fbpx
วิกิพีเดีย

ปราสาทแอนิก

ปราสาทแอนิก (อังกฤษ: Alnwick Castle) เป็นปราสาทซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแอนิก เทศมณฑลนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ และเป็นที่พำนักของดยุคแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์

ปราสาทแอนิก
Alnwick Castle
ปราสาทแอนิก
ปีที่สร้างคริสต์ศตวรรษที่ 11
เจ้าของดยุคแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์
ที่ตั้งเมืองแอนิก นอร์ทัมเบอร์แลนด์
ประเทศประเทศอังกฤษ
พิกัด55°24′57″N 1°42′22″W / 55.41575°N 1.70607°W / 55.41575; -1.70607

ปราสาทถูกสร้างขึ้นหลังการพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มันและกลายเป็นป้อมปราการชายแดนที่มีความสำคัญ นอกกำแพงปราสาทเคยเกิดการต่อสู้ขึ้นสองครั้ง ครั้งแรกนำไปสู่การสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1093 และครั้งที่สองนำไปสู่การจับกุมตัวพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1174 ปราสาทถูกพระราชทานให้แก่ตระกูลเพอร์ซีอันทรงอำนาจในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และปัจจุบันยังคงเป็นทรัพย์สมบัติในครอบครองของลูกหลานตระกูลเพอร์ซี

ปราสาทหลังแรก

บิสไบรท์ ทีซอน ชาวแองโกล-แซกซันซึ่งเป็นเจ้าของเดิมของแอนิกในช่วงก่อนการพิชิตอังกฤษของชาวนอร์มันถูกชาวนอร์มันริบที่ดินและยกให้แก่กีลแบร์ เดอ เตสซง คนถือธงประจำพระองค์ของพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิตในสมรภูมิเฮสติงส์ ปี ค.ศ. 1066 กีลแบร์ได้สร้างปราสาทเนินโครงสร้างไม้ขึ้นบนที่ดินดังกล่าวเพื่อใช้ในการควบคุมเส้นทางใหญ่สายเหนือ ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญในการสัญจรระหว่างเหนือใต้ อันเป็นที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำแอน

สมรภูมิแอนิกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ. 1093

 
อนุสรณ์แสดงจุดสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ซึ่งถูกปลงพระชนม์ในสมรภูมิแอนิกครั้งที่ 1 ปี ค.ศ. 1093

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1093 ได้มีการทำสมรภูมิแอนิกครั้งที่ 1 นอกกำแพงปราสาท ก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือนพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 แห่งสกอตแลนด์ได้บุกตอนเหนือของอังกฤษด้วยหวังที่จะแย่งชิงการควบคุมนอร์ธัมเบอร์แลนด์มาจากพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 หลังการสู้รบในที่กว้าง กองทัพของพระเจ้ามัลคอล์มได้เดินทางมาถึงปราสาทแอนิกในอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤศจิกายนและทำการปิดล้อมป้อมปราสาทปราการ โรเบิร์ต เดอ มาวบราย ผู้แทนของกษัตริย์อังกฤษได้รวบรวมกองกำลังเล็ก ๆ ที่ปราสาทแบมบะระและเดินทัพมาช่วยแอนิก แม้จะด้อยกว่าในด้านกำลังพล แต่โรเบิร์ตมาถึงโดยที่ชาวสกอตไม่ทันตั้งตัว พระเจ้ามัลคอล์มถูกปลงพระชนม์ในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น

อีฟ เดอ เวสซี

ในปี ค.ศ. 1095 โรเบิร์ต เดอ มาวบรายก่อกบฏต่อพระเจ้าวิลเลียมที่ 2 กีลแบร์ เดอ เตสซง บริวารของมาวบรายที่ซาบซึ้งกับการช่วยเหลือจากมาวบรายในช่วงการรุกรานของชาวสกอตเมื่อสองปีก่อนเข้าร่วมก่อกบฏด้วย ทว่าการปฏิวัติล้มเหลว กองทัพของกษัตริย์ถูกส่งขึ้นเหนือเพื่อมาปราบมาวบราย เขาถูกปิดล้อมในปราสาทแบมบะระและหนีไปปราสาทไทน์เมาธ์ แต่หลังจากนั้นก็ถูกจับกุมตัวและถูกริบดินแดน เตสซงเองก็ถูกริบดินแดนเช่นกัน ปราสาทแอนิกจึงตกอยู่ในการครอบครองของกษัตริย์ ในปี ค.ศ. 1096 พระเจ้าวิลเลียมที่ 2 ได้พระราชทานปราสาทให้แก่อีฟ เดอ เวสซีที่ได้ทำการปรับปรุงปราสาทใหม่ แม้จะยังคงเนินดินและโครงสร้างไม้ของป้อมปราการไว้ แต่เขาได้ปรับปรุงสิ่งก่อสร้างใหม่ด้วยการเพิ่มสนามอีกสองแห่งทางตะวันออกและตะวันตก วิลเลียม บุตรชายของเขา และยูสตาซ หลานชายของเขาได้ปรับปรุงปราสาทเพิ่มด้วยการสร้างบางส่วนขึ้นมาใหม่โดยเปลี่ยนจากไม้เป็นหิน

ยุคอนาธิปไตย

หลังพระเจ้าเฮนรีที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1135 ได้เกิดสงครามแย่งชิงบัลลังก์ขึ้นระหว่างมาทิลดา ผู้เป็นพระราชธิดา กับสตีเฟน ผู้เป็นพระภาคิไนย อังกฤษตกอยู่ในสงครามกลางเมืองซึ่งเรียกกันว่ายุคอนาธิปไตยและพระเจ้าเดวิด กษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ได้ฉวยโอกาสในจังหวะนี้ สตีเฟนได้รับการสวมมงกุฎกษัตริย์ในวันคริสต์มาสของปี ค.ศ. 1135 และเพื่อเป็นการตอบโต้ พระเจ้าเดวิดได้เริ่มการบ่อนทำลายตอนเหนือของอังกฤษซึ่นกินเวลาหลายปีโดยอ้างว่าทำเพื่อสนับสนุนมาทิลดา การเรืองอำนาจในตอนเหนือของพระเจ้าเดวิดมั่นคงขึ้นเมื่อพระองค์ปรับปรุงป้อมปราการชายแดนของปราสาทคาร์ไลล์ และในปี ค.ศ. 1141 พระองค์ได้ตำแหน่งบิชอปแห่งเดอแรมมาอยู่ในการควบคุม ความทะเยอทะยานของพระองค์ถึงจุดจบที่สมรภูมิสแตนดาร์ดในปี ค.ศ. 1138 ซึ่งต่อสู้กันในคาวตันมอร์ ใกล้กับนอร์แธลเลอร์ตัน กองทัพของพระองค์พบกับความปราชัย แต่นอร์ธัมเบอร์แลนด์ยังคงอยู่ในมือของชาวสกอต และในยุคนี้เองที่มีการแบ่งพรมแดนโดยใช้แนวแม่น้ำทีส

สมรภูมิแอนิกครั้งที่ 2 ปี ค.ศ. 1174

ยุคอนาธิปไตยจบลงด้วยการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 พระโอรสของมาทิลดา พระองค์ทำการกอบกู้อำนาจของกษัตริย์กลับคืนมาหลังตกอยู่ในสงครามความขัดแย้งภายในเป็นเวลาหลายปี ในปี ค.ศ. 1157 เคาน์ตีทางเหนือได้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของกษัตริย์ ซึ่งสร้างความข่มขื่นให้แก่ชาวสกอต ในปี ค.ศ. 1165 พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ พระองค์รีบหาทางกอบกู้อาณาเขตที่เสียไปกลับคืนมา เมื่อการทูตล้มเหลว พระเจ้าวิลเลียมมองหาทางอื่นและในปี ค.ศ. 1173 ทรงร่วมในการก่อกบฏของเฮนรียุวกษัตริย์ กษัตริย์สกอตบุกตอนเหนือของอังกฤษในปี ค.ศ. 1173 และโจมตีปราสาทแอนิกกับป้อมปราการอื่น ๆ ในนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสู้รบ ทว่าพระเจ้าวิลเลียมเป็นแม่ทัพที่ไร้ฝีมือและแอนิกสามารถต้านทานการโจมตีของพระองค์ได้ ปีต่อมาพระเจ้าวิลเลียมทำการบุกและปิดล้อมปราสาทแอนิกอีกครั้ง กองกำลังปลดปล่อยขนาดเล็กของชาวอังกฤษซึ่งนำโดยรานูล์ฟ เดอ แกลนวิลล์เคลื่อนพลมาจากนิวคาสเซิล เข้าโจมตีชาวสกอตที่สมรภูมิแอนิกครั้งที่ 2 ปี ค.ศ. 1174 ซึ่งเป็นการกระทบกระทั่งกันมากกว่าการทำสมรภูมิ องครักษ์ของกษัตริย์พ่ายแพ้ต่อการโจมตีของชาวอังกฤษและพระเจ้าวิลเลียมถูกจับกุมตัว

การก่อกบฏ

ตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 13 ปราสาทแอนิกยังคงอยู่ในมือของตระกูลเวสซี ต่อมาในปี ค.ศ. 1215 ยูสตาซ เดอ เวสซี เจ้าของปราสาทได้รับแต่งตั้งเป็นหนึ่งในบารอนที่ลงนามบังคับใช้แม็กนาคาร์ตา เรื่องนี้บวกกับเรื่องที่เขาถวายความเคารพแก่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 แห่งสกอตแลนด์ทำให้เขาขัดแย้งกับพระเจ้าจอห์นที่ได้สั่งให้ทำลายและเผาปราสาท หลังพระเจ้าจอห์นสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1216 ตระกูลกลับมาเป็นคนโปรดของกษัตริย์อีกครั้ง แต่เมื่อจอห์น เดอ เวสซีให้การสนับสนุนการก่อกบฏซึ่งเกิดขึ้นในช่วงสงครามบารอนครั้งที่ 2 เขาถูกริบปราสาทเป็นการชั่วคราว ปราสาทต้านทานการโจมตีได้ดีมาโดยตลอดและในปี ค.ศ. 1297 มันสามารถต้านทานการโจมตีของวิลเลียม วอลเลส ซึ่งได้ใจจากการคว้าชัยในสมรภูมิสเตอริงบริดจ์ในปี ค.ศ. 1297 และพยายามทำสงครามกับอังกฤษ เมื่อสายเพศชายของตระกูลเวสซีสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1297 ทรัพย์สมบัติถูกพระราชทานให้แก่แอนโธนี เบก บิชอปแห่งเดอแรม

ตระกูลเพอร์ซี

 
ตัวตึกหลักของปราสาทที่ถูกปรับปรุงใหม่หลังเฮนรี เดอ เพอร์ซีได้รับปราสาทมาในปี ค.ศ. 1309

ในปี ค.ศ. 1309 ปราสาทถูกซื้อไปโดยเฮนรี เดอ เพอร์ซี (ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเอิร์ลและดยุคแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์) จากตระกูลซึ่งสืบเชื้อสายมาจากวิลเลียม เดอ เพอร์ซี (กีโยม เดอ แปซี) อัศวินนอร์มันผู้ให้การสนับสนุนพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 ในการบุกอังกฤษ วิลเลียมทำหน้าที่ดูแลนอร์ม็องดีในช่วงที่พระเจ้าวิลเลียมไม่อยู่ แต่ได้เดินทางมาอังกฤษในปี ค.ศ. 1067 และได้รับรางวัลเป็นที่ดินใหญ่ใจกลางยอร์กเชอร์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ตระกูลขยายการครอบครองที่ดินและหลังจากได้แอนิกมา เฮนรี เดอ เพอร์ซีได้ทำการเปลี่ยนแปลงปราสาทให้เหมาะสมกับสถานะของตน เขาปรับปรุงและสร้างป้อมปราการตรงกลางขึ้นซึ่งเป็นการสร้างตัวตึกหลักขึ้นมาใหม่ ทว่าเขาแทบไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความสำเร็จเมื่อในปี ค.ศ. 1314 เขาต้องขี่ม้าขึ้นเหนือไปพร้อมกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 เพื่อตีปราสาทสเตอริงในการสู้รบซึ่งเป็นการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของอังกฤษในสมรภูมิแบนน็อกเบิร์น เฮนรีถูกกองทัพสกอตแลนด์จับกุมตัวไปเรียกค่าไถ่ เขาเสียชีวิตในปีนั้นระหว่างกำลังเดินทางกลับแอนิก

สงครามชายแดน

หลังแบนน็อกเบิร์น นอร์ธัมเบิร์แลนด์ประสบกับความยากลำบาก โรเบิร์ต เดอะ บรูซนำกองทัพเข้าสู่เคาน์ตีเพื่อบีบอังกฤษให้ยอมรับเอกราชของสกอตแลนด์ การบริหารบ้านเมืองที่อ่อนแอและไร้ประสิทธิภาพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ไม่สามารถกำราบชาวสกอตได้ โรเจอร์ มอร์ติเมอร์ เอิร์ลแห่งมาร์ชที่ขึ้นบริหารบ้านเมืองแทนได้ลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกปี ค.ศ. 1328 แต่เมื่อเขาถูกล้มล้างอำนาจ สงครามก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวแอนิกตกอยู่ในภาวะวิกฤตเนื่องจากเป็นฐานที่มั่นในการปฏิบัติการ ที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นในปี ค.ศ. 1346 เมื่อเฮนรี เพอร์ซี เจ้าของปราสาทในขณะนั้นบัญชาการปีกขวาของกองทัพอังกฤษในสมรภูมิเนวิลล์ครอส ซึ่งพระเจ้าเดวิดที่ 2 ประสบกับความปราชัยและถูกจับกุมตัว

ยุคการปกครองของฝ่ายแลงคัสเตอร์

ในปี ค.ศ. 1399 เฮนรี โบลิงโบรก ซึ่งมีตระกูลเพอร์ซีให้การสนับสนุน ได้ปลดพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ออกจากตำแหน่งและขึ้นเป็นพระเจ้าเฮนรีที่ 4 ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเฮนรี เพอร์ซีได้ขัดแย้งกับกษัตริย์คนใหม่และก่อกบฏต่อพระองค์ การปฏิวัติถูกปราบปรามที่สมรภูมิชูร์วสบรีปี ค.ศ. 1403 เฮนรีถูกปิดล้อมอยู่ในปราสาทแอนิก ภายใต้การคุกคามด้วยการยิงปืนใหญ่กองทัพของกษัตริย์บีบปราสาทให้ยอมจำนนได้ หลังจากนั้นปราสาทถูกริบและกลับไปอยู่ในการครอบครองของกษัตริย์จนกระทั่งพระเจ้าเฮนรีที่ 4 ได้พระราชทานคืนให้แก่ตระกูลเพอร์ซีในปี ค.ศ. 1413

กำแพงเมือง

ชาวสกอตยังคงโจมตีนอร์ธัมเบอร์แลนด์อย่างต่อเนื่องตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 โดยเมืองแอนิกถูกโจมตีและเผาทำลายในปี ค.ศ. 1424 หลังประสบความสำเร็จในการวิ่งเต้นโน้มน้าวพระเจ้าเฮนรีที่ 6 เมืองได้รับพระราชทานใบอนุญาตก่อสร้างกำแพงเมืองในปี ค.ศ. 1433 และกลายเป็นหนึ่งในสองเมืองในนอร์ทัมเบอร์แลนด์ที่ทำได้ (อีกเมืองหนึ่งคือเบอริคอัพออนทวีด) ทว่าต้องใช้เวลานานในการรวบรวมเงินทุนและกว่าจะได้เริ่มลงมือก่อสร้างกำแพงก็ในคริสต์ทศวรรษ 1470 ระหว่างการก่อสร้างแอนิกถูกชาวสกอตโจมตีอีกครั้งในปี ค.ศ. 1448

สงครามดอกกุหลาบ

ในช่วงสงครามดอกกุหลาบตระกูลเพอร์ซีให้การสนับสนุนฝ่ายแลงคัสเตอร์และปราสาทแอนิกเป็นหนึ่งในสี่ปราสาทที่ใช้ในการป้องกันชายแดนตะวันออก (อีกสามปราสาท คือ ปราสาทแบมบะระ, ปราสาทดันสแตนบะระ และปราสาทวอร์เคิร์ธ) และใช้ในการนำเข้ากองกำลังเสริมจากสกอตแลนด์ ทว่าปราสาทแอนิกยอมจำนนต่อฝ่ายยอร์กหลังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ได้ชัยชนะเด็ดขาดที่สมรภูมิทาวตันปี ค.ศ. 1461 แม้การต่อต้านจะยังคงหลงเหลืออยู่และปราสาทถูกเปลี่ยนมือหลายครั้ง แต่ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 1461 ถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1462, ฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1462 ถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1463 และเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1463 ถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1464 ปราสาทอยู่ในการครอบครองของฝ่ายสนับสนุนแลงคัสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1469 ปราสาทกลับมาอยู่ในการครอบครองของตระกูลเพอร์ซีอีกครั้ง

การเสื่อมลง

เจ้าของปราสาทแอนิกในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 คือทอมัส เพอร์ซี เอิร์ลที่ 7 แห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ ที่แม้จะเป็นชาวคาทอลิกแต่ก็เป็นคนโปรดของพระราชินีซึ่งเป็นชาวโปรเตสแตนต์ แต่ต่อมาก็ถูกลดบทบาทลงเมื่อพระราชินีทำการปฏิรูปศาสนา ในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1569 ทอมัสเข้าร่วมการปลุกระดมทางเหนือเพื่อต่อต้านพระราชินีเอลิซาเบธ หลังประสบความปราชัยเขาได้หนีไปสกอตแลนด์ ทว่าพระเจ้าเจมส์ที่ 6 กษัตริย์โปรเตสแตนต์แห่งสกอตแลนด์ได้ขายเอิร์ลผู้ถูกขับไล่ออกจากประเทศคืนให้แก่อังกฤษและในปี ค.ศ. 1572 เขาถูกประหารชีวิตที่ยอร์ก ยศศักดิ์และทรัพย์สินของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือปราสาทแอนิก ตกเป็นของเฮนรีผู้เป็นน้องชาย ทว่าเขาไม่ได้โปรดปรานแอนิกและอาศัยอยู่ที่ปราสาทวอร์เคิร์ธเป็นหลัก ปราสาทแอนิกจึงถูกทิ้งร้างและปล่อยปละละเลย

การรวมเข้ากับราชบัลลังก์

 
บอนด์เกต ประตูเมืองเพียงแห่งเดียวที่ยังคงสภาพดั้งเดิม

หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ในปี ค.ศ. 1603 ราชบัลลังก์อังกฤษและสกอตแลนด์รวมเข้าด้วยกันเมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์สืบทอดราชบัลลังก์อังกฤษ (ในชื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ) ในช่วงนั้นแอนิกเจริญก้าวหน้าจากการค้าขายอันรุ่งเรืองตามเส้นทางใหญ่ทางเหนือ ปราสาทกลายเป็นที่มั่นชายแดนซึ่งไม่มีความจำเป็น ในยุคนั้นกำแพงเมืองกลายเป็นส่วนเกิน ภายหลังจึงถูกรื้อเอาหินไปใช้ในโครงการอื่น มีเพียงประตูตะวันออก (หรือหอคอนบอนด์เกต) ที่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากใช้เป็นคุกคุมขังนักโทษ

พระราชวังกอทิก

ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1750 แอนิกมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อฮิวจ์ เพอร์ซี เอิร์ลแห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ใช้ปราสาทเป็นที่พักอาศัยหลัก เขาได้มอบหมายให้เจมส์ เพน ต่อด้วยโรเบิร์ต อาดัม ปรับโฉมปราสาทใหม่เป็นที่พักอันโอ่อ่าตามแบบสถาปัตยกรรมกอทิก ทว่าปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 อัลเจอร์นอน เพอร์ซี ดยุคที่ 4 แห่งนอร์ธัมเบอร์แลนด์ได้มอบหมายให้เปลี่ยนปราสาทอีกครั้งโดยรื้อส่วนดัดแปลงทิ้งควบคู่กับการเปลี่ยนสิ่งก่อสร้างเป็นปราสาทยุคกลางแนววิคตอเรีย การปรับปรุงสร้างผลดีแก่ปราสาทที่กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในการถ่ายทำละครและภาพยนตร์ เช่น

ภาพยนตร์

ละคร

  • แบล็ดแอดเดอร์ (ค.ศ. 1983)
  • สตาร์ เทรค: เดอะเน็กซ์เจเนอเรชัน (ค.ศ. 1991)
  • ไอแวนโฮ (ค.ศ. 1997)
  • เดอะ เวอร์จิน ควีน (ค.ศ. 2005)
  • เดอะ ฮอลโลว์ คราวน์ (ค.ศ. 2012)
  • ดาวน์ตันแอบบีย์ (ค.ศ. 2014/2015)

อ้างอิง

  • ALNWICK CASTLE: Castles Forts Battles.co.uk

ปราสาทแอน, งกฤษ, alnwick, castle, เป, นปราสาทซ, งต, งอย, ในเม, องแอน, เทศมณฑลนอร, มเบอร, แลนด, ประเทศอ, งกฤษ, และเป, นท, พำน, กของดย, คแห, งนอร, มเบอร, แลนด, alnwick, castleป, สร, างคร, สต, ศตวรรษท, 11เจ, าของดย, คแห, งนอร, มเบอร, แลนด, งเม, องแอน, นอร, มเบอร,. prasathaexnik xngkvs Alnwick Castle epnprasathsungtngxyuinemuxngaexnik ethsmnthlnxrthmebxraelnd praethsxngkvs aelaepnthiphankkhxngdyukhaehngnxrthmebxraelndprasathaexnikAlnwick Castleprasathaexnikpithisrangkhriststwrrsthi 11ecakhxngdyukhaehngnxrthmebxraelndthitngemuxngaexnik nxrthmebxraelndpraethspraethsxngkvsphikd55 24 57 N 1 42 22 W 55 41575 N 1 70607 W 55 41575 1 70607prasaththuksrangkhunhlngkarphichitxngkvskhxngchawnxrmnaelaklayepnpxmprakarchayaednthimikhwamsakhy nxkkaaephngprasathekhyekidkartxsukhunsxngkhrng khrngaerknaipsukarsinphrachnmkhxngphraecamlkhxlmthi 3 aehngskxtaelndinpi kh s 1093 aelakhrngthisxngnaipsukarcbkumtwphraecawileliymthi 1 aehngskxtaelndinpi kh s 1174 prasaththukphrarachthanihaektrakulephxrsixnthrngxanacinkhriststwrrsthi 14 aelapccubnyngkhngepnthrphysmbtiinkhrxbkhrxngkhxnglukhlantrakulephxrsi enuxha 1 prasathhlngaerk 2 smrphumiaexnikkhrngthi 1 pi kh s 1093 3 xif edx ewssi 4 yukhxnathipity 5 smrphumiaexnikkhrngthi 2 pi kh s 1174 6 karkxkbt 7 trakulephxrsi 8 sngkhramchayaedn 9 yukhkarpkkhrxngkhxngfayaelngkhsetxr 10 kaaephngemuxng 11 sngkhramdxkkuhlab 12 karesuxmlng 13 karrwmekhakbrachbllngk 14 phrarachwngkxthik 15 xangxingprasathhlngaerk aekikhbisibrth thisxn chawaexngokl aesksnsungepnecakhxngedimkhxngaexnikinchwngkxnkarphichitxngkvskhxngchawnxrmnthukchawnxrmnribthidinaelaykihaekkilaebr edx etssng khnthuxthngpracaphraxngkhkhxngphraecawileliymphuphichitinsmrphumiehstings pi kh s 1066 kilaebridsrangprasatheninokhrngsrangimkhunbnthidindngklawephuxichinkarkhwbkhumesnthangihysayehnux sungepnesnthangsakhyinkarsycrrahwangehnuxit xnepnthitngkhxngsaphankhamaemnaaexnsmrphumiaexnikkhrngthi 1 pi kh s 1093 aekikh xnusrnaesdngcudsinphrachnmkhxngphraecamlkhxlmthi 3 aehngskxtaelndsungthukplngphrachnminsmrphumiaexnikkhrngthi 1 pi kh s 1093 ineduxnphvscikayn kh s 1093 idmikarthasmrphumiaexnikkhrngthi 1 nxkkaaephngprasath kxnhnannimkieduxnphraecamlkhxlmthi 3 aehngskxtaelndidbuktxnehnuxkhxngxngkvsdwyhwngthicaaeyngchingkarkhwbkhumnxrthmebxraelndmacakphraecawileliymthi 2 hlngkarsurbinthikwang kxngthphkhxngphraecamlkhxlmidedinthangmathungprasathaexnikinxathitythisxngkhxngeduxnphvscikaynaelathakarpidlxmpxmprasathprakar orebirt edx mawbray phuaethnkhxngkstriyxngkvsidrwbrwmkxngkalngelk thiprasathaebmbaraaelaedinthphmachwyaexnik aemcadxykwaindankalngphl aetorebirtmathungodythichawskxtimthntngtw phraecamlkhxlmthukplngphrachnminkartxsuthiekidkhunhlngcaknnxif edx ewssi aekikhinpi kh s 1095 orebirt edx mawbraykxkbttxphraecawileliymthi 2 kilaebr edx etssng briwarkhxngmawbraythisabsungkbkarchwyehluxcakmawbrayinchwngkarrukrankhxngchawskxtemuxsxngpikxnekharwmkxkbtdwy thwakarptiwtilmehlw kxngthphkhxngkstriythuksngkhunehnuxephuxmaprabmawbray ekhathukpidlxminprasathaebmbaraaelahniipprasathithnemath aethlngcaknnkthukcbkumtwaelathukribdinaedn etssngexngkthukribdinaednechnkn prasathaexnikcungtkxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngkstriy inpi kh s 1096 phraecawileliymthi 2 idphrarachthanprasathihaekxif edx ewssithiidthakarprbprungprasathihm aemcayngkhngenindinaelaokhrngsrangimkhxngpxmprakariw aetekhaidprbprungsingkxsrangihmdwykarephimsnamxiksxngaehngthangtawnxxkaelatawntk wileliym butrchaykhxngekha aelayustas hlanchaykhxngekhaidprbprungprasathephimdwykarsrangbangswnkhunmaihmodyepliyncakimepnhinyukhxnathipity aekikhhlngphraecaehnrithi 1 sinphrachnminpi kh s 1135 idekidsngkhramaeyngchingbllngkkhunrahwangmathilda phuepnphrarachthida kbstiefn phuepnphraphakhiiny xngkvstkxyuinsngkhramklangemuxngsungeriykknwayukhxnathipityaelaphraecaedwid kstriyaehngskxtaelndidchwyoxkasincnghwani stiefnidrbkarswmmngkudkstriyinwnkhristmaskhxngpi kh s 1135 aelaephuxepnkartxbot phraecaedwididerimkarbxnthalaytxnehnuxkhxngxngkvssunkinewlahlaypiodyxangwathaephuxsnbsnunmathilda kareruxngxanacintxnehnuxkhxngphraecaedwidmnkhngkhunemuxphraxngkhprbprungpxmprakarchayaednkhxngprasathkharill aelainpi kh s 1141 phraxngkhidtaaehnngbichxpaehngedxaermmaxyuinkarkhwbkhum khwamthaeyxthayankhxngphraxngkhthungcudcbthismrphumisaetndardinpi kh s 1138 sungtxsukninkhawtnmxr iklkbnxraethlelxrtn kxngthphkhxngphraxngkhphbkbkhwamprachy aetnxrthmebxraelndyngkhngxyuinmuxkhxngchawskxt aelainyukhniexngthimikaraebngphrmaednodyichaenwaemnathissmrphumiaexnikkhrngthi 2 pi kh s 1174 aekikhyukhxnathipitycblngdwykarkhunkhrxngrachykhxngphraecaehnrithi 2 phraoxrskhxngmathilda phraxngkhthakarkxbkuxanackhxngkstriyklbkhunmahlngtkxyuinsngkhramkhwamkhdaeyngphayinepnewlahlaypi inpi kh s 1157 ekhantithangehnuxidklbmaxyuphayitkarkhwbkhumkhxngkstriy sungsrangkhwamkhmkhunihaekchawskxt inpi kh s 1165 phraecawileliymthi 1 khunepnkstriyaehngskxtaelnd phraxngkhribhathangkxbkuxanaekhtthiesiyipklbkhunma emuxkarthutlmehlw phraecawileliymmxnghathangxunaelainpi kh s 1173 thrngrwminkarkxkbtkhxngehnriyuwkstriy kstriyskxtbuktxnehnuxkhxngxngkvsinpi kh s 1173 aelaocmtiprasathaexnikkbpxmprakarxun innxrthmebxraelnd sungepnswnhnungkhxngkarsurb thwaphraecawileliymepnaemthphthiirfimuxaelaaexniksamarthtanthankarocmtikhxngphraxngkhid pitxmaphraecawileliymthakarbukaelapidlxmprasathaexnikxikkhrng kxngkalngpldplxykhnadelkkhxngchawxngkvssungnaodyranulf edx aeklnwillekhluxnphlmacakniwkhasesil ekhaocmtichawskxtthismrphumiaexnikkhrngthi 2 pi kh s 1174 sungepnkarkrathbkrathngknmakkwakarthasmrphumi xngkhrkskhxngkstriyphayaephtxkarocmtikhxngchawxngkvsaelaphraecawileliymthukcbkumtwkarkxkbt aekikhtlxdkhriststwrrsthi 12 aela 13 prasathaexnikyngkhngxyuinmuxkhxngtrakulewssi txmainpi kh s 1215 yustas edx ewssi ecakhxngprasathidrbaetngtngepnhnunginbarxnthilngnambngkhbichaemknakharta eruxngnibwkkberuxngthiekhathwaykhwamekharphaekphraecaxelksanedxrthi 2 aehngskxtaelndthaihekhakhdaeyngkbphraecacxhnthiidsngihthalayaelaephaprasath hlngphraecacxhnsinphrachnminpi kh s 1216 trakulklbmaepnkhnoprdkhxngkstriyxikkhrng aetemuxcxhn edx ewssiihkarsnbsnunkarkxkbtsungekidkhuninchwngsngkhrambarxnkhrngthi 2 ekhathukribprasathepnkarchwkhraw prasathtanthankarocmtiiddimaodytlxdaelainpi kh s 1297 mnsamarthtanthankarocmtikhxngwileliym wxlels sungidiccakkarkhwachyinsmrphumisetxringbridcinpi kh s 1297 aelaphyayamthasngkhramkbxngkvs emuxsayephschaykhxngtrakulewssisinsudlnginpi kh s 1297 thrphysmbtithukphrarachthanihaekaexnothni ebk bichxpaehngedxaermtrakulephxrsi aekikh twtukhlkkhxngprasaththithukprbprungihmhlngehnri edx ephxrsiidrbprasathmainpi kh s 1309 inpi kh s 1309 prasaththuksuxipodyehnri edx ephxrsi sungepnbrrphburuskhxngexirlaeladyukhaehngnxrthmebxraelnd caktrakulsungsubechuxsaymacakwileliym edx ephxrsi kioym edx aepsi xswinnxrmnphuihkarsnbsnunphraecawileliymthi 1 inkarbukxngkvs wileliymthahnathiduaelnxrmxngdiinchwngthiphraecawileliymimxyu aetidedinthangmaxngkvsinpi kh s 1067 aelaidrbrangwlepnthidinihyicklangyxrkechxr inkhriststwrrsthi 14 trakulkhyaykarkhrxbkhrxngthidinaelahlngcakidaexnikma ehnri edx ephxrsiidthakarepliynaeplngprasathihehmaasmkbsthanakhxngtn ekhaprbprungaelasrangpxmprakartrngklangkhunsungepnkarsrangtwtukhlkkhunmaihm thwaekhaaethbimmioxkasidchunchmkhwamsaercemuxinpi kh s 1314 ekhatxngkhimakhunehnuxipphrxmkbphraecaexdewirdthi 2 ephuxtiprasathsetxringinkarsurbsungepnkarphayaephkhrngihythisudkhxngxngkvsinsmrphumiaebnnxkebirn ehnrithukkxngthphskxtaelndcbkumtwiperiykkhaith ekhaesiychiwitinpinnrahwangkalngedinthangklbaexniksngkhramchayaedn aekikhhlngaebnnxkebirn nxrthmebiraelndprasbkbkhwamyaklabak orebirt edxa brusnakxngthphekhasuekhantiephuxbibxngkvsihyxmrbexkrachkhxngskxtaelnd karbriharbanemuxngthixxnaexaelairprasiththiphaphkhxngphraecaexdewirdthi 2 imsamarthkarabchawskxtid orecxr mxrtiemxr exirlaehngmarchthikhunbriharbanemuxngaethnidlngnaminsnthisyyasngbsukpi kh s 1328 aetemuxekhathuklmlangxanac sngkhramkpathukhunxikkhrng tlxdchwngewladngklawaexniktkxyuinphawawikvtenuxngcakepnthanthimninkarptibtikar thioddednthisudnacaepninpi kh s 1346 emuxehnri ephxrsi ecakhxngprasathinkhnannbychakarpikkhwakhxngkxngthphxngkvsinsmrphumienwillkhrxs sungphraecaedwidthi 2 prasbkbkhwamprachyaelathukcbkumtwyukhkarpkkhrxngkhxngfayaelngkhsetxr aekikhinpi kh s 1399 ehnri oblingobrk sungmitrakulephxrsiihkarsnbsnun idpldphraecarichardthi 2 xxkcaktaaehnngaelakhunepnphraecaehnrithi 4 thwahlngcaknnimnanehnri ephxrsiidkhdaeyngkbkstriykhnihmaelakxkbttxphraxngkh karptiwtithukprabpramthismrphumichurwsbripi kh s 1403 ehnrithukpidlxmxyuinprasathaexnik phayitkarkhukkhamdwykaryingpunihykxngthphkhxngkstriybibprasathihyxmcannid hlngcaknnprasaththukribaelaklbipxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngkstriycnkrathngphraecaehnrithi 4 idphrarachthankhunihaektrakulephxrsiinpi kh s 1413kaaephngemuxng aekikhchawskxtyngkhngocmtinxrthmebxraelndxyangtxenuxngtlxdkhriststwrrsthi 14 aela 15 odyemuxngaexnikthukocmtiaelaephathalayinpi kh s 1424 hlngprasbkhwamsaercinkarwingetnonmnawphraecaehnrithi 6 emuxngidrbphrarachthanibxnuyatkxsrangkaaephngemuxnginpi kh s 1433 aelaklayepnhnunginsxngemuxnginnxrthmebxraelndthithaid xikemuxnghnungkhuxebxrikhxphxxnthwid thwatxngichewlananinkarrwbrwmenginthunaelakwacaiderimlngmuxkxsrangkaaephngkinkhristthswrrs 1470 rahwangkarkxsrangaexnikthukchawskxtocmtixikkhrnginpi kh s 1448sngkhramdxkkuhlab aekikhinchwngsngkhramdxkkuhlabtrakulephxrsiihkarsnbsnunfayaelngkhsetxraelaprasathaexnikepnhnunginsiprasaththiichinkarpxngknchayaedntawnxxk xiksamprasath khux prasathaebmbara prasathdnsaetnbara aelaprasathwxrekhirth aelaichinkarnaekhakxngkalngesrimcakskxtaelnd thwaprasathaexnikyxmcanntxfayyxrkhlngphraecaexdewirdthi 4 idchychnaeddkhadthismrphumithawtnpi kh s 1461 aemkartxtancayngkhnghlngehluxxyuaelaprasaththukepliynmuxhlaykhrng aettngaeteduxnthnwakhm kh s 1461 thungeduxnkrkdakhm kh s 1462 vduibimrwngkhxngpi kh s 1462 thungeduxnmkrakhm kh s 1463 aelaeduxnphvsphakhm kh s 1463 thungeduxnmithunayn kh s 1464 prasathxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngfaysnbsnunaelngkhsetxr inpi kh s 1469 prasathklbmaxyuinkarkhrxbkhrxngkhxngtrakulephxrsixikkhrngkaresuxmlng aekikhecakhxngprasathaexnikinchwngrchsmykhxngsmedcphrarachininathexlisaebththi 1 khuxthxms ephxrsi exirlthi 7 aehngnxrthmebxraelnd thiaemcaepnchawkhathxlikaetkepnkhnoprdkhxngphrarachinisungepnchawopretsaetnt aettxmakthukldbthbathlngemuxphrarachinithakarptirupsasna invduibimrwngkhxngpi kh s 1569 thxmsekharwmkarplukradmthangehnuxephuxtxtanphrarachiniexlisaebth hlngprasbkhwamprachyekhaidhniipskxtaelnd thwaphraecaecmsthi 6 kstriyopretsaetntaehngskxtaelndidkhayexirlphuthukkhbilxxkcakpraethskhunihaekxngkvsaelainpi kh s 1572 ekhathukpraharchiwitthiyxrk ysskdiaelathrphysinkhxngekha sunghnunginnnkhuxprasathaexnik tkepnkhxngehnriphuepnnxngchay thwaekhaimidoprdpranaexnikaelaxasyxyuthiprasathwxrekhirthepnhlk prasathaexnikcungthukthingrangaelaplxyplalaelykarrwmekhakbrachbllngk aekikh bxndekt pratuemuxngephiyngaehngediywthiyngkhngsphaphdngedim hlngkarsinphrachnmkhxngsmedcphrarachininathexlisaebththi 1 inpi kh s 1603 rachbllngkxngkvsaelaskxtaelndrwmekhadwyknemuxphraecaecmsthi 6 aehngskxtaelndsubthxdrachbllngkxngkvs inchuxphraecaecmsthi 1 aehngxngkvs inchwngnnaexnikecriykawhnacakkarkhakhayxnrungeruxngtamesnthangihythangehnux prasathklayepnthimnchayaednsungimmikhwamcaepn inyukhnnkaaephngemuxngklayepnswnekin phayhlngcungthukruxexahinipichinokhrngkarxun miephiyngpratutawnxxk hruxhxkhxnbxndekt thiehluxrxdmacnthungpccubn enuxngcakichepnkhukkhumkhngnkothsphrarachwngkxthik aekikhinchwngkhristthswrrs 1750 aexnikmikhwamsakhymakkhunemuxhiwc ephxrsi exirlaehngnxrthmebxraelndichprasathepnthiphkxasyhlk ekhaidmxbhmayihecms ephn txdwyorebirt xadm prbochmprasathihmepnthiphkxnoxxatamaebbsthaptykrrmkxthik thwaplaykhriststwrrsthi 19 xlecxrnxn ephxrsi dyukhthi 4 aehngnxrthmebxraelndidmxbhmayihepliynprasathxikkhrngodyruxswnddaeplngthingkhwbkhukbkarepliynsingkxsrangepnprasathyukhklangaenwwikhtxeriy karprbprungsrangphldiaekprasaththiklayepnsthanthiyxdniyminkarthaythalakhraelaphaphyntr echnphaphyntr orbinhud ecachaycxmocr kh s 1990 xlisaebth rachinibllngkeluxd kh s 1998 cxmocrkuaephndineduxd kh s 2010 phaphyntrchudaehrri phxtetxrlakhr aebldaexdedxr kh s 1983 star ethrkh edxaenksecenxerchn kh s 1991 ixaewnoh kh s 1997 edxa ewxrcin khwin kh s 2005 edxa hxlolw khrawn kh s 2012 dawntnaexbbiy kh s 2014 2015 xangxing aekikhALNWICK CASTLE Castles Forts Battles co ukekhathungcak https th wikipedia org w index php title prasathaexnik amp oldid 8290625, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม