เจ้ามหาพรหมสุรธาดา
มหาอำมาตย์โท นายพลตรี เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 และองค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ และทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้ายของนครน่าน ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยามประเทศ ในปี พ.ศ. 2475 เป็นราชโอรสในเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 และเป็นพระอนุชาต่างเจ้ามารดากับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 63
เจ้ามหาพรหมสุรธาดา | |||||
---|---|---|---|---|---|
เจ้านครน่าน | |||||
เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 64 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | |||||
ราชาภิเษก | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 | ||||
ครองราชย์ | 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 | ||||
รัชกาล | 13 ปี | ||||
อิสริยยศ | เจ้าประเทศราช | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช | ||||
ถัดไป | ยกเลิกตำแหน่ง | ||||
ชายา | เจ้านางศรีโสภา (ชายาเอก) เจ้านางบัวทิพย์ เจ้านางศรีคำ | ||||
พระราชบุตร | 9 คน | ||||
| |||||
ราชสกุล | ณ น่าน สายที่ 3 | ||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ | ||||
พระบิดา | เจ้าอนันตวรฤทธิเดช | ||||
พระมารดา | แม่เจ้าขอดแก้วเทวี | ||||
ประสูติ | 17 ตุลาคม พ.ศ. 2389 เจ้ามหาพรหม | ||||
พิราลัย | 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 (84 ปี) |
พระประวัติ
เจ้ามหาพรหมสุรธาดา มีนามเดิมว่า เจ้ามหาพรหม ประสูติเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2389 เป็นโอรสในเจ้าอนันตวรฤทธิเดช ประสูติแต่แม่เจ้าขอดแก้ว และเป็นอนุชาต่างเจ้ามารดาในพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช และมีพระโสทรขนิษฐา 1 องค์ คือ เจ้านางยอดมโนลา
อิสริยยศและบรรดาศักดิ์
เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้านครน่าน ทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ และพระยศทางทหาร ดังนี้
- ในปี พ.ศ. 2436 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าราชวงศ์ นครน่าน
- ในปี พ.ศ. 2443 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าอุปราช นครน่าน และทรงดำรงตำแหน่งเสนามหาดไทยจังหวัดน่าน
- ในปี พ.ศ. 2461 ได้รั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครน่าน
- ในปี พ.ศ. 2462 ได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้ามหาพรหมสุรธาดา นันทบุราธิวาศวงศ์ บรมราชประสงค์สฤษดิรักษ์ นิตยสวามิภักดิ์อาชวาศัย ประสาสนนัยวิจิตร กิติคุณาดิเรก เอกโยนกมหานคราธิบดี เจ้านครน่าน
พระยศพลเรือน
- พ.ศ. 2454 ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น อำมาตย์เอก
- พ.ศ. 2460 ได้รับพระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น มหาอำมาตย์โท
พระยศทหาร
- พ.ศ. 2448 ได้รับพระราชทานยศเป็น นายพันโทพิเศษ ในกรมทหารราบที่ 18
- พ.ศ. 2454 ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็น นายพันเอกพิเศษ ในกรมทหารราบที่ 18
- พ.ศ. 2461 ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็น นายพลตรีพิเศษ ในกรมทหารราบที่ 18
พระยศเสือป่า
- พ.ศ. 2461 ได้รับพระราชทานยศเสือป่าเป็น นายกองเอกเสือป่า ในกองเสือป่าจังหวัดน่าน
พิราลัย
เจ้ามหาพรหมสุรธาดา ถึงแก่พิราลัยในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474 ด้วยโรคชรา สิริอายุได้ 85 ปี
การพระราชทานเพลิงศพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มหาอำมาตย์โท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพ เสด็จแทนพระองค์ พร้อมด้วยเจ้าพนักงานภูษามาลา กรมสนมพลเรือน ในการพระราชทานเพลิงศพเจ้ามหาพรมสุรธาดา โดยพระราชทานโกศโถประกอบศพ มีฐานตั้งรองโกศ 1 ชั้น พร้อมด้วยเครื่องอิสริยยศ ฉัตรเบญจาตั้ง 4 คัน มีประโคมกลองชะนะ 10 จ่าปี 1 ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474 (นับตามสากลเป็น พ.ศ. 2475) ครั้นถึงวันที่ 3 มีนาคม เวลาบ่าย จึงได้พระราชทานเพลิงศพ ณ สุสานดอนชัย ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน
พระโอรส-ธิดา
เจ้ามหาพรหมสุรธาดา มีโอรสและธิดา รวม 9 คน อยู่ในราชตระกูล ณ น่าน มีนามตามลำดับ ดังนี้
- ในเจ้าศรีโสภา จ.จ. ชายาเอก มีโอรส 3 องค์ และธิดา 1 องค์ ได้แก่
- เจ้าสุริยวงศ์ (น้อยอินทนนท์ ณ น่าน) สมรสกับเจ้าเกี๋ยง ณ น่าน มีโอรสธิดาได้แก่
- ร้อยโทเจ้าวรญาติ (เจ้าน้อยมหายศ)
- เจ้าบัวคำ
- เจ้าน้อยสาร
- เจ้าชื่น
- เจ้าหนานบุญผาย
- เจ้าน้อยข่ายแก้ว
- เจ้าบัวเขียว สมรสกับเจ้าราชวงศ์ (สุทธิสาร ณ น่าน) มีธิดาได้แก่
- เจ้าดาวเรือง
- เจ้าเมฆวดี
- เจ้าบุญตุ้ม
- เจ้าบุรีรัตน์ (ขัติยศ ณ น่าน) สมรสกับเจ้านางจันทรประภา ณ น่าน มีโอรสธิดาได้แก่
- เจ้าประทุม
- เจ้าประยูร
- เจ้าประคอง
- เจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) สมรสกับเจ้าบุญโสม ณ น่าน มีธิดาได้แก่
- เจ้าจุมปี
- เจ้าบัวมัน
- เจ้าโคมทอง
- เจ้าสุริยวงศ์ (น้อยอินทนนท์ ณ น่าน) สมรสกับเจ้าเกี๋ยง ณ น่าน มีโอรสธิดาได้แก่
- ในเจ้าบัวทิพย์ ณ น่าน มีโอรส 3 องค์ ได้แก่
- เจ้าธาดา (นามเดิม เจ้าแก้วพรหมา)
- เจ้าเมืองพรหม (นามเดิม เจ้าขี้หมู)
- เจ้าสุรพงษ์ (นามเดิม เจ้าจันต๊ะคาด)
- ในเจ้าศรีคำ ณ น่าน มีโอรส 1 องค์ และธิดา 1 องค์ ได้แก่
- เจ้าสนิท หรือ เจ้านิด
- เจ้าลัดดา (นามเดิม เจ้าหมัดคำ)
พระกรณียกิจที่สำคัญ
สร้างโอสถสภาขึ้นท่ีจังหวัดน่าน
พ.ศ. 2368 เจ้าราชวงศ์ (เจ้าสุทธิสาร ณ น่าน) พร้อมด้วย เจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ และเจ้านายบุตรหลาน ได้ร่วมกันสร้างโอสถสภาขึ้นท่ีจังหวัดน่าน เพื่ออุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ พระเจ้านครเมืองน่าน (ผู้เป็นพระเชษฐาต่างพระมารดา) กระทรวงมหาดไทยได้นําความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงอนุโมทนาในส่วนกุศลสาธารณประโยชน์ในคร้ังนี้ด้วย
ถวายช้างเผือก
พ.ศ. 2468 พบช้างสีประหลาดที่เขตเมืองนครน่าน โปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานกรมช้างต้นและกรมศิลปากรข้ึนมาตรวจลักษณะพบว่าเป็นช้างในลักษณะจําพวกอัฐคช 8 ชื่อว่า "ดามหัศดินทร"
การสร้างท่าอากาศยานน่าน
ในปี พ.ศ. 2458 เจ้ามหาพรหมสุรธาดา ทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อซื้อเครื่องบินให้แก่กองทัพอากาศ จำนวน 1 ลำ ซึ่งต่อมาพระองค์มีพระประสงค์จะชมเครื่องบินลำที่พระองค์ซื้อให้แก่กองทัพอากาศ จึงได้นำความปรึกษากับอำมาตย์เอกพระวรไชยวุฒิกรณ์ ปลัดมณฑลพายัพ เพื่อจัดสร้างสนามบินขึ้น เมื่อพระวรไชยวุฒิกรณ์เห็นชอบแล้ว จึงได้เกณฑ์แรงงานราษฎรทำการถากถางโค่นต้นไม้บริเวณตำบลหัวเวียงเหนือเพื่อสร้างสนามบินขึ้น โดยใช้เวลาในการสร้างประมาณ 3 ปีเศษ จึงแล้วเสร็จ และทางกองทัพอากาศจึงได้นำเครื่องบินแบบ “เบเก้” จำนวน 3 ลำ รวมทั้งลำที่เจ้ามหาพรหมสุรธาดา ได้ทรงบริจาคทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อให้ บินจากกองทัพอากาศดอนเมืองถึงสนามบินน่านสำเร็จและลงอย่างปลอดภัย ครั้นเมื่อเครื่องบินได้กลับไปแล้วก็มิได้ใช้สนามบินนี้อีก คงปล่อยทิ้งไว้และได้รับการบำรุงรักษาตามสมควร
รับเสด็จรัชกาลที่ 7 คราวประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือ
เมื่อปีพุทธศักราช 2497 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เสด็จประพาสมณฑลพายัพ (หัวเมืองฝ่ายเหนือ) ในครั้งนั้นได้จัดพิธีถวายการต้อนรับอย่างมโหฬารสมพระเกียรติ ได้รับขบวนรับเสด็จตั้งแต่สถานีรถไฟเชียงใหม่จนถึงที่ประทับ
เมื่อวันที่ 23 มกราคม พุทธศักราช 2469 ทางการได้จัดพิธีทูลพระขวัญขึ้น โดยปลูกพลับพลาทองบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าและฝ่ายในพร้อมด้วยพระราชชายา เจ้าดารารัศมี เจ้านายในมณฑลพายัพตลอดจนอาณาประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระราชนกูล สมุหเทศาภิบาล กราบบังคมทูลเบิกกระบวนแห่พิธีทูลพระขวัญแล้ว จึงถึงกระบวนเครื่องพระขวัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีเจ้านายฝ่ายเหนือฟ้อนนำขบวน ประกอบด้วย เจ้าแก้วนวรัฐฯ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นผู้นำพานทองพระขวัญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าจามรี ภริยาเจ้าแก้วนวรัฐ นำพานทองพระขวัญทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระบรมราชินี บายศรีและโต๊ะเงิน เครื่องเสวย เจ้านาย ณ เชียงใหม่ยกขึ้นไปตั้งหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับทั้ง 2 พระองค์ พระราชชายา เจ้าดารารัศมี, เจ้าจามรี, เจ้ามหาพรหมสุรธาดา, เจ้าแก้วนวรัฐ, เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ทำพิธีทูลพระขวัญขึ้นบนพลับพลานั่งหน้าพระที่นั่งตามลำดับ แล้วเจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งมีชนมายุอาวุโสที่สุดอ่านคำกราบบังคมทูบเชิญพระขวัญ
ในขบวนฟ้อนแห่เครื่องทูลเชิญพระขวัญมีเจ้าผู้ครองนครและเจ้านายฝ่ายเหนือนำหน้าขบวน มีรายพระนามและรายนาม ดังนี้
- คู่ที่ 1 เจ้าแก้วนวรัฐฯ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ คู่กับ เจ้ามหาพรหมสุรธาดาฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน
- คู่ที่ 2 เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ฯ เจ้าผู้ครองนครลำพูน คู่กับ เจ้าราชวงษ์ เมืองนครลำปาง
- คู่ที่ 3 เจ้าบุรีรัตน์ เมืองนครเชียงใหม่ คู่กับ เจ้าไชยสงคราม เมืองนครเชียงใหม่
- คู่ที่ 4 เจ้าราชภาคินัย เมืองนครเชียงใหม่ คู่กับ เจ้าราชสัมพันธ์วงศ์ เมืองนครลำพูน
- คู่ที่ 5 เจ้าไชยวรเชษฐ เมืองนครเชียงใหม่ คู่กับ เจ้าเจ้าราชสัมพันธ์วงศ์ เมืองนครเชียงใหม่
- คู่ที่ 6 เจ้าประพันธ์พงศ์ เมืองนครเชียงใหม่ คู่กับ เจ้าไชยสงคราม เมืองนครลำปาง
- คู่ที่ 7 เจ้ากาวิลวงศ์ ณ เชียงใหม่ กับ เจ้าวงศ์เกษม ณ ลำปาง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จลงจากช้างพระที่นั่งแล้ว หมอช้างพระที่นั่งกราบบังคม 3 ครั้ง เสด็จพระราชดำเนินจากเกยขึ้นสู่พลับพลาทอง มีเจ้านายผู้หญิงโปรยข้าวตอกดอกไม้นำเสด็จเพื่อความเป็นสิริมงคล คือ หม่อมเจ้าหญิงฉัตรสุดา ในพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงกำแพงเพชรอัครโยธิน กับเจ้าบุษบง ณ ลำปาง บุตรีเจ้าบุญวาทวงศ์มานิต โปรยนำเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนเจ้าวงศ์จันทร์ ณ เชียงใหม่ บุตรีเจ้าราชบุตรกับเจ้าแววดาว บุตรีเจ้าราชวงศ์ โปรยนำเสด็จสมเด็จพระบรมราชินี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี ประทับพระที่นั่งบนพลับพลาทอง ทอดพระเนตรกระบวนแห่ช้างหลวงเดินผ่านถวายตัว เมื่อเดินผ่านหน้าพลับพลาแล้วเลี้ยวไปเข้าเกยศาลารัฐบาลทางด้านเหนือ ฝ่ายพวกฟ้อนสำหรับต้อนรับของหลวงซึ่งจัดไว้ 4 คน ก็ออกฟ้อนรับที่หน้าพลับพลา ได้แก่ หม่อมเจ้าฉัตรสุดา ในพระเจ้าพี่ยาเธอกรมหลวงกำแพงเพชรอัครโยธิน,เด็กหญิงอรอวบ บุตรีพระยาเพ็ชรพิไสยศรีสวัสดิ์,เจ้าแววดาว บุตรีเจ้าราชบุตรและเจ้าอุบลวรรณา บุตรีเจ้าบุรีรัตน์ เจ้านายชายหญิง เมื่อฟ้อนมาถึงหน้าพลับพลาแล้วจึงนั่งลงถวายบังคม เจ้านายผู้ชายเดินขึ้นนั่งบนพลับพลาที่พื้นลดทางขวาที่ประทับ เจ้านายผู้หญิงเดินขึ้นไปนั่งบนพลับพลาที่พื้นลดทางซ้ายที่ประทับ จากนั้นเจ้าแก้วนวรัฐนำพานทองพระขวัญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าจามรีภริยา เจ้าแก้วนวรัฐ นำพานทองพระขวัญทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายสมเด็จพระบรมราชินี แล้วเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่าน จึงเป็นผู้อ่านคำกราบบังคมทูลเชิญพระขวัญ ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี เสด็จประพาสเมืองเชียงใหม่นั้น ทางราชการได้จัดเตรียมการรับเสด็จที่วัดพระสิงห์ ซึ่งสร้างปะรำพิธีขนาดใหญ่บริเวณด้านเหนือของวิหาร ส่วนด้านหน้าของพระวิหารจะปลูกปะรำไว้สำหรับข้าราชการนั่งเฝ้า ภายในวิหารหลวงยกอาสน์สำหรับให้พระสงฆ์นั่ง 200 รูป ส่วนวัดต่าง ๆ ที่จะเสด็จประพาสรวมถึงกำแพงเมืองซึ่งมีหญ้ารกรุงรังอยู่นั้น ก็ให้มีการแผ้วถางโดยมีหลวงพิศาลอักษรกิจ นายอำเภอช่างเคิ่ง (แม่แจ่ม) เป็นเจ้าหน้าที่ ส่วนการทำถนนไปวัดเจ็ดยอด และวัดกู่เต้านั้น ก็ให้มีการแผ้วถางบริเวณข่วงสิงห์ ข่วงช้างเผือกตลอดจนปรับปรุงถนนห้วยแก้ว โดยมีเจ้าราชสัมพันธ์ นายอำเภอบ้านแม (สันป่าตอง) กับนายสนิท เจตนานนท์เป็นเจ้าหน้าที่ ในการทำถนนแยกจากถนนลำพูนไปยังโรงพยาบาลโรคเรื้อนแมคเคน มีนายอั๋น เขียนอาภรณ์ ปลัดอำเภอรักษาราชการแทนนายอำเภอสารภีเป็นเจ้าหน้าที่ ส่วนการแต่งพื้นที่บริเวณศาลารัฐบาล บริเวณโรงช้าง และโรงเรียนตัวอย่าง (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย) มีนายแดง ลิลิต นายอำเภอสะเมิง เป็นเจ้าหน้าที่
ที่มา : จดหมายเหตุเสด็จเลียบมณฑลฝ่ายเหนือและเจ้าผู้ครองนครฝ่ายเหนือ พุทธศักราช ๒๔๖๙
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2435 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) (สมัยนั้นเรียกว่าวิจิตราภรณ์)
- พ.ศ. 2436 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.) (สมัยนั้นเรียกว่าภูษณาภรณ์)
- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) (สมัยนั้นเรียกว่านิภาภรณ์)
- พ.ศ. 2449 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.) (สมัยนั้นเรียกว่าจุลสุราภรณ์)
- พ.ศ. 2451 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2454 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2460 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.) (สมัยนั้นเรียกว่าจุลวราภรณ์)
- พ.ศ. 2461 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
- พ.ศ. 2467 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- พ.ศ. 2469 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
เหรียญราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2436 – เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 3 (ว.ป.ร.3)
พงศาวลี
พงศาวลีของเจ้ามหาพรหมสุรธาดา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
- https://th.m.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%91%E0%B9%90
- ราชกิจานุเบกษา, แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่องแต่งตั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองจังหวัดน่านแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่, เล่ม 35, 28 เมษายน พ.ศ. 2461, หน้า 223
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรเจ้าผู้ครองนคร, เล่ม 36, 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462, หน้า 2414
- ↑ ข่าวพิราลัย
- ราชกิจานุเบกษา พระราชทานเพลิงศพ เล่ม 48 หน้า 4876 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2474
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, ตอนที่ 35 เล่ม 23, 25 พฤศจิกายน ร.ศ. 125, หน้า 893
- แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
- https://identitynan.com/wpcontent/uploads/2020/05/academic-info-8.pdf
- แจ้งความกระทรวงกลาโหม เจ้าอุปราชให้เงิน ๙,๐๐๐ บาทสำหรับซื้อเครื่องบิน
- https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/515503/ พิธีทูลพระขวัญ รับเสด็จ ร.7 ประพาสเมืองเชียงใหม่
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๒๓, ตอนที่ ๓๖, ๒ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๕, หน้า ๓๙๙๔ ๙๒๕
- พระราชทานพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๒๘, ตอน๐ ง, ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๔, หน้า ๑๗๘๓
- ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓, ตอน๐ ง, ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๓๙๙๔
ก่อนหน้า | เจ้ามหาพรหมสุรธาดา | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช | เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 ในราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ (พ.ศ. 2362 - พ.ศ. 2474) | ยกเลิกตำแหน่ง ผู้สืบตระกูล: เจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) |