สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2532 ในชื่อ ทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์ ปัจจุบันลงแข่งขันในไทยลีก และไม่เคยตกชั้นนับตั้งแต่เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในปี พ.ศ. 2551 เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีผู้เล่นมีชื่อติดฟุตบอลทีมชาติไทยเป็นจำนวนมาก
ชื่อเต็ม | สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด | |||
---|---|---|---|---|
ฉายา | กิเลนผยอง | |||
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2532 ในชื่อ ทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์ | |||
สนาม | เอสซีจีสเตเดียม | |||
ความจุ | 15,000 ที่นั่ง | |||
เจ้าของ | สยามสปอร์ต, ปูนซิเมนต์ไทย | |||
ประธาน | วิลักษณ์ โหลทอง | |||
ผู้จัดการ | กานต์ จันรัตน์ | |||
ผู้ฝึกสอน | มารีโอ ยูโรฟสกี | |||
ลีก | ไทยลีก | |||
2563–64 | ไทยลีก, อันดับที่ 7 | |||
เว็บไซต์ | เว็บไซต์สโมสร | |||
| ||||
เมืองทองเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศ พวกเขาเคยชนะเลิศลีกสามระดับในช่วงเวลาสามปีติดต่อกัน ได้แก่ ดิวิชัน 2 ในปี 2550, ดิวิชัน 1 ในปี 2551 และไทยพรีเมียร์ลีกในปี 2552 สโมสรชนะเลิศไทยลีกทั้งหมด 4 สมัย และชนะเลิศไทยลีกคัพ 2 สมัย ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือช่วงปี 2555 ซึ่งพวกเขาคว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่าย และปี 2559 ซึ่งพวกเขามีผู้เล่นทีมชาติไทยเป็นแกนหลัก และชนะในลีกติดต่อกันถึง 14 นัดจนคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 4 ได้สำเร็จ ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกปี 2560 สโมสรชนะเกมเหย้าทั้งสามนัดในรอบแบ่งกลุ่ม จนได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันระดับทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
เมืองทองมีสโมสรคู่ปรับที่สำคัญหลายสโมสร ได้แก่ ชลบุรี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และการท่าเรือ ในปี 2555 ปูนซิเมนต์ไทยหรือเอสซีจี ได้ซื้อกิจการสโมสร ทำให้มีการเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น "เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด" และในปี 2559–2560 เอสซีจี เมืองทอง เป็นสโมสรฟุตบอลที่ได้รับความนิยมจากแฟนฟุตบอลชาวไทยมากที่สุดในประเทศ
สนามเหย้าของพวกเขาคือ เอสซีจีสเตเดียม ซึ่งมีความจุ 15,000 ที่นั่ง เปิดใช้งานใน พ.ศ. 2541 และก่อสร้างเพิ่มเติมในช่วง พ.ศ. 2552–2553 สีหลักของสโมสรคือสีแดง
ประวัติสโมสร
ยุคแรก
เริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2532 ชื่อแรกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คือ "ทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสสรณ์" เริ่มแข่งขันจากถ้วยพระราชทานประเภท ง ซึ่งเป็นถ้วยที่เล็กสุด กระทั่งในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกดิวิชัน 1 ฤดูกาล 2545–2546 ทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สโมสรฟุตบอลไข่มุกดำหนองจอก" โดยได้วีระ มุสิกพงศ์ อดีตนักการเมืองเข้ามาทำทีม แต่ทำทีมได้เพียงแค่ฤดูกาลเดียว เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ วีระก็เลิกลาไปโดยที่ทีมยังคงอยู่ในลีกดิวิชัน 1 ต่อไป
เข้าสู่ระบบลีก
ฤดูกาลต่อมาของไทยลีกดิวิชัน 1 2546 - 2547 ทีมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งตามกลุ่มที่เข้ารับทำทีมต่อคือ สโมสรฟุตบอลหลักทรัพย์โกล์เบล็ค หนองจอก โดยมีสมศักดิ์ เซ็นเชาวนิช เป็นผู้จัดการทีม แต่ปีนั้นทีมทำผลงานได้ย่ำแย่ จนสุดท้ายก็ต้องตกชั้นไปเล่นในถ้วยพระราชทานประเภท ข ในฤดูกาล 2547-2548 โดยกลับไปใช้ชื่อเดิม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
ต่อมา สมาคมฟุตบอลฯ ต้องการยกระดับลีกการแข่งขันในประเทศไทยให้เป็นสากลมากขึ้น จึงก่อตั้ง ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ขึ้นมา โดยนำทีมจากถ้วยพระราชทาน ข และ ค มาผสมรวมกันเพื่อแข่งขันในลีกนี้ในฤดูกาล ซึ่ง ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันด้วย และปีนั้นกับลีกดิวิชัน 2 ของไทยครั้งแรกในชื่อทีม เมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด โดยผู้สนับสนุนทีมคือ ระวิ โหลทอง ที่รับตำแหน่งประธานสโมสร
เริ่มต้นความสำเร็จ
เริ่มต้นที่ปี พ.ศ. 2550 ปีนั้นทีมใช้ผู้ฝึกสอนอย่าง นพพร เอกศาสตรา คุมทีมโดยมี โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ชาวเบลเยี่ยมเป็นผู้จัดการทีม ปีนั้นเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ดได้แชมป์ลีกดิวิชัน 2 ครั้งแรกพร้อมได้สิทธิ์ขึ้นไปเล่นลีกดิวิชัน 1 ในปี พ.ศ. 2551 ในปีต่อมา ผู้ฝึกสอนอย่าง สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกดิวิชัน 1 2551 มาครอบครองได้สำเร็จ พร้อมขึ้นชั้นมาเล่นไทยพรีเมียร์ลีก 2552 (ไทยลีก ครั้งที่ 13)
ไทยพรีเมียร์ลีก 2552 อันเป็นครั้งแรกของทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ที่ได้ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของประเทศ นับจากก่อตั้งสโมสรมา 20 ปี และในปีนั้น เมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ดได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกของประเทศไทยไล่จากลีกดิวิชัน 2, ดิวิชัน 1 จนถึงลีกสูงสุดโดยใช้เวลาเพียง 3 ปี
ไทยพรีเมียร์ลีก
จากนั้นก็ได้แชมป์ ถ้วยพระราชทานประเภท ก (ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ ในปัจจุบัน) ที่สามารถชนะการท่าเรือไทย ได้ 2-0 ส่วนถ้วยอื่น ๆ อย่างเอเอฟซีคัพ และไทยคม เอฟเอคัพ ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ
ฤดูกาล 2554 สโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ดได้ลงป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ครั้งนี้ทีมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะได้เป็นแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน แต่ด้วยการไปเล่นเอเอฟซีคัพ ทำให้มีการเหนื่อยล้าของนักเตะรวมถึงการเปลี่ยนผู้ฝึกสอนใหม่จากเรอเน เดอซาแยร์ ชาวเบลเยี่ยมมาเป็น การ์ลูส โรเบร์ตู จี การ์วัลยูสโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2552 ในฤดูกาลก่อนได้ลงป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก โดยตลอดทั้งฤดูกาลก็ทำผลงานได้ดีจนได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2553 เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ซึ่งการได้ 2 สมัยนั้นทำให้มีสถิติเทียบเท่าบีอีซี เทโรศาสน, ธนาคารกรุงไทย และทหารอากาศ (หรือแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ในปัจจุบัน) ส่วนก่อนฤดูกาลแข่งการ์ลูส โรเบร์ตู จี การ์วัลยู ชาวบราซิลและเฮ็นริเก คาลิสโต ชาวโปรตุเกสในช่วงเลก 2 ของฤดูกาลมีการเซ็นสัญญาซื้อร็อบบี ฟาวเลอร์ ตำนานกองหน้าของ ลิเวอร์พูล เข้าร่วมทีม ต่อมาในเดือนกันยายน คาลิสโต ที่พาทีมตกรอบเอเอฟซีคัพ ถูกทางสโมสรปลดออก และร็อบบี ฟาวเลอร์ ตำแหน่งเพลเยอร์-เมเนเจอร์ (เป็นทั้งผู้จัดการทีมและผู้เล่น) โดยทำการคุมทีมนัดแรกในนัดที่พบกับเอสซีจี สมุทรสงคราม หลังจากนั้นอีกไม่นาน เมื่อเมืองทอง ยูไนเต็ด ได้เพียงอันดับ 3 ในฤดูกาลนี้ ทำให้ฟาวเลอร์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง
ในฤดูกาล 2555 เอสซีจี ได้เซ็นสัญญาเพื่อมาเป็นผู้สนับสนุนของทีม โดยมีมูลค่าสัญญามากถึง 600 ล้านบาท และได้ทำการเปลี่ยนชื่อสนาม จาก ยามาฮ่า สเตเดียม มาเป็น เอสซีจี สเตเดียม และชื่อทีมจาก เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด มาเป็น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ส่วนโลโก้ของสโมสรก็มีการเปลี่ยนให้ตัวกิเลนทั้ง 2 ตัว มีขาชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม ช่วงก่อนเปิดฤดูกาลก็ได้มีการซื้อเอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์, มงคล นามนวด, อัดนัน บาราคัท และมารีโอ ยูโรฟสกี มิดฟิลด์ทีมชาติมาซิโดเนียเข้ามาร่วมทีม รวมถึงการเซ็นสัญญาผู้ฝึกสอนคนใหม่ คือ สลาวีชา วอคานอวิช ชาวเซอร์เบียโดยผลงานจบเลกแรก ด้วยการเป็นอันดับที่ 1 ของตารางไทยพรีเมียร์ลีก 2555 หลังจากนั้นก่อนเปิดเลกที่ 2 ก็ได้มีการซื้อนักเตะเพิ่มเติม โดยมีเอดีบัลโด โรคัซ เอร์โมซา ปีกทีมชาติโบลิเวีย และเปาโล เรนเกิล นักเตะบราซิล ต่อมาในช่วงเดือนกันยายน ทีมได้ตกรอบโตโยต้า ลีกคัพ ด้วยการแพ้ทีโอที เอสซี และตกรอบไทยคม เอฟเอคัพด้วยการแพ้อาร์มี ยูไนเต็ด แต่ทีมยังรักษาอันดับ 1 ไว้ได้ตั้งแต่เลกแรก และจนถึงช่วงปลายเลกที่ 2 ทีมก็ยังรักษาฟอร์มที่ดีไว้ได้ จนเหลือ 3 นัดสุดท้าย เมื่อแต้มได้ทิ้งห่าง ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับที่ 2 มากพอที่จะได้เป็นแชมป์อย่างเป็นทางการตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล โดยมีการฉลองแชมป์ที่เอสซีจี สเตเดียม ในนัดที่พบกับชัยนาท ฮอร์นบิล โดยหลังจบเกม ทางสโมสรให้แฟนบอลได้ฉลองกันอย่างเต็มที่ และให้ลงมาสัมผัสสนามหญ้าของเอสซีจี สเตเดียม รวมไปถึงให้พบกับนักฟุตบอลของทีมอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง และในปีนี้เองที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ทำสถิติไร้พ่ายเป็นครั้งแรกของสโมสรในประเทศไทย พร้อมกับได้สิทธิ์ไปเล่นเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในรอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลหน้า
คู่แข่ง
ชลบุรี
หลังจากที่เมืองทอง ยูไนเต็ด สามารถขึ้นชั้นและได้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2552 ก็ได้แข่งขันแย่งตำแหน่งแชมป์กับชลบุรี มาโดยตลอด ทำให้เมื่อพบกันจึงได้รับขนานนามว่า "เอลกลาซีโกเมืองไทย" ในปี พ.ศ. 2554 มีการแข่งขันนัดสำคัญคือการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก โดยชลบุรีชนะ 2–1 และต่อมาเมื่อทั้งสองทีมลงแข่งขันกัน ก็จะมีแฟนบอลให้ความสนใจติดตามเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน เริ่มมีความสนใจลดน้อยลง เพราะ ช่วงนั้น บุรีรัมย์มาแรงมาก ทีมชลบุรีก็เริ่มดร็อปลงตามลำดับ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ภายหลังการเข้าซื้อทีมการไฟฟ้าของเนวิน ชิดชอบ สำหรับการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก 2553 ในชื่อ "บุรีรัมย์ พีอีเอ" ด้วยทุนมหาศาล ทำให้บุรีรัมย์ขึ้นมาเป็นทีมแถวหน้าในการแข่งขันไทยลีก และเป็นคู่แข่งกับเมืองทอง ยูไนเต็ด จนถึงปัจจุบัน โดยมีการแข่งขันสำคัญมากมาย เช่น ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ในปี พ.ศ. 2556, 2557 และ 2559 ซึ่งตั้งแต่การเข้าซื้อทีมและเปลี่ยนเป็นชื่อบุรีรัมย์นั้น เมืองทองยังไม่สามารถชนะบุรีรัมย์ได้ จนถึงในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2559 เมืองทอง ยูไนเต็ด สามารถบุกไปเอาชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ 3-0 ซึ่งได้ 2 ประตูจากเคลย์ตง ซิลวา และ อดิศักดิ์ ไกรษร อีก 1 ประตู
ตราสัญลักษณ์และชุดแข่งขัน
ผู้ผลิตชุดแข่งขัน
ฤดูกาล | เสื้อ | ผู้สนับสนุน |
---|---|---|
2008 | แกรนด์ สปอร์ต | ยามาฮ่า |
2009–2010 | อาดิดาส | ยามาฮ่า |
2011 | แกรนด์ สปอร์ต | ยามาฮ่า |
2012–2019 | แกรนด์ สปอร์ต | เอสซีจี, ยามาฮ่า |
2020– | ซู้ต | เอสซีจี, ยามาฮ่า |
สนาม
เอสซีจี สเตเดียม | |
ที่ตั้ง | อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ประเทศไทย |
---|---|
เจ้าของ | สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
ผู้ดำเนินการ | สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
พื้นสนาม | หญ้า |
ความจุ | 15,000 ที่นั่ง |
การก่อสร้าง | |
เปิดใช้สนาม | พ.ศ. 2541 |
ผู้ใช้งาน | |
สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
สโมสรฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ด ใช้สนามเอสซีจีสเตเดียม เป็นสนามเหย้า โดยสนามแห่งนี้อยู่หลังอาคารชาเลนเจอร์ นอกจากนี้ยังมีห้องวีไอพีบ็อก ให้บริการ และพื้นที่สำหรับผู้สื่อข่าว รวมถึงห้องแถลงข่าว
สำหรับสนามเอสซีจี สเตเดียม นั้นปัจจุบันมีความจุ 15,000 ที่นั่ง ได้มาตรฐานสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ย้อนกลับไปปี พ.ศ 2550 สภาพสนามเอสซีจีสเตเดียม ซึ่งยังเรียกว่า ธันเดอร์โดมสเตเดียม แสดงพัฒนาการให้เห็นขึ้นตามลำดับ ไล่มาตั้งแต่การคว้าแชมป์ดิวิชัน 2 ในปี 2550 ก่อนจะก้าวไปอีกขั้นกับ แชมปืดิวิชัน 1 ในปี 2551 ต่อด้วย แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก ในปี 2552 จนแฟนคลับมีจำนวนเพื่มขึ้นตามลำดับ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อสนามเป็น ยามาฮ่า สเตเดี้ยม พร้อมลงมือก่อสร้างอัฒจรรย์ทั้ง 3ด้าน รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและในปี 2553 ได้ทำการปรับปรุงพื้นสนาม โดยใช้หญ้าพันธุ์ดีอย่าง "พาสพาลัม" ขณะที่ส่วนอัฒจรรย์ ที่นั่งของสนามยามาฮ่าสเตเดียม ยังติดตั้งเก้าอี้ จำนวน 9,000 ที่นั้ง ในอัฒจรรย์ฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตก ปี 2555 ได้เปลี่ยนชื่อตามสปอนเซอร์ใหม่เป็น "เอสซีจี สเตเดียม"
อนาคตทางเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดมีแผน 2 แผนคือ ต่อเติมให้มีความจุ 40,000 คน หรือสร้างสนามใหม่เพื่อรองรับแฟนบอล 35,000 คน ซึ่งใช้งบราว 500-700 ล้านบาท
เกียรติประวัติ
- ไทยลีก:
- ไทยลีก 2:
- ชนะเลิศ (1): 2551
- ไทยลีก 4:
- ชนะเลิศ (1): 2550
- ฟุตบอลถ้วยพระราชทานประเภท ก.:
- ไทยแลนด์แชมเปียนส์คัพ:
- ชนะเลิศ (1): 2560
- ไทยลีกคัพ:
- แม่โขงคลับแชมเปียนชิพ:
- ชนะเลิศ (1): 2560
- โตโยต้า พรีเมียร์คัพ:
- รองชนะเลิศ (1): 2560
ผู้เล่น
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นกลับจากการยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัว
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
ผู้เล่นชุดเยาวชน
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
ผลงานตามฤดูกาลแข่งขัน
ฤดูกาล | ลีก | เอฟเอคัพ | ลีกคัพ | ถ้วย ก | เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก | เอเอฟซีคัพ | อาเซียน คลับ | ผู้ทำประตูสูงสุด | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ระดับแข่งขัน | น | ช | ส | พ | ด | ส | แต้ม | อันดับ | ชื่อผู้ทำประตู | ประตู | |||||||
2550 | ดิวิชัน 2 | 22 | 15 | 5 | 2 | 39 | 19 | 50 | 1 | ||||||||
2551 | ดิวิชัน 1 | 30 | 19 | 8 | 3 | 58 | 17 | 65 | 1 | ยาย่า | 12 | ||||||
2552 | ไทยลีก | 30 | 19 | 8 | 3 | 48 | 20 | 65 | 1 | รอบ 3 | ดาโน | 10 | |||||
2553 | ไทยลีก | 30 | 20 | 7 | 3 | 64 | 19 | 67 | 1 | รอบ 2 | รอบ 3 | ชนะเลิศ | รอบคัดเลือก | รอบรองชนะเลิศ | ดาโน | 15 | |
2554 | ไทยลีก | 34 | 17 | 9 | 8 | 54 | 32 | 60 | 3 | รองชนะเลิศ | รอบ 5 | รองชนะเลิศ | คัดเลือก | ก่อนรองชนะเลิศ | ธีรศิลป์ | 13 | |
2555 | ไทยลีก | 34 | 25 | 9 | 0 | 78 | 31 | 84 | 1 | รอบก่อนรองชนะเลิศ | รอบ 5 | ธีรศิลป์ | 24 | ||||
2556 | ไทยลีก | 32 | 21 | 8 | 3 | 61 | 33 | 71 | 2 | รอบรองชนะเลิศ | รอบ 16 ทีม | รองชนะเลิศ | แบ่งกลุ่ม | ธีรศิลป์ | 18 | ||
2557 | ไทยลีก | 38 | 20 | 11 | 7 | 66 | 36 | 62 | 5 | รอบ 8 ทีม | รอบ 8 ทีม | รองชนะเลิศ | เพลย์ออฟ | มารีโอ | 13 | ||
2558 | ไทยลีก | 34 | 21 | 8 | 5 | 81 | 35 | 71 | 2 | รองชนะเลิศ | รอบ 32 ทีม | เคลย์ตง | 25 | ||||
2559 | ไทยลีก | 31 | 26 | 2 | 3 | 73 | 24 | 80 | 1 | รอบ 8 ทีม | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | รอบคัดเลือกรอบที่ 3 | – | – | เคลย์ตง | 27 |
2560 | ไทยลีก | 34 | 22 | 6 | 6 | 79 | 29 | 72 | 2 | รอบ 4 ทีม | ชนะเลิศ | ชนะเลิศ | รอบ 16 ทีมสุดท้าย | – | – | ธีรศิลป์ | 14 |
2561 | ไทยลีก | 34 | 16 | 11 | 7 | 65 | 53 | 59 | 4 | รอบ 16 ทีม | รอบ 16 ทีม | – | รอบเพลย์ออฟ | – | – | เอเบร์ชี | 26 |
2562 | ไทยลีก | 30 | 14 | 4 | 12 | 45 | 42 | 46 | 5 | รอบ 16 ทีม | รอบ 32 ทีม | – | – | – | – | เอเบร์ชี | 13 |
2563–64 | ไทยลีก | 30 | 14 | 5 | 11 | 52 | 43 | 47 | 7 | รอบ 8 ทีม | – | – | – | – | – | มีร์ซาเยฟ | 13 |
ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | ตกชั้น | เลื่อนชั้น |
บุคลากร
หัวหน้าผู้ฝึกสอน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึงปัจจุบัน
วันที่ | ชื่อ | สัญชาติ |
---|---|---|
2550 | นพพร เอกศาสตรา | ไทย |
2551 | สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ | ไทย |
2552 | อรรถพล ปุษปาคม | ไทย |
11 ม.ค. 2553 – 7 ม.ค. 2554 | เรอเน เดอซาแยร์ | เบลเยียม |
31 ธ.ค. 2553 – 28 ก.พ. 2554 | การ์ลูส โรเบร์ตู จี การ์วัลยู | บราซิล |
6 มี.ค. 2554 – 29 พ.ย. 2554 | เอนรีเก กาลิสตู | โปรตุเกส |
1 ต.ค. 2554 – 31 ม.ค. 2555 | ร็อบบี ฟาวเลอร์ | อังกฤษ |
27 ก.พ. 2555 – 4 มิ.ย. 2556 | สลาวีชา ยอคานอวิช | เซอร์เบีย |
5 มิ.ย. 2556 – 16 ก.ค. 2556 | วินฟรีด เชเฟอร์ | เยอรมนี |
19 ก.ค. 2556 – 31 ธ.ค. 2556 | เรอเน เดอซาแยร์ | เบลเยียม |
2 ม.ค .2557 – 30 มี.ค. 2557 | สก็อตต์ คูเปอร์ | อังกฤษ |
2 ก.ค. 2557 – ม.ค. 2559 | ดราแกน ทาลายิช | โครเอเชีย |
21 ม.ค. 2559 – 12 มี.ค. 2561 | ธชตวัน ศรีปาน | ไทย |
30 เม.ย. 2561 – 5 ต.ค. 2561 | ราโดวาน เคอร์ซิซ | เซอร์เบีย |
22 พ.ย. 2561 – 31 มี.ค. 2562 | ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก | ไทย |
9 เม.ย. 2562 – 12 มิ.ย. 2562 | ยุน จง-ฮวัน | เกาหลีใต้ |
13 มิ.ย. 2562 – 17 ต.ค. 2563 | อาเลชังดรี กามา | บราซิล |
19 ต.ค. 2563 – | มารีโอ ยูโรฟสกี | นอร์ทมาซิโดเนีย |
เจ้าหน้าที่สโมสร
ตำแหน่ง | ชื่อ |
---|---|
ประธานที่ปรึกษาสโมสร | ระวิ โหลทอง |
ประธานสโมสร | วิลักษณ์ โหลทอง |
รองประธานสโมสร | |
เลขานุการสโมสร | |
ผู้อำนวยการสโมสร | รณฤทธิ์ ซื่อวาจา |
กรรมการบริหารสโมสร | |
ผู้จัดการทั่วไป | กานต์ จันรัตน์ |
หัวหน้าผู้ฝึกสอน | มารีโอ ยูโรฟสกี |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | อุทัย บุญเหมาะ |
ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน | ดาโน เซียกา |
ผู้ฝึกสอนการรักษาประตู | อาเลชังดรี โลเปส |
โค้ชฟิตเนสสโมสร | มาร์ซีอู ไมย์รา |
แพทย์ประจำสโมสร | นท.นพ.พรเทพ ม้ามณี |
แพทย์กายภาพสโมสร | วินวัฒน์ คงสุข ปรัชญา วิลัยสุทธิ์ |
นักกายภาพประจำสโมสร | ชาตรี ทองโคตร รมิดา วรเตชิน อุไร งามตา |
สถานที่เก็บตัวสโมสร
- กิเลน วัลเล่ย์ สปอร์ต รีสอร์ท เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
- แคมป์ เอสซีจี ท่าหลวง จังหวัดสระบุรี
อ้างอิง
- ↑ ข้อมูลจำเพาะสโมสร
- "ปิดตำนาน เมืองทอง ดรีมทีม แชมป์ไทยลีก 2016 ไม่เหลือแล้ว". SMM Sport. 27 พฤษภาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ""ปูนใหญ่" ซื้อ "เมืองทอง ยูไนเต็ด" ปูทางสร้างธุรกิจฟุตบอลร่วม "ระวิ โหลทอง"". ไทยรัฐ. 2 มีนาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "นิด้าโพลชี้ "เมืองทอง" คือทีมโปรดคนไทย". เดลินิวส์. 31 กรกฎาคม 2559. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "'นิด้าโพล'เผยคอบอลไทยเชียร์'เมืองทองฯ'มากสุด". นิด้า. 15 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - เปิดตำนานเมืองทอง แชมป์ไทยลีก
- เมืองทองหนองจอกยูไนเต็ด
- เมืองทองเจาะคูเวตไม่เข้าเจ๊า 0-0 พ่ายประตูรวม
- ประวัติความเป็นมา แอร์ฟอร์ซยูไนเต็ด
- ชัดเจน!ฟาวเลอร์ประกาศลาออกจากกิเลนไปกินโรตี
- 'กิเลน'จับมือ'เอสซีจี'ทุ่มงบ600ล้าน 5 ปี เปลี่ยนชื่อทีม-รังเหย้า
- "Toyota Thai League Preview : ไทยแลนด์ กลาซิโก้ (ยกแรก)". โกล ประเทศไทย. 30 เมษายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2559. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "ปลดล็อก!คลีตันเบิ้ลนำกิเลนผยองบุกอัดบุรีรัมย์3-0". สยามกีฬา. 27 เมษายน 2559. สืบค้นเมื่อ 24 กรกฎาคม 2559. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - AFC ตรวจสนาม YAMAHA ผ่านฉลุย
- เสี่ยเป้เผยสนามยามาฮ่าใกล้เสร็จ คาดต้นปีหน้าเตรียมเปิดใช้
- กิเลน เตรียมสร้างรังเหย้าใหม่จุ 3 หมื่น
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด |
- เว็บไซต์สโมสรอย่างเป็นทางการ
- เว็บไซต์แฟนคลับในประเทศไทย
- สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่เฟซบุ๊ก