สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม Cộng hòa Xã hội chủ nghĩa Việt Nam (เวียดนาม) | |
---|---|
![]() (ธงชาติ) ![]() ตรา | |
(คำขวัญ): Độc lập – Tự do – Hạnh phúc "เอกราช อิสรภาพ ความสุข" | |
![]() ![]() ที่ตั้งของ ประเทศเวียดนาม (เขียว) ใน(อาเซียน) (เทาเข้ม) — [(คำอธิบายสัญลักษณ์)] | |
เมืองหลวง | (ฮานอย) 21°2′N 105°51′E / 21.033°N 105.850°E |
เมืองใหญ่สุด | (นครโฮจิมินห์) 10°48′N 106°39′E / 10.800°N 106.650°E |
ภาษาประจำชาติ | เวียดนาม |
กลุ่มชาติพันธุ์ |
|
ศาสนา |
|
(เดมะนิม) | (ชาวเวียดนาม) |
การปกครอง | (รัฐเดี่ยว) (มากซ์-เลนิน) (พรรคเดียว) (สาธารณรัฐ)สังคมนิยม |
• (เลขาธิการ) | (เหงียน ฟู้ จ่อง) |
• (ประธานาธิบดี) | (โต เลิม) |
• (นายกรัฐมนตรี) | (ฝั่ม มิญ จิ๊ญ) |
• | |
• | |
สภานิติบัญญัติ | (สมัชชาแห่งชาติ) |
(ก่อตั้ง) | |
• (ราชวงศ์ห่งบ่าง) (ราชวงศ์แรก) | ป. ศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล |
• | พ.ศ. 432 |
• | พ.ศ. 1481 |
• (ราชวงศ์เหงียน) (ราชวงศ์สุดท้าย) | 1 มิถุนายน พ.ศ. 2345 |
• กลายเป็น(อาณัติฝรั่งเศส) | 6 มิถุนายน พ.ศ. 2427 |
• จากฝรั่งเศส | 2 กันยายน พ.ศ. 2488 |
• (การประชุมเจนีวา) (แบ่งเหนือ-ใต้) | 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 |
• (ไซ่ง่อนล่มสลาย) | 30 เมษายน พ.ศ. 2518 |
• รวมประเทศ | 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 |
• | 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 |
พื้นที่ | |
• รวม | 331,699 ตารางกิโลเมตร (128,070 ตารางไมล์) ((อันดับที่ 66)) |
• (แหล่งน้ำ (%)) | 6.38 |
ประชากร | |
• พ.ศ. 2565 ประมาณ | 99,327,643 ((อันดับที่ 15)) |
• สำมะโนประชากร พ.ศ. 2562 | 96,208,984 |
• (ความหนาแน่น) | 295.0 ต่อตารางกิโลเมตร (764.0 ต่อตารางไมล์) ((อันดับที่ 29)) |
(จีดีพี) ((อำนาจซื้อ)) | พ.ศ. 2566 (ประมาณ) |
• รวม | ![]() |
• (ต่อหัว) | ![]() |
(จีดีพี) (ราคาตลาด) | พ.ศ. 2566 (ประมาณ) |
• รวม | ![]() |
• (ต่อหัว) | ![]() |
(จีนี) (พ.ศ. 2561) | ![]() ปานกลาง · |
(เอชดีไอ) (พ.ศ. 2564) | ![]() สูง · (อันดับที่ 115) |
สกุลเงิน | (ด่อง) (₫) ((VND)) |
(เขตเวลา) | (UTC)+07:00 () |
วว/ดด/ปปปป | |
(ไฟบ้าน) | |
(ขับรถด้าน) | ขวา |
(รหัสโทรศัพท์) | |
(รหัส ISO 3166) | (VN) |
(โดเมนบนสุด) | (.vn) |
เวียดนาม (เวียดนาม: Việt Nam [viət˨ nam˧] เหฺวียดนาม) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (เวียดนาม: Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของ(คาบสมุทรอินโดจีน) มีพื้นที่รวม 311,699 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 96 ล้านคนใน พ.ศ. 2562 จึงถือเป็นประเทศที่(มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 15 ของโลก) และ(เป็นอันดับ 9 ของเอเชีย) มีพรมแดนติดกับประเทศจีนทางทิศเหนือ, ประเทศลาว และประเทศกัมพูชาทางทิศตะวันตก และ(อ่าวตังเกี๋ย) (ทะเลจีนใต้) (อ่าวไทย) ทางทิศตะวันออกและใต้ มีเมืองหลวงคือ(ฮานอย) และเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ(นครโฮจิมินห์) (เดิมชื่อว่า ไซ่ง่อน)
ดินแดนของเวียดนามเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่(ยุคหินเก่า) ผู้คนเข้ามาตั้งรกรากและรวมตัวกันเป็นรัฐต่าง ๆ บริเวณ(ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง)ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูมิภาคทางเหนือของเวียดนามในปัจจุบัน ดินแดนส่วนใหญ่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจีนกว่าพันปี ตั้งแต่ 111 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 939 ราชวงศ์ฮั่นผนวกดินแดนตอนเหนือและตอนกลางเข้าด้วยกัน รัฐแรกเริ่มของเวียดนามก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 939 ภายหลังเวียดนามชนะจีน (มองโกล) ใน(ยุทธนาวีแม่น้ำบักดั่ง) เวียดนามและ(จักรพรรดิเวียดนาม)ก็เจริญรุ่งเรืองและเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ราชวงศ์เหงียน)ถือเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองดินแดนนี้ จนกระทั่งตกเป็น(อินโดจีนของฝรั่งเศส)ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 และภายหลัง(การปฏิวัติเดือนสิงหาคม) พ.ศ. 2488 กองทัพประชาชนในนาม (เหวียตมิญ) นำโดย(โฮจิมินห์) มีบทบาทในการนำเวียดนามปลดแอกจากฝรั่งเศส
เวียดนามต้องเผชิญกับสงครามที่ยืดเยื้อในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสกลับมาเถลิงอำนาจอีกครั้งใน(สงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งจบลงด้วยชัยของเวียดนามในปี 2497 กระนั้น (สงครามเวียดนาม)ได้ปะทุขึ้นไม่นานหลังจากนั้น โดยประเทศเวียดนามถูกแยกเป็นสองส่วนคือ เวียดนามเหนือ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและจีน และ (เวียดนามใต้) (สาธารณรัฐเวียดนาม) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ (การยึดกรุงไซ่ง่อน)โดยเวียดนามเหนือนำไปสู่การสิ้นสุดของสงคราม กรุงไซ่ง่อนได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโฮจิมินห์ ในขณะที่ฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือ ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเวียดนามหลังจากการรวมประเทศในปี 2519 ซึ่งดินแดนทั้งหมดได้รวมกันกลายเป็นรัฐสังคมนิยมในชื่อ "สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม" (พรรคคอมมิวนิสต์)มีบทบาทนำทางการเมือง สิ่งนี้นำไปสู่การวิจารณ์จากนานาชาติรวมถึง(การคว่ำบาตร)จาก(โลกตะวันตก) (สงครามกัมพูชา–เวียดนาม) และ (สงครามจีน–เวียดนาม) ทำให้ประเทศเสื่อมโทรมมากขึ้น ก่อนที่นโยบาย(โด๋ยเม้ย)ในปี 2529 โดยพรรคคอมมิวนิสต์จะช่วยให้เศรษฐกิจประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยยึดรูปแบบตาม(การปฏิรูปเศรษฐกิจจีน) ส่งผลให้เวียดนามกลายสภาพเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเมืองในเวทีโลกมากขึ้น
ปัจจุบันเวียดนามเป็น(ประเทศกำลังพัฒนา) โดยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 และหากวัดตาม(ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) คาดว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะทัดเทียมกับ(ประเทศพัฒนาแล้ว)ภายในปี 2593 อย่างไรก็ดี ประชากรจำนวนมากยังประสบกับ(ความยากจน) และเวียดนามยังเผชิญความโดดเดี่ยวทางการเมือง ปัญหาสำคัญได้แก่ (การทุจริตทางการเมือง) รวมถึงการให้(เสรีภาพสื่อ)และสิทธิมนุษยชนในระดับต่ำ ใน พ.ศ. 2543 ได้มีการสร้างความสัมพันธ์ทาง(การทูต)กับประเทศต่าง ๆ เวียดนามเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น (สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้), (ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก), (ข้อตกลงความครอบคลุมและความก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนทางการค้าภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก), (ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด), (องค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส) และ (องค์การการค้าโลก) และยังเคยมีบทบาทใน(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ)
ชื่อ
คำว่า "เวียดนาม" หรือ "เหวียดนาม" (Việt Nam, /viə̀t naːm/, เหวียดนาม) คืออีกชื่อหนึ่งของ "(นามเหวียด)" (Nam Việt นามเหวียด; จีน: 南越; พินอิน: Nányuè; แปลว่า "เวียดใต้") โดยเป็นชื่อที่เริ่มใช้ตั้งแต่สมัย (Nhà Triệu; 家趙, หญ่าเจี่ยว) ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล หรือช่วงระหว่างปีพ.ศ. 344 ถึง 443 คำว่า "เหวียด" (Việt)' เดิมเป็นชื่อย่อของ (Bách Việt บ๊าก เหฺวียด; จีน: 百越; พินอิน: Bǎiyuè; แปลว่า "ร้อยเวียด") ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มชนที่เคยอาศัยอยู่บริเวณทางใต้ของจีนและทางเหนือของเวียดนาม
ประวัติศาสตร์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi81LzVmL1RhbWJvdXItc29uZy1kYTIuanBnLzIwMHB4LVRhbWJvdXItc29uZy1kYTIuanBn.jpg)
เป็นอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ในเวียดนามมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่มีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสำริด และชุมชนโบราณที่ เขต ทางใต้ของปาก(แม่น้ำแดง) สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่า(มองโกลอยด์)เหนือจากจีนและใต้ ซึ่งเป็นชาวทะเล ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดำและจับปลา และอยู่กันเป็นเผ่า บันทึกประวัติศาสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้ว่า มีผู้นำปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปีเรียกว่า กษัตริย์หุ่ง แต่ถือเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์
สมัยประวัติศาสตร์
เวียดนามเริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์หลังจากตอนใต้ของจีนเข้ารุกรานและยึดครองดินแดนแถบลุ่ม(แม่น้ำแดง) จากนั้นไม่นาน(จักรพรรดิจิ๋นซี)ซึ่งเริ่มรวมดินแดนจีนสร้างจักรวรรดิให้เป็นหนึ่งเดียว โดยได้ยกทัพลงมาและทำลายอาณาจักรของพวกได้ ก่อนผนวกดินแดนลุ่ม(แม่น้ำแดง)ทั้งหมด ให้ขึ้นตรงต่อศูนย์กลางการปกครอง(หนานไห่) ที่เมืองพานอวี่หรือกว่างโจวในมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน หลังสิ้นสุด(ราชวงศ์ฉิน) ข้าหลวง(หนานไห่)คือ ประกาศตั้งหนานไห่เป็นอาณาจักรอิสระ ชื่อว่า หนานเยว่ หรือ (นามเหวียต) ในสำเนียงเวียดนามซึ่งเป็นที่มาของชื่อเวียดนามในปัจจุบัน ก่อนกองทัพฮั่นเข้ายึด(อาณาจักรนามเหวียด) ได้ในปี (พ.ศ. 585) และผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจีน ใช้ชื่อว่า ขยายอาณาเขตลงใต้ถึงบริเวณเมือง(ดานัง)ในปัจจุบัน และส่งข้าหลวงปกครองระดับสูงมาประจำ เป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนนำทางด้านต่าง ๆ ไปเผยแพร่ที่ดินแดนแห่งนี้ พร้อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทรัพยากรจากชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามจนนำไปสู่การต่อต้านอย่างรุนแรงหลายครั้งเช่น:
- วีรสตรีในนาม ได้นำกองกำลังต่อต้านการปกครองของจีน แต่ปราชัยในอีก 3 ปีต่อมาและตกเป็นส่วนหนึ่งของจีน
- นักโทษปัญญาชนชาวจีนนามว่า ร่วมมือกับปัญญาชนชาวเวียดนามร่วมทำการปฏิวัติ ก่อตั้ง ขนานนามแคว้นว่า วันซวน แต่พ่ายแพ้ในที่สุด
การปกครองของจีนในเวียดนามขาดตอนเป็นระยะตามสถานการณ์ในจีนเอง ซึ่งเป็นโอกาสให้ชาวพื้นเมืองในเวียดนามตั้งตนเป็นอิสระ ในช่วงเวลาที่เวียดนามอยู่ใต้การปกครองของ (พุทธศาสนา)เริ่มเข้าสู่เวียดนาม เมืองต้าหลอหรือฮานอย เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นศูนย์กลางการค้าการเดินทางของชาวจีนและอินเดีย พระสงฆ์และนักบวชในลัทธิเต๋าจากจีนเดินทางเข้ามาอาศัยในดินแดนนี้ ต่อมาราชวงศ์ถางได้เปลี่ยนชื่อเขตปกครองนี้ใหม่ว่า อันหนาน (หรืออันนัม ในสำเนียงเวียดนาม) หลังปราบกบฏชาวพื้นเมืองได้ แต่ถือเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จีนครอบครองดินแดนแห่งนี้
- พ.ศ. 1498 - 1510 --หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถางของจีน นายพลโงเกวี่ยนผู้นำท้องถิ่นในเขตเมืองฮวาลือ ทางใต้ของลุ่มแม่น้ำแดง ขับไล่ชาวจีนได้ แล้วจึงก่อตั้งราชวงศ์โงเปลี่ยนชื่อประเทศว่า ไดเวียด หลังจากจักรพรรดิสวรรคต อาณาจักรแตกแยกออกเป็น 12 แคว้น มีผู้นำของตนไม่ขึ้นตรงต่อกัน
- พ.ศ. 1511 - 1523 --ขุนศึกดิงห์โบะหลิง แม่ทัพของราชวงศ์โง สามารถรวบรวมแคว้นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เปลียนชื่อประเทศเป็น
ไดโก่เวียด เริ่มสร้างระบบการปกครองแบบจีนมากกว่ายุคก่อนหน้า และตั้งตนเป็น จักรพรรดิดิงห์เตียน หรือ ดิงห์เตียนหว่าง เสมือนจักรพรรดิจิ๋นซีผู้รวบรวมจีน ถือเป็นการเริ่มใช้ตำแหน่งจักรพรรดิหรือ หว่างเด๋ ในเวียดนามเป็นครั้งแรก
- พ.ศ. 1524-1552 --มเหสีของจักรพรรดิดิงห์โบะหลิง ได้ขับไล่รัชทายาทราชวงศ์ดิงห์ สถาปนาพระสวามีใหม่คือขุนศึกเลหว่านเป็นจักรพรรดิเลด่ายแห่ง โดยพยายามสร้างความมั่นคงด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับราชวงศ์ซ่งของจีนและปราบปรามกบฏภายใน แต่ก็ไม่รอดพ้นการรัฐประหาร สมัยนี้พุทธศาสนาและลัทธิเต๋ารุ่งเรืองมากและได้รับความเลื่อมใสศรัทธาในหมู่ชนชั้นสูงมาก
ราชวงศ์ยุคใหม่
- (พ.ศ. 1552)-(1768) --มีอำนาจใน เมื่อขึ้นครองราชย์ ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ ((ฮานอย)) ทรงสร้างวัดขึ้น 150 แห่ง ในปี 1070 นำระบบการสอบ(จอหงวน)มาใช้ ก่อตั้ง ให้ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดี เพื่อสอบเข้ารับราชการใน แต่(ขุนนาง)ยังมีจำนวนน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเชื้อสายผู้มีอิทธิพลในหัวเมือง ต่อมาทรงพระนามว่า สมัยหลีเป็นสมัยที่พระพุทธศาสนามีต่อการเมือง(การปกครอง)และ(สังคม)มาก ที่ปรึกษาราชการในบางสมัยเป็น(พระสงฆ์) จักรพรรดิราชวงศ์หลีช่วงหลังสร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้นหลายแห่ง และสละราชสมบัติออกผนวช เป็นสาเหตุให้การบริหารราชการเริ่มตกอยู่ในอำนาจของเครือญาติจากตระกูลที่มั่งคั่งในหัวเมือง ผู้ปกครององค์สุดท้ายเป็นเด็กหญิงที่ได้รับการตั้งเป็น(จักรพรรดินี) พระนามว่า การบริหารราชการตกอยู่ในอำนาจของญาติวงศ์พระชนนีซึ่งเป็นขุนศึกมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ เช่น ซึ่งก่อ(รัฐประหาร)ยึดอำนาจจากราชวงศ์หลีในที่สุด
- พ.ศ. 1768-(1943) --ญาติของพระชายาจักรพรรดิก่อ(รัฐประหาร) ยึดอำนาจท่ามกลางสถานการณ์(กบฏ)และต่างชาติ จากนั้นได้อภิเษกสมรสกับพระนาง (จักรพรรดินี)องศ์สุดท้ายของแล้วยกหลานขึ้นเป็น(จักรพรรดิ)องค์แรกของราชวงศ์เจิ่น สมัยเจิ่นเวียดนามต้องเผชิญกับศึกสงครามโดยตลอด ที่ร้ายแรงที่สุดคือการรุกรานจากพวก(มองโกล)และ สมัยเจิ่นก็เริ่มให้ความสำคัญกับมากกว่ายุคก่อนหน้าโดยเฉพาะด้าน(ภูมิปัญญา)และ รวมถึงการแบบจีน ในสมัยนี้มีการประมวลเป็นครั้งแรก ชื่อว่า หรือ บันทึกประวัติศาสตร์ โดยราชบัณฑิต นอกจากนี้ยังเริ่มมีการประดิษฐ์อักษรของเวียดนามที่เรียกว่า ขึ้นเป็นครั้งแรก
- พ.ศ. 1943-(1971) -- ญาติของพระชายา(จักรพรรดิ) สร้างฐานอำนาจของตนด้วยการเป็นทำศึกกับพวก ต่อมาก่อ(รัฐประหาร)ยึดอำนาจจากจักรพรรดิราชวงศ์เจิ่นและพยายามกำจัดเชื้อสายราชวงศ์ที่หลงเหลืออยู่ จากนั้นขึ้นครองราชย์ ตั้งทายาทของตนเป็น(จักรพรรดิ)ต่อมา ราชนิกูลได้ขอความช่วยเหลือไปยังจีน ทำให้จีนส่งกองทัพเข้ามาล้มล้าง แต่สุดท้ายก็ไม่มอบอำนาจให้แก่ และยึดครองเวียดนามแทนที่
- การกู้เอกราชและก่อตั้ง (ยุคหลัง) พ.ศ. 1971-(2331) ชาวเมือง ทางใต้ของ(ฮานอย) ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งตนขึ้นเป็น ขับไล่จีนออกจากเวียดนามได้สำเร็จ ต่อมาในปี พ.ศ. 1971 ขึ้นครองราชย์เป็น(จักรพรรดิ)องค์ใหม่ สถาปนา ขึ้น มีราชธานีที่(ฮานอย)หรือและราชธานีอีกแห่งคือที่เมือง (ทันห์ว้า) หรือ ราชธานีตะวันตก ซึ่งเป็นถิ่นฐานเดิมของเลเหล่ยและตระกูลเล ต่อมาได้รับการถวายพระนามว่า เลไถโต๋
ช่วงแรกเป็นช่วงสร้างความมั่นคงและฟื้นฟูประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะในสมัยเลไถโต๋หรือ เช่นการสร้างระบบ(ราชการ) จัดสอบคัดเลือก(ขุนนาง) ตรากฎหมายใหม่ แบ่ง(เขตการปกครอง)ใหม่ ฟื้นฟู(การเกษตร) รวมถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนทำให้เวียดนามเข้าสู่ยุคสงบสุขปลอดจากสงครามอีกครั้ง
หลังสมัย เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างกับบรรดา(ขุนศึก)ที่ร่วมทัพกับในการสู้รบกับจีน ความขัดแย้งบานปลายจนนำไปสู่การแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่(ข้าราชสำนัก) จนเกิดการ(รัฐประหาร)ครั้งแรกของใน (พ.ศ. 2002) มีการประหารและ(จักรพรรดิ)ขณะนั้น ต่อมาบรรดาขุนนางจึงสนับสนุนให้ราชนิกูลอีกพระองค์หนึ่งมาเป็น(จักรพรรดิ)แทน ต่อมาคือ ((พ.ศ. 2003)-(2040))
รัชกาลถือว่ายาวนานและรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งใน(ประวัติศาสตร์เวียดนาม) มีการปฏิรูปประเทศหลายด้านโดยยึดรูปแบบจีนมากกว่าเดิม ทั้งระบบการที่จัดสอบครบสามระดับตั้งแต่อำเภอจนถึงราชธานี จำนวน(ขุนนาง)เพิ่มขึ้นทวีคูณและทำให้ระบบราชการขยายตัวมากกว่ายุคสมัยก่อนหน้า นอกจากนั้นยังมีการ(ประมวลกฎหมาย)ใหม่พระองค์ทรงสร้างเวียดนามให้เป็น(มหาอำนาจ)และเป็นศูนย์กลางด้วยกับเพื่อนบ้านที่มักขัดแย้งกับเวียดนามคือและ(ลาว) อิทธิพลของเวียดนามรับรู้ไปจนถึงหัวเมืองเผ่าไทในจีนตอนใต้และ(ล้านนา) หลังรัชกาลนี้ราชวงศ์เลเริ่มประสบปัญหาความขัดแย้งในหมู่(ขุนนาง) ปัญหาเศรษฐกิจจนที่สุดก็ถูก(รัฐประหาร)โดย ในปี (พ.ศ. 2071) เชื้อพระวงศ์หลบหนีด้วยการช่วยเหลือของและ ที่มีอิทธิพลในมาแต่แรก
เริ่มการฟื้นฟูกอบกู้คืนโดยมีเป็นคนและ ทำสงครามกับจนถึงปี (พ.ศ. 2136) จึงสามารถยึดเมืองคืนได้และฟื้นฟูปกครองเวียดนามต่อไป
ยุคแตกแยกเหนือ-ใต้
- หลังการฟื้นฟูขึ้นได้ ตั้งตนเป็น(ผู้สำเร็จราชการ) และให้ไปปกครองเขตชายแดนใต้บริเวณเมืองลงไปถึงบริเวณเมือง(ดานัง)ในปัจจุบัน ขุนศึกตระกูลจิ่งตั้งตนเป็น เจ้าสืบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ในตระกูลของตนเอง จึงประกาศไม่ยอมรับการปกครองของจนเกิดสงครามครั้งใหม่ต่อมาอีกหลายสิบปี เวียดนามแบ่งแยกเป็นสองส่วน ส่วนเหนือ คือ เวียดนามเหนือ อยู่ในการปกครองของและเจ้า มีศูนย์กลางที่ ส่วนใต้ คือ (เวียดนามใต้) มีปกครอง มีศุนย์กลางที่เมืองหรือ(เว้)ในปัจจุบันตลอดมา
จักรวรรดิเวียดนาม
- (พ.ศ. 2316) เกิด(กบฏ)นำโดย(ชาวนา)สามพี่น้องที่หมู่บ้านขึ้นในเขตเมือง เขตปกครองของ และสามารถยึดเมืองได้ องค์ชาย เชื้อสายตระกูลเหวียนหลบหนีลงใต้ออกจากเวียดนามไปจนถึงกรุงเทพฯ ก่อนกลับมารวบรวมกำลังเอาชนะพวกได้
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือเหงวียนฟุกอ๊าน (องเชียงสือ) ผู้นำตระกูลเหงวียน ซึ่งตั้งตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่ง(ราชวงศ์เหงวียน) ในปี (พ.ศ. 2345) สถาปนาราชธานีใหม่ที่เมือง(เว้) แทนที่(ทังลอง) ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น (ฮานอย)
- (จักรวรรดิเวียดนาม) (พ.ศ. 2345 -(2488))
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือ(จักรพรรดิยาลอง) จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์เหวียนเริ่มฟื้นฟูประเทศ เวียดนามมีอาณาเขตใกล้เคียงกับปัจจุบัน ดินแดนภาคใต้ขยายไปถึงปาก(แม่น้ำโขง)และชายฝั่ง(อ่าวไทย) ทรงรักษาสัมพันธ์กับชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวฝรั่งเศสที่ช่วยรบกับพวกเตยเซิน นายช่างชาวฝรั่งเศสช่วยออกแบบ(พระราชวัง)ที่เว้ และ (ป้อมปราการ)เมือง(ไซ่ง่อน)
ราชวงศ์เหงวียนรุ่งเรืองที่สุดในสมัย จักรพรรดิองค์ที่สอง ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ขยายแสนานุภาพไปยัง(ลาว)และกัมพูชา ผนวกกัมพูชาฝั่งตะวันออก ทำ(สงคราม)กับ(สยาม)ต่อเนื่องเกือบยี่สิบปี แต่ภายหลังต้องถอนตัวจากกัมพูชาหลังถูก(ชาวกัมพูชา)ต่อต้านอย่างรุนแรง
สมัยนี้เวียดนามเริ่มใช้ของบาทหลวงชาวตะวันตก มีการจับกุมและ(ประหาร)บาทหลวงชาวตะวันตกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชาวเวียดนามที่นับถือ(คริสต์ศาสนา) จนถึงรัชกาลจักรพรรดิองค์ที่ 4 คือ ทรงต่อต้าน(ชาวคริสต์)อย่างรุนแรงต่อไป จนในที่สุดบาทหลวงชาวฝรั่งเศสขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลของตนให้ช่วยคุ้มครอง (พ.ศ. 2401) เรือรบของเข้ามาถึงน่านน้ำเมือง(ดานัง) (หรือ) ใกล้เมืองหลวง(เว้) นำไปสู่การสู้รบกันของทั้งฝ่าย
ต่อมากองกำลังฝรั่งเศสได้บุกโจมตีดินแดนภาคใต้บริเวณปาก(แม่น้ำโขง)และยึดครองพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด จึงต้องยอมสงบศึกและมอบดินแดนภาคใต้ให้แก่ฝรั่งเศส ชาวเวียดนามเริ่มต่อต้านการยึดครองของฝรั่งเศสแต่ไม่อาจต่อสู้กับแสนยานุภาพทหางทหารที่เหนือกว่าได้ ฝรั่งเศสจึงเข้าควบคุมเวียดนามอย่างจริงจังมากขึ้นและแบ่งเวียดนามออกเป็น 3 ส่วน คืออาณานิคม ในภาคใต้ ในตอนกลาง และ เขตอารักขา(ตังเกี๋ย)ในภาคเหนือ และเวียดนามยังมี(จักรพรรดิ)เป็นประมุขเช่นเดิม แต่ต้องผ่านการคัดเลือกโดย และมีฐานะเป็นสัญลักษณ์ และ การทูตเป็นของฝรั่งเศส ถือว่าเวียดนามสิ้นสุดฐานะเอกราชนับแต่นั้น
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi80LzQwL0luZG9jaGluZV9mcmFuJUMzJUE3YWlzZV8lMjgxOTEzJTI5LmpwZy8yMDBweC1JbmRvY2hpbmVfZnJhbiVDMyVBN2Fpc2VfJTI4MTkxMyUyOS5qcGc=.jpg)
ฝรั่งเศสแสวงหาผลประโยชน์จากการปกครองเวียดนามทางด้านเศรษฐกิจ เวียดนามเป็นแหล่งปลูกข้าวและใหม่ ๆ เช่น(กาแฟ) และ(ยางพารา) ส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเป็นวัตถุดิบแก่โรงงานในฝรั่งเศส ที่ดินในเวียดนามถูกยึดและตกเป็นของชาวฝรั่งเศส และเริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเวียดนาม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการศึกษาและให้แพร่หลายในเวียดนาม ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งได้รับการศึกษาแบบใหม่และเริ่มต้องการอิสระในการทำงานและมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ นำไปสู่การก่อตัวของกลุ่มชาตินิยมต่าง ๆ ที่เข้มแข็งที่สุดคือ(พรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน)ที่ตั้งขึ้นโดย(โฮจิมินห์) ในปี (พ.ศ. 2473) และต่อมาปรับเปลี่ยนเป็น ได้นำชาวนาก่อการต่อต้านฝรั่งเศสใน(ชนบท)
พ.ศ. 2488 โฮจิมินห์รับมอบอำนาจจากจักรพรรดิบ๋าวได่และรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกหลังประกาศเอกราช แต่หลังจากนั้นฝรั่งเศสได้กลับเข้ามาขับไล่รัฐบาลของโฮจิมินห์และไม่ยอมรับเอกราชของเวียดนาม นำไปสู่สงครามจนในที่สุดฝรั่งเศสพ่ายแพ้แก่กองกำลังเวียดมินห์ที่ ในปี (พ.ศ. 2497) และมีการทำ ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยอมรับเอกราชของเวียดนาม แต่สหรัฐและชาวเวียดนามในภาคใต้บางส่วนไม่ต้องการรวมตัวกับรัฐบาลของ(โฮจิมินห์) ต่อมาได้ก่อตั้งดินแดนเวียดนามภาคใต้เป็นอีกประเทศหนึ่ง คือ (สาธารณรัฐเวียดนาม (เวียดนามใต้)) มีเมืองหลวงคือ (ไซ่ง่อน) ใช้เส้นละติจูดที่ 17 องศาเหนือแบ่งแยกกับเวียดนามส่วนเหนือใต้การปกครองของโฮจิมินห์ (เวียดนามเหนือ)
สงครามเวียดนาม
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi83Lzc2L0JydWNlX0NyYW5kYWxsJTI3c19VSC0xRC5qcGcvMjAwcHgtQnJ1Y2VfQ3JhbmRhbGwlMjdzX1VILTFELmpwZw==.jpg)
(เวียดนามเหนือ)ไม่ยอมรับสถานภาพของ(เวียดนามใต้) ขณะที่สหรัฐได้ให้การช่วยเหลือทางการทหารแก่เวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งทหารมาประจำในเวียดนามใต้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เวียดนามเหนือประกาศทำสงครามเพื่อขับไล่และ ปลดปล่อย เวียดนามใต้จากสหรัฐและรวมเข้าเป็นประเทศเดียวกัน พร้อมให้การสนับสนุนกลุ่มชาวเวียดนามใต้ที่ต่อต้านสหรัฐ ((เวียดกง)) ในการทำสงคราม
การรบส่วนใหญ่กลายเป็นการรบระหว่างทหารสหรัฐและพันธมิตรจากต่างประเทศ กับกองกำลังเวียดกงและเวียดนามเหนือ ทั้งในชนบทและการโจมตีในเมือง แม้สหรัฐได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่อาจทำให้สงครามยุติลงได้ หลังการรุกโจมตีครั้งใหญ่ของเวียดนามเหนือและเวียดกงในปี พ.ศ. 2511 ที่เมืองเว้และเมืองหลักอื่น ๆ ในเวียดนามใต้ สหรัฐเริ่มเตรียมการถอนกำลังจากเวียดนามใต้และให้เวียดนามใต้ทำสงครามโดยลำพัง
สหรัฐถอนทหารจากเวียดนามใต้อย่างเป็นทางการในปี (พ.ศ. 2516) กองกำลังเวียดนามเหนือและเวียดกงจึงสามารถรุกเข้ายึดไซ่ง่อนและเวียดนามใต้ได้ทั้งหมดในปี (พ.ศ. 2518) การรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันเกิดขึ้นในวันที่ (2 กรกฎาคม) พ.ศ. 2519 และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นับแต่นั้น
หน่วยงานราชการและการเมือง
1.การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมี(พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม) เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
- กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย
- กลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ “วิวัฒนาการที่สันติ” (peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ
- กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก
2.เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้เลือกตั้งอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
3.สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญ ๆ คือ
- รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม
- เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา
- การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม)
- การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และ
- เลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ 15 คน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน
4.แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง
การทหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ตามเอกสารของสภาแห่งชาติ ครั้งที่ 10 ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม:พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ การเปิดการกระจายความหลากหลายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแบบพหุภาคีการประสานงานระหว่างประเทศเชิงรุกกับคติ "เวียดนามยินดีที่จะเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของทุกประเทศในประชาคมโลกที่มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ สันติภาพความเป็นอิสระและการพัฒนา "
เวียดนามเข้าร่วมกับองค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2520 ในสมัยฯพณฯประธานาธิบดีเดยเหม่ยอย่างเป็นทางการเวียดนามได้ปรับความสัมพันธ์กับจีนในปี พ.ศ. 2535 และสหรัฐในปี พ.ศ. 2538 เข้าร่วมอาเซียนในปีเดียวกันนั้นเอง
ปัจจุบันเวียดนามได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 180 ประเทศ (รวมถึง 43 ประเทศในเอเชีย, 47 ประเทศในยุโรป, 11 ประเทศในโอเชียเนีย, 29 ประเทศในอเมริกา, 50 ประเทศในแอฟริกา) ทุกทวีป (เอเชีย - แปซิฟิก: 33 ประเทศ, ยุโรป: 46 ประเทศ, อเมริกา: 28 ประเทศ, แอฟริกา: 47 ประเทศ,และ ตะวันออกกลาง: 16 ประเทศ), รวมถึงทุกประเทศที่สำคัญและศูนย์กลางทางการเมืองของ โลก เวียดนามยังเป็นสมาชิกขององค์กรระหว่างประเทศ 63 แห่งและมีความสัมพันธ์กับองค์กรพัฒนาเอกชนมากกว่า 650 องค์กร ในเวลาเดียวกันเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับ 165 ประเทศและดินแดน ในสหประชาชาติเวียดนามทำหน้าที่เป็นคณะกรรมาธิการ ECOSOC สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ UNDP UNFPA และ UPU
บทบาทภายนอกของเวียดนามในชีวิตทางการเมืองระหว่างประเทศได้รับการแสดงผ่านองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการประชุมระดับนานาชาติหลายครั้งในเมืองหลวงของกรุงฮานอย
ในปี พ.ศ. 2540 จัดประชุมสุดยอดชุมชนฝรั่งเศส
ในปี พ.ศ. 2541 มีการประชุมสุดยอดอาเซียน
ในปี พ.ศ. 2546 จัดประชุมนานาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาในเวียดนามและแอฟริกา
ในปี พ.ศ. 2547 การประชุมสุดยอด ASEM จัดขึ้นในเดือนตุลาคม
ในปี พ.ศ. 2549 จัดประชุมสุดยอดเอเปคในเดือนพฤศจิกายน
ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นมาเวียดนามได้กลายเป็นสมาชิกลำดับที่ 150 ขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเป็นทางการ นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกระบวนการของการรวมเข้ากับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ในปี พ.ศ. 2550 เป็นเจ้าภาพการคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กได้รับการโหวตอย่างเป็นทางการเวียดนามได้รับเลือกอย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวาระปี พ.ศ. 2551-2552 .
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 เวียดนามถือว่าบทบาทของประธานอาเซียนและในปีนั้นมีการประชุมระดับภูมิภาคจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นิวยอร์กได้ลงคะแนนในการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของเวียดนามเวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) อย่างเป็นทางการปี 2016-2018
ในปี พ.ศ. 2559 จัดโอลิมปิกสากลชีวภาพ
ในปี พ.ศ. 2560 จัดการประชุมสุดยอดเอเปคในเดือนพฤศจิกายน
การแบ่งเขตการปกครอง
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi9mL2ZlL1Byb3ZpbmNlc19vZl92aWV0bmFtLWJsYW5rX21hcC5zdmcvNTQwcHgtUHJvdmluY2VzX29mX3ZpZXRuYW0tYmxhbmtfbWFwLnN2Zy5wbmc=.png)
(ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง) | (ชายฝั่งตอนกลางเหนือ)
| (ตะวันออกเฉียงเหนือ)
| (ตะวันตกเฉียงเหนือ)
|
| (ชายฝั่งตอนกลางใต้)
| (ตะวันออกเฉียงใต้)
| (ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง)
|
ภูมิศาสตร์
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi81LzUxL0hhTG9uZ0JheUJJRy5qcGcvNzUwcHgtSGFMb25nQmF5QklHLmpwZw==.jpg)
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi9iL2I0L1NhcGE5LmpwZy8yMDBweC1TYXBhOS5qcGc=.jpg)
เวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000 สายพันธุ์
ลักษณะภูมิประเทศ
- มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือเป็นที่ราบลุ่ม(แม่น้ำแดง) และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่ม(แม่น้ำโขง)
- มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มีเขา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ฟุต)
ลักษณะภูมิอากาศ
- เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับที่พัดผ่าน(ทะเลจีนใต้) ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
- เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณร้อยละ 84 ตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 องศาเซลเซียส
ชายแดน
ทั้งหมด 4,638 กิโลเมตร (2,883 ไมล์) โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 กิโลเมตร (763 ไมล์) ประเทศจีน 1,281 กิโลเมตร (796 ไมล์) และประเทศลาว 2,130 กิโลเมตร (1,324 ไมล์)
เศรษฐกิจ
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi80LzQzL0xBTkRNQVJLNzIuanBnLzIyMHB4LUxBTkRNQVJLNzIuanBn.jpg)
เกษตรกรรม
มีผลผลิตได้แก่ (ข้าวเจ้า) (ยางพารา) (ชา) (กาแฟ) (ยาสูบ) (พริกไทย) (ในปี พ.ศ. 2549 ส่งออกกว่า 116,000 ตัน) การประมง เวียดนามจับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น (ปลาหมึก) (กุ้ง) ตลาดที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์
อุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า ศูนย์กลางอยู่ที่(โฮจิมินห์ซิตี)และมีนิคมอุตสาหกรรม การทำเหมืองแร่ที่สำคัญ คือ (ถ่านหิน) (น้ำมันปิโตรเลียม) และแก๊สธรรมชาติ เวียดนามเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย
สถานการณ์เศรษฐกิจ
เวียดนามมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า จึงมีการซื้อพลังงานไฟฟ้าจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ตั้งแต่กันยายนปี 2004 แม้ว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญรองจากเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการที่อาเซียนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก แต่ก็ยังคงความสำคัญในระดับหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชา และเมื่อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1991
เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน
- การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจากประเทศสมาชิก(อาเซียน)ซึ่งเวียดนามมองว่าเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการปรับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และการปรับนโยบายต่างประเทศ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนจะทำให้เวียดนามมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศจากสมาชิกต่าง ๆ อันจะมีส่วนเอื้ออำนวยและเร่งการพัฒนาของตนไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาดซึ่งตั้งอยู่บนหลักการของการแข่งขันได้ในที่สุด
- เวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและระบบเศรษฐกิจของโลก การเป็นสมาชิกของอาเซียนจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมใน(เขตการค้าเสรี)อาเซียน และนำเวียดนามไปสู่ความคุ้นเคยกับแนวทางปฏิบัติในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับโลก อันจะมีผลดีและเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่จะผลักดันเวียดนามให้ก้าวไปสู้การเป็นสมาชิกของ (APEC) และ (WTO) ได้ในที่สุด
- ในฐานะของสมาชิกอาเซียน เวียดนามหวังที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการค้าและการลงทุนกับประเทศอาเซียนทั้งหลาย ขณะเดียวกันในขณะที่การค้าภายในกลุ่มอาเซียนกำลังขยายตัว เวียดนามก็ได้ตระเตรียมและปรับทิศทางการส่งออกของตนที่จะไปสู่ตลาดอาเซียนนี้อย่างจริงจังมากขึ้น การนำเข้าของเวียดนามจากอาเซียนในขณะนี้เป็นครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมดของทั้งหมดของเวียดนาม และประมาณร้อยละ 30 ของการค้าทั้งหมดของเวียดนามที่มีกับอาเซียนนอกจากนี้ เวียดนามยังหวังว่าตนจะได้รับสิทธิพิเศษ (GSP) อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป และเวียดนามยังจะเป็นจุดส่งออกที่สำคัญสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ
ในด้านการลงทุน ทั้งเวียดนามและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าไปลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามจะสามารถดูดซึมเทคนิค วิทยาการและเทคโนโลยีที่ผ่านมากับการลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของการร่วมทุน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการผลิตของเวียดนาม และขณะเดียวกัน นับตั้งแต่เวียดนามเปิดประเทศและประกาศกฎหมายว่าด้วยการลงทุนต่างชาติ ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็ให้ความสนใจลพยายามแสวงหาโอกาสเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ทั้งนี้เพราะ(อาเซียน)ก็สนใจในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดใหญ่มีประชากรถึง 73 ล้านคน มีความสมบูรณ์ทางทรัพยาธรรมชาติ มีแรงงานที่มีศักยภาพและมีราคาถูก การมีเวียดนามเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจะทำให้อาเซียนมีประชากรเพิ่มเป็น 420 ล้านคน และจะมีผลผลิตมวลรวมภายในถึง 500 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ อันจะทำให้อาเซียนมีศักยภาพในการขยายตัวกางเศรษฐกิจได้มากขึ้นไปอีก
ในปัจจุบัน ประเทศที่ได้รับการอนุมัติด้วยมูลค่าลงทุนมากที่สุดได้แก่สิงคโปร์ ซึ่งมีโครงการการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจำนวนโครงการ ด้วยมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามคิดได้เป็นร้อยละ 27.69 ของมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิ้นในเวียดนาม กล่าวคือในมูลค่า 8.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิน 29.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโครงการทั้งสิ้น 337 โครงการ โดยมาเลเซียลงทุนเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ ไทยลงทุนเป็นอันดับ 3 ประเภทของการลงทุนที่สมาชิกอาเซียนดำเนินการในเวียดนาม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้างสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและการแปรรูปอาหาร เวียดนามหวังว่าการลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนี้จะมีส่วนช่วยถ่วงดุลการลงทุนจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกันในส่วนของอาเซียน เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้อาเซียนยินดีรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกก็คือ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนของเวียดนามนั้นจะมีผลไปเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอีกทั้งอำนาจในการต่อรองทางการเมืองทั้งหลายต่างก็มีผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน ทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจร่วมกันอันนำไปสู่การยอมรับในที่สุด
วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เวียดนามมีพื้นฐานของนักปราชญ์ตั้งแต่ยุคโบราณ มีการสั่งสมความรู้ทั้งด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ จนเป็นที่เลื่องลือ โดยในปัจจุบันเวียดนามเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยี ในปี 2553 เวียดนามมีงบประมาณทางด้านวิทยาศาสตร์อยู่ที่ 0.45% ของ GDP
การขนส่ง
อากาศ
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi8wLzAxL1ZuLTIwMDgwNjIyX25ydC5qcGcvMjAwcHgtVm4tMjAwODA2MjJfbnJ0LmpwZw==.jpg)
เวียดนามมีท่าอากาศยานขนาดใหญ่ 6 แห่ง คือ (ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย) (Nội Bai) ในกรุง(ฮานอย), (ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต) (Tần Sơn Nhất) ใน(นครโฮจิมินห์), โครงการ(ท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ) (Long Thánh) ใน(จังหวัดด่งนาย), (Chu Lai) ใน(จังหวัดกว๋างนาม) และ(ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง) (Đà Nẵng) ในนคร(ดานัง)
ถนน
ในปี 2553 ระบบถนนของเวียดนามมีความยาวรวมประมาณ 188,744 กิโลเมตร (117,280 ไมล์) โดยมี 93,535 กิโลเมตร (58,120 ไมล์) เป็นถนนลาดยาง
ทางรถไฟ
ทางรถไฟในเวียดนาม ปัจจุบันมีการเชื่อมต่อกับประเทศจีน และมีเครือข่ายในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีทางเชื่อมต่อกับลาวและกัมพูชา ซึ่งขณะนี้กำลังวางแผนก่อสร้าง
ประชากรศาสตร์
เชื้อชาติ
มีจำนวน 84.23 ล้านคน ความหนาแน่นโดยเฉลี่ย 253 คนต่อตารางกิโลเมตร เป็น(ชาวญวน)ร้อยละ 86 (บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ) (ชาวไท) ฮั้ว (จีน) (ชาวเขมร) (นุง) (ชาวม้ง)
ภาษา
การสื่อสารใช้ภาษาเวียดนาม ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2463 วงการวิชาการเวียดนามได้ลงประชามติที่จะใช้ตัว(อักษรโรมัน) (Quốc ngữ) แทนตัว(อักษรจีน) (Chữ Nôm) ในการเขียนภาษาเวียดนาม
ศาสนา
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi9mL2Y0L0NodWFfTW90X0NvdC5qcGcvMjUwcHgtQ2h1YV9Nb3RfQ290LmpwZw==.jpg)
จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2557 ประเทศเวียดนามมีประชากรนับถือศาสนา 90 ล้านคน แบ่งได้ดังนี้ และ(ไม่มีศาสนา) 24 ล้านคน (73.2%) ศาสนาพุทธ 11 ล้านคน (12.2%) ศาสนาคริสต์ 7.6 ล้านคน (8.3%) 4.4 ล้านคน (4.8%) (ลัทธิฮหว่าหาว) 1.3 ล้านคน (1.4%) และศาสนาอื่น ๆ (0.1%) เช่น (ศาสนาอิสลาม) 75,000 คน (ศาสนาบาไฮ) 7,000 คน ศาสนาฮินดู 1,500 คน
การศึกษา
ประวัติการศึกษาของเวียดนาม
ประเทศเวียดนามได้มีการพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับพัฒนาของประเทศ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นระยะ ๆ ย่อ ๆ ในเชิงประวัติศาสตร์ดังนี้ (Pham Minh Hac,1995, 42-61)
1. ระยะที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จีน (Period of Chinese Imperial Domination) : 200 ปีก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 938
ในระยะนี้ประเทศเวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จีน ดังนั้นผู้บริหารของประเทศจีน จึงเป็นผู้ก่อตั้งระบบการศึกษาในประเทศเวียดนามทั้งในแบบของรัฐและเอกชน ซึ่งในสมัยก่อนเน้นเฉพาะการศึกษาของบุตรชายและการฝึกอบรมบุคคลเพื่อเข้าไปรับราชการและบริหารประเทศ มีนโยบาย "Feudal Intelligentsia" ซึ่งจะคัดเลือกเฉพาะบุตรชายจากครอบครัวขุนนางไปรับราชการกับราชวงศ์จีน ระบบการศึกษาต่อเนื่องของชาวเวียดนามในบางศตวรรษพบว่า บุคคลชาวเวียดนามที่มีฐานะทางสังคมดีและมีสติปัญญาดีจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปศึกษาต่อในประเทศจีน โดยมีการสอบแข่งขันหลายขั้นตอนและครั้งสุดท้ายจะสอบที่กรุงปักกิ่ง เมื่อสอบผ่านจะได้วุฒิเทียบเท่า Doctor’s Degree ระบบการศึกษาดังกล่าวสืบทอดมาจนถึง ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907) ระบบการศึกษาที่เลียนแบบมาจากประเทศจีนประกอบด้วย การศึกษาเบื้องต้น (Primary Education) ที่มีระยะเวลาการศึกษาน้อยกว่า 15 ปี และการศึกษาระดับอุดมศึกษา (Higher Education) ที่มีระยะเวลาการศึกษามากกว่า 15 ปีขึ้นไป
2. ระยะที่ประเทศมีอิสรภาพ (Period of National Independence) : ค.ศ. 938 - ค.ศ. 1859
ในปี ค.ศ. 938 Ngo Dinh ได้รบชนะจีนและก่อตั้งราชวงศ์ Ngo Dinh และราชวงศ์ Le ตอนต้น (ค.ศ. 939 - ค.ศ. 1009) การศึกษาส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการโดยเอกชนและโรงเรียนพุทธศาสนา จนกระทั่งราชวงศ์ Le (ค.ศ. 1009 - ค.ศ. 1225) เริ่มให้ความสำคัญกับการศึกษาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เช่น เมืองหลวงทังลอง หรือฮานอยในปัจจุบัน มีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในประเทศเวียดนามเป็นแห่งแรก ใน ค.ศ. 1076 ที่มีชื่อเรียกว่า "Quoc Tu Gian หรือ Royal College" เพื่อเป็นแหล่งการศึกษาของบุตรชายของครอบครัวที่มีฐานะดี ในยุคนี้มีการสร้างโรงเรียนของรัฐขึ้นอีกทั้งในส่วนกลางและจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้บุตรชายของสามัญชนเข้ารับการศึกษา ทำให้ระบบการศึกษาในประเทศเวียดนามในยุคนี้แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
- Royal College อยู่ในเมืองหลวง อยู่ภายใต้การบริหารโดยตรงของกษัตริย์
- โรงเรียนในระดับจังหวัดและอำเภอ เป็นโรงเรียนของรัฐซึ่งยังมีจำนวนไม่มากนัก
- โรงเรียนของภาคเอกชน
อาจสรุปได้ว่าการศึกษาในระยะต้น ๆ ของประเทศเวียดนามอยู่ในระบบศักดินา ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการคัดเลือกคนเข้าไปเรียนเพื่อเป็นขุนนางและข้าราชการในระดับต่าง ๆ
3. ระยะที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของฝรั่งเศส (Period of French Colonialism): ค.ศ. 1859 - 1945
ในระยะที่ประเทศเวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสนี้ ระยะแรก ๆ ยังคงใช้ระบบการศึกษาตามลัทธิขงจื้ออยู่ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1917 จึงได้มีการเริ่มระบบการศึกษาแบบฝรั่งเศส แต่ให้ความสำคัญกับการศึกษาในระดับประถมศึกษา มีโรงเรียนประถมศึกษาเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่มีพลเมืองอาศัยอยู่หนาแน่น
การศึกษาในเบื้องต้นมีเกรด 1 - 2 มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน Ecole Communale ใช้เรียกการศึกษาในทางตอนเหนือ Ecole Auxilier Preparatoire ใช้เรียกการศึกษาทางตอนใต้ และ Ecole Preparatoire ใช้เรียกการศึกษาในตอนกลางของประเทศ ในบางเมืองมีการศึกษาพื้นฐาน 6 ปี ในเมืองใหญ่ ๆ เช่น (ฮานอย) ไฮฟอง และ(วิญ) มีการศึกษาที่สูงกว่า ระดับประถมศึกษาเพิ่มขึ้นอีก 4 ปี และมีเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้นที่มีการศึกษาสูงกว่าระดับมัธยมศึกษา คือ Ha Noi, Hue และ Saigon
ตอนต้นศตวรรษที่ 20 ประเทศฝรั่งเศสมีการพัฒนาการศึกษาวิชาชีพ (Professional Education) ขึ้น โดยมีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาที่มีรูปแบบตะวันตก ในปี ค.ศ. 1902 มีวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์เกิดขึ้นเป็นแห่งแรกที่กรุงฮานอย และมีการก่อตั้งสถาบันการศึกษาหลายแห่งในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีสถาบันการศึกษาทางด้านเทคนิคและอุตสาหกรรมอีกหลายแห่ง ซึ่งมีระยะเวลาในการศึกษา 2 ปี เน้นการฝึกอบรมทักษะในการทำงานกับเครื่องจักรกล สถาบันการศึกษาในระดับนี้เรียกว่า โรงเรียนฝึกวิชาชีพชั้นสอง จนกระทั่ง ค.ศ. 1919 จึงมีระบบการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยที่มีการศึกษาวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่ วิชาฟิสิกส์ เคมี จนกระทั่งถึง ค.ศ. 1923 ได้เริ่มมีการจดทะเบียนผู้ที่ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
โดยทั่วไปแล้วระบบการศึกษาของประเทศเวียดนามภายใต้การปกครองของประเทศฝรั่งเศส ยังมีความจำกัดอยู่มาก โดยพบว่ามีจำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนประมาณรัอยละ 2.6 ของประชากรในวัยเรียนทั้งหมดของประเทศ ในขณะที่มีประชากรทั้งหมด 17,702,000 คน ในปี ค.ศ. 1931
4. ระยะหลังการปฏิวัติเดือนสิงหาคม (Period after August Revolution) : ค.ศ. 1945 - 1975
5. ระยะของการรวมประเทศ (Period of National Reunification) : ค.ศ. 1975 - ปัจจุบัน
การศึกษาของเวียดนามในปัจจุบัน
ปัจจุบันเวียดนามแบ่งลักษณะของการจัดการศึกษาไว้ 5 ลักษณะ คือ
1. การศึกษาระดับก่อนประถมศึกษา (Pre-School Education) ประกอบด้วยการเลี้ยงดูเด็ก สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนถึง 3 ปี และอนุบาลสำหรับเด็กอายุ 3 - 5 ปี
2. การศึกษาสามัญ (5 - 4 – 3)
- ระดับประถมศึกษาเป็นการศึกษาภาคบังคับ 5 ปี ชั้น 1 - 5
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คือชั้น 6 - 9
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย คือชั้น 10 - 12
3. การศึกษาด้านเทคนิคและอาชีพ มีเทียบเคียงทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย
4. การศึกษาระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็นระดับอนุปริญญา (Associate degree) และระดับปริญญา
5. การศึกษาต่อเนื่อง เป็นการศึกษาสำหรับประชาชนที่พลาดโอกาสการศึกษาในระบบสายสามัญและสายอาชีพ
การศึกษาสามัญ 12 ปี (General Education) ของเวียดนามนั้นเวียดนามมีวัตถุประสงค์ที่จะ ให้ประชาชนได้มีวิญญาณในความเป็นสังคมนิยม มีเอกลักษณ์ประจำชาติ และมีความสามารถในด้านอาชีพ ในอดีตการศึกษาสามัญของเวียดนามมีเพียง 10 ปีเท่านั้น และไม่มีอนุบาลศึกษามาก่อนจนถึงปีการศึกษา 2532 - 2533 จึงมีการศึกษาถึงชั้นปีที่ 9 ทั้งประเทศ ซึ่งได้เรียกการศึกษาสามัญ 9 ปี ดังกล่าวนี้ว่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน (Basic Education) และเมื่อได้ขยายไปถึงปีที่ 12 แล้วจึงได้เรียกการศึกษาสามัญ 3 ปีสุดท้ายว่า มัธยมชั้นสูง (Upper Secondary School) ปี 2535 - 2536 ระบบการศึกษาสามัญในเวียดนามจึงกลายเป็นระบบ 12 ชั้นเรียนทั้งประเทศ โดยเด็กที่เข้าเรียนในชั้นปีที่ 1 จะมีอายุย่างเข้าปีที่ 6
เมื่อเวียดนามได้ใช้ระบบการศึกษาเป็น 12 ปีแล้ว จำนวนนักเรียนในทุกระดับชั้นยังมีน้อย ดังนั้นปี 2534 สภาแห่งชาติของเวียดนามจึงได้ออกกฎหมายการกระจายการศึกษาระดับประถมศึกษา (Law of Universal Primary Education) ซึ่งถือเป็นกฎหมายฉบับแรกว่าด้วยการศึกษาของเวียดนาม
วัฒนธรรม
วัฒนธรรมของเวียดนามส่วนใหญ่ล้วนมีวัฒนธรรมที่มีรากฐานมาจากจีน และศาสนาพุทธและ(ลัทธิเต๋า)
สื่อสารมวลชน
สื่อของเวียดนามได้รับการควบคุม โดยรัฐบาลตามกฎหมายปี 2004 ในการเผยแพร่ โดยทั่วไปจะมองเห็นว่า ภาคสื่อของเวียดนามถูกควบคุม โดยรัฐบาลไปตามเส้นทางของพรรคคอมมิวนิสต์ แม้ว่าหนังสือพิมพ์บางฉบับจะค่อนข้างตรงไปตรงมา เสียงของเวียดนามเป็นบริการกระจายเสียงทางวิทยุแห่งชาติที่รัฐ ออกอากาศผ่านทางเอฟเอ็มโดยใช้เครื่องส่งสัญญาณให้เช่าในประเทศอื่น ๆ และการให้การออกอากาศจากเว็บไซต์ของ (สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศเวียดนาม) เป็นบริษัทวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ
ตั้งแต่ปี 1997 เวียดนามมีการควบคุมการเข้าถึง(อินเทอร์เน็ต)สาธารณะอย่างกว้างขวาง โดยใช้วิธีการทางกฎหมายและทางเทคนิค เพื่อล็อกผลจะเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า "แบมบู (ไฟร์วอลล์)" โครงการความร่วมมือริเริ่มจัดระดับของเวียดนามการเซ็นเซอร์ทางการเมืองจะเป็นการ "แพร่หลาย" ในขณะที่(ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน)เวียดนามพิจารณาให้เป็นหนึ่งใน 15 ของโลก "ศัตรูของอินเทอร์เน็ต" แม้ว่ารัฐบาลของเวียดนามอ้างว่าเพื่อป้องกันประเทศกับเนื้อหาลามกอนาจารหรือไม่เหมาะสมทางเพศผ่านความพยายามสกัดกั้นของหลายทางการเมืองและศาสนาเว็บไซต์ที่มีความสำคัญเป็นสิ่งต้องห้ามยัง
ดนตรี
เพลงเวียดนามแบบดั้งเดิมแตกต่างระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศ ดนตรีคลาสสิกเหนือเป็นรูปแบบดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดของเวียดนามและเป็นประเพณีที่เป็นทางการมากขึ้น ต้นกำเนิดของดนตรีเวียดนามสามารถโยงไปถึงการรุกรานของมองโกลในศตวรรษที่ 13 เมื่อเวียดนามจับกุม
วรรณกรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
วรรณกรรมในเวียดนาม มีมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์โง มีการกล่าวเน้นเกี่ยวกับบรรพบุรุษหรือวีรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกไปด้วย
เทศกาล
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi82LzY0L0hvYV9tYWkuanBnLzE5MHB4LUhvYV9tYWkuanBn.jpg)
เวียดนามมีเทศกาลตาม(ปฏิทินจันทรคติ)มากมาย เทศกาลที่สำคัญที่สุดคือการเฉลิมฉลองปีใหม่(ตรุษญวน) งานแต่งงานเวียดนามแบบดั้งเดิมยังคงเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายและมักจะมีการเฉลิมฉลองโดยชาวเวียดนามในประเทศตะวันตก
- เทศกาลเต๊ต (tết)
- เป็นเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด มีชื่อเต็มว่า "เต๊ตเงวียนด๊าน"(Tết Nguyên Đản) หมายความว่า เทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี มีขึ้นระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เป็นการเฉลิมฉลองความเชื่อในเทพเจ้า ลัทธิเต๋า ขงจื่อ และศาสนาพุทธ และเป็นการเคารพบรรพบุรุษ
- (เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง)
- ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวบ้านประกวดทำขนมเปี๊ยะโก๋ญวน (บั๋นตรุงทู)(Bánh trung thu) พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชิดมังกร เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์
การท่องเที่ยว
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
การท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบสำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศคิดเป็น 7.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เวียดนามต้อนรับผู้มาเยือนกว่า 12.9 ล้านคนในปี 2560 เพิ่มขึ้น 29.1% จากปีก่อนทำให้เวียดนามเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในปีที่ผ่านมา ผู้มาเยือนเวียดนามส่วนใหญ่ในปี 2560 มาจากเอเชียมีจำนวน 9.7 ล้านคน จีน (4 ล้านคน) เกาหลีใต้ (2.6 ล้านคน) และญี่ปุ่น (798,119) คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2560 [285] เวียดนามยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากยุโรปด้วยจำนวน 1.9 ล้านคนในปี 2017 รัสเซีย (574,164) ), สหราชอาณาจักร (283,537), ตามมาด้วยฝรั่งเศส (255,396) และเยอรมนี (199,872) เป็นแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ใหญ่ที่สุด จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐ (614,117) และออสเตรเลีย (370,438)
กีฬา
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi9kL2QyL1ZvdmluYW1fZGVtb25zdHJhdGlvbl9NYXN0ZXJfZGVfZmxldXJldF8yMDE0X3QyMjMxMjkuanBnLzIyMHB4LVZvdmluYW1fZGVtb25zdHJhdGlvbl9NYXN0ZXJfZGVfZmxldXJldF8yMDE0X3QyMjMxMjkuanBn.jpg)
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กีฬาที่ได้รับความนิยมมากในเวียดนามคือ กีฬา(โววีนัม) เป็นศิลปะการต่อสู้แบบเวียดนาม ในขณะเดียวกันกีฬาจากตะวันตกอย่างฟุตบอลก็ได้รับความนิยมอย่างสูงในเวียดนาม (ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม)ชนะการแข่งขัน(ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน)สองสมัยในปี 2551 และ 2561 แบะผ่านเข้าถึงรอบก่องรองชนะเลิศ(เอเชียนคัพ 2019) ทีมเยาวชนชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี คว้ารองแชมป์(ฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี 2018) และคว้าอันดับสี่ใน(ฟุตบอลเอเชียนเกมส์ 2018) ในขณะที่ทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ได้มีส่วนร่วมใน(ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี 2017)(ฟุตบอลหญิงทีมชาติเวียดนาม) มีผลงานโดดเด่นเช่นกัน โดยเป็นทีมที่คว้าเหรียญทองในกีฬาซีเกมส์ได้มากที่สุดจำนวน 7 สมัย
กีฬาอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมได้แก่ (แบดมินตัน), เทนนิส, วอลเลย์บอล, (เทเบิลเทนนิส) และ (หมากรุกสากล) ปัจจุบันเวียดนามเป็นหนึ่งในชาติที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันทางด้านกีฬา จากการคว้าชัยชนะจากกีฬาหลายประเภท และมีส่วนร่วมในการแข่งขัน(โอลิมปิกฤดูร้อน) โดยเป็ยสมาชิกของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล
อาหาร
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly91cGxvYWQud2lraW1lZGlhLm9yZy93aWtpcGVkaWEvY29tbW9ucy90aHVtYi9kL2QxL1Bob19pbl9Ib19DaGlfTWluaF9DaXR5X2J5X2pvc2h1YS5qcGcvMjIwcHgtUGhvX2luX0hvX0NoaV9NaW5oX0NpdHlfYnlfam9zaHVhLmpwZw==.jpg)
อาหารในเวียดนามมีวัฒนธรรมอาหารที่มาจากจีน หรือประยุกต์มาจากอาหารแบบจีน โดยผสมผสานกับวัฒนธรรมแบบเกษตรเวียดนาม ซึ่งเฝอเป็นอาหารยอดนิยมในเวียดนาม และโด่งดังในฐานะอาหารประจำชาติของประเทศเวียดนาม
การแต่งกาย
การแต่งกายอ๊าวส่าย (Áo dài) เป็นชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามที่ประกอบไปด้วยชุดผ้าไหมที่พอดีตัว สวมทับกางเกงขายาวซึ่งเป็นชุดที่มักสวมใส่ในงานแต่งงาน และพิธีการสำคัญของประเทศ ชุดผู้หญิงคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน ในปัจจุบันเป็นชุดที่ได้รับความนิยมมากจากผู้หญิงเวียดนามทั่วทั้งประเทศ ส่วนผู้ชายจะสวมใส่ชุดอ๊าวส่ายด๋ในพิธีแต่งงานหรือพิธีศพ
ดูเพิ่ม
- ภาษาเวียดนาม
- (ฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม)
- (วีลีก)
หมายเหตุ
- ทะเลจีนใต้ในเวียดนามเรียกว่าทะเลตะวันออก (Biển Đông)
- รัฐธรรมนูญสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกล่าวว่าภาษาเวียดนามเป็น "ภาษาประจำชาติ" มากกว่า "ภาษาทางการ"; ภาษาเวียดนามเป็นภาษาเดียว(โดยพฤตินัย)ที่ใช้ในเอกสารราชการและกฎหมาย
- มีอีกชื่อว่าชาวกิญ
- ตำแหน่งแรกก่อนเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองในรัฐคอมมิวนิสต์(พรรคการเมืองเดียว) เป็น(เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม) ไม่ใช่(ประธานาธิบดีเวียดนาม)
- มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557
อ้างอิง
- . . 15 January 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-05-01. สืบค้นเมื่อ 13 June 2019.
- Communist Party of Vietnam 2004.
- General Statistics Office of Vietnam 2019.
- "2019 Report on International Religious Freedom: Vietnam". .
- Constitution of Vietnam 2014.
- "Thông cáo báo chí về tình hình kinh tế – xã hội quý IV và năm 2022". General Statistics Office of Vietnam.
- International Monetary Fund.
- World Bank 2018c.
- "Human Development Report 2021/2022" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). (United Nations Development Programme). 8 September 2022. สืบค้นเมื่อ 3 March 2023.
- . Vietnamnet News. 10 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-16. สืบค้นเมื่อ 16 February 2013.
{{}}
: ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ () - "Vietnam | History, Population, Map, Flag, Government, & Facts | Britannica". www.britannica.com (ภาษาอังกฤษ).
- Editors, History com. "Vietnam War". HISTORY (ภาษาอังกฤษ).
{{}}
:|last=
มีชื่อเรียกทั่วไป () - Woods 2002, p. 38
- Yue-Hashimoto 1972, p. 1
- http://www.nhandan.com.vn/english/business/050707/business_p.htm
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2007-07-02.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-09. สืบค้นเมื่อ 2007-08-18.
{{}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ () - http://thai.cri.cn/1/2007/12/05/21@114375.htm
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-09. สืบค้นเมื่อ 2007-07-04.
{{}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ () - "Under South Vietnam Rule" 2012-10-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. MHRO.org. 2010. Retrieved 21 April 2012.
- World Directory of Minorities and Indigenous Peoples – Vietnam: Chinese (Hoa).UNHCR Refworld. Retrieved 12 February 2013.
- Vietnam (08/08). U.S. Department of State. Retrieved 12 February 2013.
- (หนังสือพิมพ์มติชน) รายวัน หน้า 6 คอลัมน์ หน้าต่างความจริง วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10620
- [1] Religion in Vietnam
- "Background Note: Vietnam". US Department of State. สืบค้นเมื่อ 28 April 2010.
- "The Largest Buddhist Communities" 2010-07-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Adherents.com. Retrieved 9 July 2013. This source quotes a much lower figure than the 85% quoted by the US Department of State.
- "Vietnam". APEC. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-04-06. สืบค้นเมื่อ 9 July 2013.
- "Vietnam". Encyclopedia of the Nations. 14 August 2007. สืบค้นเมื่อ 28 April 2010.
- . Mertsahinoglu.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-13. สืบค้นเมื่อ 28 April 2010.
{{}}
: ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ () - "Vietnam: International Religious Freedom Report 2007". : . 14 September 2007. สืบค้นเมื่อ 21 January 2008.
- . Ministry of Justice. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-18. สืบค้นเมื่อ 21 September 2011.
- "Muting the Messengers: Vietnam's Press Under Pressure". The Economist. London. 15 January 2009. สืบค้นเมื่อ 17 January 2009.
- Wilkey, Robert N (2002). . John Marshall Journal of Computer and Information Law. 20 (4). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-19. สืบค้นเมื่อ 2013-08-20.
- OpenNet Initiative (9 May 2007). "Country Profile: Vietnam". สืบค้นเมื่อ 15 July 2008.
- Reporters Without Borders. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-17. สืบค้นเมื่อ 15 July 2008.
{{}}
: ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ () - "OpenNet Initiative Vietnam Report: University Research Team Finds an Increase in Internet Censorship in Vietnam". Berkman Center for Internet & Society at Harvard University. 5 August 2006. สืบค้นเมื่อ 15 July 2008.
- "Opera—Vietnam". Encyclopedia of Modern Asia. 2006. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-10. สืบค้นเมื่อ 11 August 2012 – โดยทาง BookRags.com.
- . web.archive.org. 2018-08-30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-19. สืบค้นเมื่อ 2022-07-18.
{{}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ (); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ () - Rick, August. "How Vietnamese Soccer Upset The Odds That China Is Banking On". Forbes (ภาษาอังกฤษ).
อ่านเพิ่ม
สิ่งพิมพ์
- Dror, Olga (2018). Making Two Vietnams: War and Youth Identities, 1965–1975. Cambridge University Press. (ISBN) .
- (2016). Vietnam: A New History. . (ISBN) .
- Holcombe, Alec (2020). Mass Mobilization in the Democratic Republic of Vietnam, 1945–1960. University of Hawaiʻi Press. (ISBN) .
- Nguyen, Lien-Hang T. (2012). Hanoi's War: An International History of the War for Peace in Vietnam. University of North Carolina Press. (ISBN) .
- Vu, Tuong; Fear, Sean, บ.ก. (2020). The Republic of Vietnam, 1955–1975: Vietnamese Perspectives on Nation Building. Cornell University Press. (ISBN) .
- Richardson, John (1876). A school manual of modern geography. Physical and political. Publisher not identified.
- Thái Nguyên, Văn; Mừng Nguyẽ̂n, Văn (1958). A Short History of Viet-Nam. Vietnamese-American Association.
- Chesneaux, Jean (1966). The Vietnamese Nations: Contribution to a History. Current Book Distributors.
- Heneghan, George Martin (1969). Nationalism, Communism and the National Liberation Front of Vietnam: Dilemma for American Foreign Policy. Department of Political Science, Stanford University.
- Gravel, Mike (1971). The Pentagon Papers: The Defense Department History of United States Decision-making on Vietnam. . (ISBN) .
- Peasant and Labour. 1972.
- Yue Hashimoto, Oi-kan (1972). Phonology of Cantonese. . (ISBN) .
- Jukes, Geoffrey (1973). The Soviet Union in Asia. . (ISBN) .
- Turner, Robert F. (1975). Vietnamese communism, its origins and development. , Stanford University. (ISBN) .
- Phan, Khoang (1976). Việt sử: xứ đàng trong, 1558–1777. Cuộc nam-tié̂n của dân-tộc Việt-Nam. Nhà Sách Khai Trí (ภาษาเวียดนาม). (University of Michigan).
- Vu, Tu Lap (1979). Vietnam: Geographical Data. .
- Lewy, Guenter (1980). America in Vietnam. . (ISBN) .
- Holmgren, Jennifer (1980). Chinese colonisation of northern Vietnam: administrative geography and political development in the Tongking Delta, first to sixth centuries A.D. Australian National University, Faculty of Asian Studies: distributed by Australian University Press. (ISBN) .
- Taylor, Keith Weller (1983). The Birth of Vietnam. . (ISBN) .
- Leonard, Jane Kate (1984). Wei Yuan and China's Rediscovery of the Maritime World. . (ISBN) .
- (1985). (บ.ก.). The Red Earth: A Vietnamese Memoir of Life on a Colonial Rubber Plantation. Southeast Asia Series. แปลโดย John Spragens, Jr. Athens, OH: . (ISBN) .
- Khánh Huỳnh, Kim (1986). Vietnamese Communism, 1925–1945. . (ISBN) .
- Miller, Robert Hopkins (1990). United States and Vietnam 1787–1941. DIANE Publishing. (ISBN) .
- McLeod, Mark W. (1991). The Vietnamese Response to French Intervention, 1862–1874. . (ISBN) .
- Joes, Anthony James (1992). Modern Guerrilla Insurgency. . (ISBN) .
- Miettinen, Jukka O. (1992). Classical Dance and Theatre in South-East Asia. . (ISBN) .
- Adhikari, Ramesh; Kirkpatrick, Colin H.; Weiss, John (1992). Industrial and Trade Policy Reform in Developing Countries. . (ISBN) .
- Akazawa, Takeru; Aoki, Kenichi; Kimura, Tasuku (1992). The evolution and dispersal of modern humans in Asia. . (ISBN) .
- Cortada, James W. (1994). Spain in the Nineteenth-century World: Essays on Spanish Diplomacy, 1789–1898. . (ISBN) .
- Keyes, Charles F. (1995). The Golden Peninsula: Culture and Adaptation in Mainland Southeast Asia. . (ISBN) .
- Gettleman, Marvin E.; Franklin, Jane; Young, Marilyn B.; Franklin, H. Bruce (1995). Vietnam and America: A Documented History. . (ISBN) .
- Proceedings of the Regional Dialogue on Biodiversity and Natural Resources Management in Mainland Southeast Asian Economies, Kunming Institute of Botany, Yunnan, China, 21–24 February 1995. Natural Resources and Environment Program, Thailand Development Research Institute Foundation. 1995.
- Hampson, Fen Osler (1996). Nurturing Peace: Why Peace Settlements Succeed Or Fail. . (ISBN) .
- de Laet, Sigfried J.; Herrmann, Joachim (1996). History of Humanity: From the seventh century B.C. to the seventh century A.D. . (ISBN) .
- Tonnesson, Stein; Antlov, Hans (1996). Asian Forms of the Nation. . (ISBN) .
- Murray, Geoffrey (1997). Vietnam Dawn of a New Market. . (ISBN) .
- Jones, John R. (1998). Guide to Vietnam. Bradt Publications. (ISBN) .
- Brigham, Robert Kendall (1998). Guerrilla Diplomacy: The NLF's Foreign Relations and the Viet Nam War. . (ISBN) .
- Li, Tana (1998). Nguyễn Cochinchina: Southern Vietnam in the Seventeenth and Eighteenth Centuries. . (ISBN) .
- Vietnam: Selected Issues. (International Monetary Fund). 1999. (ISBN) .
- Litvack, Jennie; Litvack, Jennie Ilene; Rondinelli, Dennis A. (1999). Market Reform in Vietnam: Building Institutions for Development. . (ISBN) .
- Đức Trần, Hồng; Thư Hà, Anh (2000). A Brief Chronology of Vietnam's History. .
- Cook, Bernard A. (2001). Europe Since 1945: An Encyclopedia. . (ISBN) .
- Knoblock, John; Riegel, Jeffrey (2001). The Annals of Lü Buwei. Stanford University Press. (ISBN) .
- Selections from Regional Press. Vol. 20. . 2001.
- Green, Thomas A. (2001). Martial Arts of the World: A-Q. . (ISBN) .
- Karlström, Anna; Källén, Anna (2002). Southeast Asian Archaeology. Östasiatiska Samlingarna (Stockholm, Sweden), European Association of Southeast Asian Archaeologists. International Conference. (Museum of Far Eastern Antiquities, Stockholm). (ISBN) .
- Levinson, David; Christensen, Karen (2002). Encyclopedia of Modern Asia. . (ISBN) .
- Pelley, Patricia M. (2002). Postcolonial Vietnam: New Histories of the National Past. . (ISBN) .
- Woods, L. Shelton (2002). Vietnam: a global studies handbook. . (ISBN) .
- Largo, V. (2002). Vietnam: Current Issues and Historical Background. . (ISBN) .
- Page, Melvin Eugene; Sonnenburg, Penny M. (2003). Colonialism: An International, Social, Cultural, and Political Encyclopedia. . (ISBN) .
- Dodd, Jan; Lewis, Mark (2003). Vietnam. . (ISBN) .
- Hiẻ̂n Lê, Năng (2003). Three victories on the Bach Dang river. Nhà xuất bản Văn hóa-thông tin.
- (2003). Strange Parallels: Integration of the Mainland Southeast Asia in Global Context, c. 800-1830, Vol 1. Cambridge University Press.
- Protected Areas and Development Partnership (2003). Review of Protected Areas and Development in the Four Countries of the Lower Mekong River Region. ICEM. (ISBN) .
- Meggle, Georg (2004). Ethics of Humanitarian Interventions. . (ISBN) .
- Ooi, Keat Gin (2004). Southeast Asia: A Historical Encyclopedia, from Angkor Wat to East Timor. . (ISBN) .
- Smith, Anthony L. (2005). Southeast Asia and New Zealand: A History of Regional and Bilateral Relations. . (ISBN) .
- Alterman, Eric (2005). When Presidents Lie: A History of Official Deception and Its Consequences. . (ISBN) .
- Anderson, Wanni Wibulswasdi; Lee, Robert G. (2005). Displacements and Diasporas: Asians in the Americas. . (ISBN) .
- Kissi, Edward (2006). Revolution and Genocide in Ethiopia and Cambodia. . (ISBN) .
- Oxenham, Marc; Tayles, Nancy (2006). Bioarchaeology of Southeast Asia. . (ISBN) .
- Englar, Mary (2006). Vietnam: A Question and Answer Book. . (ISBN) .
- Tran, Nhung Tuyet; , บ.ก. (2006). Viet Nam: Borderless Histories. . (ISBN) .
- Hoàng, Anh Tuấn (2007). Silk for Silver: Dutch-Vietnamese Relations, 1637–1700. . (ISBN) .
- Jeffries, Ian (2007). Vietnam: A Guide to Economic and Political Developments. . (ISBN) .
- Olsen, Mari (2007). Soviet-Vietnam Relations and the Role of China 1949–64: Changing Alliances. . (ISBN) .
- Neville, Peter (2007). Britain in Vietnam: Prelude to Disaster, 1945–46. . (ISBN) .
- Smith, T. (2007). Britain and the Origins of the Vietnam War: UK Policy in Indo-China, 1943–50. . (ISBN) .
- Koskoff, Ellen (2008). The Concise Garland Encyclopedia of World Music: The Middle East, South Asia, East Asia, Southeast Asia. . (ISBN) .
- Ramsay, Jacob (2008). Mandarins and Martyrs: The Church and the Nguyen Dynasty in Early Nineteenth-century Vietnam. . (ISBN) .
- Calò, Ambra (2009). Trails of Bronze Drums Across Early Southeast Asia: Exchange Routes and Connected Cultural Spheres. . (ISBN) .
- Sharma, Gitesh (2009). Traces of Indian Culture in Vietnam. . (ISBN) .
- Isserman, Maurice; Bowman, John Stewart (2009). Vietnam War. . (ISBN) .
- Koblitz, Neal (2009). Random Curves: Journeys of a Mathematician. . (ISBN) .
- Cottrell, Robert C. (2009). Vietnam. . (ISBN) .
- Asian Development Bank (2010). Asian Development Outlook 2010 Update. . (ISBN) .
- Lockard, Craig A. (2010). Societies, Networks, and Transitions, Volume 2: Since 1450. Learning. (ISBN) .
- Elliott, Mai (2010). RAND in Southeast Asia: A History of the Vietnam War Era. . (ISBN) .
- Gustafsson, Mai Lan (2010). War and Shadows: The Haunting of Vietnam. . (ISBN) .
- Jones, Daniel (2011). Cambridge English Pronouncing Dictionary. . (ISBN) .
- Lewandowski, Elizabeth J. (2011). The Complete Costume Dictionary. . (ISBN) .
- Pike, Francis (2011). Empires at War: A Short History of Modern Asia Since World War II. . (ISBN) .
- Vierra, Kimberly; Vierra, Brian (2011). Vietnam Business Guide: Getting Started in Tomorrow's Market Today. . (ISBN) .
- Vo, Nghia M. (2011). Saigon: A History. . (ISBN) .
- Khoo, Nicholas (2011). Collateral Damage: Sino-Soviet Rivalry and the Termination of the Sino-Vietnamese Alliance. . (ISBN) .
- Cooke, Nola; Li, Tana; Anderson, James (2011). The Tongking Gulf Through History. , Incorporated. (ISBN) .
- Zwartjes, Otto (2011). Portuguese Missionary Grammars in Asia, Africa and Brazil, 1550–1800. . (ISBN) .
- Frankum Jr., Ronald B. (2011). Historical Dictionary of the War in Vietnam. . (ISBN) .
- Tucker, Spencer C. (2011). The Encyclopedia of the Vietnam War: A Political, Social, and Military History, 2nd Edition [4 volumes]: A Political, Social, and Military History. . (ISBN) .
- Tonnesson, Stein (2011). Vietnam 1946: How the War Began. . (ISBN) .
- Kỳ Phương, Trần; Lockhart, Bruce M. (2011). The Cham of Vietnam: History, Society and Art. . (ISBN) .
- Thaker, Aruna; Barton, Arlene (2012). Multicultural Handbook of Food, Nutrition and Dietetics. . (ISBN) .
- Keith, Charles (2012). Catholic Vietnam: A Church from Empire to Nation. . (ISBN) .
- Olson, Gregory A. (2012). Mansfield and Vietnam: A Study in Rhetorical Adaptation. . (ISBN) .
- Waite, James (2012). The End of the First Indochina War: A Global History. . (ISBN) .
- Vo, Nghia M. (2012). Legends of Vietnam: An Analysis and Retelling of 88 Tales. . (ISBN) .
- Muehlenbeck, Philip Emil; Muehlenbeck, Philip (2012). Religion and the Cold War: A Global Perspective. . (ISBN) .
- Rabett, Ryan J. (2012). Human Adaptation in the Asian Palaeolithic: Hominin Dispersal and Behaviour During the Late Quaternary. . (ISBN) .
- Li, Xiaobing (2012). China at War: An Encyclopedia. . (ISBN) .
- Gilbert, Adrian (2013). Encyclopedia of Warfare: From the Earliest Times to the Present Day. . (ISBN) .
- Chico, Beverly (2013). Hats and Headwear around the World: A Cultural Encyclopedia: A Cultural Encyclopedia. . (ISBN) .
- Boobbyer, Claire; Spooner, Andrew (2013). Vietnam, Cambodia & Laos Footprint Handbook. . (ISBN) .
- Fröhlich, Holger L.; Schreinemachers, Pepijn; Stahr, Karl; Clemens, Gerhard (2013). Sustainable Land Use and Rural Development in Southeast Asia: Innovations and Policies for Mountainous Areas. . (ISBN) .
- Willbanks, James H. (2013). Vietnam War Almanac: An In-Depth Guide to the Most Controversial Conflict in American History. . (ISBN) .
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์