ไทใหญ่
ไทใหญ่ ชาน หรือ ฉาน (ไทใหญ่: တႆး; เสียงอ่านภาษาไทใหญ่: [táj] ไต๊; พม่า: ရှမ်းလူမျိုး; [ʃán lùmjó]; จีน: 掸族; พินอิน: Shàn zú) หรือ เงี้ยว (ซึ่งเป็นคำเรียกที่ไม่สุภาพ) คือกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งที่พูดภาษาตระกูลขร้า-ไท และเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศพม่า ส่วนมากอาศัยในรัฐชานและบางส่วนอาศัยอยู่บริเวณดอยไตแลง ชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่า ชาวไทใหญ่มีประมาณ 4–6 ล้านคน โดยเดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊กให้จำนวนประมาณการที่ 5 ล้านคนทั่วประเทศพม่า ซึ่งเท่ากับประมาณร้อยละ 10 ของประชากรพม่าทั้งหมด แต่มีไทใหญ่หลายแสนคนที่ได้อพยพเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อหนีปัญหาทางการเมืองและการหางาน ตามภาษาของเขาเองจะเรียกตัวเอง "ไต" มีหลายกลุ่ม เช่น ไทเขิน ไตแหลง ไทคำตี่ ไทลื้อ ไทยวน และไตมาว แต่กลุ่มใหญ่ที่สุดคือ ไตโหลง [ไต = ไท และ โหลง (หลวง) = ใหญ่] หรือที่คนไทยเรียกว่า ไทใหญ่ จะเห็นได้ว่าภาษาไทและภาษาไทยคล้ายกันบ้างแต่ไม่เหมือนกัน ชาวไทใหญ่ถือวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เป็นวันชาติ
တႆး ไต๊ | |
---|---|
ธงชาติของชาวไทใหญ่ | |
ประชากรทั้งหมด | |
ประมาณ 4–6 ล้านคน | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
พม่า (ส่วนใหญ่อยู่ใน รัฐชาน) | ประมาณ 5 ล้านคน |
ภาษา | |
ภาษาไทใหญ่, คำเมือง, ภาษาพม่า และภาษาไทย | |
ศาสนา | |
ส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนานิกายกึงจอง ส่วนน้อยนับถือนิกายกึงโยน |
อิทธิพลของพม่า
ประวัติศาสตร์ไทใหญ่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสงคราม จนการเรียนประวัติศาสตร์ของชาวไทใหญ่กลายเป็นวิชาต้องห้ามมาตั้งแต่สมัยอังกฤษปกครอง อิทธิพลทางวัฒนธรรมของพม่าในไทใหญ่จึงมีมาก ซึ่งเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์และการเมือง กล่าวคือเมื่อพม่ามีอิทธิพลทางการปกครองก็จะเกณฑ์ให้เจ้าฟ้าไทใหญ่ส่งลูกชายและลูกสาวไปเมืองหลวงพม่า เจ้าหญิงเจ้าชายเหล่านี้จึงได้รับวัฒนธรรมพม่ามา และนำกลับมาเผยแพร่แก่ประชาชนไทใหญ่ในรูปแบบของภาษา ดนตรี นาฏศิลป์ และขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ เช่น เกิดความนิยมว่า วรรณคดีที่ไพเราะซาบซึ้งควรมีคำพม่าผูกผสมผสานกับคำไท
ถิ่นที่อยู่ปัจจุบัน
ชาวไทใหญ่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่รัฐชาน ประเทศพม่า เรียกตัวเองว่า คนไต ส่วนชาวล้านนามักเรียกว่า เงี้ยว มีเมืองหลวงที่ถือกำเนิดคือ ตองจี มีเมืองต่าง ๆ ที่เป็นเมืองของชาวไทใหญ่มาแต่โบราณ ได้แก่ เมืองแสนหวี สี่ป้อ น้ำคำ หมู่เจ เมืองนาย เมืองปั่น เมืองยองห้วย เมืองกาเล เมืองยาง เมืองมีด เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีชาวไทใหญ่อพยพมาอยู่ในประเทศไทย เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงราย และอำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง ทางตอนเหนือของจังหวัดเชียงใหม่ และยังมีที่อยู่อาศัย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนาน ประเทศจีน เช่น เมืองมาว เมืองวัน เมืองหล้า เมืองขอน เป็นต้น และบางส่วนของรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย โดยเฉพาะที่ตำบลซ้างปานี แขวงเมืองสิพพสาครและอรุณาจลประเทศ
วัฒนธรรม
สังคมและประเพณี
ชาวไทใหญ่มักประกอบอาชีพเกษตรกรรมและการค้าขาย นับถือศาสนาพุทธควบคู่กับภูตผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มีวิธีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเทวดาและผีเสื้อบ้านเสื้อเมือง และยึดถือในการทำบุญแต่ละประเพณีเป็นอย่างมาก ดังประโยคที่กล่าวไว้ว่า "กินอย่างม่าน ตานอย่างไต" ซึ่งหมายถึงว่า ชาวไทใหญ่นิยมการทำบุญทำทานมาก
เทศกาลของไทใหญ่ตามปฏิทินจันทรคติ ประกอบด้วยวันเลินสาม (Wan Lern Saam) ในเดือนกุมภาพันธ์ เชื่อกันว่าเป็นการเริ่มต้นฤดูร้อน, ปอยสอนน้ำ (Poy son Nam) หรือ สงกรานต์ และปอยโมกไฟ (Poy Moak Fai) หรือบุญบั้งไฟ ในเดือนเมษายน, เข้าวา (Kao Waa) หรือเข้าพรรรษา, ออกวา (Oak Waa) หรือออกพรรษา และยี่เป็งหรือลอยกระทง
ศาสนา
ชาวไทใหญ่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเริ่มเข้ามามีบทบาทในกลุ่มชาวไทใหญ่ที่อาศัยอยู่ในรัฐฉานตั้งแต่ พ.ศ. 2015 ในช่วงที่พระญาณคัมภีร์เดินทางมาจากเชียงใหม่ไปเผยแพร่ศาสนาพุทธนิกายโยน ชาวไทใหญ่ยังนับถือเทพและผีเจ้าเมืองด้วย เป็นความเชื่อดั่งเดิมที่เชื่อว่าเจ้าเมืองที่เสียชีวิตไปแล้วจะยังคงปกปักรักษาชาวบ้านในชุมชน ชาวไทใหญ่ยังมีความเชื่อในเรื่องของโลกหน้าอีกด้วย
สถาปัตยกรรมและพุทธศิลป์
เรือนชาวไทใหญ่นิยมสร้างเรือนใต้ถุนเตี้ย หลังคาจั่วเดียว หากเป็นครัวครอบใหญ่นิยมสร้างเป็นหลังคาสองจั่ว
งานพุทธศิลป์ของชาวไทใหญ่มีวิวัฒนาการคล้ายกับชาวสยาม ต่างก็รับเอาพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบลังกาวงศ์มา ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะมอญพม่า แต่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองภายใต้กรอบของศิลปะแบบมอญพม่า
วัด หรือ จอง ในภาษาไทใหญ่ นิยมสร้างอุโบสถ วิหาร หอฉัน กุฎิสงฆ์ อยู่ติดกันในลักษณะเรือนหมู่แบบคนไทย แต่สร้างหลังคาของอาคารต่าง ๆ ทรงยอดปราสาทแบบพม่ามอญ เรียกว่า ทรงพญาธาตุ แต่ลดจำนวนชั้นและความซับซ้อนของโครงสร้างลงไป ส่วนเจดีย์มีลักษณะคล้ายกับสถูปเจดีย์แบบมอญพม่า แต่มีการประยุกต์โดยขยายส่วนสูงเพิ่มขึ้น ทำให้เจดีย์ไทใหญ่มีรูปทรงสูงชลูดมากกว่าเจดีย์พม่า
การสร้างพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นิยมแกะสลักจากหินหยก หรือเป็นพระพุทธไม้แกะสลักปิดทองแล้วประดับด้วยกระจก สร้างเป็นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ครบทั้ง 4 อิริยาบถ ได้แก่ นั่ง ยืน นอน เดิน มีรูปพระพักตร์แบบพม่า และยังนิยมสร้างรูปพระอรหันต์อุปคุต รวมถึงรูปประติมากรรมต่าง ๆ ที่สร้างถวายเป็นพุทธบูชา เช่น รูปสิงห์ รูปหงส์ รูปคนฟ้อนรำ เป็นต้น ส่วนงานจิตรกรรมมีลักษณะผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและพม่า กล่าวคือ นิยมเขียนภาพจากพุทธประวัติ ภาพชาดก มีทั้งตัวละครที่แต่งกายแบบพม่า เขียนตัวละครที่แต่งกายทรงมงกุฎยอดแหลม มีเครื่องแต่งกายเหมือนจิตรกรรมไทย ด้านงานประณีตศิลป์ ได้แก่ เครื่องเขิน เป็นเครื่องใช้สำหรับพระสงฆ์ บาตรพระ พานสำหรับใส่เครื่องบูชา ทำจากไม้ตกแต่งด้วยการลงเขิน หรือลงรักปิดทองและประดับด้วยกระจก งานประณีตศิลป์ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทใหญ่คือ ลายฉลุ เป็นการฉลุลายแบบที่ภาษาภาคกลางเรียกว่า งานทองแผ่ลวด แต่ชาวไทใหญ่เรียกว่า ลายไตร นำไปใช้ตกแต่งอาคารในวัดวาอาราม ศาลา หรือสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
ชุดแต่งกาย
สตรีชาวไทใหญ่นิยมสวมเสื้อแซค เป็นเสื้อเนื้อบางแขนยาวหรือสามส่วน ป้ายสาบเสื้อทับไปทางขวาโดยใช้กระดุมผ้าหรือกระดุมโลหะสอดยึดห่วง นุ่งซิ่นเนื้อบาง เช่น ซิ่นก้อง ซิ่นส่วยต้อง ซิ่นปะล่อง ซิ้นหล้าย ซิ่นฮายย่า ซิ่นถุงจ้าบ และซิ่นปาเต๊ะ ทรงผมเกล้ามวยตามอายุ ส่วนบุรุษนิยมสวมเสื้อแซคหรือเสื้อแต้กปุ่ง เป็นเสื้อแขนยาว คอกลม กระดุมผ่าหน้า มีกระเป๋าเสื้อ นุ่งกางเกงสะดอเรียกว่า เรียกว่า ก๋นไต หรือ โก๋นโห่งโย่ง มัดเอวและเคียนหัวด้วยผ้าสีอ่อน เช่น สีขาว ชมพู หรือเหลือง
ภาษา
ภาษาไทใหญ่เป็นวิชาเลือกหนึ่งภายในรัฐ เจ้าขุนสามซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมรัฐชานในอดีต เคยออกสำรวจคนไทใหญ่ในพม่า พบว่ามีคนไทใหญ่พูดภาษาไทใหญ่มากมายหลายแห่ง แต่ไม่มีจำนวนที่แน่นอน เพราะคนไทใหญ่เหล่านั้นจะเรียกตนเองว่าเป็นพม่า พูดภาษาพม่า แต่งกายเป็นพม่า
อาหาร
ชาวไทใหญ่นิยมกินข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก อาหารที่รับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยผัก ใช้น้ำมันงาในการปรุงอาหาร อาหารนิยมปรุงจากถั่วเน่า อาหารไทยใหญ่ เช่น ข้าวกั๊นจิ๊นหรือข้าวเงี้ยว ข้าวส้ม และอุ๊บไก่ เป็นต้น
ศิลปะการแสดง
ศิลปะการแสดงที่โดดเด่นของชาวไทใหญ่ คือ การฟ้อนนกกิงกะหล่า เป็นการแสดงประกอบการเฉลิมฉลองประเพณีออกหว่า หรือ งานออกพรรษา ซึ่งตรงกับประเพณีเดือน 11 โดยมีความเชื่อมโยงกับตำนานความเชื่อทางพุทธศาสนา เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปโปรดพระมารดาและเทวดายังชั้นสวรรค์ดาวดึงส์ และเมื่อเสด็จนิวัติยังโลกมนุษย์ ซึ่งตรงกับวันออกพรรษาหรือวันเทโวโรหณะ
อ้างอิง
- รายงานจากเดอะเวิลด์แฟกต์บุ๊ก ชาวไทใหญ่มีจำนวนร้อยละ 9 ของประชากรพม่าทั้งหมด (55 ล้านคน) หรือประมาณ 5 ล้านคน
- ↑ "The Shan People". The Peoples of the World Foundation. สืบค้นเมื่อ 2015-01-16.
- ↑ "The World Factbook — Central Intelligence Agency". cia.gov. สืบค้นเมื่อ 24 January 2018.
- เสมอชัย พูลสุวรรณ. รัฐฉาน (เมืองไต):พลวัติของชาติพันธุ์ในบริบทประวัติศาสตร์และการเมืองร่วมสมัย. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน), 2552. หน้า 66
- "ยวน ในยวนพ่าย ก็เป็น ลาว (คักๆ)". สุจิตต์ วงษ์เทศ. 21 กันยายน 2555. สืบค้นเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2558. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ "Shan | people". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-08-26.
- Sao Sāimöng, The Shan States and the British Annexation. Cornell University, Cornell, 1969 (2nd ed.)
- "FACTBOX: The Shan, Myanmar's largest minority". Reuters (ภาษาอังกฤษ). 2007-08-30. สืบค้นเมื่อ 2020-08-26.
- Maung Htin Aung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press. p. 95.
- Lt. Gen. Sir Arthur P. Phayre (1967). History of Burma (2 ed.). London: Susil Gupta. pp. 108–109.
- ‘Mae Sai Evacuated as Shells Hit Town’, Bangkok Post, 12 May 2002
- ‘Mortar Rounds Hit Thai Outpost, 2 Injured’, Bangkok Post, 20 June 2002, p.1
- "ไทใหญ่". สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.
- ↑ "ไทใหญ่". สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
- "ไทใหญ่ : ว่าด้วยเครื่องแต่งกาย". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).
- "ศาสนาและความเชื่อ". ศาสนาและความเชื่อ.
- "ชมศิลปะไทใหญ่ในแม่ฮ่องสอน". ไทยศึกษา.
- "Shan: A language of Myanmar". Ethnologue. สืบค้นเมื่อ 2006-12-02.
- "วิถีชีวิต "ชาวไต" ในกแม่ฮ่องสอน". เชียงใหม่นิวส์.
- "กระบวนการสร้างสรรค์รูปแบบการฟ้อนนกกิงกะหล่า". มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ไทใหญ่ |
- Shan State Government Office
- Shan People
- H.R.H. Prince Hso Khan Pha of Yawnghwe 2006-06-24 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Shan Relief Foundation 2018-03-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Shan Human Rights Foundation
- Shan Women's Action Network (SWAN)
- Shan language page from Ethnologue site
- Photos of Shan State Army-South (SSA-S) military outposts along the border of Thailand, Chiang Rai province
- Help without Frontiers
- Shan Tradition Rules in a Northern Thai Town Sai Silp, The Irrawaddy, April 5 2007
- http://www.claudiawiens.com/englisch/vorlage_e.html 2009-01-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Claudia Wiens, a photo essay about tribal people in Shan State
- Thai Yai cultural dance at Mae Hong Son, Thailand 2012-02-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน