ตะคริว
ตะคริว (อังกฤษ: cramp) เป็นการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยไม่ตั้งใจและไม่คลายตัวออกตามปกติ มักเป็นตามแขนและขา แม้ปกติจะเป็นชั่วคราวและไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจทำให้เจ็บปวดทรมาน ทำให้กล้ามเนื้อที่เป็นปัญหาขยับไม่ได้เหมือนกับเป็นอัมพาต หากเกิดขึ้นระหว่างขับรถหรือว่ายน้ำ อาจก่ออุบัติเหตุและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ปกติจะเริ่มอย่างกะทันหัน เป็นไม่กี่นาที แต่ก็อาจนานเป็นวินาที ๆ นาที ๆ หรือชั่วโมง ๆ อาจเกิดที่กล้ามเนื้อโครงร่างหรือกล้ามเนื้อเรียบ ตะคริวที่กล้ามเนื้อโครงร่างอาจมีเหตุจากความล้าหรือขาดอิเล็กโทรไลต์ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม หรือแมกนีเซียม ดังในนักกีฬาที่ออกกำลังหนักหรือมากเกินไป ตะคริวที่กล้ามเนื้อเรียบอาจเกิดเพราะมีประจำเดือนหรือกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ตะคริวขาตอนกลางคืนมักเกิดกับผู้สูงอายุหรือหญิงมีครรภ์
ตะคริว (Cramp) | |
---|---|
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก | |
ICD-10 | R25.2 |
ICD-9 | 729.82 |
DiseasesDB | 3151 |
MedlinePlus | 003193 |
MeSH | D009120 |
พยาธิสรีรวิทยา
การหดเกร็งกล้ามเนื้อปกติเริ่มจากกระแสประสาทที่ส่งมาจากสมองผ่านเซลล์ประสาทในระหว่าง ๆ ไปถึงกลุ่มเซลล์ในกล้ามเนื้อ ทำให้เซลล์ปล่อยไอออนแคลเซียมจาก sarcoplasmic reticulum (SR) ซึ่งเป็นหน่วยเก็บแคลเซียม แคลเซียมก็จะทำให้เส้นใยฝอยกล้ามเนื้อ (myofibrils) หดเกร็งโดยใช้พลังงานจากอะดีโนซีนไตรฟอสเฟต (ATP) ในขณะเดียวกัน SR ก็จะดูดแคลเซียมคืนผ่านปัมพ์แคลเซียมแบบเร็ว (sodium-calcium exchanger) เซลล์แต่และตัวในกล้ามเนื้อจะหดเกร็งอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น การหดเกร็งโดยรวมจะแรงกว่าถ้ากล้ามเนื้อทั้งหมดหดเกร็ง ซึ่งต้องอาศัยกระแสประสาทมากกว่าและการทำงานของกลุ่มเซลล์อื่น ๆ ในกล้ามเนื้อ เมื่อกระแสประสาทหยุดลง แคลเซียมก็จะหยุดไหลออกจาก SR แล้วกล้ามเนื้อก็จะคลายตัว
ปัมพ์แคลเซียมแบบเร็วทำงานโดยอาศัยเกรเดียนต์ของโซเดียมคือโซเดียมจะไหลออกจาก SR โดยแลกเปลี่ยนกับแคลเซียมที่ไหลกลับเข้า SR และปัมพ์โซเดียม-โพแทสเซียมจะเป็นตัวรักษาเกรเดียนต์ของโซเดียม การขาดโซเดียมจะทำให้เกรเดียนต์ของโซเดียมแรงไม่พอให้ทำงานเป็นปัมพ์แคลเซียม ดังนั้น ไอออนแคลเซียมก็จะคงอยู่ในเส้นใยฝอยกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่คลายตัวและทำให้เป็นตะคริว แต่ในที่สุดตะคริวก็จะคลายลงอาศัยปัมพ์แคลเซียมแบบช้า (plasma membrane Ca2+ ATPase) ซึ่งได้พลังงานมาจาก ATP ไม่ใช่จากเกรเดียนต์ของโซเดียม และปัมพ์แคลเซียมกลับเข้าไปในหน่วยเก็บ[ต้องการอ้างอิง]
ตะคริวก็สามารถเกิดด้วยถ้ากล้ามเนื้อไม่คลายตัวเพราะใยไมโอซิน (myosin fiber) ไม่หลุดออกจากใยแอกติน (actin filament) อย่างสิ้นเชิง ในกล้ามเนื้อโครงร่าง ระดับ ATP ต้องมากพอเพื่อให้ส่วนปลายของใยไมโอซินเข้าต่อกับใยแอกติน หรือหลุดออกจากใยแอกติน ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหดตัวหรือคลายตัว ถ้า ATP ไม่พอ ส่วนปลายของใยไมโอซินก็จะคงยึดอยู่กับใยแอกติน ดังนั้น กล้ามเนื้อจึงต้องใช้เวลาสร้าง ATP ขึ้นมาใหม่ก่อนที่ใยไมโอซินจะหลุดออกจากใยแอกตินแล้วทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้
การวินิจฉัยแยกโรค
เหตุให้เป็นตะคริวรวมทั้งการคู้เกิน/การงอเกิน อวัยวะขาดออกซิเจน (hypoxia) อุณหภูมิเปลี่ยนเร็วเกิน ขาดน้ำ หรือภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ อาจเป็นอาการหรือภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์, โรคไต, โรคไทรอยด์, ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ, ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ, ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ, restless legs syndrome, หลอดเลือดดำขอด และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
ตั้งแต่ปี 1965 หรือก่อนหน้านั้น นักวิจัยได้สังเกตว่า ตะคริวที่ขาและ restless legs syndrome อาจมีเหตุจากมีอิซูลินมากเกิน ซึ่งบางครั้งเรียกว่า ภาวะอินซูลินในเลือดเกิน
ตะคริวกล้ามเนื้อโครงร่าง
ปกติกล้ามเนื้อโครงร่างจะอยู่ในอำนาจจิตใจ กล้ามเนื้อโครงร่างที่เป็นตะคริวบ่อยที่สุดก็คือน่อง ต้นขา และอุ้งเท้า ซึ่งมักเกิดเมื่อออกแรงมากและอาจเจ็บมาก แต่ก็สามารถเกิดเมื่ออยู่เฉย ๆ สบาย ๆ คนที่มีประมาณ 40% จะรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อมาก อาจใช้การอวัยวะนั้นไม่ได้ และอาจเจ็บหลายวันกว่าจะหาย
ตระคริวขาตอนกลางคืน
ตระคริวขาตอนกลางคืนที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจจิตใจจะเกิดที่น่อง ฝ่าเท้า หรือกล้ามเนื้ออื่น ๆ ตอนกลางคืน หรือเมื่อกำลังพักผ่อนอยู่แม้จะเกิดน้อยกว่า อาจเป็นชั่วครู่จนถึงหลายนาที แต่อาจยังเจ็บแม้หลังตะคริวหยุดหรือกล้ามเนื้อคลายตัวแล้ว คนสูงอายุมีบ่อยกว่า แต่ก็เกิดค่อนข้างบ่อยกับเด็กวัยรุ่นและบางคนเมื่อกำลังออกกำลังกายตอนกลางคืน นอกจากจะเจ็บแล้ว ตะคริวขาตอนกลางคืนอาจทำให้เป็นทุกข์และวิตกกังวล
เหตุยังไม่ชัดเจน อาจเป็นเพราะขาดน้ำ ขาดเกลือแร่บางอย่าง (คือแมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม และโซเดียม แม้หลักฐานจะไม่ชัดเจน) และกล้ามเนื้อขาดเลือดเพราะนั่งนอนในท่าเดียวนาน ตะคริวตอนกลางคืน (เป็นที่น่องเกือบทั้งหมด) ในระยะตั้งครรภ์หลัง ๆ เป็นเรื่อง "ปกติ" แต่จะเจ็บต่าง ๆ กันเริ่มตั้งแต่เบา ๆ จนถึงหนัก
การสะสมกรดแล็กติกอาจจุดชนวน แต่ก็มักเกิดเมื่อกำลังออกกำลังกายหรือออกแรงที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ปัจจัยทางการแพทย์ที่สัมพันธ์กับตะคริวขารวมทั้งโรคหัวใจร่วมหลอดเลือด การล้างไต โรคตับแข็ง การตั้งครรภ์ และคลองไขกระดูกสันหลังที่เอวตีบ (lumbar canal stenosis) โรคที่ต้องวินิจฉัยแยกรวมทั้ง restless legs syndrome, ขากะเผลก (claudication), กล้ามเนื้ออักเสบ และโรคเส้นประสาทส่วนปลาย (peripheral neuropathy) โดยแยกอาศัยการสอบประวัติคนไข้และตรวจร่างกายอย่างละเอียด
การยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว การนวดเบา ๆ การยืน การเดิน การอาบน้ำอุ่นอาจช่วยระงับตะคริว ถ้าเป็นที่น่อง การดัดนิ้วโป้งขึ้นไปทางด้านหลัง (เช่น เหยียดเข่าและกระดกปลายเท้าขึ้น หรือยืนกดปลายเท้ากับพื้น หรืองอเข่าและโน้มตัวไปข้างหน้า) จะช่วยยืดกล้ามเนื้อ และในบางกรณีจะบรรเทาอาการได้ทันที การประคบด้วยน้ำอุ่นอาจช่วยได้โดยเฉพาะที่กล้ามเนื้อท้อง มีหลักฐานจำกัดในการทานแมกนีเซียม แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ carisoprodol (ยาคลายกล้ามเนื้อ) หรือวิตามินบี12 เพื่อบรรเทาอาการ ไม่แนะนำให้ทานควินินเพื่อรักษาตะคริวขาตอนกลางคืนเพราะอาจแพ้จนถึงตายและเกิดภาวะเกล็ดเลือดน้อย อาการต่าง ๆ รวมทั้งภาวะหัวใจเสียจังหวะ, cinchonism และ hemolytic-uremic syndrome ยังอาจเกิดถ้าทานมาก
ตะคริวกล้ามเนื้อเรียบ
ตะคริวกล้ามเนื้อเรียบอาจเป็นอาการของเยื่อบุมดลูกต่างที่ (endometriosis) หรือปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ และก็อาจเกิดกับสตรีในช่วงมีประจำเดือน (Menstrual cramps หรือ Period cramps) ด้วย
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา/รักษา
ยาหลายอย่างอาจเป็นเหตุให้เป็นตะคริวขาตอนกลางคืน รวมทั้ง
- ยาขับปัสสาวะโดยเฉพาะแบบ potassium sparing
- Intravenous (IV) iron sucrose
- Conjugated estrogens
- ยารักษาโรคกระดูกพรุน Teriparatide
- นาโปรเซน
- ยาป้องกันโรคกระดูกพรุนและลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม Raloxifene
- ยารักษาโรคหืด (และ COPD) คือ Long acting adrenergic beta-agonists (LABAs)
- ยาลดไขมันในเส้นเลือด statin (HMG-CoA inhibitors หรือ Hydroxymethylglutaryl-coenzyme A reductase inhibitors)
ในบรรดาผลข้างเคียงต่าง ๆ statin อาจทำให้ปวดกล้ามเนื้อและเป็นตะคริวด้วย ส่วน raloxifene เป็นยาที่ทำให้ขาเป็นตะคริวบ่อยมาก ปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มโอกาสผลข้างเคียงเหล่านี้รวมทั้งการออกกำลังกาย อายุ เป็นหญิง ประวัติว่าเป็นตะคริว และโรคไทรอยด์
นักกีฬาที่ใช้ statins เกือบถึง 80% มีปัญหาทางกล้ามเนื้อ รวมทั้งตะคริว แต่กลุ่มประชากรปกติที่ใช้ยาในอัตราร้อยละ 10-25 จะมีปัญหา ในบางกรณี ผลที่ไม่ต้องการจะหายไปถ้าใช้ยา statin แบบอื่น ๆ แต่เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจถ้าอาการยังคงยืนเพราะอาจแย่ลงเป็นปัญหาหนักขึ้น การทานโคเอนไซม์คิว10 อาจช่วยเลี่ยงผลที่ไม่ต้องการ แต่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานพอว่าช่วยแก้ปัญหาโรคกล้ามเนื้อหรือปวดกล้ามเนื้อ
การรักษา
การยืดกล้ามเนื้อที่เป็นตะคริว การนวด และการดื่มน้ำให้มาก อาจช่วยแก้ปัญหาตะคริวธรรมดา ถ้าเป็นตะคริวเพราะออกแรง ขาดน้ำและเกลือเพราะเสียเหงื่อมาก แล้วเกิดภาวะอิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล (โดยหลักคือโซเดียม แต่ไม่มีผลสำหรับแคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม) การดื่มน้ำและการได้เกลือจะทำให้ดีขึ้น
ยา
ควินินน่าจะมีประสิทธิผล แต่เพราะผลข้างเคียงที่มี จึงใช้ต่อเมื่อวิธีอื่น ๆ ไม่ได้ผล วิตามินบี, naftidrofuryl, lidocaine และแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ก็อาจได้ผลด้วย งานวิจัยได้แสดงว่า น้ำแตงกวาดองอาจมีประโยชน์เพราะมีโซเดียมและอิเล็กโทรไลต์สูง ยาคลายกล้ามเนื้อ cyclobenzaprine มีผลป้องกันตะคริวกล้ามเนื้อ แม้ข้อมูลจะแสดงว่า ผลจะลดลงเมื่อทานเป็นเวลาหลายอาทิตย์[ต้องการอ้างอิง]
การป้องกัน
ก่อนเล่นกีฬา การเตรียมอบอุ่นร่างกาย การดัดกาย การยืดเส้นยืดสาย การเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี การดื่มน้ำให้พอและการรักษาดุลอิเล็กโทรไลต์ คือดื่มน้ำและเกลือแร่ทดแทนให้เพียงพอ น่าจะช่วยป้องกันตะคริวกล้ามเนื้อ ไม่ควรอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหัน หลีกเลี่ยงอากาศเย็นมาก ผู้สูงอายุไม่ควรเปลี่ยนอิริยาบถเร็วเกิน หากเป็นบ่อย ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแก้ไข
เชิงอรรถ
- cinchonism หรือ quinism เป็นความผิดปกติเพราะทานยาควินินหรือควินิดีนเกิน (quinidine) หรือแม้เมื่อได้ยาจากแหล่งธรรมชาติของมันคือเปลือกไม้ Cinchona ควินินปกติใช้รักษามาลาเรีย แต่อาจใช้ใส่เครื่องดื่มโทนิกในขนาดน้อยกว่านั้นมาก เป็นตัวเพิ่มรสขม cinchonism อาจเกิดจากควินินหรือควินิดีนในขนาดที่ใช้รักษา
- hemolytic-uremic syndrome หรือ haemolytic-uraemic syndrome (HUS) เป็นโรคที่มีอาการสามอย่างคือ hemolytic anemia (โลหิตจางที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย) ไตวายเฉียบพลัน และการมีเกล็ดเลือดต่ำ เป็นโรคที่เกิดโดยมากในเด็ก
อ้างอิง
- . Medicinenet.com. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2008-08-24. สืบค้นเมื่อ 2011-02-13.
- Bergin, J (2007). The Vein Book.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- . WebMD. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2007-10-15.
- Roberts, HJ (1965). "Spontaneous Leg Cramps and "restless Legs" Due to Diabetogenic Hyperinsulinism: Observations on 131 Patients". Journal of the American Geriatrics Society. 13: 602–38. doi:10.1111/j.1532-5415.1965.tb00617.x. PMID 14300967.
- . Mayo Clinic. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2011-09-23.
- Weiner, Israel H. . JAMA. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2010-12-28. สืบค้นเมื่อ 2011-10-26. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help) - Schwellnus, MP; Nicol, J; Laubscher, R; Noakes, TD (2004). "Serum electrolyte concentrations and hydration status are not associated with exercise associated muscle cramping (EAMC) in distance runners". Br J Sports Med. 38 (4): 488–492. doi:10.1136/bjsm.2003.007021. PMC 1724901.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Sulzer, NU; Schwellnus, MP; Noakes, TD (2005). "Serum electrolytes in Ironman triathletes with exercise-associated muscle cramping". Med Sci Sports Exerc. 37 (7): 1081–1085. doi:10.1249/01.mss.0000169723.79558.cf.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Allen, RE; Kirby, KA (2012). . American Family Physician. 86 (4): 350–355. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2016-03-29. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Wick, Myra (2016-04-06). . Mayo Clinic. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-07-19. สืบค้นเมื่อ 2018-04-03.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Ray, C. Claiborne (2009-06-09). . New York Times. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2013-04-07. สืบค้นเมื่อ 2009-06-09. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help) - Garrison, Scott R.; Colin R. Dormuth; Richard L. Morrow; Greg A. Carney; Karim M. Khan (2011-12-12). "Nocturnal Leg Cramps and Prescription Use That Precedes Them: A Sequence Symmetry Analysis". Arch Intern Med. 172: archinternmed.2011.1029. doi:10.1001/archinternmed.2011.1029.
- Sinzinger, H; O'Grady, J (2004). "Professional athletes suffering from familial hypercholesterolaemia rarely tolerate statin treatment because of muscular problems". Br J Clin Pharmacol. 57 (4): 525–8. doi:10.1111/j.1365-2125.2003.02044.x. PMC 1884475. PMID 15025753.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Bruckert, E; Hayem, G; Dejager, S; Yau, C; Bégaud, B (2005). "Mild to moderate muscular symptoms with high-dosage statin therapy in hyperlipidemic patients—the PRIMO study". Cardiovasc Drugs Ther. 19 (6): 403–14. doi:10.1007/s10557-005-5686-z. PMID 16453090.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Dirks, A. J.; Jones, KM (2006). "Statin-induced apoptosis and skeletal myopathy". Am. J. Physiol., Cell Physiol. 291 (6): C1208-12. doi:10.1152/ajpcell.00226.2006. PMID 16885396.
- Lamperti, C; Naini, AB; Lucchini, V และคณะ (2005). "Muscle coenzyme Q10 level in statin-related myopathy". Arch. Neurol. 62 (11): December 1709. doi:10.1001/archneur.62.11.1709. PMID 16286544.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Bentley, S (June 1996). "Exercise-induced muscle cramp. Proposed mechanisms and management". Sports Med. 21 (6): 409–20. doi:10.2165/00007256-199621060-00003. PMID 8784961.
- Bergeron, MF (2003). "Heat cramps: fluid and electrolyte challenges during tennis in the heat". Journal of Science and Medicine in Sport. 6 (1): 19–27. doi:10.1016/S1440-2440(03)80005-1.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Katzberg, HD; Khan, AH; So, YT (2010). "Assessment: Symptomatic treatment for muscle cramps (an evidence-based review) : Report of the Therapeutics and Technology Assessment Subcommittee of the American Academy of Neurology". Neurology. 74 (8): 691–6. doi:10.1212/WNL.0b013e3181d0ccca. PMID 20177124.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Reynolds, Gretchen (2010-06-09). . The New York Times. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2013-04-04. สืบค้นเมื่อ 2012-11-09. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help)
แหล่งข้อมูลอื่น
- Cramps at Patient UK
- Muscle Cramps (of Skeletal Muscles)
- EducatePark.com
- หาหมอ.com