สุทธิชัย หยุ่น
สุทธิชัย แซ่หยุ่น หรือที่รู้จักทั่วไปว่า สุทธิชัย หยุ่น เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน 2489 เป็นนักหนังสือพิมพ์และนักธุรกิจชาวไทย อดีตประธานกรรมการ เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป, บรรณาธิการอำนวยการ เครือเนชั่น, ผู้ร่วมก่อตั้งหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น, กรุงเทพธุรกิจ, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี, เนชั่นทีวี และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ชีพจรโลก และ ชีพจรโลกวันนี้ ทางเนชั่นแชนแนล
สุทธิชัย หยุ่น | |
---|---|
สุทธิชัย หยุ่นใน พ.ศ. 2555 | |
เกิด | สุทธิชัย แซ่หยุ่น 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 (74 ปี) จังหวัดสงขลา ประเทศไทย |
ศิษย์เก่า | โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ |
อาชีพ | นักหนังสือพิมพ์ นักธุรกิจ พิธีกร ยูทูบเบอร์ |
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2511 –ปัจจุบัน |
ผลงานเด่น |
|
รายการโทรทัศน์ | ชีพจรโลก |
กรรมการใน | เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป |
คู่สมรส | นันทวัน หยุ่น |
บุตร |
|
รางวัล | รางวัลศรีบูรพา (พ.ศ. 2551) |
ประวัติ
สุทธิชัยเกิดในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่ยากจน ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มารดาชื่อซุ่ยจั่น แซ่ฟุ่ง เป็นพี่ชายของเทพชัย หย่อง กรรมการบริหาร เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป และอดีตผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย จบการเรียนชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนแสงทองวิทยา อำเภอหาดใหญ่ ต่อมาเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษา ที่โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ ในกรุงเทพมหานคร ระหว่างเรียนมีผลงานเขียน กับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และสยามรัฐรายวัน[ต้องการอ้างอิง]
การงาน
หลังจากนั้น เข้าทำงานที่บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด อยู่สามเดือน จึงเปลี่ยนมาเป็นล่าม ให้กับผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน ที่เข้ามาสร้างเขื่อนผามอง จังหวัดหนองคาย เสร็จจากงานชั่วคราวนี้ จึงเข้าศึกษาต่อที่ แผนกอิสระสื่อสารมวลชน ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปัจจุบันคือคณะนิเทศศาสตร์) ขณะเรียนก็เป็นพนักงานพิสูจน์อักษร ที่บางกอกโพสต์ เมื่อ พ.ศ. 2511 แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรียนไม่จบ เพราะเวลาเรียนกับเวลาทำงานตรงกัน จึงตัดสินใจเลือกทำงาน[ต้องการอ้างอิง] หลังจากนั้นเลื่อนตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยหัวหน้าข่าวที่บางกอกโพสต์ โดยมีหัวหน้าข่าว นาย เท่ห์ จงคดีกิจ เป็นเจ้านายคนแรก และต่อมา หลังจากทำงานได้เพียง 5 เดือน ก็เลื่อนขึ้นเป็นบรรณาธิการข่าวในประเทศ ทั้งที่อายุยังน้อย และไม่มีปริญญาบัตร เขาได้รางวัลศรีบูรพาส่วนหนึ่งเนื่องจากข่าว พันเอก ณรงค์ กิตติขจร พังป้อมตำรวจ เนื่องจากเมาสุรา
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2514 บางกอกโพสต์ซื้อกิจการหนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์ ซึ่งสุทธิชัยเห็นว่า เป็นการผูกขาดวงการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ จึงร่วมกับหม่อมราชวงศ์หญิงสุนิดา กิติยากร, ธรรมนูญ มหาเปารยะ และเพื่อนนักหนังสือพิมพ์ โดยประกาศขายหุ้นแก่ประชาชนเพื่อระดมทุน จนได้เป็นเงินราว 2 ล้านบาท ในการก่อตั้งหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษฉบับแรก ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของ ให้ชื่อว่า เดอะ วอยซ์ ออฟ เดอะ เนชั่น (อังกฤษ: The Voice of The Nation; คำแปล: เสียงแห่งประชาชาติ) ในวันที่ 1 กรกฎาคม ปีเดียวกัน[ต้องการอ้างอิง]
ในปี พ.ศ. 2517 เขาทำงานกับวิทยุแห่งประเทศไทย และเริ่มมีชื่อเสียงจากการเล่าข่าวสงครามอ่าวเปอร์เซีย ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต่อมา เมื่อคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ก่อรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ตามมาด้วยคำสั่งปิดหนังสือพิมพ์ในประเทศไทยทุกฉบับ สุทธิชัยจึงนำใบอนุญาตที่ตนเคยทำสำรองไว้ก่อนหน้านั้น ออกหนังสือพิมพ์ชื่อใหม่ว่า เดอะ เนชั่น รีวิว (อังกฤษ: The Nation Review) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2528 จึงเปลี่ยนเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
สุทธิชัยยังเป็นผู้ก่อตั้ง หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันฉบับแรกของประเทศไทย คือกรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2530 นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มวิทยุเนชั่น และเป็นหนึ่งในคณะผู้ร่วมดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เมื่อปี พ.ศ. 2538, ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2543 จึงมาก่อตั้งสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนล ยุคต่อมา เขามีชื่อเสียงจากการเป็นคอลัมนิสต์ และผู้ดำเนินรายการสนทนาเชิงข่าว รายการที่สร้างชื่อคือ การรายงานข่าวสงครามอ่าวเปอร์เซีย ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2534 ทางไทยทีวีสีช่อง 3 และช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ต่อมาเครือเนชั่นจึงเริ่มผลิตรายการโทรทัศน์ครั้งแรก เนชั่น นิวส์ ทอล์ก ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจสอบบัญชีธนาคาร และการชำระภาษีย้อนหลัง ของสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ซึ่งในจำนวนนั้น มีสุทธิชัยรวมอยู่ด้วย
สุทธิชัย หยุ่น เป็นที่รู้จักในฐานะนักข่าว เช่น กรณีที่ญาตินักการเมืองแกนนำในรัฐบาลซื้อหุ้นในกิจการสื่อมวลชน อย่างไรก็ตามเขาวิจารณ์การทำงานของสื่อมวลชนหลายครั้งเช่นกรณี การเสนอข่าวการเจ็บป่วยของ ทฤษฎี สหวงษ์
หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ชีวิตส่วนตัว
สุทธิชัยสมรสกับนันทวัน หยุ่น อดีตบรรณาธิการนิตยสารลลนา มีบุตรชายเป็นที่รู้จักคือ ปราบดา หยุ่น นักเขียนรางวัลซีไรต์ และบุตรสาวคือ ชิมบุญ หยุ่น
ผลงาน
หนังสือ
- หมาเฝ้าบ้าน (พ.ศ. 2537)
- คนบ้าข่าว (พ.ศ. 2543)
- นักข่าวนอกคอก (พ.ศ. 2545)
- วิ่งหาก็หนีหาย (พ.ศ. 2545)
- เลือกอยู่กับรัก (พ.ศ. 2545)
- ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา (พ.ศ. 2550)
- อนาคตของข่าว (พ.ศ. 2555)
พิธีกร
- พ.ศ. 2561-2564 : รายการ "กาแฟดำ ค่ำนี้" ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
- พ.ศ. 2561-2564 : รายการ "เจาะอนาคตตอบโจทย์" ทาง MCOT Radio FM 100.5 MHz ร่วมกับ วีระ ธีรภัทร
- พ.ศ. 2564-ปัจจุบัน : รายการ "คุยให้คิด" ทาง Thai PBS หมายเลข 3 ร่วมกับ วีระ ธีรภัทร และวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์
- พ.ศ. 2564-ปัจจุบัน : รายการ "เข้มข่าวค่ำ" (เสาร์-อาทิตย์; ช่วงวิเคราะห์ข่าว) ทาง PPTV HD หมายเลข 36
- พ.ศ. 2564-ปัจจุบัน : รายการ "กาแฟดำ" ทาง PPTV HD หมายเลข 36
- พ.ศ. 2564-ปัจจุบัน : รายการ "Suthichai Live" ทาง YouTube:suthichai live, Facebook:Suthichai Live
รางวัล
- นักเขียนรางวัลศรีบูรพา คนที่ 20 ประจำปี พ.ศ. 2551
- รางวัล บุคคลดีเด่น ในงาน ฉลองครบ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร จากมูลนิธิอนุสรณ์หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร
อ้างอิง
- https://thestandard.co/thailandelection2562-suthichai-thanathorn-nation-case/
- https://www.bbc.com/thai/thailand-42658519
- https://www.sanook.com/men/21165/
- http://sriburapha.net/index.php/2011-08-02-01-39-36/127-2011-08-05-01-45-06
- ↑ จินตกรรม. คอลัมน์สโมสรวรรณกรรม. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551 หน้า 24-25
- https://hilight.kapook.com/view/185576
- http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000054109
- http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9490000079315
- http://www.isranews.org/isranews-article/item/43015-content-convergence.html
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/205/111.PDF
- http://www.nationtv.tv/main/content/social/378458538/
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สุทธิชัย หยุ่น |
- SuthichaiLive
- สุทธิชัย หยุ่น ประวัติบุคคล สำนักข่าวไทย
- สุทธิชัย หยุ่น “กาแฟดำ” เข้มข้น. โพสิชันนิง.
- สุทธิชัย หยุ่น ที่ทวิตเตอร์