แซมสัน
แซมสัน (อังกฤษ: Samson; /ˈsæmsən/; שִׁמְשׁוֹן, Shimshon, "มนุษย์สุริยะ") เป็นชาวอิสราเอลคนสุดท้ายที่ถูกล่าวไว้ในหนังสือผู้วินิจฉัยของคัมภีร์ฮีบรู (บท 13 ถึง 16) และเป็นหนึ่งในผู้นำที่ "วินิจฉัย" ชาวอิสราเอลคนสุดท้ายก่อนที่จะมีพระมหากษัตริย์ บางครั้ง เขาถูกเทียบเป็นเอ็นคิดูโดยซูเมอร์ และเฮราคลีสของชาวกรีก
แซมสัน | |
---|---|
แซมสันสู้กับสิงโต (1525) โดย ลูคัส ครานัค | |
สุสาน | เทลโซรา, บรูกแห่งโซเรก |
ผู้ดำรงตำแหน่งก่อน | อับโดน |
ผู้สืบตำแหน่ง | อีไล |
บิดามารดา | มาโนอาห์ ไม่ทราบชื่อ |
ในไบเบิลกล่าวไว้ว่า แซมสันเป็นชาวนาศีร์ และมีความแข็งแกร่งที่สามารถทำลายฝ่ายศัตรูได้ และทำในสิ่งที่ดูเหนือมนุษย์ เช่น การสังหารสิงโตด้วยมือเปล่า และสังหารทหารชาวฟิลิสตีนด้วยกระดูกกรามของลา อย่างไรก็ตาม ถ้าผมยาวของแซมสันถูกตัด การสาบานเป็นนาศีร์จะถูกล้มเลิก และเขาจะสูญเสียความแข็งแกร่งไป
แซมสันถูกทรยศโดยเดลิลาห์ คู่รักของเขา โดยเธอสั่งให้ข้ารับใช้ตัดผมในขณะที่เขาหลับและส่งเขาไปให้ชาวฟิลิสตีน โดยเขาถูกควักตาออกแล้วบังคับให้บดเมล็ดพันธุ์ในโรงสีข้าวที่กาซา ในขณะที่ผมของเขาเริ่มยาว ชาวฟิลิสตีนนำเขาไปที่วิหารดาโกน แซมสันของพักที่เสาหนึ่งของวิหาร หลังจากพักแล้ว เขาได้ขอพรต่อพระเจ้าให้นำความแข็งแกร่งคืนมา แล้วผลักเสาให้พังลงมาฆ่าทุกคนรวมถึงเขาด้วย ในบางธรรมเนียมของชาวยิว แซมสันถูกฝังที่เทลโซราในอิสราเอล
ประวัติในไบเบิล
เกิด
รายงานจากหนังสือผู้วินิจฉัย แซมสันมีชีวิตในช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฟิลิสเตีย เมื่อพระเจ้าจะสั่งสอนวินัยแก่ชาวอิสราเอลโดยการ "มอบเขาไว้ในมือของชาวฟีลิสเตีย" มาโนอาห์เป็นชาวอิสราเอลจากโซราห์ ผู้เป็นลูกหลานของดาน และภรรยาของเขาไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ทูตสวรรค์จึงปรากฏต่อหน้าภรรยาของมาโนอาห์ และประกาศว่าพวกเขาจะมีลูกที่จะปลดปล่อยชาวอิสราเอลออกจากชาวฟิลิสตีน
ทูตสวรรค์บอกกับภรรยามาโนอาห์ว่าห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และบอกลูกของเธอว่าห้ามโกนหรือตัดผมของเขาเด็ดขาด เขาต้องเป็นนาศีร์ตั้งแต่เกิดภรรยาของมาโนอาห์เชื่อทูตสวรรค์ แต่สามีของเธอไม่อยู่ ดังนั้น เขาจึงขอพรต่อพระเจ้าให้ส่งศาสนทูตอีกครั้งเพื่อสอนเขาว่าควรเลี้ยงดูลูกชายที่จะถือกำเนิดอย่างไร
หลังจากทูตสวรรค์กลับมา มาโนอาห์ได้ถามถึงชื่อลูกชายของเขา แต่ทูตสวรรค์กล่าวว่า "เหตุใดจึงถามชื่อของเรา? ชื่อนั้นเกินความเข้าใจ" มาโนอาห์จึงเตรียมของบูชายัญ แต่เทวทูตกล่าวว่าต้องขอต่อพระเจ้าเท่านั้น ในระหว่างนั้น แซมสันได้ถือกำเนิด และถูกเลี้ยงดูตามสิ่งที่ทูตสวรรค์สอนมา
แต่งงานกับชาวฟีลิสตีน
ในตอนที่เขาเข้าวัยผู้ใหญ่ แซมสันได้ออกจากหุบเขาของประชาชนของเขาเพื่อดฝุเมืองของพวกฟีลิสเตีย เขาตกหลุมรักหญิงชาวฟิลิสเตียจากติมนะห์ และอยากแต่งงานกับเธอ โดยไม่สนข้อแม้ของพ่อแม่ว่าเธอไม่ใช่ชาวอิสราเอล แต่ว่าการแต่งงานครั้งนั้น เป็นแผนของพระเจ้าที่จะโจมตีชาวฟิลิสตีน
รายงานจากไบเบิล แซมสันถูกสถิตโดย "พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า" ที่ให้พรเขาด้วยความแข็งแกร่ง ตัวอย่างเช่น ในตอนที่เขาจะไปขอเธอแต่งงาน เมื่อเขาถูกสิงโตโจมตี เขาแค่จับมันแล้วฉีกเป็นชิ้น ๆ แต่เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ โดยไม่พอเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเขา เขามาที่บ้านของชาวฟิลิสตีนและกลายเป็นคู่หมั้นกับเธอ เขากลับบ้าน แล้วกลับไปที่ติมนะห์ ในระหว่างทาง แซมสันเห็นผึ้งสร้างรังในซากสิงโต และสร้างน้ำผึ้ง เขากินน้ำผึ้งไปกำมือหนึ่งแล้วนำมันกลับไปให้พ่อแม่
ที่งานแต่งงาน แซมสันกล่าวถึงปริศนาคำทายให้กับเจ้าบ่าว 30 คน (ทั้งหมดเป็นชาวฟิลิสตีน) ถ้าพวกเจ้าตอบได้ภายในงานเลี้ยงเจ็ดวันนี้ เราก็จะให้เสื้อผ้าลินินพร้อมเครื่องนุ่งห่มสามสิบชุด แต่ถ้าตอบไม่ได้ พวกเจ้าก็ต้องเป็นฝ่ายยกเสื้อผ้าลินินพร้อมเครื่องนุ่งห่มสามสิบชุดให้เรา แซมสันจึงกล่าวปริศนาคำทายในตอนที่เขาสู้กับสิงโตว่า:
มีของกินได้ออกมาจากตัวผู้กินเขา มีของหวานออกมาจากตัวที่แข็งแรง
ชาวฟิลิสตีนรู้สึกโมโหกับปริศนานี้ เจ้าบ่าว 30 คน บอกภรรยาใหม่ของแซมสันว่า พวกเขาจะเผาเธอกับพ่อของเธอ ถ้าเธอไม่รู้คำตอบของปริศนาคำทาย และบอกคำตอบกับพวกเขา แซมสันก็บอกคำตอบกับเธอ และเธอไปบอกแก่เจ้าบ่าว 30 คนว่า
พอวันที่เจ็ดก่อนดวงอาทิตย์ตกชาวเมืองจึงบอกแซมสันว่า
"มีอะไรหวานกว่าน้ำผึ้ง? มีอะไรแข็งแรงกว่าสิงโต?"
แซมสันจึงบอกเขาว่า
"ถ้าเจ้าไม่เอาแม่วัวของเราช่วยไถ เจ้าคงจะแก้ปริศนาของเราไม่ได้"
แซมสันเดินทางไปที่อัชเคลอน (ห่างไปประมาณ 30 ไมล์) โดยฆ่าชาวฟิลิสตีนไป 30 คน เพื่อนำเสื้อผ้าอาภรณ์มาให้กับเจ้าบ่าว 30 คน ด้วยความโมโห แซมสันจึงกลับไที่บ้านพ่อของเขา ในเวลาต่อมา แซมสันกลับไปที่ติมนะห์เพื่อไปเยี่ยมภรรยาของเขา โดยไมารู้ว่าเธอแต่งงานกับหนึ่งในอดีตเจ้าบ่าวแล้ว แต่พ่อของเธอปฏิเสธไม่ให้แซมสันพบเธอ โดยขอให้แต่งงานกับน้องสาวของเธอแทน
แซมสันออกไปข้างนอก แล้วนำสุนัขจิ้งจอก 300 ตัว มัดหางติดกันเป็นคู่ แล้วจุดไฟปล่อยให้สุนัขจิ้งจอกวิ่งพล่านไปตามทุ่งนากับมะกอกของชาวฟิลิสตีน ชาวฟิลิสตีนจึงรู้ว่าทำไมแซมสันถึงเผาทุ่งนาของพวกเขา และจับตัวหญิงสาวพร้อมทั้งบิดาของนางมาเผาทั้งเป็น
เพื่อการแก้แค้น แซมสันจึงฆ่าชาวฟิลิสตีนมากกว่าเดิม โดยกล่าวว่า "ข้าเพียงแต่ตอบโต้สิ่งที่เขาทำกับข้าไว้เท่านั้น" แซมสันจึงหลบภัยที่ศิลาแห่งอีตาม ทหารชาวฟิลิสเตียมาที่ชนเผ่ายูดาห์ และสั่งให้ชาย 3,000 คนจากเผ่ายูดาห์นำตัวแซมสันมา ด้วยความยินยอมของแซมสันว่า ชาวยูดาห์จะไม่ฆ่าเขาด้วยกันเอง พวกเขาจึงผูกแซมสันด้วยเชือกใหม่สองสาย และในตอนที่กำลังเตรียมยกให้ชาวฟิลิสเตีย เชือกที่ผูกเขานั้นเกิดขาด แล้วใช้กระดูกกรามลาฆ่าชาวฟิลิสเตียไป 1,000 คน
เดลิลาห์
หลังจากนั้น แซมสันเดินทางไปที่กาซา โดยอาศัยอยู่ในบ้านของโสเภณี ศัตรูของเขารอที่ประตูของเมืองเพื่อดักโจมตีเขา แต่แซมสันดึงเสาประตูทั้งสองข้างพร้อมทั้งดาลประตูหลุดลอยจากพื้น แล้วแบกประตูไปจนถึง "ยอดเนินเขาที่หันหน้าไปทางฮีบรอน"
เขาตกหลุมรักกับเดลิลาห์ที่หุบเขาโซเรก ชาวฟิลิสตีนมาหาเดไลลาห์และชักจูงเธอด้วยเงิน 1,100 เหรียญเพื่อสืบหาความลับของความแข็งแกร่งของแซมสัน เพื่อที่จะจับกุมศัตรูของพวกเขาได้ แต่แซมสันไม่บอกความลับ และหลอกเธอว่า ถ้าใช้สายธนูที่หนังยังไม่แห้งเจ็ดเส้นมัดตัวข้า ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนคนอื่น เธอทำอย่างนั้นตอนที่เขาหลับ แต่ตอนที่เขาตื่น เขากลับสะบัดสายธนูขาดอย่างง่ายดาย เธอยืนกรานถามอีกครั้ง และเขาตอบว่า ถ้าใช้เชือกใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนมัดข้าอย่างแน่นหนา ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนชายอื่น เธอจึงผูกด้วยเชือกใหม่ในตอนที่เขาหลับ และเขาสะบัดสายให้ขาดอีกครั้ง เธอถามแซมสันอีกครั้ง และเขาตอบว่า หากทอเส้นผมทั้งเจ็ดปอยของข้าเข้าไปในหูกทอผ้า แล้วกระทกด้วยฟืม ข้าก็จะอ่อนแอเหมือนชายอื่น เธอจึงทอผมทั้งเจ็ดปอยของเขาเข้าในหูก แต่เขาทำลายหูกทั้งหมด และนำมันออกไป
อย่างไรก็ตาม เดลิลาห์ยังคงถามอีก และแซมสันจึงบอกความจริงว่า พระเจ้าให้พลังเขาเพราะเขาถวายตัวแด่พระเจ้าในฐานะนาศีร์ และบอกว่า ถ้าหากโกนผมทิ้ง เรี่ยวแรงกำลังของข้าก็จะหมดไป ข้าจะอ่อนแอเหมือนคนอื่นๆ เดลิลาห์จึงให้เขา "หลับหนุนตักนาง" และเรียกบริวารมาตัดผมเขา แซมสันสูญเสียความแข็งแกร่ง และถูกจับโดยชาวฟิลิสเตีย โดยถูกควักตาทั้งสองข้างของเขาออก พวกเขานำแซมสันไปที่กาซา จับขังเขา และใช้ให้โม่ข้าวอยู่ในเรือนจำ
เสียชีวิต
วันหนึ่ง ผู้นำชาวฟิลิสตีนได้รวมผู้คนที่วิหารเพื่อทำพิธีถวายบูชายัญแก่ดาโกน หนึ่งในเทพสำคัญของพวกเขา สำหรับการนำแซมสันตกอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาเรียกแซมสันมาให้ผู้คนดูตัวเขา ตัววิหารแน่นมาก จนผู้คนต้องปีนขึ้นไปบนหลังคาวิหาร—และผู้นำจากฟิลิสเตียทุกคนมาที่นั่นด้วย รวมแล้วมีประมาณ 3,000 คน แซมสันถูกนำตัวไปที่วิหาร และถามผู้จับกุมให้เขาพิงเสาเพื่อพักผ่อน แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะที่อยู่ในคุก ผมของเขาเริ่มงอกอีกครั้ง เขาขอความแข็งแกร่ง และพระเจ้าให้ความแข็งแกร่งเพื่อทำลายเสา ทำให้วิหารพังทายลง ฆ่าเขาและผู้คนที่อยู่ข้างในนั้นด้วย
หลังจากเสียชีวิต ครอบครัวของแซมสันนำร่างของเขาไปฝังใกล้ ๆ สุสานของมาโนอาห์ ผู้เป็นพ่อ โดยอยู่บนยอดเขาในเทลโซรา ในบทสรุปของบทวินิจฉัย 16 กล่าวว่า แซมสันได้ "วินิจฉัย" ชาวอิสราเอลไป 20 ปี ไบเบิลไม่ได้กล่าวถึึงชะตาของเดลิลาห์ว่าเป็นอย่างไร
ดูเพิ่ม
- กิลกาเมช
- แซมสันออพชัน (Samson Option)
- ไพ่หญิงแกร่ง
หมายเหตุ
- กรีก: Σαμψών
อ้างอิง
- Van der Toorn, Karel; Pecking, Tom; van der Horst, Peter Willem (1999). Dictionary of Deities and Demons in the Bible. Grand Rapids, MC: William B. Eerdmans. p. 404. ISBN 978-0-80282491-2.
- Margalith, Othniel (January 1987). "The Legends of Samson/Heracles". Vetus Testamentum. 37: 63–70.
- แม่แบบ:Wwbible
- Judges 16:17
- Judges 13
- Judges 13:2
- ↑ Rogerson, John W. (1999). Chronicle of the Old Testament Kings: the Reign-By-Reign Record of the Rulers of Ancient Israel. London: Thames & Hudson. p. 58. ISBN 0-500-05095-3.
- ↑ แม่แบบ:JewishEncyclopedia
- ↑ แม่แบบ:Wwbible
- Judges 13:18
- Judges 14
- Judges 14:6, Bible hub.
- ↑ Rogerson, John W. (1999). Chronicle of the Old Testament Kings: the Reign-By-Reign Record of the Rulers of Ancient Israel. London: Thames & Hudson. p. 59. ISBN 0-500-05095-3.
- Judges 14:14
- Judges 14:18
- ↑ แม่แบบ:Wwbible
- Judges 15
- ↑ Rogerson, John W. (1999). Chronicle of the Old Testament Kings: The Reign-By-Reign Record of the Rulers of Ancient Israel. London: Thames & Hudson. p. 61. ISBN 0-500-05095-3.
- ↑ Judges 16
- Porter, J. R. (2000). The Illustrated Guide to the Bible. New York: Barnes & Noble Books. p. 75. ISBN 0-7607-2278-1.
- ↑ Judges 16
- ↑ Rogerson, John W. (1999). Chronicle of the Old Testament Kings: The Reign-By-Reign Record of the Rulers of Ancient Israel. London: Thames & Hudson. p. 62. ISBN 0-500-05095-3.
- ผู้วินิจฉัย 16:17
- ผู้วินิจฉัย 16:16 (ESV)
- ↑ แม่แบบ:Wwbible
- Judges 16:27
- Judges 16:22
- Judges 16:28–30, JPS (1917)
- Levinger, I. M.; Neuman, Kalman (2008). IsraGuide 2007/2008 (pb). Feldheim Publishers. p. 266. ISBN 978-1-59826-154-7.
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: แซมสัน |
- Catalogue entry for Samson (1887) by Solomon Solomon, National Museums Liverpool