ผักปลัง
ผักปลัง | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Core eudicots |
อันดับ: | Caryophyllales |
วงศ์: | Basellaceae |
สกุล: | Basella |
สปีชีส์: | B. alba |
ชื่อทวินาม | |
Basella alba L. | |
ชื่อพ้อง | |
|
ผักปลัง หรือ ผักปั๋ง ชื่อวิทยาศาสตร์: Basella alba วงศ์ Basellaceae ไม้เลื้อย ลำต้นอวบน้ำ เกลี้ยง กลม ลำต้นมีสีเขียว ใบเดี่ยว อวบน้ำ เป็นมันหนานุ่มมือ ฉีกขาดง่าย ขยี้จะเป็นเมือกเหนียว ขอบใบเรียบ ดอกช่อเชิงลด ออกตรงซอกใบ ดอกย่อยจำนวนมาก ขนาดเล็ก ไม่มีก้านชูดอก แต่ละดอกมี 5 กลีบ ดอกสีขาว มีริ้วประดับ ติดที่โคนของกลีบรวม กลีบรวมรูประฆัง โคนเชื่อมติดกันเป็นท่อ ปลายแยกเป็นห้าแฉกเล็กน้อย เกสรเพศผู้มีจำนวน 5 อัน ติดที่ฐานของกลีบดอก อับเรณูรูปกลม ติดก้านชูเกสรที่ด้านหลัง เกสรเพศเมีย 1 อัน กลม ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 3 แฉก ผลสด กลมแป้น ฉ่ำน้ำ ผิวเรียบ ปลายผลมีร่องแบ่งเป็นลอน ไม่มีก้านผล ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีม่วงอมดำ ภายในผลมีน้ำสีม่วงดำ เมล็ดเดียว
ผักปลังมี 2 ชนิดต่างกันตามสีของลำต้นและดอก ถ้าลำต้นเขียว ดอกขาวเรียกผักปลังขาว ถ้าลำต้นแดง ดอกแดงเรียกผักปลังแดง ทั้งสองชนิดรับประทานได้เช่นเดียวกัน ชาวมอญในไทยเรียกผักปลังทั้งสองชนิดรวมกันว่าผักปลังป่า ในขณะที่ภาษามอญเรียกผักปลังว่าฮะลอน
ชาวมอญนำมาทำแกงเลียง แกงส้ม ผัดน้ำมัน ลวกจิ้มน้ำพริกทางภาคเหนือนิยมนำไปทำแกงจิ้นส้มหรือแกงกับแหนม เพราะผักปลังมีเมือกจึงต้องรับประทานกับเครื่องปรุงรสเปรี้ยว นอกจากนี้ ทางภาคเหนือนำมาแกงกับถั่วเน่า ทำจอผักปลัง ดอกตูมใส่ในแกงส้ม ผัดกับแหนม แกงเลียง ในกรุงเทพฯ นิยมนำมาผัดไฟแดงหรือผัดน้ำมันหอย ชาวไทยทางภาคเหนือและชาวไทลื้อนำยอดอ่อนมาแกง ชาวไทยภาคเหนือและชาวเมี่ยนต้มยอดอ่อนให้สตรีที่อยู่ไฟกินเป็นยาบำรุง ชาวม้งนำยอดอ่อน แกงหรือใส่ต้มไก่เป็นยาบำรุงเลือดลมสำหรับคนที่เลือดลมไม่ดี ชาวไทเมืองนำเถามัดเอวให้สตรีใกล้คลอดเชื่อว่าช่วยให้คลอดง่าย ผลสุก ใช้แต่งสีม่วงในขนม เช่น ขนมบัวลอย ซ่าหริ่ม
ในตำรายาไทย ดอก ใช้ทาแก้กลากเกลื้อน แก้โรคเรื้อน ดับพิษฝีดาษ แก้เกลื้อน คั้นเอาน้ำทาแก้หัวนมแตกเจ็บ ต้น แก้อึดอัดแน่นท้อง ระบายท้อง แก้อักเสบบวม ต้มดื่มแก้ไส้ติ่งอักเสบ ราก แก้รังแค แก้โรคผิวหนัง แก้ท้องผูก แก้พรรดึก ขับปัสสาวะ ใช้ทาถูนวดให้ร้อน เป็นผักที่มีเมือกมาก กินแล้วช่วยระบาย
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 79 kJ (19 kcal) |
3.4 g | |
0.3 g | |
1.8 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (50%) 400 μg |
ไทอามีน (บี1) | (4%) 0.05 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (13%) 0.155 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (3%) 0.5 มก. |
วิตามินบี6 | (18%) 0.24 มก. |
โฟเลต (บี9) | (35%) 140 μg |
วิตามินซี | (123%) 102 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (11%) 109 มก. |
เหล็ก | (9%) 1.2 มก. |
แมกนีเซียม | (18%) 65 มก. |
แมงกานีส | (35%) 0.735 มก. |
ฟอสฟอรัส | (7%) 52 มก. |
โพแทสเซียม | (11%) 510 มก. |
สังกะสี | (5%) 0.43 มก. |
Link to USDA Database entry | |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA Nutrient Database |
อ้างอิง
- Kew World Checklist of Selected Plant Families, Basella alba
- องค์ บรรจุน. ข้างสำรับมอญ. กรุงเทพฯ: มติชน. 2557. หน้า 40
- สิริรักษ์ บางสุด และ พลวัฒน์ อารมณ์. โอชะล้านนา. กทม. แสงแดด. 2558 หน้า 125
- 180 ตำรับผักพื้นบ้านอาหารไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: แสงแดด. 2551
- http://eherb.hrdi.or.th/search_result_details.php?herbariumID=169&name=Malabar%20nightshade%2C%20Ceylon%20spinach
- http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=238