycklama À Nijeholt, AA; Dekkers, OM (2014). "Urinating Standing versus Sitting: Position Is of Influence in Men with Prostate Enlargement. A Systematic Review and Meta-Analysis". PLOS ONE. 9 (7): e101320. doi:10.1371/journal.pone.0101320. PMC 4106761. PMID 25051345.
- Sparling J (1997). "Penile erections: shape, angle, and length". Journal of Sex & Marital Therapy. 23 (3): 195–207. doi:10.1080/00926239708403924. PMID 9292834.
- Carlson, Neil. (2013). Physiology of Behavior. Upper Saddle River, New Jersey: Pearson Education, Inc.
- Bleske-Rechek, A. L.; Euler, H. A.; LeBlanc, G. J.; Shackelford, T. K.; Weekes-Shackelford, V. A. (2002). "Psychological adaptation to human sperm competition" (PDF). Evolution and Human Behavior.
- Ehrke, A. D.; Pham, M. N.; Shackelford, T. K.; Welling, L. L. M. (2013). "Oral sex, semen displacement, and sexual arousal: testing the ejaculate adjustment hypothesis". Evolutionary Psychology.
- ↑ Shackelford, Todd K.; Goetz, Aaron T. (2007-02-01). "Adaptation to Sperm Competition in Humans". Current Directions in Psychological Science. 16 (1): 47–50. doi:10.1111/j.1467-8721.2007.00473.x. ISSN 0963-7214.
- ↑ Moller, A. P. (1988). "Ejaculate quality, testes size and sperm competition in primates". Journal of Human Evolution. 17: 479–488. doi:10.1016/0047-2484(88)90037-1.
- ↑ Mautz, B. S.; Wong, B. B. M.; Peters, R. A.; Jennions, M. D. (April 23, 2013). "Penis size interacts with body shape and height to influence male attractiveness". Proceedings of the National Academy of Sciences of the United States of America. 110 (17): 6925–30. Bibcode:2013PNAS..110.6925M. doi:10.1073/pnas.1219361110. JSTOR 42590540. PMC 3637716. PMID 23569234.
- Masters, W. H.; Johnson, V. E. (1966). Human Sexual Response. Boston: Little, Brown and Company.
- Schultz, W. W.; van Andel, P.; Sabelis, I.; Mooyaart, E. (December 18, 1999). "Magnetic resonance imaging of male and female genitals during coitus and female sexual arousal" (PDF). BMJ. 319: 1596. doi:10.1136/bmj.319.7225.1596.
- ↑ Gallup, G. G.; Burch, R. L. (January 1, 2004). "Semen displacement as a sperm competition strategy in humans". Evolutionary Psychology. doi:10.1177/147470490400200105.
- ↑ Lever, J.; Frederick, D. A.; Peplau, L. A. (2006). "Does size matter? Men's and women's views on penis size across the lifespan". Psychology of Men and Masculinity. 7: 129–143. doi:10.1037/1524-9220.7.3.129.
- Harcourt, A. H.; Purvis, A.; Liles, L. (1995). "Sperm competition: Mating system, not breeding season, affects testes size of primates". Functional Ecology. 9 (3): 469–476. doi:10.2307/2390011. JSTOR 2390011.
- ↑ Simmons, Leigh W.; Firman, Renée C.; Rhodes, Gillian; Peters, Marianne (2003). "Human sperm competition: testis size, sperm production and rates of extra pair copulations". Animal Behaviour. 68: 297–302. doi:10.1016/j.anbehav.2003.11.013.
- Harcourt, A. H.; Harvey, P. H.; Larson, S. G.; Short, R. V. (1981). "Testis weight, body weight and breeding system in primates". Nature. 293 (5827): 55–57. Bibcode:1981Natur.293...55H. doi:10.1038/293055a0. PMID 7266658.
- Freund, M. (1962). "Interrelationships among the characteristics of human semen and facts affecting semen specimen quality". Journal of Reproduction and Fertility. 4: 143–159. doi:10.1530/jrf.0.0040143. PMID 13959612.
- Kelly, Clint D.; Jennions, Michael D. (2011-11-01). "Sexual selection and sperm quantity: meta-analyses of strategic ejaculation". Biological Reviews. 86 (4): 863–884. doi:10.1111/j.1469-185X.2011.00175.x. ISSN 1469-185X. PMID 21414127.
- Shackelford, Todd K.; Pound, Nicholas; Goetz, Aaron T. (2005). "Psychological and Physiological Adaptations to Sperm Competition in Humans". Review of General Psychology. 9 (3): 228–248. doi:10.1037/1089-2680.9.3.228.
- Baker, R. Robin; Bellis, Mark A. (1989-05-01). "Number of sperm in human ejaculates varies in accordance with sperm competition theory". Animal Behaviour. 37 (Pt 5): 867–869. doi:10.1016/0003-3472(89)90075-4.
- Shackelford, T (2002). "Psychological adaptation to human sperm competition". Evolution and Human Behavior. 23 (2): 123–138. doi:10.1016/s1090-5138(01)00090-3.
- Kilgallon, Sarah J.; Simmons, Leigh W. (2005-09-22). "Image content influences men's semen quality". Biology Letters. 1 (3): 253–255. doi:10.1098/rsbl.2005.0324. ISSN 1744-9561. PMC 1617155. PMID 17148180.
- Goldenberg MM (1998). "Safety and efficacy of sildenafil citrate in the treatment of male erectile dysfunction". Clinical Therapeutics. 20 (6): 1033–48. doi:10.1016/S0149-2918(98)80103-3. PMID 9916601.
- Boczko S, Freed S (November 1979). "Penile carcinoma in circumcised males". New York State Journal of Medicine. 79 (12): 1903–4. PMID 292845.
- Andrews HO, Nauth-Misir R, Shah PJ (March 1998). "Iatrogenic hypospadias—a preventable injury?". Spinal Cord. 36 (3): 177–80. doi:10.1038/sj.sc.3100508. PMID 9554017.
- "Lynchings in Congo as penis theft panic hits capital". Reuters. 22 April 2017. สืบค้นเมื่อ 16 January 2017.
- "世界首例异体阴茎移植成功 40岁患者数周后出院·广东新闻·珠江三角洲·南方新闻网". สืบค้นเมื่อ 16 January 2017.
- Sample, Ian (2006-09-18). "Man rejects first penis transplant". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 2010-05-22.