เจ้ากรุงพาลี
มหาพาลี (IAST: Mahābalī), หรือเป็นที่รู้จักในนาม พาลี, อินทรเสนา (Indrasenan) หรือ มาเวลิ (Māveli ), หรือในไทยและกัมพูชา และ ลาว รู้จักในนามเจ้ากรุงพาลี จากคติการผสานความเชื่อรวมกับศาสนาท้องถิ่นและวิญญาณนิยมในฐานะประมุขของพระภูมิเจ้าที่ อันเป็นแทตย์ประมุขในคัมภีร์และเทพปกรณัมของศาสนาฮินดู พระองค์เป็นหลานชายของ ท้าวประหลาทผู้ภักดีต่อพระวิษณุ (ในภาคนรสิงห์อวตาร) และเป็นสายตระกูลของพระกัศยปเทพบิดร ในเทพปกรณัมพราหมณ์ - ฮินดูยอดนิยม เช่น ศตปถะ-พราหมณะ , มหาภารตะ , รามายณะ และ ปุราณะกล่าวตรงกันถึงการอัญเชิญพระองค์พร้อมด้วยบริวารไปยังโลกบาดาลโดยพระวามนะ (อวตารพระวิษณุ)
เจ้ากรุงพาลี | |
---|---|
ส่วนหนึ่งของ จีรันจีวี (Chiranjivi) | |
เจ้ากรุงพาลีหลั่งน้ำทักษิโณทกอุทิศทานแด่พระวามนะ จิตรกรรมแบบประเพณีอินเดียจาก เขตโมนโเต (Mankote) ชัมมูและกัศมีร์, c. 1700-25 | |
ส่วนเกี่ยวข้อง | แทตย์ (Daitya) , ภควา |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
คู่ครอง | นางวินทยาวัลลี (Vindhyavalli) |
บุตร - ธิดา | พระเจ้ากรุงพาณ (Banasura) , รัตนมาลา (Ratanamala) และ วัชราชมาลา (Vajrajwala) |
บิดา-มารดา | วิโลจนะ (Virochana - บิดา) และ นางเทวัมภา ( Devamba - มารดร) |
เทพปกรณัม
ในเทพปกรณัมพราหมณ์ ฮินดูขนานนามว่า เจ้ากรุงพาลีเป็นพระเจ้าแผ่นดินนครอันผู้ทรงคุณธรรมและอุดมมีน้ำพระทัยเมตตา พระองค์ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่บุคคลทั้งหลายโดยมิเลือกปฏิบัติ, และเหล่าอาณาประชาราษฎร์ของพระองค์ก็ดำรุงคุณธรรมด้วยความซื่อสัตย์เช่นกัน, พร้อมด้วยอายุวรรณะที่สมบูรณ์, และมีความสุขศิริสวัสดีภายใต้การปกครองของพระองค์ และเจ้ากรุงพาลียังได้ทรงครอบครองดูโดยชั่วคราวของ น้ำอมฤต (น้ำทิพย์ คือ น้ำที่ทำให้ผู้ดื่มไม่ตาย เรียกว่า น้ำอมฤต) อันได้รับสำหรับเหล่าบรรดา อสูร น้ำอมฤตอนุญาตให้นำให้บริวารของพระองค์กลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังจากที่ชนเหล่านั้นถึงแก่ชนม์ชีพในในยุทธสงครามระหว่าง สุระ (เทวะ) และ อสูรเจ้ากรุงพาลีจึงทรงมีชนม์ชีพอันเป็นนิรันด์มิมีวันสิ้นชีพ หลังจากเหตุการญ์ยุทธสงครามมากมาย, เจ้ากรุงพาลีได้พิชิตทั้งเทวโลกและมนุษย์โลก เหล่าบรรดา สุระ (เทพยดา) จึงไปทูลขอพระพรการคุ้มครองจากพระพิษณุเทพ แต่พระนารายณ์ทรงปฏิเสธที่จะประกอบรณรงค์ยุทธการสงครามหรือประหัตถหารต่อเจ้ากรุงพาลีเนื่องด้วยเป็นสาวกผู้ปฏิบัติบูชาพระองค์เอง แต่เพื่อคืนความสงบเรียบร้อยตามธรรมชาติ, พระองค์จึงทรงอวตารในรูปพราหมณ์บาคู, ในนามของพระวามนะ ขณะที่เจ้ากรุงพาลีกำลังประกอบพิธีกรรมยัญอัศวเมธ เพื่อประกาศสำแดงในชัยชนะและทำบุญอุทิศทานเพื่อสร้างสมกุศลบารมีสืบต่อไป, พระวามนะได้เสด็จเข้าไปหาและทูลขอ "ที่ดินสามก้าว" เจ้ากรุงพาลีก็ประทานอุทิศให้ตามนั้น, แม้จะมีคำเตือนจากเทวดาพระศุกร์ พระบรมครูอาจารย์, ผู้ทรงทราบด้วยญาณวิเศษของพระวามนะที่แท้จริงว่าทรงเป็นผู้ใด พระวามนะก็ทรงสำแดงอิทธิ์ฤทธิ์เป็นรูปตรีวิกรมวิษณุมหึมาของพระวิษณุ, พระบาทแรกครอบคลุมสวรรค์ทั้งหมดในครั้งเดียวและแผ่นดินโลกด้วยบาทที่สอง และทรงตรัสถามว่าพระบาทที่สามนั้นจะทรงให้ประทับไว้ที่ใด, เจ้ากรุงพาลีทรงยอมรับชะตากรรมขององค์เองและให้ประทับ ณ ศีรษะของพระองค์เอง เพื่อให้ครบสามก้าวตามสัจจะวาจาที่ได้ทรงออกโอษฐ์ไว้ ตามเทพปกรณัมคัมภีร์พราหมณ์ฮินดูบางฉบับระบุว่า เจ้ากรุงพาลีถูกอัญเชิญประทับไปยัง ณ โลกบาดาล (พื้นดินใต้พิภพ), บางที่อธิบายว่าทรงอัญเชิญไปโดยครุฑ, เข้าสู่เทวโลกในครั้งนั้นด้วยพระบาทของพระนารายณ์, ในขณะที่บางเทพปกรณัมคัมภีร์อื่นบางที่ระบุว่าพระองค์กลายเป็น จิรันชีวิต (Chiranjeevi - ผู้ทรงความเป็นอมตะ). และได้รับการประทับร่วมในไวกูณฐ์,ซึ่งเป็นดินแดนเทวโลกที่สูงกว่าแดนเทวดาทั้งหลาย
ตามเทพปกรณัมฮินดู, พระนารายณ์ประทานพรให้เจ้ากรุงพาลีสามารถกลับดินแดนเดิมของพระองค์ ณ โลกมนุษย์ได้ปีละครั้ง ในเทศกาลเก็บเกี่ยวของพาลีปรติปาทะ (Balipratipada) และ โอณัม (ซึ่งส่วนใหญ่มีการเฉลิมฉลองโดยผู้คนทั้งหลายภายในรัฐเกรละ) มีการเฉลิมฉลองเพื่อการเยี่ยมเยือนประจำปีของพระองค์ วรรณคดีและจารึกในวัดฮินดูแนะนำว่าเทศกาลเหล่านี้มีการตกแต่งที่มีสีสัน, ประทีปไฟส่องสว่างตระการตา, ,มีการมอบของกำนล, งานเลี้ยงและงานสาธารณชุมชน, ได้รับความนิยมในอินเดียมานานกว่าพันปีเจ้ากรุงพาลียังปรากฏในรามเกียรติ์ ครั้งทศกัณฐ์พยายามอัญเชิญพระองค์จากโลกบาดาล , แต่มิสามารถทำได้เนื่องด้วยขัดต่อลิขิตธรรมชาติ
ชายาของเจ้ากรุงพาลี คือ นางวินทยวาลี , ซึ่งเรียกอีกนามว่า อาศรม (Ashrama) และมีบุตรชายด้วยนางสามตน, ซึ่งถึงสาวกผู้ภักดีต่อ พระอินทร์ศวร คือพระเจ้ากรุงพาณ (พาณสูร) ซึ่งมีบทบาทในการขอพระราชทานอภัยโทษจากพระกฤษณะ ตามเรื่องอุณรุท
ในประเทศไทย
เทพปกรณัมพราหมณ์ ฮินดูเรื่องการอวตารของพระนารายณ์ในรูปพระวามนะได้เข้ามาพร้อมอิทธิพลศาสนาพราหมณ์ ฮินดูและได้รับการผนวกรวมรวมด้วยกับตำนานเทพปกรณัมคติพระภูมิเจ้าที่ในศาสนาพื้นเมืองเดิมของไทย (วิญญาณนิยม) โดยอธิบายว่าเป็นบิดรของพระภูมิเจ้าที่ทั้งเก้าองค์ ในนามเจ้ากรุงพาลี หรือ พระเจ้าทศราช และถูกพระนารายณ์ในรูปพระวามนะทูลขอแผ่นดินเช่นกัน หลังจากนั้นทรงมีโองการรับสั่งให้เป็นประมุขของบรรดาพระภูมิเจ้าที่และเทพารักษ์ทั้งหลายอันเป็นที่มาของคติการสร้างศาลพระภูมิในศาสนาพื้นเมืองเดิมของไทย (วิญญาณนิยม)บางที่ท้องถิ่นอธิบายเหมือนอย่างเรื่องอวตารของพระนารายณ์ในรูปพระวามนะแต่เปลี่ยนจากพระนารายณ์ในรูปพระวามนะเป็นพระโพธิสัตว์ในอิทธิพลศาสนาพุทธแบบเถรวาทแทน นอกจากนี้เจ้ากรุงพาลียังมีบทบาทในฐานะเทพารักษ์ใหญ่รักษาพระบรมมหาราชวังอันมีเทวรูปในรูปแบบเจว็ดในหอแก้วศาลพระภูมิอันเป็นศาลพระภูมิประจำของพระบรมมหาราชวัง (ปัจจุบันอยู่ด้านข้างพระที่นั่งไชยชุมพลแต่อยู่ด้านในรั้วกำแพงของพระราชวังฝ่ายใน) และมีบทบาทอย่างยิ่งในพระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราชของพระราชพิธีสิบสองเดือนในพระราชพิธีปีใหม่ไทยแบบโบราณ นอกจากนี้เจ้ากรุงพาลียังได้รับการนับถือเป็นเทพารักษ์ที่รักษาคุ้มครองชาวบ้านในบริเวณตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง อันมีศาลพระภูมิประจำท้องถิ่นของขนาดใหญ่ของชาวบ้านท้องที่อุทิศถวาย ณ ถนนเลียบชายทะเลพีเอ็มวาย ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- https://www.matichonweekly.com/column/article_530895
- Nanditha Kirshna (2009). Book of Vishnu. Penguin Books. pp. 58–59. ISBN 978-81-8475-865-8.
- Narayan, R.K (1977). The Ramayana: a shortened modern prose version of the Indian epic. Mahabali story. Penguin Classics. pp. 14–16. ISBN 978-0-14-018700-7.
- "About Onam".
- ↑ D Dennis Hudson (2008). The Body of God: An Emperor's Palace for Krishna in Eighth-Century Kanchipuram. Oxford University Press. pp. 163–174. ISBN 978-0-19-970902-1.
- ↑ George M. Williams (2008). Handbook of Hindu Mythology. Oxford University Press. pp. 73–74. ISBN 978-0-19-533261-2.
- D Dennis Hudson (2008). The Body of God: An Emperor's Palace for Krishna in Eighth-Century Kanchipuram. Oxford University Press. pp. 207–219. ISBN 978-0-19-970902-1.
- George M. Williams (2008). Handbook of Hindu Mythology. Oxford University Press. p. 274. ISBN 978-0-19-533261-2.
- ↑ PV Kane (1958). History of Dharmasastra, Volume 5 Part 1. Bhandarkar Oriental Research Institute. pp. 201–206.
- Constance A Jones (2011). J. Gordon Melton (บ.ก.). Religious Celebrations: An Encyclopedia of Holidays, Festivals, Solemn Observances, and Spiritual Commemorations. ABC-CLIO. pp. 634, 900. ISBN 978-1-59884-205-0.
- Gopal, Madan (1990). K.S. Gautam (บ.ก.). India through the ages. Publication Division, Ministry of Information and Broadcasting, Government of India. p. 74.
- A.M. Kurup (1977). "The Sociology of Onam". Indian Anthropologist. 7 (2): 95–110. JSTOR 41919319.
- Dalal, Roshen (2010). Hinduism: An Alphabetical Guide (ภาษาอังกฤษ). Penguin Books India. ISBN 978-0-14-341421-6.
- https://www.xn--12cf8c4akgmcn3a5guahb0a2fh.com/story-of-spirithouse/
- https://www.chiangmainews.co.th/social/1221645/
- http://www.resource.lib.su.ac.th/rattanakosin/index.php/2014-10-27-08-52-05/2014-10-29-01-27-45/2015-10-15-04-25-28/2015-10-15-04-28-36?showall=&start=1
- https://www.silpathai.net/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A/
- http://www.thaistudies.chula.ac.th/thaistudies/reference?id=12164
- http://thaipra-siam.blogspot.com/2013/08/blog-post_22.html
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-08-30. สืบค้นเมื่อ 2022-08-30.
- https://www.naewna.com/likesara/633798
- https://www.banmuang.co.th/news/crime/268608
- https://news.ch7.com/detail/548632
- https://siamrath.co.th/n/320392
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เจ้ากรุงพาลี