สัปปายะสภาสถาน
สัปปายะสภาสถาน เป็นอาคารรัฐสภาที่จะใช้แทนอาคารรัฐสภาเดิมบริเวณข้างสวนสัตว์ดุสิต โดยอาคารแห่งใหม่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณมุมตะวันตกเฉียงใต้ของสี่แยกเกียกกาย ระหว่างถนนทหารกับถนนสามเสน ในพื้นที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ด้วยมีพื้นที่ใช้สอย 424,000 ตารางเมตร ทำให้เมื่อก่อสร้างเสร็จ สัปปายะสภาสถานจะเป็นอาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่อาคารรัฐสภาแห่งโรมาเนีย ซึ่งมีพื้นที่ในอาคาร 365,000 ตารางเมตร และเป็นอาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยจะเป็นรองเพียงอาคารเดอะเพนตากอนในสหรัฐที่มีพื้นที่ 600,000 ตารางเมตรเท่านั้น
สัปปายะสภาสถาน | |
---|---|
ภาพมุมกว้างของสัปปายะสภาสถาน ขณะกำลังก่อสร้าง จากสถานีรถไฟฟ้าบางอ้อ เมื่อปี พ.ศ. 2563 | |
ข้อมูลทั่วไป | |
สถานะ | ยังไม่เปิด |
ประเภท | รัฐสภา |
สถาปัตยกรรม | แบบพุทธ |
เมือง | กรุงเทพมหานคร |
ประเทศ | ประเทศไทย |
ลงเสาเข็ม | 8 มิถุนายน 2556 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | พ.ศ. 2564 |
Opened | 5 สิงหาคม 2562 (บางส่วน) |
ค่าก่อสร้าง | 22,987 ล้านบาท |
ความสูง | 134.56 เมตร |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
พื้นที่แต่ละชั้น | 424,000 ตร.ม. |
พื้นที่ชั้นล่าง | 119.6 ไร่ |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | ธีรพล นิยม (ในชื่อ สงบ ๑๐๕๑) |
ผู้รับเหมาก่อสร้าง | ซิโน-ไทย |
ข้อมูลอื่น | |
ที่จอดรถ | 2,069 คัน |
เว็บไซต์ | |
parliament.go.th/ |
โครงการเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 โดยมีการจัดการประกวดแบบ และได้ผู้ชนะออกแบบคือสถาปนิก ธีรพล นิยม และทีมงานภายใต้ชื่อ สงบ ๑๐๕๑ และได้มีการทำสัญญาก่อสร้างเดือนเมษายน 2556 โดย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาหลัก โครงการได้เริ่มวางเสาเข็มตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ซึ่งเดิมต้องแล้วเสร็จภายใน 900 วัน แต่มีการขยายสัญญาหลายรอบ โดยสัญญาล่าสุดมีกำหนดการส่งงานภายใน 2,764 วัน โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2564
การพัฒนาโครงการก่อสร้าง
โครงการก่อสร้างเริ่มต้นหลังจากที่มีการประกวดแบบชนะโดยทีม สงบ ๑๐๕๑ โดยสถาปนิก 5 ท่านภายใต้ชื่อคณะ ประกอบด้วย ธีรพล นิยม, เอนก เจริญพิริยะเวศ, ชาตรี ลดาลลิตสกุล และ ปิยเมศ ไกรฤกษ์ ได้ออกแบบอาคารในรูปแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังจากนั้นได้เริ่มก่อสร้างโดยบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)ในฐานะผู้รับเหมาหลัก โดยสัญญาก่อสร้าง เริ่มต้นในวันที่ 30 เมษายน 2556 ในวงเงินงบประมาณ 12,280,000,000 บาท และเวลาก่อสร้างตามสัญญา 900 วัน
ที่ปรึกษาโครงการในนามมีนิติบุคคลร่วมทำงาน CAMA ประกอบด้วย
- บริษัท ซีอีแอล เอ็นจิเนียส์ (CEL ENGINEERs )
- เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด (ATT Consultants)
- บริษัท มิตรเทคนิคัลคอนซัลแท้นท์ จำกัด (MITR Technical Consultant)
- บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (Architects 49)
และผู้ควบคุมงานก่อสร้างในนาม นิติบุคคลร่วมทำงาน ATTA ประกอบด้วย
- บริษัท อรุณ ชัยเสรี คอนซัลติ้ง เอนจิเนียร์ส จำกัด (Arunchaiseri Consulting Engineers)
- บริษัท เทสโก้ จำกัด (Tesco)
- บริษัท ไทยเอนยิเนียริ่ง คอนซัลแตนทส์ จำกัด (Thai Engineering Consultants)
- บริษัท สถาปนิกหนึ่งร้อยสิบ จำกัด (Architects 110)
แนวคิดการออกแบบ
ที่มา
อาคารรัฐสภาไทยได้เปลี่ยนสถานที่มาแล้วกว่า 2 ครั้ง สถานที่แรกคือ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งใช้มาตั้งแต่หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 จนในปี พ.ศ. 2517 จึงได้ย้ายไปที่อาคารรัฐสภาแห่งที่ 2 บริเวณข้างสวนสัตว์ดุสิต (สวนสัตว์เขาดิน) แต่เนื่องจากสถานที่ที่เริ่มคับแคบลงเมื่อจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร, สมาชิกวุฒิสภา และข้าราชการเพิ่มขึ้น ทำให้ทางรัฐสภาได้แก้ปัญหาโดยการเช่าพื้นที่บางส่วน จนต่อมาในปี พ.ศ. 2535 จึงเริ่มมีแนวคิดในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
ในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการประชุมจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยมีสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธาน และได้พิจารณาพื้นที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณที่ดินราชพัสดุถนนทหาร (เกียกกาย) แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต, ที่ดินบริเวณคลังเชื้อเพลิง แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และที่ดินราชพัสดุกองคลังแสง กรมสรรพวุธทหารบก ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี จนมีมติให้ใช้ที่ดินราชพัสดุถนนทหาร (เกี่ยกกาย) เป็นสถานที่ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในที่สุด
สัปปายะสภาสถานมีพื้นที่ดิน 119.6 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยในอาคาร 424,000 ตารางเมตร มีพื้นที่สีเขียวรวม 115,529 ตารางเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 22,987 ล้านบาท มีความสูงจากฐานถึงยอดเจดีย์พระสุเมรุ 134.56 เมตร ภายในประกอบด้วยส่วนห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงาน สส. และ สว.
ที่มาของมีการระบุว่า "สัปปายะสภาสถาน" หมายถึง สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย
แนวคิดและเทคโนโลยี
สถาปนิกได้ออกแบบนำเสนอคติและสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของไทยในอดีตผสมผสานไปกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบโครงสร้างทางสังคม และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขในปัจจุบัน ผ่านทางรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่บนพื้นฐานทางภาษาและฉันทลักษณ์ตามอย่างสถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณี ตามคติไตรภูมิที่นอกจากจะแสดงเอกลักษณ์ทางจิตวิญญาณถึงความเป็นไทย ยังมีความหมายเพื่อให้บุคคลที่เข้ามาอยู่ในสภาสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ
นอกจากนี้ยังใช้แนวคิดของ "สถาปัตยกรรมสีเขียว" (Green Architecture) ซึ่งเห็นได้จากการปลูกต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบอาคาร ในขณะเดียวกัน ก็มีการวิจารณ์ถึงความเหมาะสม จากการใช้ไม้สักจำนวนกว่า 5,000 ท่อน ซึ่งจะนำมาจากกรมอุตสาหกรรมป่าไม้ มาใช้ทำเสาประดับรอบอาคาร และฝ้าประดับห้องประชุมใหญ่ทั้งสอง รวมถึงการใช้ไฟฟ้าของอาคารเมื่อเปิดทำการ ที่มีความต้องการไฟฟ้าเทียบเท่ากับอำเภอถึงสองอำเภอ
งานสถาปัตยกรรม และการออกแบบ
การประกวดแบบ
โครงการรัฐสภาแห่งใหม่เป็นการประกวดแบบครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศนับตั้งแต่การประกวดแบบสนามบินสุวรรณภูมิ ชิงเงินรางวัลชนะเลิศการประกวดแบบสูงถึง 200 ล้านบาท มีผู้ส่งเข้าประกวดทั้งหมด 133 ราย และผ่านเข้าในรอบสุดท้ายทั้งหมด 5 ราย ได้แก่
- กลุ่มนายธีรพล นิยม - ทีมสงบ 10151
- บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด (A49)
- กลุ่มนายธรรมศักดิ์ อังศุสิงห์
- บริษัทดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
- ผศ.วิเชษฐ์ สุวิสิทฐ์ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ก็ได้มีการตัดสินคัดเลือกแบบของธีรพล นิยม โดยมีกรรมการ 12 คนประกอบไปด้วย สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ด้านสถาปัตยกรรมสถาน สภาวิศวกรรม และศิลปินแห่งชาติ พิจารณาการประกวดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
การออกแบบ
สัปปายะสภาสถาน ใช้เวลาออกแบบพร้อมเขียนแบบก่อสร้างเพียง 7 เดือน ซึ่งใช้สถาปนิก ทุกภาควิชากว่า 200 คน รวมถึงวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญแขนงงานต่าง ๆ จากองค์กรต่าง ๆ มากกว่า 20 องค์กร โดยต้องทำแบบก่อสร้างกว่า 6,000 หน้า และ รายการประกอบแบบกว่า 1 หมื่นแผ่น[ต้องการอ้างอิง]
ในส่วนงานสถาปัตยกรรมไทยได้ รศ. ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี และเผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ซึ่งต่างเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาสถาปัตยกรรมไทย ร่วมให้คำแนะนำและออกแบบ[ต้องการอ้างอิง]
ในด้านงานภูมิสถาปัตยกรรมทั้ง ท่าเรือ ลานประชาธิปไตย สวนภายนอก สนามรัฐสภา ลานประชาชน ออกแบบหลักโดย ปิยเมศ ไกรฤกษ์ จาก บลูแพลนเนตดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล[ต้องการอ้างอิง]
การก่อสร้าง
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 และลงเสาเข็มในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยมีบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง จากสัญญาการว่าจ้าง บริษัทต้องสร้างให้เสร็จภายใน 900 วัน หรือสิ้นสุดลงในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 แต่สุดท้ายก็ไม่เสร็จทันกำหนด จนต้องเลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ส่วนปัญหาที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้าอ้างจาก นายจเร พันธ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และวิศวกร ว่าเป็นเพราะการส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นไปตามสัญญา-พื้นที่บางส่วนยังไม่ได้รับมอบคืนจากหน่วยงานเดิม การขนย้ายดินออกจากพื้นที่ก่อสร้างไม่เป็นไปตามแผน และปัญหาอุทกภัยปี พ.ศ. 2554
การใช้งาน
สัปปายะสภาสถาน สร้างบนพื้นที่ขนาด 123 ไร่ มีเนื้อที่กว่า 424,000 ตารางเมตร โดยใช้งบประมาณทั้งหมดราว 12,000 ล้านบาท สามารถรองรับผู้คนได้มากกว่า 5 พันคน รองรับการจอดรถได้มากกว่า 2 พันคัน[ต้องการอ้างอิง] ภายในอาคารประกอบไปด้วย โถงรับรอง ส.ส. และ ส.ว., ห้องประชุมของ ส.ส. หรือที่เรียกว่า "ห้องพระสุริยัน", ห้องประชุม ส.ว. หรือที่เรียกว่า "ห้องพระจันทรา", โถงรัฐพิธี, พิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตย, ห้องอาหาร ส.ส., ห้องอาหาร ส.ว. ในส่วนของดาดฟ้าอาคาร ประกอบด้วยกำแพงแก้วล้อมรอบส่วนเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ชาติไทย
กระแสวิจารณ์
การออกแบบ
สัปปายะสภาสถาน ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งการวิจารณ์ว่าออกแบบที่เหมือน "วัด" จากมุมมองสถาปนิก รศ.ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ได้ออกมาวิจารณ์ว่า "ใช้ความหมายเดิม ๆ ศีลธรรมเป็นเรื่องจอมปลอม ไม่คำนึงถึงปัญหาความขัดแย้งทางศาสนาของสังคม และการใช้งานไม่เอื้อให้เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง" และกล่าวเสริมต่อว่า "การใช้แนวคิดด้านพระพุทธศาสนามากเกินไปจนไม่มีมุมมองด้านประชาธิปไตยและการออกแบบที่ยังคงยวนอยู่ในกรอบของภาษาความเป็นไทยทางสถาปัตยกรรมที่ตื้นเขินและไม่มีอยู่จริง"
นอกจากนี้ในช่วงก่อนการเลือกแบบได้มีการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิปดอดคอม ในการโหวต 5 แบบสุดท้าย จากผู้โหวตทั้งหมด 168 คน ผลปรากฏว่าเสียงโหวตส่วนใหญ่ตกไปที่แบบที่ 5 ของ ผศ.วิเชษฎ์ สุวิสิทฐ์ ในขณะที่แบบของทีมสงบอยู่ในอันดับที่ 2
รวมถึงการวิจารณ์ถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการก่อสร้างซึ่งต้องใช้งบประมาณสูง
การเวนคืนที่ดิน
มีการเวนคืนที่ดินส่วนของ ชุมชนตระกูลดิษฐ์ ซึ่งมีประชากร 40 ครอบครัว โดยในเวลาต่อมารัฐสภาได้ทำข้อตกลงกับชาวบ้าน และทำการสร้างบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น บริเวณพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณแผนก ซ่อมบำรุงเรือ กองร้อยขนส่งเรือ (ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี) เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของแผนกซ่อมบำรุง กองร้อยขนส่งเรือ
ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า มีจำนวนประชากร 93 ครอบครัว ทางรัฐสภาได้ทำข้อตกลงคล้ายกับชุมชนตระกูลดิษฐ์ โดยจะไปปลูกสร้างในพื้นที่แผนกซ่อมบำรุงเรือกองร้อยขนส่งเรือ (ฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี) โดยจะแบ่งพื้นที่ให้ครอบครัวละ 12 ตารางวา
มีการรื้ออาคารเรียนอายุกว่า 80 ปี ของโรงเรียนโยธินบูรณะออกทั้งหมดเพื่อใช้ก่อสร้างอาคารรัฐสภา โดยในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของปีการศึกษา ได้มีพิธีส่งมอบพื้นที่โรงเรียนโยธินบูรณะเดิมให้กับสำนักงานเลขาธิการรัฐสภาเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยโรงเรียนโยธินบูรณะได้ย้ายไปสร้างใหม่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1
อ้างอิง
- ↑ ส่อง"อาคารรัฐสภาใหม่"ติดปัญหาเดิม รื้อย้ายได้แค่จิ๊บจ๊อย ไซต์ก่อสร้างดีเลย์ส่อเสร็จไม่ทันปี"58, ประชาชาติ .วันที่ 28 ก.พ. 2557
- ↑ การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เริ่มวางเสาเข็มอาคารแล้ว, ข่าวรัฐสภา .วันที่ 23 สิงหาคม 2556
- ↑ ไขปมรัฐสภาใหม่ พื้นที่จอดรถ ล่องหน-ต่ำเกณฑ์ ประชาชาติธุรกิจ. 26 มีนาคม 2561]
- ↑ วอยซ์ทีวี (27 มีนาคม 2561). "ล้วงสถิติ 'มหากาพย์' รัฐสภาใหม่ 'สัปปายะสภาสถาน'". www.voicetv.co.th. สืบค้นเมื่อ 13 มกราคม 2562. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ประกาศสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ผลการประกวดการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ขั้นตอนที่ ๒ เข้าถึงเมื่อ วันที่ 2 ธ.ค. 2552
- ความเป็นมาของโครงการ, โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, รัฐสภาไทย .วันที่ 2 ก.ย. 54
- ↑ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานสรุปสำหรับผู้บริหาร) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. เมษายน 2554
- ↑ ถอดรหัสสถาปนิกการเมือง สร้างสัปปายะสภาสถาน, สมาคมสถาปนิกสยาม .วันที่ 22 ส.ค. 2553[ลิงก์เสีย]
- ฮวงจุ้ยรัฐสภาใหม่ จะพาไทยพ้นวิกฤติ, ไทยรัฐ .วันที่ 4 ธ.ค. 2552
- คติ และ สัญลักษณ์ ในการออกแบบสถาปัตยกรรมของสัปปายะสภาสถาน, มนัสพงษ์ สงวนวุฒิโรจนา .ปี พ.ศ. 2556
- 5 บิ๊กสถาปนิกเข้ารอบสุดท้ายออกแบบรัฐสภาใหม่ ลุ้นชิงดำรับเงิน 200 ล้าน, ประชาชาติธุรกิจ .วันที่ 25 ส.ค. 2552
- ↑ ไขคำตอบ รัฐสภาใหม่ ‘สัปปายะสภาสถาน’ ออกแบบคล้ายวัด ช่วยลดโกงจริงหรือ?, อิศรานิวส์ .วันที่ 6 พฤษภาคม 2559
- ประธานรัฐสภาถือฤกษ์ 08.39 น. ตอกเสาเข็มสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, มติชน .วันที่ 27 ก.ค. 2556
- iCONS : โรดแมปหมื่นล้าน สัปปายะสภาสถาน, ไอคอนส์ .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
- เปิดรายงาน “มหาดไทย” เทียบคำพูด “จเร”ไฉน“รัฐสภาใหม่”สร้างช้านับปี?, อิศรานิวส์ .วันที่ 20 มิถุนายน 2558
- รัฐสภาแห่งใหม่ มหากาพย์ที่ยังไม่สิ้นสุด, สำนักข่าวไทย .วันที่ 27/07/2015
- ↑ สัปปายะสภาสถาน รัฐสภาใหม่ วิดีทัศน์แนะนำโครงการ, ยูทูปดอดคอม .วันที่ 11 ก.ย. 2011
- [http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000150341 สัปปายะสภาสถาน...ที่นี่ มณฑลศักดิ์สิทธิ์ ?!?], ผู้จัดการรายวัน .วันที่ 9 ธันวาคม 2552
- สัมภาษณ์ ชาตรี ประกิตนนทการ: แบบรัฐสภาใหม่ ความหมายเดิม ๆ , สัมภาษณ์โดย ภฤศ ปฐมทัศน์, ประชาไท .วันที่ 13/12/2009
- ประชาธิปไตยที่ตีนเขา (พระสุเมรุ), ชาตรี ประกิตนนทการ .สืบค้นเมื่อ 20/05/2559
- มาโหวตแบบรัฐสภาใหม่ที่เข้ารอบ 5 ทีมสุดท้ายกันครับ, พันทิป .วันที่ 27 พ.ย. 2552
- ↑ การเตรียมการ, โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่, รัฐสภาไทย .วันที่ 2 ก.ย. 54
- เด็กโยธินบูรณะยังอาลัยร.ร.เก่าแม้ที่ใหม่สวยงาม, คมชัดลึก .วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สัปปายะสภาสถาน |
- เว็บไซต์รัฐสภาไทย
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ สัปปายะสภาสถาน
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากมัลติแมป หรือโกลบอลไกด์
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°47′45″N 100°31′03″E / 13.795815°N 100.517437°E