fbpx
วิกิพีเดีย

เวียงแก้ว

เวียงแก้ว เป็นเขตพระราชฐานของเวียงเชียงใหม่ ตั้งอยู่กลางเวียงค่อนไปทางเหนือของเวียงเชียงใหม่ สันนิษฐานว่า สร้างมาพร้อมกับการสร้างเวียงเชียงใหม่ของพญามังราย ซึ่งภายในเวียงแก้วเดิม มีกำแพงแบ่งอาณาเขตออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนเหนือ ส่วนใต้ และส่วนตะวันออก ภายในเวียงแก้วแต่ละส่วนประกอบไปด้วยหมู่อาคารราชมณเฑียร

ในรัชสมัยเจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ครองนครเชียงใหม่ ขณะนั้นเชียงใหม่มีฐานะเป็นมณฑลพายัพในกำกับของรัฐบาลสยาม พื้นที่เวียงแก้วเป็นที่รกร้างไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ เจ้าอินทวโรรสสุริยวงษ์ ได้ยกพื้นที่เวียงแก้วส่วนใต้ ทำเป็นเรือนจำ และอีกส่วนทำเป็นสวนสัตว์ และแบ่งให้เจ้านายบุตรหลาน[ต้องการอ้างอิง]

ที่มาของชื่อ

ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกว่าเหตุใดจึงมีชื่อว่าเวียงแก้ว แต่จากการสันนิษฐานตามพงศาวดารโยนกในสมัยของพระเจ้าเมกุฏิสุทธิวงศ์ ซึ่งบันทึกไว้ว่า "ครั้นอยู่มา ท้าวพระยารามัญผู้อยู่รั้งเมืองนครเชียงใหม่กระทำการอุกอาจ มิได้อ่อนน้อมต่อพระเจ้านครเชียงใหม่ กิตติศัพท์ทราบไปถึงพระเจ้าหงสาวดี จึงมีตราให้ข้าหลวงถือมาบังคับท้าวพระยารามัญผู้รั้งเมืองนครเชียงใหม่ ให้ฟังบังคับบัญชาพระเจ้านครเชียงใหม่ และน้อมนำคำรพต่อพระเจ้านครเชียงใหม่สืบไป" นั้นชี้ชัดว่า เมื่อเชียงใหม่ยอมสวามิภักดิ์เป็นข้าขอบขัณฑสีมาของอาณาจักรอังวะใน พ.ศ. 2101 แล้ว คงจะได้มอบหมายให้ขุนนางพม่าจำนวนหนึ่งคงอยู่ที่เวียงเชียงใหม่ แต่ขุนนางพม่าผู้อยู่รั้งเมืองนครเชียงใหม่นั้นจะไปตั้งฐานที่พำนักอยู่ที่ใด ในเมื่อภายในกำแพงเมืองเวียงเชียงใหม่นั้นมีวัดวาอารามและบ้านเรือนไพร่ฟ้าประชาชนปลูกอยู่เต็มไปหมด จึงคงจะมีแต่ "ข่วงหลวง" ที่ฝั่งตรงกันข้ามคุ้มแก้ว ที่เป็นพื้นที่ว่างที่กว้างขวางพอจะจัดเป็นค่ายพักแรมของขุนนางพม่านั้นได้ ชาวนครเชียงใหม่ในเวลานั้นจึงคงจะเรียกค่ายพำนักของขุนนางพม่านั้นว่า "เวียงหน้าคุ้มแก้ว" ซึ่งต่อมาถูกกร่อนเหลือเพียงแต่ "เวียงแก้ว" นอกจากนี้ แผนที่เมืองนครเชียงใหม่ พ.ศ. 2436 ได้ระบุตำแหน่ง ขอบเขต รูปร่าง และชื่อ "เวียงแก้ว" อย่างชัดเจน[ต้องการอ้างอิง]

ประวัติ

ในอดีตเป็นที่ตั้งของคุ้มหลวงหอคำสมัยพระเจ้ากาวิละ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2339 ใช้เป็นคุ้มของพระเจ้าเชียงใหม่ต่อมา ทว่าตามธรรมเนียมล้านนาผู้ที่สามารถประทับบนหอคำได้ ต้องมีสถานภาพเป็นกษัตริย์ล้านนาเท่านั้น แต่เจ้าล้านนาในฐานะหัวเมืองประเทศราชของสยาม ต้องได้รับการแต่งตั้งจากกรุงรัตนโกสินทร์เสียก่อน ในประวัติศาสตร์ล้านนาจึงมีพระเจ้าเชียงใหม่เพียง 4 พระองค์ คือ พระเจ้ากาวิละ (เจ้าหลวงองค์ที่ 1) พระเจ้ามโหตรประเทศ (เจ้าหลวงองค์ที่ 5) พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ (เจ้าหลวงองค์ที่ 6) และพระเจ้าอินทวิชยานนท์ (เจ้าหลวงองค์ที่ 7)

ในสมัยเจ้าหลวงพุทธวงศ์ เจ้าหลวงองค์ที่ 4 จึงให้สร้าง "หอเทียม" ทางทิศใต้ของหอคำของพระเจ้ากาวิละ เพื่อใช้เป็นที่ประทับ ครั้นในสมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ จึงได้โปรดให้สร้างหอคำประดับเกียรติยศ แทนหอเทียมของเจ้าพุทธวงศ์

ในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ได้สร้างคุ้มหลวงแห่งใหม่บริเวณข่วงหลวงหน้าศาลาสนาม (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ในปัจจุบัน) ทำให้พื้นที่เวียงแก้วที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2339 ถูกลดบทบาทลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 เป็นต้นมา และมีการรื้อหอคำ ในช่วงปี พ.ศ. 2418 - 2420 อย่างไรก็ตามมีการสันนิษฐานว่ายังคงมีการใช้งานอยู่บ้าง อ้างอิงจากแผนที่เมืองนครเชียงใหม่ พ.ศ. 2436 ซึ่งระบุชื่อ "เวียงแก้ว" แต่ไม่มีคำว่า "ร้าง" ต่อท้ายน่าจะหมายถึงว่ายังมีการใช้งานอยู่บ้าง และยังพบว่ามีการจัดงานราชพิธีในปี พ.ศ. 2434 อีกด้วย

ในสมัยเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เกิดน้ำท่วมใหญ่ ในปี พ.ศ. 2448 จึงมีการย้ายที่ว่าการมณฑลพายัพมาใช้สถานที่ของ "เค้าสนามหลวง" เดิมทีเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ มีดำริที่จะยกพื้นที่ฝั่งตรงข้ามเค้าสนามหลวงด้านทิศใต้ ให้เป็นศาลารัฐบาลมณฑลพายัพ แต่ในห้วงเดียวกันเจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพ ได้ขอเวียงแก้วสำหรับสร้าง "คอกหลวง" หรือเรือนจำประจำมณฑลพายัพ แต่ไม่ทราบชัดเจนว่าเรือนจำถูกสร้างขึ้นในปีใด แต่จากการสันนิษฐานจึงประมาณได้ว่าเรือนอาจถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2459 - 2460 ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงเปลี่ยนสถานะมาเป็น "เรือนจำกลางเชียงใหม่" จนในปี พ.ศ. 2544 ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เข้ามาแทนที่จนถึงในปี พ.ศ. 2555 จึงมีการย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว

การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่

ในราวปี พ.ศ. 2529 ชาวเชียงใหม่ได้เรียกร้องให้มีการคืนพื้นที่ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ ให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นเดิม และคณะรัฐมนตรีได้มีมติในปี พ.ศ. 2532 ให้กรมราชทัณฑ์ คืนพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2555 จึงมีการคืนพื้นที่ให้กรมธนารักษ์ และจังหวัดเชียงใหม่ (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ขอใช้พื้นที่ดังกล่าวดำเนินโครงการ ข่วงหลวงเวียงแก้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556 ได้มีพิธีทุบทำลายกำแพงคุก โดยนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีทุบทำลายป้ายทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงการสิ้นสุดความเป็นทัณฑสถานของสถานที่แห่งนี้ กระทั่งเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 จึงได้เริ่มต้นการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ[ต้องการอ้างอิง]

สถานที่ปัจจุบัน

ปัจจุบันพื้นที่ของเวียงแก้วเดิมส่วนใหญ่ เป็นที่ดินราชพัสดุ อันเป็นที่ตั้งของ

เวียงแก้วส่วนเหนือ
เวียงแก้วส่วนใต้
  • ข่วงหลวงเวียงแก้ว (อดีตเป็น ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่)
เวียงแก้วส่วนตะวันออก
  • บ้านเรือนประชาชน

อ้างอิง

  1. พระยาประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค). พงศาวดารโยนก. น. ๓๙๙.
  2. สงวน โชติสุขรัตน์. "ตำนานพิงคราชวงศ์ปกรณ์ ผูกที่ 7" ใน ประชุมตำนานล้านนาไทย
  3. ภูเดช แสนสา. คุ้มหลวง หอคำ เวียงแก้ว สัญญะขัติยะล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพ : กองบุญหมื่นฟ้า. 2556
  4. วรชาติ มีชูบท. "เรือนจำในเวียงแก้ว".
  5. ประวัติความเป็นมา >> โครงการพัฒนาข่วงหลวงเวียงแก้ว
  6. ผวจ.เชียงใหม่นำขบวนรื้อคุกหญิงทำ “ข่วงหลวงเวียงแก้ว” เตรียมให้ศิลปากรศึกษาก่อนเดินหน้าก่อสร้าง
  7. แผนที่กายภาพ แสดงแนวเขตที่ราชพัสดุ แปลง ชม.๑๖๑๒ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

เว, ยงแก, การแนะนำว, บทความน, หร, อส, วนน, ควรย, ายไปรวมก, บบทความ, เว, ยงเช, ยงใหม, อภ, ปราย, เป, นเขตพระราชฐานของเว, ยงเช, ยงใหม, งอย, กลางเว, ยงค, อนไปทางเหน, อของเว, ยงเช, ยงใหม, นน, ษฐานว, สร, างมาพร, อมก, บการสร, างเว, ยงเช, ยงใหม, ของพญาม, งราย, งภายในเ. mikaraenanawa bthkhwamnihruxswnnikhwryayiprwmkbbthkhwam ewiyngechiyngihm xphipray ewiyngaekw epnekhtphrarachthankhxngewiyngechiyngihm tngxyuklangewiyngkhxnipthangehnuxkhxngewiyngechiyngihm snnisthanwa srangmaphrxmkbkarsrangewiyngechiyngihmkhxngphyamngray sungphayinewiyngaekwedim mikaaephngaebngxanaekhtxxkepn 3 swn khuxswnehnux swnit aelaswntawnxxk phayinewiyngaekwaetlaswnprakxbipdwyhmuxakharrachmnethiyrinrchsmyecaxinthworrssuriywngs khrxngnkhrechiyngihm khnannechiyngihmmithanaepnmnthlphayphinkakbkhxngrthbalsyam phunthiewiyngaekwepnthirkrangimmisingpluksrangid ecaxinthworrssuriywngs idykphunthiewiyngaekwswnit thaepneruxnca aelaxikswnthaepnswnstw aelaaebngihecanaybutrhlan txngkarxangxing enuxha 1 thimakhxngchux 2 prawti 3 karepliynaeplngsphaphphunthi 4 sthanthipccubn 5 xangxingthimakhxngchux aekikhimmihlkthanthangprawtisastrbnthukwaehtuidcungmichuxwaewiyngaekw aetcakkarsnnisthantamphngsawdaroynkinsmykhxngphraecaemkutisuththiwngs sungbnthukiwwa khrnxyuma thawphrayaramyphuxyurngemuxngnkhrechiyngihmkrathakarxukxac miidxxnnxmtxphraecankhrechiyngihm kittisphththrabipthungphraecahngsawdi cungmitraihkhahlwngthuxmabngkhbthawphrayaramyphurngemuxngnkhrechiyngihm ihfngbngkhbbychaphraecankhrechiyngihm aelanxmnakharphtxphraecankhrechiyngihmsubip 1 nnchichdwa emuxechiyngihmyxmswamiphkdiepnkhakhxbkhnthsimakhxngxanackrxngwain ph s 2101 aelw khngcaidmxbhmayihkhunnangphmacanwnhnungkhngxyuthiewiyngechiyngihm aetkhunnangphmaphuxyurngemuxngnkhrechiyngihmnncaiptngthanthiphankxyuthiid inemuxphayinkaaephngemuxngewiyngechiyngihmnnmiwdwaxaramaelabaneruxniphrfaprachachnplukxyuetmiphmd cungkhngcamiaet khwnghlwng thifngtrngknkhamkhumaekw thiepnphunthiwangthikwangkhwangphxcacdepnkhayphkaermkhxngkhunnangphmannid chawnkhrechiyngihminewlanncungkhngcaeriykkhayphankkhxngkhunnangphmannwa ewiynghnakhumaekw sungtxmathukkrxnehluxephiyngaet ewiyngaekw nxkcakni aephnthiemuxngnkhrechiyngihm ph s 2436 idrabutaaehnng khxbekht ruprang aelachux ewiyngaekw xyangchdecn txngkarxangxing prawti aekikhinxditepnthitngkhxngkhumhlwnghxkhasmyphraecakawila srangkhuninpi ph s 2339 2 ichepnkhumkhxngphraecaechiyngihmtxma thwatamthrrmeniymlannaphuthisamarthprathbbnhxkhaid txngmisthanphaphepnkstriylannaethann aetecalannainthanahwemuxngpraethsrachkhxngsyam txngidrbkaraetngtngcakkrungrtnoksinthresiykxn inprawtisastrlannacungmiphraecaechiyngihmephiyng 4 phraxngkh khux phraecakawila ecahlwngxngkhthi 1 phraecamohtrpraeths ecahlwngxngkhthi 5 phraecakawiolrssuriywngs ecahlwngxngkhthi 6 aelaphraecaxinthwichyannth ecahlwngxngkhthi 7 insmyecahlwngphuththwngs ecahlwngxngkhthi 4 cungihsrang hxethiym thangthisitkhxnghxkhakhxngphraecakawila ephuxichepnthiprathb khrninsmyphraecakawiolrssuriywngs cungidoprdihsranghxkhapradbekiyrtiys aethnhxethiymkhxngecaphuththwngsinsmyphraecaxinthwichyannth idsrangkhumhlwngaehngihmbriewnkhwnghlwnghnasalasnam orngeriynyuphrachwithyaly inpccubn thaihphunthiewiyngaekwthiichmatngaet ph s 2339 thukldbthbathlngtngaetpi ph s 2413 epntnma aelamikarruxhxkha inchwngpi ph s 2418 2420 xyangirktammikarsnnisthanwayngkhngmikarichnganxyubang xangxingcakaephnthiemuxngnkhrechiyngihm ph s 2436 sungrabuchux ewiyngaekw aetimmikhawa rang txthaynacahmaythungwayngmikarichnganxyubang aelayngphbwamikarcdnganrachphithiinpi ph s 2434 3 xikdwyinsmyecaxinthworrssuriywngs ekidnathwmihy inpi ph s 2448 cungmikaryaythiwakarmnthlphayphmaichsthanthikhxng ekhasnamhlwng edimthiecaxinthworrssuriywngs midarithicaykphunthifngtrngkhamekhasnamhlwngdanthisit ihepnsalarthbalmnthlphayph aetinhwngediywknecaphrayasursihwisisthskdi echy klyanmitr khahlwngihymnthlphayph idkhxewiyngaekwsahrbsrang khxkhlwng hruxeruxncapracamnthlphayph aetimthrabchdecnwaeruxncathuksrangkhuninpiid aetcakkarsnnisthancungpramanidwaeruxnxacthuksrangkhuninrahwangpi ph s 2459 2460 4 txmaphayhlngkarepliynaeplngkarpkkhrxngcungepliynsthanamaepn eruxncaklangechiyngihm cninpi ph s 2544 thnthsthanhyingechiyngihm ekhamaaethnthicnthunginpi ph s 2555 cungmikaryayxxkcakphunthidngklawkarepliynaeplngsphaphphunthi aekikhinrawpi ph s 2529 chawechiyngihmideriykrxngihmikarkhunphunthithnthsthanhyingechiyngihm ihepnsthanthisakhythangprawtisastrechnedim aelakhnarthmntriidmimtiinpi ph s 2532 ihkrmrachthnth khunphunthidngklaw cnkrathnginpi ph s 2555 cungmikarkhunphunthiihkrmthnarks aelacnghwdechiyngihm sanknganpldkrathrwngmhadithy khxichphunthidngklawdaeninokhrngkar khwnghlwngewiyngaekw 5 txmaemuxwnthi 26 mkrakhm ph s 2556 idmiphithithubthalaykaaephngkhuk odynaythaninthr suphaaesn phuwarachkarcnghwdechiyngihm epnprathaninphithithubthalaypaythnthsthanhyingechiyngihm ephuxepnsylksnthungkarsinsudkhwamepnthnthsthankhxngsthanthiaehngni 6 krathngemuxwnthi 21 krkdakhm ph s 2559 cungiderimtnkarruxthxnsingpluksranginbriewnphunthidngklawxyangepnthangkar txngkarxangxing sthanthipccubn aekikhpccubnphunthikhxngewiyngaekwedimswnihy epnthidinrachphsdu xnepnthitngkhxng 7 ewiyngaekwswnehnuxsanknganorngnganyasub withyalyethkhnikhechiyngihm banphkphuchwykhlngcnghwd cdihechaephuxxyuxasyewiyngaekwswnitkhwnghlwngewiyngaekw xditepn thnthsthanhyingechiyngihm ewiyngaekwswntawnxxkbaneruxnprachachnxangxing aekikh phrayaprachakickrckr aechm bunnakh phngsawdaroynk n 399 sngwn ochtisukhrtn tananphingkhrachwngspkrn phukthi 7 in prachumtananlannaithy phuedch aesnsa khumhlwng hxkha ewiyngaekw syyakhtiyalanna phimphkhrngthi 2 krungethph kxngbuyhmunfa 2556 wrchati michubth eruxncainewiyngaekw prawtikhwamepnma gt gt okhrngkarphthnakhwnghlwngewiyngaekw phwc echiyngihmnakhbwnruxkhukhyingtha khwnghlwngewiyngaekw etriymihsilpakrsuksakxnedinhnakxsrang aephnthikayphaph aesdngaenwekhtthirachphsdu aeplng chm 1612 krmkarpkkhrxng krathrwngmhadithy bthkhwamniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodyephimkhxmulekhathungcak https th wikipedia org w index php title ewiyngaekw amp oldid 7560905, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม