ไทยเชื้อสายญวน
ชาวไทยเชื้อสายญวน บ้างอาจปรากฏว่า แกว หรือ เวียดนาม หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งในประเทศไทย ในปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายญวนแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ ญวนเก่า และญวนใหม่ กลุ่มญวนเก่าได้อพยพเข้ามายังสยามในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณวัดส้มเกลี้ยงเหนือบ้านเขมร เพราะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เช่นเดียวกับชาวเขมรที่เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ ชาวโปรตุเกสที่เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินส่วนพระองค์ ซื้อที่ดินสวนแปลงใหญ่ใกล้เคียงกัน พระราชทานให้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งชาวญวนเก่าปัจจุบันได้ผสมกลมกลืนไปกับคนไทยหมดแล้ว และบางส่วนก็แต่งงานอยู่อาศัยกับชาวเขมรและชาวโปรตุเกสบริเวณวัดคอนเซ็ปชัญ ส่วนญวนใหม่คือคนที่อพยพเข้ามาในไทยในปี พ.ศ. 2488 (เริ่มการประกาศราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง) และในปี พ.ศ. 2489 (ปีที่คอมมิวนิสต์ครอง) และชาวญวนใหม่เหล่านี้ได้ทยอยเข้ามาในไทยจนถึงปี พ.ศ. 2499
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
---|---|
กาญจนบุรี จันทบุรี, พระนครศรีอยุธยา, กรุงเทพมหานคร, สกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, สิงห์บุรี, สุพรรณบุรี, อุบลราชธานี, อุดรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ, เลย, หนองบัวลำภู, สระแก้ว, ชลบุรี, เชียงใหม่, พิจิตร ประเทศไทย | |
ภาษา | |
ภาษาไทย, ภาษาญวนถิ่นไทย | |
ศาสนา | |
ศาสนาพุทธ, ศาสนาคริสต์ |
สาเหตุสำคัญที่ชาวญวนอพยพเข้าสู่ดินแดนสยามคือ เพื่อลี้ภัยทางการเมือง และลี้ภัยทางศาสนา เนื่องจากสยามเป็นเพื่อนบ้านที่มีเสถียรภาพ อุดมสมบูรณ์ และพวกเขาสามารถอาศัยอยู่อย่างสงบสุขได้
ประวัติ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ภาษาและวัฒนธรรม
ปัจจุบันชาวญวนเก่าในประเทศไทยถูกกลืนไปกับคนไทยจนสิ้นแล้ว ยังคงเหลือแต่ชาวญวนเก่าที่นับถือศาสนาคริสต์ในกรุงเทพฯ (สามเสน) และจันทบุรีเท่านั้นที่ยังรักษาภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมไว้ได้ ซึ่งต่างจากชาวญวนเก่าที่นับถือศาสนาพุทธที่เข้ากับคนไทยได้ดีเนื่องจากมีศาสนาเดียวกัน
แม้ชาวญวนเก่าที่นับถือศาสนาคริสต์ในไทยจะไม่ติดต่อกับชาวญวนในเวียดนามเลยนานนับศตวรรษ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็อยู่กันตามเชื้อชาติโดยแยกต่างหากจากคนไทย ทำให้พวกเขายังสามารถรักษาภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ได้ ทั้งนี้พวกเขามีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของเขา จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่กระตือรือร้นที่จะเป็นคนไทยหรือปรับตัวเข้ากับสังคมไทยอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการตั้งถิ่นฐานแออัดกันรอบ ๆ โบสถ์ และการแต่งงานกับคนที่นับถือศาสนาและเชื้อชาติเดียวกัน
ในปี พ.ศ. 2500 ชาวเวียดนามสูงอายุที่อาศัยอยู่ในสามเสน และจันทบุรียังคงการใช้ภาษาเวียดนามอยู่แต่เป็นสำเนียงเวียดนามใต้ ซึ่งเป็นภาษาเวียดนามเก่าซึ่งในประเทศเวียดนามไม่ได้ใช้แล้วจึงทำให้ไม่สามารถติดต่อกับชาวเวียดนามได้ง่าย รวมไปถึงคำศัพท์และสำนวนหลายคำนั้นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาไทย พวกเขามีคำสวดที่ใช้ทุกวัน และหนังสือสอนศาสนาเป็นภาษาเวียดนามอักษรโกว๊กหงือ (Quốc Ngữ) ภาษาเวียดนามในไทยปัจจุบันนั้นมีคำไทยปะปนอยู่มาก ทั้งสำเนียงก็ยังเป็นแบบไทย การสนทนาระหว่างคนญวนจากประเทศเวียดนามกับคนญวนในไทยจึงต้องอาศัยล่ามช่วยอธิบาย ดังนั้นราวหนึ่งหรือสองช่วงคน หรืออีก 50 ปีเป็นอย่างมาก คนญวนในไทยจะถูกผสมกลมกลืนทางภาษาได้สำเร็จ
กลุ่มที่สามารถใช้ภาษาเวียดนามได้นั้น ในปัจจุบันล้วนเป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น ขณะที่เด็กรุ่นใหม่บางคนฟังได้พอเข้าใจแต่ไม่สามารถพูดได้ ขณะที่ผลการวิจัยของ Bui Quang Tung ได้กล่าวถึง คนที่ยังพูดภาษาเวียดนามได้เป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีทั้งสิ้น ที่อายุน้อยกว่านี้พอเข้าใจแต่พูดไม่ได้ที่พูดได้บ้างก็ไม่ดีนัก ทั้งนี้เนื่องจากนโยบายกลืนชาติของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ที่นำนโยบายชาตินิยมมาใช้ และมีผลกระทบต่อชาวญวนในไทย
ชาวไทยเชื้อสายญวนผู้มีชื่อเสียงและตระกูลชาวไทยเชื้อสายญวน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก,
ตระกูลชาวไทยเชื้อสายญวน : ต้นสกุล
กาญจนารัณย์ : อำมาตย์โท พระนราภิบาลบดีศรีสมุทรเขตร์(เปลี่ยน)
กายะสุต : รองอำมาตย์โท ขุนประวิธโทรรัฐ(บง)
โคษาภิรมย์ : อำมาตย์เอก พระพจนากรเกษตรการ(บุญรอด)
จุลสุคนธ์ : นายร้อยเอก หลวงภูเบนทร์นุรักษ์(ผ่าน)
ตัณสถิตย์ : รองอำมาตย์โท ขุนทะเบียนโอสถ(สังวาลย์)
ชมจินดา : ร้อยตำรวจเอก ขุนอาชัพสุรทัณฑ์(ดวง)
ชมไพศาล : นายร้อยเอก หลวงพิศาลสรพล (สงวน)
ชีรานนท์ : รองอำมาตย์เอก หลวงแผลงสะท้าน(สิน)
บิณบุรี : พระโอวาทวรวิทย์(เริ่ม)
พันธุมจินดา : พลเสือป่า จ่าง
มีเฟื่องศาสตร์ : ขุนธรนินทร์สะท้าน(เกวียน) , ขุนประสานดุริยางค์(บุญรอด)
วรรณางกูร : หลวงพิพัฒนโอสถ(เภา) , ขุนตรีโลกลั่น(เตือย)
วาศิกคุตตะ : นายร้อยตำรวจตรี ทองอยู่
วิลักษณานนท์ : รองอำมาตย์เอก หลวงวิจารณ์ปัสตุระกิจ(แทน)
วิลัยทอง : ร้อยเอก หลวงโรมปรปักษ์(เลี่ยม)
ศรจิตติ : พันเอก พระยาราชอัครนิรักษ์(พาด)
ศรีมังกร : ขุนศรีมังกร(หล่า)
เสนาะวาทิน : ว่าที่ร้อยตำรวจตรี รองเสวกเอก หลวงดนตรีบรรเลง(กุล)
เสนาะวิณิน : เรือโท มาณิต
วันเจริญ : พระวิจิตโอภาส(โด๋ผ่าน)
เอกะสิงห์ : พันตรี หลวงอนุกรรณกิจ(ชื้น) , ขุนอัครปรีชา(ชุ่ม)
อิศรภักดี : พระยาพรหมาภิบาล(แขก)
อ้างอิง
- ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 44
หนังสือเล่มดังกล่าวได้ข้อมูลมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติประจำ พ.ศ. 2503 และการสำรวจสำมะโนประชากรบางส่วนในปี พ.ศ. 2508 - ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 5
- ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 4
- ↑ ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 22
- ↑ ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 122
- Joanne Schrock. Minority Groups in Thailand. Washington D.C.:Headquaters Department of the Army, 1970. หน้า 45
- ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 123
- Bui Quang Tung. "Contribution a I'Etude des Colonies Vietnamiennes en Thailand". Fance Asie, CXLV III (Sept, 1958). หน้า 10
- ↑ ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 125
- ปราณี กล่ำส้ม. ย่านเก่า ในกรุงเทพ เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพ:เมืองโบราณ, หน้า 229