อัลกุรอาน
อัลกุรอาน บ้างเรียก โกหร่าน หรือ โก้หร่าน (อาหรับ: القرآن, lit. 'การอ่าน') เป็นคัมภีร์ของศาสนาอิสลามที่มุสลิมเชื่อว่าถูกประทานมาจากพระเป็นเจ้า (อัลลอฮ์) ซึ่งถือกันโดยทั่วไปกว่าเป็นผลงานวรรณกรรมภาษาอาหรับคลาสสิกที่ดีที่สุด อัลกุรอานแบ่งออกเป็น 114 บท (ซูเราะฮ์ (อาหรับ: سور; เอกพจน์: อาหรับ: سورة)) ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายโองการ (อายะฮ์ (อาหรับ: آيات; เอกพจน์: อาหรับ: آية))
มุสลิมเชื่อว่าอัลกุรอานถูกประทานแบบปากเปล่าจากพระเจ้าแก่มุฮัมมัด ศาสดาคนสุดท้าย ผ่านเทวทูตญิบรีล ทีละเล็กทีละน้อยเป็นระยะเวลากว่า 23 ปี ตั้งแต่เดือนเราะมะฎอน ในตอนที่มุฮัมมัดอายุ 40 ปี และจบลงหลังท่านเสียชีวิตใน ค.ศ. 632 มุสลิมถือว่าอัลกุรอานเป็นปาฏิหาริย์ที่สำคัญที่สุดของมุฮัมมัด โดยเป็นหลักฐานในการเป็นศาสดาของท่านและเป็นคัมภีร์ชุดสุดท้ายที่ถูกประทานมาตั้งแต่สมัยนบีอาดัม ได้แก่ เตารอต (โทราห์), ซะบูร ("เพลงสดุดี") และอินญีล ("พระวรสาร; ไบเบิล") ในอัลกุรอานมีคำว่า กุรอาน ปรากฏอยู่ 70 ที่ และมีชื่อกับคำอื่นที่สามารถอิงถึงอัลกุรอานได้
มุสลิมเชื่อว่าอัลกุรอานไม่ได้เพียงแค่ถูกประทานลงมาเท่านั้น แต่ยังเป็นพระดำรัสจากพระเจ้าด้วย ศาสดามุฮัมมัดไม่ได้เขียนมันเพราะท่านเขียนไม่เป็น โดยมีธรรมเนียมว่าเศาะฮาบะฮ์บางส่วนของมุฮัมมัดทำหน้าที่คัดลอก บันทึกโองการแทน หลังท่านศาสดาเสียชีวิตไม่นาน เหล่าเศาะฮาบะฮ์จึงทำหน้าที่รวบรวมอัลกุรอาน ผ่านการเขียนหรือจำบางส่วนจากมัน เคาะลีฟะฮ์อุษมานเป็นผู้จัดตั้งฉบับมาตรฐานที่มีชื่อว่าอุษมานิกโคเด็กซ์ ซึ่งทั่วไปถือว่าเป็นต้นแบบของอัลกุรอานในปัจจุบัน แต่มีวิธีการอ่านหลายแบบ
มีการกล่าวถึงอัลกุรอานว่า เป็นคัมภีร์ที่ชี้นำมวลมนุษยชาติ (กุรอาน 2:185) บางครั้งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์จำเพาะ และมักเน้นความสำคัญทางศีลธรรมของเหตุการณ์มากกว่าลำดับการเล่าเรื่อง สิ่งที่เสริมอัลกุรอานด้วยคำอธิบายโองการอัลกุรอานที่คลุมเครือ และการพิจารณาคดีที่มีส่วนในหลักการชะรีอะฮ์ (กฎหมายอิสลาม) ในนิกายส่วนใหญ่ของอิสลาม คือฮะดีษ—ธรรมเนียมทั้งทางวาจาและลายลักษณ์อักษรที่เชื่อว่าเป็นเป็นคำพูดและการกระทำของศาสดามุฮัมมัด ในช่วงเวลาละหมาด จะอ่านอัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับเท่านั้น
ผู้ที่จำอัลกุรอานทั้งเล่มจะถูกเรียกเป็นฮาฟิซ ('ผู้ท่องจำ') ในช่วงเดือนเราะมะฎอน มุสลิมมักจะอ่านอัลกุรอานทั้งเล่มในช่วงละหมาดตะรอเวียะห์ ถ้ามุสลิมคนไหนต้องการอนุมานความหมายของโองการ มุสลิมจะพึ่งอรรถกถาหรือคำบรรยาย (ตัฟซีร) มากกว่าการแปลตรงตัว
ศัพทมูลวิทยาและความหมาย
คำว่าอัลกุรอานปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอานประมาณ 70 ครั้ง โดยมีหลายความหมาย คำนี้เป็นคำนามที่มาจากคำกริยา (มัศดัร) ว่า เกาะเราะอะ (قرأ) แปลว่า 'เขาอ่าน' หรือ 'เขาถูกอ่าน' ซึ่งตรงกับภาษาซีรีแอกว่า qeryānā (ܩܪܝܢܐ) ซึ่งสื่อถึง 'การอ่านคัมภีร์' หรือ 'บทเรียน' ในขณะที่นักวิชาการตะวันตกบางส่วนถือว่าคำนี้มาจากภาษาซีรีแอก ส่วนมุสลิมที่มีอำนาจส่วนใหญ่ถือต้นกำเนิดของคำนี้มาจากคำว่า เกาะเราะอะ ถึงกระนั้น คำนี้กลายเป็นภาษาอาหรับในสมัยของมุฮัมมัด
การประทานคัมภีร์
ในวัฒนธรรมดั้งเดิม; ในราวปี ค.ศ. 610 เมื่อมุฮัมมัดนั่งบำเพ็ญตนอยู่ในถ้ำบนยอดเขาฮิรออ์อย่างที่เคยทำเป็นประจำ ญิบรีลก็ปรากฏตนขึ้น และนำพระโองการแรกจากพระผู้เป็นเจ้ามีความว่า
"อ่าน! ด้วยพระนามแห่งผู้อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงบังเกิด ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่าน และพระเจ้าของเธอนั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้ ..." (บทที่ 96 อัลอะลัก)
ตั้งแต่นั้นมามุฮัมมัดก็ได้กลายเป็นศาสนทูตของพระเจ้า ที่ต้องรับหน้าที่ประกาศศาสนาของพระเจ้า นั่นคือศาสนาอิสลาม ที่ตั้งอยู่บนหลักการไม่บูชาสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้าองค์เดียว การวิวรณ์ การรับสาส์น หรือโองการจากพระเจ้านั้นเรียกในภาษาอาหรับว่าวะฮีย์ ศาสดามุฮัมมัดได้รับวะฮีย์เป็นคราว ๆ ทะยอยลงมาเรื่อย ๆ จากวะฮีย์แรกถึงวะฮีย์สุดท้ายใช้เวลา 23 ปี ทุกครั้งที่วะฮีย์ลงมา ท่านศาสนทูตจะประกาศให้สาวกของท่านทราบ เพื่อจะได้ไปประกาศให้คนอื่นทราบอีกต่อไป สาวกจะพยายามท่องจำวะฮีย์ที่ลงมานั้นจนขึ้นใจ และท่านศาสดาจะสั่งให้อาลักษณ์ของท่านบันทึกลงในสมุดที่ทำด้วยหนังสัตว์ กระดูก หรือสิ่งอื่น ๆ ที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้
ชาวอาหรับสมัยนั้นเก่งกาจในเชิงกวีนิพนธ์ มีกวีลือนามปรากฏอยู่ทุกเผ่า ที่กะอ์บะฮ์นั้นก็มีบทกวีที่แต่งโดยเจ็ดยอดกวีอาหรับ เขียนด้วยน้ำทองคำแขวนอยู่ ในงานแสดงสินค้าประจำปีที่ อุกาซ ในอาราเบีย ที่จัดให้อาหรับทุกเผ่าพันธุ์มาพบปะแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรม ก็จะมีกิจกรรมที่สำคัญที่สุดร่วมอยู่ด้วยนั่นคือการประชันบทกวี
อันลักษณะของคัมภีร์อัลกรุอานนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างร้อยแก้วและร้อยกรอง คัมภีร์อัลกรุอานจึงเป็นสิ่งท้าทายที่พิสดารสำหรับชาวอาหรับ เพราะเป็นร้อยแก้วมีความไพเราะได้โดยไม่ต้องใช้มาตราสัมผัสและบทวรรคตามกฎของกวีนิพนธ์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวอาหรับฉงนใจว่า คนที่ไม่เคยแต่งโคลงกลอนและอ่านเขียนไม่ได้อย่างมุฮัมมัด จะต้องไม่ใช่ผู้แต่งอัลกุรอานเป็นแน่
จากข้อความและการวิจัยทางโบราณคดี Patricia Crone, Michael Cook ฯลฯ ตั้งสมมติฐานว่า "Masjid al-Haram" ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมกกะ แต่อยู่ในคาบสมุทรอาหรับทางตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อไม่คำนึงถึงสิ่งประดิษฐ์ที่อิงตามวัฒนธรรมการเล่าเรื่อง ประวัติศาสตร์อิสลามในยุคแรกๆ เกิดขึ้นเมื่อใด มาจากไหน และแพร่หลายไปทั่วโลกในทุกวันนี้ก็ยังไม่ชัดเจน และการค้นพบที่ชี้ไปยังภูมิภาคต่างๆ ก็ปรากฏขึ้น นอกเหนือจากเปตราแล้ว ภูมิภาค Kufe และ Hire (อิรักใต้) ยังโดดเด่นในการอภิปราย
เนื้อหาสาระของอัลกุรอาน
เนื้อหาอัลกุรอานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของอิสลามรวมถึงการดำรงอยู่ของพระเจ้าและการฟื้นคืนพระชนม์ คำบรรยายของผู้เผยพระวจนะยุคแรก ประเด็นด้านจริยธรรมและกฎหมาย เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในสมัยของมูฮัมหมัด การกุศล และการละหมาดก็ปรากฏในอัลกุรอานด้วยเช่นกัน
อัลกุรอานแบ่งออกเป็นบท เรียกว่า ซูเราะฮ์ ซึ่งมีทั้งหมด 114 ซูเราะฮ์ แต่ละซูเราะฮ์ แบ่งเป็นวรรคสั้นยาวไม่เท่ากัน เรียกว่า อายะห์ (แปลว่า สัญลักษณ์) ซึ่งอัลกรุอานมีอายะหฺทั้งหมด 6236 อายะฮ์ ตามการนับมาตรฐาน (ดู คัมภีร์มาตรฐานที่พิมพ์โดยรัฐบาลซาอุดีอารเบีย) เนื้อหาในอัลกุรอานนั้นแบ่งได้สามหมวดคือ หนึ่งเกี่ยวกับหลักการศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ความเร้นลับที่มีอยู่ในและนอกกาละและเทศะ หมวดที่สองคือพงศาวดารของประเทศชาติก่อนหน้าการประกาศอิสลาม และคำพยากรณ์สำหรับอนาคตกาล หมวดที่สามเป็นนิติบัญญัติสำหรับมนุษย์ที่จะต้องนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในแต่ละซูเราะฮ์หรือแม้ในแต่ละวรรคอาจจะมีที่ระบุถึงสามหมวดในเวลาเดียวกัน แก่นกลางของอัลกุรอานคือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้สร้าง (เอกเทวนิยม).
คัมภีร์อัลกุรอานมีความมหัศจรรย์หลายอย่าง ประการแรกก็คือความไพเราะของเชิงวรรณศิลป์จังหวะจะโคนที่ต่างไปจากกวีนิพนธ์อาหรับสมัยนั้น ประการที่สองคือการเปิดเผยความลี้ลับของศาสตร์และวิทยาการแขนงต่าง ๆ ที่คนสมัยนั้นยังไม่ทราบ การเปิดเผยพงศาวดารในอดีต การพยากรณ์อนาคต การเปิดเผยความลี้ลับที่วิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ ดั่งเช่น การระบุถึงการขยายตัวของจักรวาล คลื่นใต้น้ำ และบทบาทของลมในการผสมพันธุ์ของต้นไม้เป็นต้น
การที่ภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ไม่วิวัฒน์หรือตายเหมือนภาษาอื่น ๆ และการที่วิทยาการที่มีระบุในคัมภีร์อัลกุรอานไม่เคยล้าสมัย อีกทั้งคำสั่งสอนของอัลกุรอานก็เอาหลักตรรกวิทยาและปรัชญาเป็นพื้นฐาน
ตามความเชื่อของชาวมุสลิม ด้วยความมหัศจรรย์ของกรุอานดังที่กล่าวมาคือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ ที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้แก่นบีมุหัมมัด เพื่อยืนยันว่า อัลกรุอานเป็นโองการของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงไม่ใช่กวีนิพนธ์ของมนุษย์
หลังจากศาสนทูตมุฮัมมัดประกอบพิธีฮัจญ์ในมักกะฮ์ พระเจ้าก็ได้ทรงประทานโองการอันสุดท้าย นั่นคือ
"วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเธอสมบูรณ์ และฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเธอนั้นบริบูรณ์ และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเธอ" (บทที่ 3 อัลมาอิดะฮฺ)
การจัดเรียงลำดับบทต่างๆของคัมภีร์ซึ่งเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ต้นนั้นไม่ได้ถือลำดับก่อนหลังเป็นหลัก แต่จะเรียงตามจำนวนของวรรคในบทต่างๆ แต่เพราะความที่ในทุกๆบทมีใจความสมบูรณ์แล้ว การเรียงลำดับใดๆจึงไม่มีผลกระทบต่อเนื้อหาของบัญญัติ กระนั้นก็มีนักวิชาการทำการค้นคว้าการจัดเรียงรูปแบบต่างๆ เช่น ตามลำดับก่อนหลังของการเปิดเผยโอการ แต่ก็ไม่เป็นที่นิยม โองการที่ลงมาตอนท่านศาสดาอพยพ ซึ่งที่เรียกว่า มักกียะห์ ก็อาจจะเข้าไปอยู่ในบทที่มีโองการที่ลงมาหลังอพยพไปมะดีนะฮ์ คือทีเรียกว่า มะดะนียะฮฺ ท่านศาสดาเสียชีวิตหลังจากโองการอัลกุรอานได้รวบรวมขึ้นเป็นเล่มบริบูรณ์แล้ว
เนื่องด้วยคัมภีร์อัลกุรอานเป็นธรรมนูญของอิสลาม จึงเกิดมีวิทยาการใหญ่ ๆ แตกแขนงมาจากคัมภีร์อัลกุรอานหลายสาขา เช่น วิชาตัจญ์วีด ซึ่งเป็นวิชาเกี่ยวกับการอ่านอัลกุรอานให้ถูกต้อง วิชาอุลูมอัลกุรอาน หรือที่เรียกว่า อุศูลอัลกุรอาน เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของอัลกุรอาน ศึกษาว่าโองการแต่ละโองการลงมาที่ไหนเมื่อไหร่และเหตุใด อันเป็นส่วนช่วยในการตีความหมายอัลกุรอาน หรือที่เรียกว่า ตัฟซีรอัลกุรอาน
ตั้งอดีตจนกระทั่งปัจจุบันได้มีนักปราชญ์อิสลามหลายสิบคนที่ได้แต่งหนังสือตีความหมายอัลกุรอาน เรียกหนังสืออรรถาธิบายนี้ว่า หนังสือตัฟซีร และเรียกผู้แต่งว่า มุฟัซซิร การตีความหมายอัลกุรอานจะใช้หลักของอุลูมอัลกุรอานดังกล่าวบวกเข้ากับวจนะของศาสดา ภาษาศาสตร์ และวิทยาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในปัจจุบันนี้ชาวมุสลิมจะอ้างอิงหนังสือตัฟซีรเก่า ๆ เป็นหลักในการเขียนตัฟซีรใหม่ หรือในการแปลความหมายอัลกุรอานเป็นภาษาอื่น
ความสัมพันธ์กับวรรณกรรมอื่น
คัมภีร์ไบเบิล
พระองค์ได้ทรงประทานคัมภีร์นั้น ลงมาแก่เจ้าเป็นครั้งคราว พร้อมด้วยความจริง เพื่อยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้าคัมภีร์นั้น และได้ทรงประทานอัตเตารอต และอัล-อินญีล (ให้มี) มาก่อน ในฐานะเป็นข้อแนะนำสำหรับมนุษย์...— อัลกุรอาน 3:3-4 (ยูซุฟ อาลี)
อัลกุรอานได้ระบุความสัมพันธ์ของคัมภีร์ก่อนหน้า (โทราห์และพระวรสาร) ว่ามาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน
Christoph Luxenberg กล่าวว่าภาษาในอัลกุรอานมีความคล้ายกับภาษาซีรีแอก อัลกุรอานมีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คนและเหตุการณ์ในคัมภีร์ของชาวยิวและคริสต์ (ทานัค, ไบเบิล) แม้ว่าจะมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน มูซาถูกกล่าวถึงในอัลกุรอานมากกว่าคนอื่น ๆ และพระเยซูถูกกล่าวถึงในอัลกุรอานมากกว่ามุฮัมมัด (เฉพาะชื่อ — มุฮัมมัดมักพาดพิงในฐานะ "ท่านศาสดา" หรือ "ศาสนทูต") ส่วนมารีย์ถูกกล่าวถึงในอัลกุรอานมากกว่าพันธสัญญาใหม่
หมายเหตุ
- opening page.
"Its outstanding literary merit should also be noted: it is by far, the finest work of Arabic prose in existence."
-
"It may be affirmed that within the literature of the Arabs, wide and fecund as it is both in poetry and in elevated prose, there is nothing to compare with it."
- แต่ในลัทธิเล็ก ๆ อย่างเช่น คอรานิซึม จะใช้อัลกุรอานเป็นหลักฐานเท่านั้น
- ฮะดีษมาจากมุฮัมมัดเป็นหลัก แต่บางส่วนมาจากคนใกล้ชิดของท่าน นักวิชาการมุสลิมได้ทำงานอย่างระมัดระวังในการตรวจสอบมัน
อ้างอิง
- ส.พลายน้อย. เกร็ดภาษา หนังสือไทย ฉบับปรับปรุง. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : พิมพ์คำ, 2560, หน้า 150
- ↑ Nasr, Seyyed Hossein (2007). "Qurʼān". Encyclopædia Britannica Online. สืบค้นเมื่อ 2007-11-04.
- Patterson, Margot. 2008. Islam Considered: A Christian View. Liturgical Press. p. 10.
- Ali, Mir Sajjad, and Zainab Rahman. 2010. Islam and Indian Muslims. Guan Publishing House. p. 24 (citing N. J. Dawood's judgement).
- Alan Jones, The Koran, London 1994, ISBN 1842126091
- Arthur Arberry, The Koran Interpreted, London 1956, ISBN 0684825074, p. 191.
- Lambert, Gray (2013). The Leaders Are Coming!. WestBow Press. p. 287. ISBN 9781449760137.
- Roy H. Williams; Michael R. Drew (2012). Pendulum: How Past Generations Shape Our Present and Predict Our Future. Vanguard Press. p. 143. ISBN 9781593157067.
- * Shaikh, Fazlur Rehman. 2001. Chronology of Prophetic Events. Ta-Ha Publishers Ltd. p. 50.
- Quran 17:105
- Fisher, Mary Pat. 1997. Living Religions: An Encyclopaedia of the World's Faiths. I. B. Tauris Publishers. p. 338.
- อัลกุรอาน 17:106
- Peters, F.E. (2003). The Words and Will of God. Princeton University Press. pp. 12–13. ISBN 978-0-691-11461-3.
- Brannon M. Wheeler (2002). Prophets in the Quran: An Introduction to the Quran and Muslim Exegesis. A&C Black. p. 2. ISBN 978-0-8264-4957-3.
- Carroll, Jill. "The Quran & Hadith". World Religions. สืบค้นเมื่อ 10 July 2019.
- ↑ Donner, Fred. 2006. "The historical context." Pp. 31–33 in The Cambridge Companion to the Qur'ān, edited by J. D. McAuliffe. Cambridge University Press.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อjecampo
- Nasr, Seyyed Hossein (2003). Islam: Religion, History and Civilization. HarperSanFrancisco. p. 42. ISBN 978-0-06-050714-5.
- ↑ Rice, G. 2011. Handbook of Islamic Marketing. p. 38.
- Street, Brian V. 2001. Literacy and Development: Ethnographic Perspectives. p. 193.
- Brown, Norman Oliver. 1991. Apocalypse And/or Metamorphosis. p. 81.
- . cal.huc.edu. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 18 October 2017. สืบค้นเมื่อ 31 August 2013.
- Wang, Shutao (Spring 2016). "Religious Roots of Europe Master's Thesis: The Origins of Islam in the Arabian Context" (PDF). สืบค้นเมื่อ 8 January 2019.
- Meccan Trade And The Rise Of Islam, (Princeton, U.S.A: Princeton University Press, 1987
- Gordon, Ari Michael (2018). "Sacred Orientation: The Qibla As Ritual, Metaphor, And Identity Marker In Early Islam". University of Pennsylvania, ScholarlyCommons. สืบค้นเมื่อ 8 January 2019.
- https://www.zwemercenter.com/is-mecca-really-the-birthplace-of-islam/
- https://www.aymennjawad.org/23129/the-byzantine-arabic-chronicle-full-translation
- [1]
- [2]
- https://www.youtube.com/watch?v=OD7Q1uo7OoA
- "1 Krallar Bölüm 11 (1 Kings)". kutsalkitap.info. สืบค้นเมื่อ 16 February 2021.
- 3:3 نزل عليك الكتاب بالحق مصدقا لما بين يديه وانزل التوراة والانجيل
- อัลกุรอาน 2:285
- Luxenberg, Christoph (2007). The Syro-Aramaic reading of the Koran : a contribution to the decoding of the language of the Koran. Berlin: H.Schiler. ISBN 978-3899300888.
- Annabel Keeler, "Moses from a Muslim Perspective", in: Solomon, Norman; Harries, Richard; Winter, Tim (eds.), Abraham's children: Jews, Christians and Muslims in conversation, T&T Clark Publ. (2005), pp. 55–66.
- Esposito, John L. 2010. The Future of Islam. US: Oxford University Press. ISBN 978-0-19-516521-0. p. 40. [[iarchive:futureofislam0000espo/page/40|]]
บรรณานุกรม
- Guessoum, Nidhal (2011). Islam's Quantum Question: Reconciling Muslim Tradition and Modern Science. I.B. Tauris. p. 174. ISBN 978-1848855175.
- Cook, Michael (2000). The Koran; A Very Short Introduction. Oxford University Press. สืบค้นเมื่อ 24 September 2019.
The Koran; A Very Short Introduction.
อ่านเพิ่ม
ตำราเบื้องต้น
- Allen, Roger (2000). An Introduction to Arabic literature. Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-77657-8.
- Bell, Richard; William Montgomery Watt (1970). Bell's introduction to the Qurʼān. Edinburgh University Press. ISBN 978-0-7486-0597-2.
- Corbin, Henry (1993) [1964 (in French)]. History of Islamic Philosophy, Translated by Liadain Sherrard, Philip Sherrard. London; Kegan Paul International in association with Islamic Publications for The Institute of Ismaili Studies. ISBN 978-0-7103-0416-2.
- Esposito, John; Yvonne Yazbeck Haddad (2000). Muslims on the Americanization Path?. Oxford University Press. ISBN 978-0-19-513526-8.
- Hawting, G.R. (1993). Approaches to the Qur'ān (1 ed.). Routledge. ISBN 978-0-415-05755-4.
- Hixon, Lex (2003). The heart of the Qurʼan : an introduction to Islamic spirituality (2. ed.). Quest. ISBN 978-0835608220.
- Nasr, Seyyed Hossein (2003). Islam: Religion, History and Civilization. HarperSanFrancisco. ISBN 978-0-06-050714-5.
- —— (2007). "Qurʾān". Encyclopædia Britannica Online.
- Kugle, Scott Alan (2006). Rebel Between Spirit And Law: Ahmad Zarruq, Sainthood, And Authority in Islam. Indiana University Press. ISBN 978-0-253-34711-4.
- Peters, Francis E. (1991). "The Quest of the Historical Muhammad". International Journal of Middle East Studies. 23 (3): 291–315. doi:10.1017/S0020743800056312.
- —— (2003). The Monotheists: Jews, Christians and Muslims in Conflict and Competition. Princeton University Press. ISBN 978-0-691-12373-8.
- Rahman, Fazlur (2009) [1989]. Major Themes of the Qur'an (Second ed.). University Of Chicago Press. ISBN 978-0-226-70286-5.
- Rippin, Andrew (2006). The Blackwell companion to the Qur'an. Blackwell. ISBN 978-1-4051-1752-4.
- Robinson, Neal (2002). Discovering the Qur'an, Georgetown University Press. ISBN 978-1-58901-024-6
- Sells, Michael (15 November 1999), Approaching the Qur'ān: The Early Revelations (Book & CD ed.), White Cloud Press. ISBN 978-1-883991-26-5
- Tabatabae, Sayyid Mohammad Hosayn (1988). The Qur'an in Islam: Its Impact and Influence on the Life of Muslims. Routledge. ISBN 978-0-7103-0266-3.
- Wild, Stefan (1996). The Quʼran as Text. Brill. ISBN 978-90-04-09300-3.
ตัฟซีร
- Al-Tabari, Jāmiʻ al-bayān ʻan taʼwīl al-qurʼān, Cairo 1955–69, transl. J. Cooper (ed.), The Commentary on the Qurʼān, Oxford University Press, 1987. ISBN 978-0-19-920142-6
- Tabatabae, Sayyid Mohammad Hosayn. Tafsir al-Mizan.
การศึกษาเฉพาะที่
- McAuliffe, Jane Dammen (1991). Qurʼānic Christians: an analysis of classical and modern exegesis. New York: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-36470-6.
- Siljander, Mark D.; Mann, John David (2008). A Deadly Misunderstanding: a Congressman's Quest to Bridge the Muslim-Christian Divide. New York: Harper One. ISBN 9780061438288.
- Stowasser, Barbara Freyer. Women in the Qur'an, Traditions and Interpretation, Oxford University Press; Reprint edition (1 June 1996), ISBN 978-0-19-511148-4
การวิจารณ์วรรณกรรม
- M.M. Al-Azami (2003). The History of The Qur'anic Text: From Revelation to Compilation: A Comparative Study with the Old and New Testaments (First ed.). UK Islamic Academy. ISBN 978-1-872531-65-6.
- Boullata, Issa J. (Ed.) (2000). Literary Structures of Religious Meaning in the Qur'ān. Curzon Press. ISBN 0700712569.
- Luling, Gunter (2003). A challenge to Islam for reformation: the rediscovery and reliable reconstruction of a comprehensive pre-Islamic Christian hymnal hidden in the Koran under earliest Islamic reinterpretations. New Delhi: Motilal Banarsidass Publishers. (580 Seiten, lieferbar per Seepost). ISBN 978-81-208-1952-8.
- Luxenberg, Christoph (2004). The Syro-Aramaic Reading of the Koran: a contribution to the decoding of the language of the Koran, Berlin, Verlag Hans Schiler, 2007. ISBN 978-3-89930-088-8.
- Puin, Gerd R.. "Observations on Early Quran Manuscripts in Sana'a", in The Qurʾan as Text, ed. Stefan Wild, E.J. Brill 1996, pp. 107–111.
- Wansbrough, John. Quranic Studies, Oxford University Press, 1977
- Ibn Warraq (editor) (2013). . Prometheus Books. p. 463. ISBN 978-1616147594. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 6 October 2015. สืบค้นเมื่อ 6 October 2015.CS1 maint: extra text: authors list (link)
สารานุกรม
- Encyclopaedia of the Qur'an. Jane Dammen McAuliffe et al. (eds.) (First ed.). Brill Academic Publishers. 2001–2006. ISBN 978-90-04-11465-4.CS1 maint: others (link)
- The Qur'an: An Encyclopedia. Oliver Leaman et al. (eds.) (First ed.). Routledge. 2005. ISBN 978-0-415-77529-8.CS1 maint: others (link)
- The Integrated Encyclopedia of the Qur'an. Muzaffar Iqbal et al. (eds.) (First ed.). Center for Islamic Sciences. 2013. ISBN 978-1-926620-00-8.CS1 maint: others (link)
วารสารวิชาการ
- "Journal of Qur'anic Studies / Majallat al-dirāsāt al-Qurʹānīyah". Journal of Qur'anic Studies = Majallat Al-Dirāsāt Al-Qurʹānīyah. School of Oriental and African Studies. ISSN 1465-3591.
- "Journal of Qur'anic Research and Studies". Medina, Saudi Arabia: King Fahd Qur'an Printing Complex. Cite journal requires
|journal=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
ค้นหาเกี่ยวกับ อัลกุรอาน เพิ่มที่โครงการพี่น้องของวิกิพีเดีย | |
บทนิยาม จากวิกิพจนานุกรม | |
สื่อ จากคอมมอนส์ | |
ทรัพยากรการเรียน จากวิกิวิทยาลัย | |
อัญพจน์ จากวิกิคำคม | |
ข้อความต้นฉบับ จากวิกิซอร์ซ | |
ตำรา จากวิกิตำรา |
- อัลกุรอาน คัมภีร์ที่ไม่เคยถูกเปลี่ยนแปลง
- อัลกุรอาน (สำนวนแปลอะบูอิสรอฟีล)
- อัลกุรอาน (สำนวนแปลสมาคมศิษย์เก่าอาหรับ)
เว็บไซต์และคำแปลอัลกุรอาน
- Quran Archive - Texts and Studies on the Quran
- Quran text and translation at Tufts University
- Tanzil – Online Quran Navigator
- Quran.com
- Al-Quran.info
- Holy Quran in Easy English, Urdu, Arabic and 70 other languages
- Read and Compare Koran Translations
- Quran translation
- Multilingual Quran (Arabic, English, French, German, Dutch, Spanish, Italian)
- Koran Translations in many languages
การวิเคราะห์คำต่อคำ
- Quranic Arabic Corpus, shows syntax and morphology for each word.
- Word for Word English Translation – emuslim.com
- Quran Word by Word QuranAcademy.org
เอกสารตัวเขียน
- Several digitised Qurans in the Cambridge University Digital Library
- Corpus Coranicum research project at Berlin-Brandenburg Academy
- 2017-232-1 al-Qurʼān. / القرآن at OPenn
แหล่งที่มาอื่น
- อัลกุรอาน ที่เว็บไซต์ Curlie
- The British Library: Discovering Sacred Texts - Islam