อำเภอโพนพิสัย
อำเภอโพนพิสัย เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย อดีตเป็นอำเภอที่เคยมีอาณาเขตพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ซึ่งพื้นที่อำเภอโพนพิสัยเดิมครอบคลุมพื้นที่อำเภอโซ่พิสัย อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคายในปัจจุบัน ซึ่งแยกการปกครองออกเรื่อยมา
อำเภอโพนพิสัย | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Amphoe Phon Phisai |
คำขวัญ: หลวงพ่อพระเสียงคู่บ้าน ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค | |
แผนที่จังหวัดหนองคาย เน้นอำเภอโพนพิสัย | |
พิกัด: 18°1′19″N 103°4′38″E / 18.02194°N 103.07722°E | |
ประเทศ | ไทย |
จังหวัด | หนองคาย |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 642.7 ตร.กม. (248.1 ตร.ไมล์) |
ประชากร (2563) | |
• ทั้งหมด | 98,281 คน |
• ความหนาแน่น | 152.92 คน/ตร.กม. (396.1 คน/ตร.ไมล์) |
รหัสไปรษณีย์ | 43120 |
รหัสภูมิศาสตร์ | 4305 |
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอโพนพิสัย เลขที่ 1111 หมู่ที่ 1 ถนนพิสัยสรเดช ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย 43120 |
ประวัติ
เดิมดินแดนแถบนี้ถูกขนานนามว่า "เมืองปากห้วยหลวง 3 กษัตริย์" บริเวณที่ตั้งอำเภอโพนพิสัยปัจจุบัน เป็นเมืองเก่าตามพงศาวดารล้านช้างเรียกว่า "เมืองปากห้วยหลวง" พ.ศ. 1901 พระเจ้าฟ้างุ้มมหาราช เริ่มก่อตั้งอาณาจักรล้านช้าง และตีเมืองนี้ได้ และมีฐานะเป็น "เมืองหลวง" ซึ่งส่งเจ้าชายในราชวงศ์ล้านช้างมาครองเป็น "พญาปากห้วยหลวง" บางพระองค์ได้มีโอกาสไปครองราชย์ที่ นครเชียงทอง ถึง 2 พระองค์ด้วยกัน คือ หลังจากพระเจ้าสามแสนไทสวรรคต พ.ศ. 1958 แล้ว พระเจ้าล้านคำแดงโอรสได้ครองราชย์ต่อถึง พ.ศ. 1970 จึงสวรรคตโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่โบราณราชประเพณีไทย-ลาว สตรีจะครองราชย์ไม่ได้ เจ้าคำเต็มพญาปากห้วยหลวง พระสวามีเจ้าหญิงจึงครองแทนพักหนึ่ง แล้วหนีกลับเมืองปากห้วยหลวงดังเดิม นางแก้วพิมพาซึ่งมีอำนาจมากในราชสำนักได้เชิญเจ้านายในราชวงศ์ครองราชย์ต่อหลายพระองค์ ระหว่าง พ.ศ. 1971-1980 ครั้นจุบรรลุพระราชนิติภาวะก็มีเหตุสวรรคตติด ๆ กันถึง 5-6 พระองค์ จนมาเชิญ เจ้าคำเกิด โอรสพญาปากห้วยหลวง (คาดว่าเป็นโอรสพระเจ้าคำเต็มจากชายาอื่น) ไปครองราชย์อีกและสวรรคต พ.ศ. 1983 อีก คราวนี้พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดีทนไม่ไหว จับพระนางแก้วพิมพาถ่วงแม่น้ำคาน ทางเหนือนครหลวงพระบางเสียและเชิญเจ้าไชยครองราชย์ พระเจ้าไชยจักรพรรดิแผ่นแผ้ว สืบมา
เมืองปากห้วยหลวง เกิดช้างเผือกอีกเชือกหนึ่ง เมื่อหลังสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 มหาราช พ.ศ. 2114 พระเจ้าบุเรงนองผู้ชนะสิบทิศพิชิตเวียงจันทน์ ได้นำพระหน่อแก้วกุมาร ราชโอรสไปเมืองหงสาวดีเป็นตัวประกัน พระชันษาเพียง 5 ปี แล้วให้ตาสำเร็จราชการ"อาณาจักร์ล้านช้าง"แทน จารึกว่าพระยาแสนสุรินทร์ขว้างฟ้าสุมังโดอัยโกโพธิสัตว์ อดีตพระยาปากห้วยหลวง พงศาวดารว่าท่านเป็นบุตรกวานบ้านฝั่งขวา (ผู้ใหญ่บ้าน) รับราชการทหาร รบเก่งและคงถวายบุตรสาวเป็นสนมด้วย ดังนั้นที่ชาวหนองคายเชื่อกันมาจึงมิใช่เรื่องเหลวไหล โดยนางสนม (ไม่ทราบ) อาจมีพระราชธิดาโอรส 4 พระองค์ คือ "พระสุก พระเสริม พระใส" ซึ่งสร้างฉลองพระองค์ ส่วนองค์สุดท้ายคือพระราชโอรสชันษา 5 ปี พระหน่อแก้วกุมาร พม่าจึงต้องให้ตาสำเร็จราชการให้หลานจึงมี "อัยโก" (ตา) ต่อท้าย นับว่าพญาปากห้วยหลวงเป็นกษัตริย์ล้านช้าง (หลวงพระบาง) 2 พระองค์ และผู้สำเร็จราชการ (เวียงจันทน์) อีก 1 ท่าน รวม 3 กษัตริย์
พ.ศ. 2103 เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 1 มหาราช ถอยทัพหนีพม่าล่องมาจากเชียงใหม่ และหลวงพระบาง หลังจากนั้นเมืองปากห้วยหลวงก็ค่อย ๆ ลดความสำคัญลง คาดว่าเพราะการวิวาทกันภายในราชวงศ์ล้านช้าง ตั้งแต่พระบรมราชาแห่งนครพนม พระราชโอรส พระเจ้านันทราชกรีพาทัพมาปราบ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 พ.ศ. 2241 ถึงเมืองคุกชายฟอง (เวียงคุก-บ้านทรายฟอง) และกวาดต้อนผู้คนกลับ จน พ.ศ. 2250 สมเด็จเจ้าราชครูวัดโพนสเม็ก (ญาคูขี้หอม) อพยพคนไปซ่อมพระธาตุพนมครั้งที่ 4 ล่องไปจนตั้งอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ เมื่อญาคูขี้หอมอพยพผู้คนไปภาคใต้นั้น ศิษย์เอกสำคัญท่านหนึ่ง คือ จารย์แก้ว หรือ เจ้าแก้วมงคล(เจ้าแก้วบูลม บูฮม) ได้ตั้ง '"เมืองทุ่ง"' (ท่ง) หรือ เมืองสุวรรณภูมิ (อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) เป็นเมืองด่านหน้ายันกับเวียงจันทน์ เชื้อสายของท่านได้แยกย้ายสร้างบ้านแปงเมืองหรือปกครองเมืองมากมาย เช่น เมืองร้อยเอ็ด เมืองมหาสารคาม เมืองขอนแก่น เมืองชนบท เมืองหนองหาน เมืองธวัชบุรี เมืองจตุรพักตร์พิมาน เมืองพุทไธสง เมืองแปะหรือบุรีรัมย์ เมืองศีร์ษะเกษ ฯลฯ ต้นตระกูลสำคัญของภาคอีสาน เช่น "ธนสีลังกุล ณ ร้อยเอ็ด ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม สุวรรณธาดา เรืองสุวรรณ อัตถากร แก้วมงคล ฯลฯ
ครั้น พ.ศ. 2369 พระเจ้าไชยเชยเชษฐาธิราชที่ 3 (เจ้าอนุวงศ์) แห่งเวียงจันทน์ แข็งเมืองบุกมาถึงนครราชสีมา และถูกยันทัพกลับไปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 3 โปรดให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เป็นแม่ทัพหลวง เจ้าพระบดินทรเดช (สิงห์ สิงหเสนี) สมุหนายกมหาดไทยเป็นแม่ทัพหน้าปราบเวียงจันทน์ได้ครั้งที่ 1 แต่เจ้าอนุวงศ์หนีไปได้ จนสมุหนายกกรีฑาทัพมาปราบครั้ง 2 ตั้งทัพอยู่ค่ายพานพร้าว (บริเวณ นปข.ปัจจุบัน) และถูกหลอกล่อจนค่ายแตกหนีไปเมืองยโสธร คู่อริต่อเวียงจันทน์ดั้งเดิมจึงตามมาสมทบ เช่น บุตรหลานพระบรมราชาแห่งนครพนม บุตรหลานพระวอ-พระตา แห่งอุบลราชธานี และบุตรหลานจารย์แก้วแห่งสุวรรณภูมิ ช่วยเจ้าคุณสมุหนายกถล่มเวียงจันทน์จน "ฮ้างดังโนนขี้หมาจอก" หน่วยโสถิ่ม (กล้าตาย) นำโดย ท้าวสุวอธรรม (บุญมา) อุปฮาดยโสธรได้เป็น พระปทุมเทวาภิบาลที่ 1 แห่งหนองคาย" ต้นตระกูล "ณ หนองคาย" ต่อมาจะกล่าวถึงบรรพชนผู้ก่อตั้งเมืองโพนพิสัยคนแรก ท้าวตาดี บุตร พระยาขัติยวงษา (สีลัง) แห่งเมืองร้อยเอ็ดได้รับบัญชาจากเจ้าคุณแม่ทัพมาสกัดเจ้าอนุวงศ์ เพื่อมิให้หนีไปญวนอีก โดยตั้งทัพอยู่บ้านโพนแพง จึงเรียกกันว่า "เจ้าโพนแพง" ครั้นเสร็จศึกจึงยกเป็น "เมืองโพนแพง" ท้าวตาดีได้เป็น พระยาพิสัยสรเดช เจ้าเมืองคนแรก เมื่อ พ.ศ. 2373 ต้นตระกูล "พิสัยพันธ์" สืบมาจะเป็นด้วยเหตุใดไม่ชัดแจ้ง พระพิสัยสรเดช (ตาดี) ได้ย้ายที่ตั้งเมืองจากโพนแพงมาอยู่ ณ เมืองปากห้วยหลวงเก่า ซึ่งคงจะร้างในสมัยนั้น และเอาชื่อเมืองโพนพิสัยมาตั้งที่นี่ พื้นที่ตำบลโพนแพงก็ห่างไกล จึงขอยก " บ้านหนองแก้ว" ขึ้นเป็น"เมืองรัตนวาปี" อีกเมืองหนึ่ง พ.ศ. 2401 สมัยล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ 4 ให้ ท้าวคำสิงห์ ซึ่งเป็นบุตรหลานของพระพิสัยสรเดช เป็น พระศรีสุรศักดิ์ เจ้าเมืองสืบมา เป็นต้นเหตุความสับสนชื่อบ้านนามเมืองแห่งนี้ คือ แทนที่อำเภอโพนพิสัยปัจจุบันจะใช้ชื่อ "เมืองปากห้วยหลวง" ดังอดีต และโพนแพงจะใช้ชื่อโพนพิสัย กลับใช้ชื่อ "เมืองรัตนวาปี" เมื่อเกิดศึกฮ่อครั้งแรก พ.ศ. 2418 บุกเวียงจันทน์นั้น ราชวงศ์เมืองหนองคาย ซึ่งรักษาการแทนกับพระพิสัยสรเดช (หนู) เมืองโพนพิสัยถูกฆ่าตาย พระศรีสุรศักดิ์ (คำสิงห์ สิงหศิริ) เจ้าเมืองรัตนวาปีได้รับแต่งตั้งเป็น "พระรัตนเขตรักษา" เจ้าเมืองโพนพิสัยแทน ซึ่งท่านได้แสดงความกล้าหาญรบพุ่งกับฮ่อหลายครั้ง จนเกิดศึกกับฝรั่งเศส พ.ศ. 2436 จนปราบขบถผีบุญ พ.ศ. 2444 ปราบเงี้ยวเมืองบ่อแตน, แก่นท้าว (แขวงไชยบุรีของลาวปัจจุบันเหนือจังหวัดเลย ซึ่งยังเป็นของสยามอยู่ จน พ.ศ. 2449) เมื่อ พ.ศ. 2447 ท่านเป็นบุตรของพระฤกษ์มนตรี และนางจอมสี (คณะอาญาสี่ตระกูล พิสัยพันธ์) เกิดบ้านจอมนาง พ.ศ. 2375 เพิ่งถึงแก่อสัญกรรมเอ พ.ศ. 2497 รวมอายุถึง 120 ปี เมื่อ พ.ศ. 2449 ท่านได้เป็น "พระยาพิสัยสรเดช" แต่ชาวบ้านเรียกกันว่า "พระยาโพนพิสัย" ผู้ว่าราชการเมืองและยุบ เมืองเป็นอำเภอโพนพิสัย และยุบเมืองรัตนวาปี เป็นตำบลในปีนั้น จน พ.ศ. 2458 จึงได้ขอพระราชทานนามสกุลว่า "สิงหศิริ" อีกสายหนึ่ง เมื่อเกษียณราชการเป็นจางวางที่ปรึกษา พ.ศ. 2459 จึงเปลี่ยนราชทินนามเป็น "พระยาสุนทรธรรมธาดา" (คำสิงห์) เจ้าเมืองโพนพิสัยราชทินนาม คือ "พระพิสัยสรเดช" ส่วน "พระศรีสุรศักดิ์" เป็นเจ้าเมืองรัตนวาปี ครั้นมาครองเมืองชั่วคราวจึงเป็น "พระรัตนเขตรักษา" จนเต็มตัว จึงเป็น "พระยาพิสัยสรเดช" ครั้นเกษียณ จึงเป็น "พระยาสุทรธรรมธาดา" จางวางที่ปรึกษา ส่วนตระกูลเจ้าเมืองทั้ง 2 เมืองนั้น คือ "พิสัยพันธ์" จากท้าวตาดี (เจ้าโพนแพง) แห่งร้อยเอ็ด สืบจากจารย์แก้วบูลม และมาแตกแขนงตามราชทินนาม หรือชื่อต่อมาเป็น "สิงคศิริ, สิมะสิงห์,สิริสิงห์"
ต่อมามีฐานะเป็น "เมืองโพนพิสัย" ซึ่งเป็นหัวเมือง 1 ใน 7 ของมณฑลอุดร การปฏิรูปการปกครองตามระบบเทศาภิบาลนั้นก็ดำเนินต่อไป จนเมื่อยุบเมืองโพนพิสัยเป็นอำเภอแล้วพระยาโพนพิสัยสรเดช ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอโพนพิสัย จนถึงปี พ.ศ. 2450 พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย มาตรวจราชการในเขตมณฑลอุดร และได้เปลี่ยนฐานะเมืองโพนพิสัยเป็นอำเภอโพนพิสัย ขึ้นกับจังหวัดหนองคายจนถึงปัจจุบัน และยุบเมืองรัตนวาปี เป็นตำบลรัตนวาปี ให้ขึ้นการปกครองอยู่ในอำเภอโพนพิสัย
เมื่อครั้งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ปฐมเสนาบดีมหาดไทยเสด็จตรวจราชการแม่น้ำโขง ได้ทรงบรรยายทัศนียภาพแม่น้ำโขงว่า "ถึงเมืองโพนพิสัย พระยาพิสัยสรเดช ได้ล่วงหน้ามารับ แวะขึ้นดูเมืองโพนพิสัย แล้วไปบ้านพระยาพิสัยสรเดชพอหมดเวลาครึ่งชั่วโมงที่กำหนดไว้ก็กลับลงเรือ" และ "เวลา 12.40 น.ผ่านหน้าเมืองรัตนวาปี เลยปากน้ำคาดไปหน่อยหนึ่ง"
- วันที่ 31 พฤษภาคม 2468 ยุบตำบลบ้านใหม่ รวมกับท้องที่ตำบลกุดบง
- วันที่ 23 พฤษภาคม 2469 ยุบตำบลทุ่งธาตุ รวมกับท้องที่ตำบลชุมช้าง ตำบลจุมพล และตำบลวัดหลวง
- วันที่ 1 เมษายน 2480 โอนพื้นที่ตำบลทุ่งหลวง อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี มาขึ้นกับอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย
- วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งตำบลทุ่งหลวง แยกออกจากตำบลวัดหลวง ตั้งตำบลกุดบง แยกออกจากตำบลรัตนวาปี
- วันที่ 30 พฤษภาคม 2499 จัดตั้งสุขาภิบาลจุมพล ในท้องที่บางส่วนของตำบลจุมพล
- วันที่ 22 มกราคม 2506 ตั้งตำบลปากคาด แยกออกจากตำบลโพนแพง
- วันที่ 7 มีนาคม 2510 ตั้งตำบลศรีชมภู และตั้งตำบลหนองพันทา แยกออกจากตำบลโซ่ ตั้งตำบลนาหนัง แยกออกจากตำบลชุมช้าง
- วันที่ 5 มีนาคม 2511 จัดตั้งสุขาภิบาลปากคาด ในท้องที่หมู่ 1 บ้านปากคาด หมู่ 4 บ้านโนนชัยศรี และหมู่ 7 บ้านท่าสวรรค์ ตำบลปากคาด
- วันที่ 28 พฤษภาคม 2511 ตั้งตำบลเหล่าต่างคำ แยกออกจากตำบลทุ่งหลวง
- วันที่ 1 มีนาคม 2515 แยกพื้นที่ตำบลโซ่ ตำบลศรีชมภู และตำบลหนองพันทา จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอโซ่พิสัย และให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอโพนพิสัย
- วันที่ 22 สิงหาคม 2515 ตั้งตำบลหนองหลวง แยกออกจากตำบลจุมพล
- วันที่ 19 มิถุนายน 2516 ตั้งตำบลหนองยอง แยกออกจากตำบลปากคาด
- วันที่ 13 เมษายน 2520 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอโซ่พิสัย อำเภอโพนพิสัย เป็น อำเภอโซ่พิสัย
- วันที่ 1 สิงหาคม 2521 ตั้งตำบลเฝ้าไร่ แยกออกจากตำบลเซิม
- วันที่ 31 ตุลาคม 2521 ตั้งตำบลนากั้ง แยกออกจากตำบลปากคาด
- วันที่ 21 พฤศจิกายน 2521 แยกพื้นที่ตำบลปากคาด ตำบลหนองยอง และตำบลนากั้ง จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอปากคาด และให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอโพนพิสัย
- วันที่ 13 พฤศจิกายน 2522 ตั้งตำบลบ้านโพธิ์ แยกออกจากตำบลเซิม ตั้งตำบลนาทับไฮ แยกออกจากตำบลโพนแพง
- วันที่ 9 สิงหาคม 2526 ตั้งตำบลวังหลวง แยกออกจากตำบลหนองหลวง
- วันที่ 9 ตุลาคม 2527 ตั้งตำบลอุดมพร แยกออกจากตำบลเซิม ตั้งตำบลพระบาทนาสิงห์ แยกออกจากตำบลรัตนวาปี
- วันที่ 25 พฤศจิกายน 2528 ตั้งตำบลโนนศิลา แยกออกจากตำบลปากคาด
- วันที่ 20 มีนาคม 2529 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย เป็น อำเภอปากคาด
- วันที่ 10 ตุลาคม 2529 ตั้งตำบลนาดี แยกออกจากตำบลเฝ้าไร่ ตั้งตำบลสมสนุก แยกออกจากตำบลหนองยอง
- วันที่ 21 ตุลาคม 2531 ตั้งตำบลบ้านต้อน แยกออกจากตำบลโพนแพง
- วันที่ 27 พฤศจิกายน 2535 ตั้งตำบลบ้านผือ แยกออกจากตำบลนาหนัง
- วันที่ 26 มกราคม 2536 ตั้งตำบลสร้างนางขาว แยกออกจากตำบลทุ่งหลวง
- วันที่ 22 มีนาคม 2538 แยกพื้นที่ตำบลเฝ้าไร่ ตำบลนาดี ตำบลหนองหลวง ตำบลวังหลวง และตำบลอุดมพร จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ และแยกพื้นที่ตำบลรัตนวาปี ตำบลนาทับไฮ ตำบลบ้านต้อน ตำบลพระบาทนาสิงห์ และตำบลโพนแพง จากอำเภอโพนพิสัย ไปตั้งเป็น กิ่งอำเภอรัตนวาปี ให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอโพนพิสัย
- วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลจุมพล เป็นเทศบาลตำบลจุมพล ด้วยผลของกฎหมาย
- วันที่ 20 ตุลาคม 2549 เปลี่ยนแปลงชื่อเทศบาลตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย เป็น เทศบาลตำบลโพนพิสัย
- วันที่ 8 กันยายน 2550 ยกฐานะจากกิ่งอำเภอเฝ้าไร่ และกิ่งอำเภอรัตนวาปี อำเภอโพนพิสัย เป็น อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอรัตนวาปี
ที่ตั้งและอาณาเขต
อำเภอโพนพิสัย มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบอลิคำไซ (ประเทศลาว) และอำเภอรัตนวาปี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเฝ้าไร่
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบ้านดุง อำเภอสร้างคอม และอำเภอเพ็ญ (จังหวัดอุดรธานี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอเมืองหนองคาย และนครหลวงเวียงจันทน์ (ประเทศลาว)
การแบ่งเขตการปกครอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอโพนพิสัยแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 11 ตำบล 159 หมู่บ้าน ได้แก่
1. | จุมพล | (Chumphon) | 26 หมู่บ้าน | 7. | นาหนัง | (Na Nang) | 17 หมู่บ้าน | |||||
2. | วัดหลวง | (Wat Luang) | 16 หมู่บ้าน | 8. | เซิม | (Soem) | 11 หมู่บ้าน | |||||
3. | กุดบง | (Kut Bong) | 14 หมู่บ้าน | 9. | บ้านโพธิ์ | (Ban Pho) | 13 หมู่บ้าน | |||||
4. | ชุมช้าง | (Chum Chang) | 19 หมู่บ้าน | 10. | บ้านผือ | (Ban Phue) | 8 หมู่บ้าน | |||||
5. | ทุ่งหลวง | (Thung Luang) | 12 หมู่บ้าน | 11. | สร้างนางขาว | (Sang Nang Khao) | 8 หมู่บ้าน | |||||
6. | เหล่าต่างคำ | (Lao Tang Kham) | 15 หมู่บ้าน |
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ท้องที่อำเภอโพนพิสัยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 12 แห่ง ได้แก่
- เทศบาลตำบลโพนพิสัย ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลจุมพล
- เทศบาลตำบลสร้างนางขาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสร้างนางขาวทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลจุมพล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลจุมพล (นอกเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย)
- องค์การบริหารส่วนตำบลวัดหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวัดหลวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลกุดบง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกุดบงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลชุมช้าง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลชุมช้างทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งหลวงทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าต่างคำ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเหล่าต่างคำทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลนาหนัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาหนังทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลเซิม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเซิมทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโพธิ์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโพธิ์ทั้งตำบล
- องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผือ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านผือทั้งตำบล
อ้างอิง
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ตั้งเป็นกิ่งอำเภอโซ่พิสัย" (PDF). Royal Gazette. 89 (31 ง special): 9. March 1, 1972.
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอปลายพระยา อำเภอห้วยเม็ก อำเภอละแม อำเภอแม่จริม อำเภอหนองกี่ อำเภอโคกปีบ อำเภอเกาะพะงัน อำเภอสนม อำเภอโซ่พิสัย อำเภอโนนสะอาด และอำเภอนาจะหลวย พ.ศ. ๒๕๒๐" (PDF). Royal Gazette. 98 (31 ก): 326–330. April 12, 1977.
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ตั้งเป็นกิ่งอำเภอปากคาด" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 95 (130 ง): 4081. November 21, 1978.
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอคลองลาน อำเภอสุคิริน อำเภอตะโหมด อำเภอห้วยทับทัน และอำเภอปากคาด พ.ศ. ๒๕๒๙" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 103 (45 ง): (ฉบับพิเศษ) 4-6. March 20, 1986.
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งเขตท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายตั้งเป็นกิ่งอำเภอเฝ้าไร่" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 112 (พิเศษ 9 ง): 50. March 22, 1995.
- ↑ "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง แบ่งเขตท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายตั้งเป็นกิ่งอำเภอรัตนวาปี" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 112 (พิเศษ 9 ง): 51. March 22, 1995.
- ↑ "พระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอฆ้องชัย...และอำเภอเหล่าเสือโก้ก พ.ศ. ๒๕๕๐" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 124 (46 ก): 14–21. August 24, 2007.
- https://district.cdd.go.th/phonphisai/about-us/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2/
- "แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้รวมเมืองกมุทธาไส ๑ เมือง กุมภวาปี ๑ เมือง หนองหาย ๑ อำเภอ บ้านหมากแข้ง ๑ ตั้งเป็นเมืองจัตวา เรียกว่าเมืองอุดรธานีบริเวณน้ำชีให้เปลี่ยนเรียกว่าเมืองขอนแก่น บริเวณน้ำเหืองให้เปลี่ยนเรียกว่าเมืองเลย บริเวณสกลนครให้เปลี่ยน เรียกว่าเมืองสกลนคร บริเวณธาตุพนมให้เปลี่ยนเรียกว่าเมืองนครพนม ส่วนเมืองหนองคายเมืองโพนพิสัยให้คงไว้ตามเดิม" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 24 (41): 1088. January 12, 1907.
- "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๖๔ ในตำบลบ้านใหม่ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ซึ่งยุบไปรวมขึ้นตำบลกุดบง และสำหรับท้องที่ในอำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งยุบตำบลเชียงเพ็งไปรวมขึ้นตำบลเชียงยืน กับยุบตำบลนาแอง ซึ่งตั้งตำบลหมากหญ้าขึ้นแทน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 42 (0 ก): 39–40. May 31, 1925.
- "ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. ๒๔๖๔ ในตำบลทุ่งธาตุ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ซึ่งยุบไปรวมกับตำบลชุมช้าง ตำบลจุมพล และตำบลวัดหลวง ท้องที่อำเภอเดียวกัน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 43 (0 ก): 198. May 23, 1926.
- "พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด พุทธศักราช ๒๔๗๙" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 54 (0 ก): 40–54. April 1, 1937.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งตำบลในจังหวัดต่าง ๆ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 64 (26 ง): 1114–1433. June 10, 1947.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 73 (45 ง): (ฉบับพิเศษ) 39-40. May 30, 1956.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 80 (8 ง): 96–101. January 22, 1963.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอท่าบ่อ และอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 84 (23 ง): 857–865. March 10, 1967.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลปากคาด อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 85 (23 ง): 692–693. March 5, 1968.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย อำเภอเซกา อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 85 (48 ง): 1525–1534. November 28, 1968.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 89 (126 ง): 2129–2131. August 22, 1972.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่ อำเภอโพนพิสัยและอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 90 (70 ง): 1895–1899. June 16, 1973.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัยและอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 95 (76 ง): 2436–2439. August 1, 1978.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย อำเภอบึงกาฬ และกิ่งอำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 95 (121 ง): 3733–3739. October 31, 1978.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 96 (189 ง): 4159–4165. November 13, 1979.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 100 (131 ง): 2706–2711. August 9, 1983.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอท่าบ่อ อำเภอโพนพิสัย อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 101 (142 ง): 3652–3662. October 9, 1984.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่กิ่งอำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 102 (175 ง): (ฉบับพิเศษ) 4-6. November 25, 1985.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย อำเภอบึงกาฬ และกิ่งอำเภอปากคาด จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 103 (175 ง): (ฉบับพิเศษ) 137-146. October 10, 1986.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอบึงกาฬ อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 105 (171 ง): (ฉบับพิเศษ) 1-8. October 21, 1988.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย และอำเภอพรเจริญ จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 109 (151 ง): (ฉบับพิเศษ) 60-66. November 27, 1992.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและกำหนดเขตตำบลในท้องที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 110 (9 ง): 19–21. January 26, 1993.
- "พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ. ๒๕๔๒" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 116 (9 ก): 1–4. February 24, 1999.
- "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนชื่อเทศบาล" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา: 1. October 20, 2006.