ชาวไทยในพม่า
ชาวไทยในพม่า พม่าเรียก ฉ่า หรือเป็นไทยมุสลิมจะเรียก ฉ่าปะซู คือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีเชื้อสายเดียวกับไทยสยามในประเทศไทย ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศพม่า แต่เป็นคนละกลุ่มกับชาวโยดายา โดยมากอาศัยอยู่บริเวณเขตตะนาวศรีทางตอนใต้ของประเทศพม่า มีประวัติการตั้งถิ่นฐานในบริเวณดังกล่าวมายาวนาน ก่อนที่ดินแดนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่าในปัจจุบัน พวกเขายังคงอัตลักษณ์ความเป็นไทยไว้ ทั้งภาษา, ศาสนา, การใช้สกุลเงินไทย และการใช้นามสกุลอย่างคนไทย
ประชากรทั้งหมด | |
---|---|
ไม่ทราบ | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
พม่า | ไม่ทราบ |
เขตตะนาวศรี | 41,258 (พ.ศ. 2530) |
รัฐกะเหรี่ยง | ราว 20,000 (พ.ศ. 2557) |
ท่าขี้เหล็ก | ราว 1,000 คน (พ.ศ. 2563) |
ย่างกุ้ง | ราว 400–450 (พ.ศ. 2555) |
ไทย | 28,000 |
ภาษา | |
ไทย (ถิ่นใต้ · ถิ่นเหนือ · ถิ่นอีสาน) · พม่า · มลายูไทรบุรี | |
ศาสนา | |
ศาสนาพุทธ ส่วนน้อยอิสลาม | |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง | |
ไทยสยาม · ไทยวน · พม่าเชื้อสายจีน · พม่าเชื้อสายมลายู |
ระยะหลังชาวไทยพลัดถิ่นจากประเทศพม่าจำนวนมากอพยพไปประเทศไทยในสถานะคนต่างด้าวไร้สัญชาติ อาศัยอยู่บริเวณสี่จังหวัดติดชายแดนได้แก่ จังหวัดตาก, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง บางส่วนกระจายตัวไปยังจังหวัดพังงา โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาถูกกดขี่จากประเทศต้นทาง และพยายามขอสัญชาติไทย
นอกจากชาวไทยพื้นเมืองแล้ว ยังมีบุคคลสัญชาติไทยที่เข้าไปพำนักหรือไปประกอบอาชีพในประเทศพม่า มีจำนวน 1,307 คน เมื่อ พ.ศ. 2560
ประวัติ
เขตตะนาวศรี
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าชาวสยามได้ก่อตั้งเมืองตะนาวศรี และบริเวณดังกล่าวเป็นเขตอิทธิพลของกษัตริย์สยามมาช้านาน จากเอกสาร สำเภากษัตริย์สุไลมาน ระบุว่าทั้งเมืองมะริดและตะนาวศรีเป็นหัวเมืองสำคัญของอยุธยา และ พ.ศ. 2228 "ตะนาวศรีเป็นเมืองอุดมสมบูรณ์ มีพลเมืองเป็นชาวสยามประมาณ 5-6 พันครัว" ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 มะริดยังเป็นของสยาม "ที่นั่นเต็มไปด้วยกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งพม่า สยาม จีน อินเดีย มลายู และยุโรป" หลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองและหลังการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ มีความพยายามจากกษัตริย์สยามในการตีเมืองต่าง ๆ ในบริเวณนี้คืนจากพม่าหลายครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตะนาวศรีถูกทำลายด้วยการยึดครองของพม่า แล้วตามด้วยการปกครองของสหราชอาณาจักรอีกทอดหนึ่ง ส่งผลให้เมืองท่าในแถบตะนาวศรีที่เคยมั่งคั่งจึงเสื่อมลง เพราะ "ถูกเทือกเขาตัดขาดจากพื้นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ของจีนและสยาม" ที่สุดจึงกลายเป็นดินแดนชายขอบอันล้าหลังของพม่า และกลายเป็นดินแดนของชนกลุ่มน้อย
ในยุคอาณานิคม สหราชอาณาจักรได้ทำการสำรวจจำนวนประชากร เซอร์เจมส์ สกอตต์ระบุว่า มีชาวสยามอยู่ในเขตตะนาวศรี 19,631 คน อาศัยในเมืองทวาย, แอมเฮิสต์ และมะริด ส่วน ราชอักขรานุกรมภูมิศาสตร์อินเดีย (Imperial Gazetteer of India) ระบุว่าในปี พ.ศ. 2444 มีชาวสยามในเมืองมะริด 9,000 คน แบ่งเป็นชาวสยามในตำบลบกเปี้ยนร้อยละ 53 ตำบลตะนาวศรีร้อยละ 40 และตำบลมะลิวัลย์มีชาวสยาม, มลายู และจีนทั้งตำบล ชาวพม่าหาไม่พบ ส่วนเมืองทวาย มีประชากรเพียง 200 คนเท่านั้นที่ระบุตัวตนว่าเป็นชาวสยาม ทั้ง ๆ ที่มีร่องรอยของชาวสยามอาศัยมายาวนาน ดังปรากฏหลักฐานตามศาสนสถาน
หลังพม่าได้รับเอกราชเป็นต้นมาชาวไทยที่อาศัยในแถบตะนาวศรีอยู่อย่างสุขสงบมาตลอด จนกระทั่ง พ.ศ. 2535 พม่าได้ตั้งกระทรวงพัฒนาพื้นที่ชายแดนและเชื้อชาติแห่งชาติขึ้น ซึ่งดำเนินนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานละการโยกย้ายประชาชนจากพื้นที่ที่ประชากรหนาแน่นไปยังพื้นที่ชายแดนต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงชุมชนไทยด้วย หลังจากนั้นพม่าจึงเริ่มนโยบายกลืนคนไทย ได้แก่ การตั้งโรงเรียนพม่า การนำชาวพม่ามาแทรกซึมในชุมชนไทย และการนำพระสงฆ์พม่าเข้ามาประจำในวัดไทย นอกจากนี้ยังมีการใช้แรงงานคนไทยไปเป็นลูกหาบให้กองทัพพม่าไปสู้รบกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยช่วง พ.ศ. 2531-2534
ปัจจุบันชาวไทยในเขตตะนาวศรีราว 3 ใน 4 ยอมมีสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองในไทย แบ่งเป็นสี่กลุ่มใหญ่ ๆ คือกลุ่มชาวไทยที่อพยพจากตะนาวศรี (Tanintharyi) – สิงขร (Theinkun) จะอาศัยอยู่ในอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์, อำเภอบางสะพาน, อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กลุ่มที่สองคือชาวไทยที่อพยพจากลังเคี๊ยะ (Lenya) อาศัยอยู่ในอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร กลุ่มที่สามคือชาวไทยที่อพยพจากบกเปี้ยน (Bokpyin) อาศัยอยู่ในอำเภอเมืองระนอง และอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และกลุ่มที่สี่คือชาวไทยที่อพยพจากมะลิวัลย์ (Maliwan) – เกาะสอง (Kawthaung) – ตลาดสุหรี (Karathuri) อาศัยอยู่อำเภอกระบุรี, อำเภอเมืองระนอง และอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง มีการประมาณการถึงผู้อพยพเข้าไทยจำนวนมากถึง 28,000 คน
รัฐกะเหรี่ยง
ตั้งถิ่นฐานที่บ้านห้วยส้าน, บ้านแม่แปป, บ้านปางกาน, บ้านหนองห้า, บ้านแม่กาใน, บ้านผาซอง, บ้านปะล้ำปะตี๋ และบ้านไฮ่ เมืองเมียวดี (Myawaddy) รัฐกะเหรี่ยง รวมทั้งหมด 7 หมู่บ้าน มีประชากรราว 20,000 คน ชาวไทยกลุ่มนี้เรียกตนเองว่า ไต เป็นชาวไทยวนที่อพยพมาจากอำเภอแม่สอด อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก อำเภอเถิน อำเภอแม่พริก อำเภองาว จังหวัดลำปาง บ้างก็มาจากจังหวัดลำพูน, เชียงใหม่หรือน่านก็มี โดยเข้าทำงานเป็นคนงานตัดไม้ของบริษัทอังกฤษราวร้อยปีก่อน บ้างก็ว่าหนีการเสียภาษีจากรัฐบาลสยาม จึงเข้าไปตั้งถิ่นฐานในบริเวณดังกล่าว ปัจจุบันพวกเขายังใช้ภาษาไทยถิ่นเหนือ และนับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งมีการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยอย่างดี ชาวไทยกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งอพยพกลับประเทศไทยราว 30 ปีก่อน อาศัยอยู่อำเภอแม่สอดและอำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก โดยไม่มีสัญชาติไทย
นอกจากเมืองเมียวดี ยังมีชาวไทยตั้งถิ่นฐานในเมืองพะย่าโต้นซู (Payathonzu) จำนวนหนึ่ง
รัฐมอญ
ใน ราชอักขรานุกรมภูมิศาสตร์อินเดีย (Imperial Gazetteer of India) ระบุว่าในปี พ.ศ. 2444 มีชาวสยามตั้งนิคมขนาดน้อยในเมืองแอมเฮิสต์ ส่วนเมืองสะเทิมซึ่งเป็นเมืองสำคัญแห่งหนึ่งของรัฐมอญ มีชาวสยามตั้งถิ่นฐาน 10,000 คน ปัจจุบันยังมีชุมชนไทยในเมืองไจคามี
วัฒนธรรม
ภาษา
มีการค้นพบจารึกภาษาไทยอักษรขอมในประเทศพม่า เชื่อว่าอาจจะมาจากเมืองทวาย มิกกี ฮาร์ต นักประวัติศาสตร์ชาวพม่าสันนิษฐานว่าจารึกนี้น่าจะถูกทำขึ้นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 ก่อนยุคอาณาจักรสุโขทัย คริสต์ศตวรรษที่ 17 ภาษาไทยเป็นภาษาราชการและภาษาทางการของมะริดและตะนาวศรี ทั้ง ๆ ที่มีชุมชนไทยเป็นชนกลุ่มน้อยขนาดเล็กในนั้น แต่ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็นพม่าหรือมอญ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 แอนน์ แฮซเซลไทน์ จัดสัน (Ann Hasseltine Judson) มิชชันนารีชาวอเมริกันเข้าไปเผยแผ่ศาสนาในเมืองแอมเฮิสต์ โดยได้ศึกษาภาษาไทยจากคนไทยในแอมเฮิสต์ เธอเป็นคนแรกที่แปลพระคัมภีร์เป็นภาษาไทย
ปัจจุบันชาวไทยในเขตตะนาวศรีเกือบทั้งหมดยังคงใช้ภาษาไทยถิ่นใต้สำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับชาวไทยทางภาคใต้ของประเทศไทย ยกเว้นที่บ้านท่าตะเยี๊ยะที่พูดภาษาไทยถิ่นอีสานและชาวไทยมุสลิมบางส่วนพูดภาษามลายูไทรบุรี ส่วนชาวไทยในรัฐกะเหรี่ยงจะใช้ภาษาไทยถิ่นเหนือสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวันเช่นเดียวกับชาวไทยวนในภาคเหนือของไทย ชาวไทยทั้งสองกลุ่มมีการเล่าเรียนภาษาไทยมาตรฐาน โดยชาวไทยในรัฐกะเหรี่ยงจะมีการสอนภาษาไทยแก่บุตรหลานช่วงปิดเทอมโดยพระสงฆ์ บ้างก็เข้าเรียนในโรงเรียนไทยในจังหวัดตาก ขณะที่ชาวไทยในเขตตะนาวศรีเล่าเรียนภาษาไทยจากพระสงฆ์ในวัด สามารถพบการติดตั้งป้ายภาษาไทยอย่างโดดเด่นตามศาสนสถาน รวมทั้งนิยมสิ่งพิมพ์ภาษาไทย และสื่อโทรทัศน์ภาษาไทย ด้วยมีจินตนาการร่วมกับรัฐไทยมากกว่าพม่า
ส่วนภาษาพม่าเพิ่งมีการสอนตามโรงเรียนช่วงปี พ.ศ. 2508 เป็นต้นมา เพราะในอดีตเด็กไทยไม่เข้าใจภาษาพม่าเลย การเรียนรู้ภาษาพม่าของชาวไทยถือเป็นการเอาตัวรอด เพราะลดการคุกคามจากทหารพม่าได้มาก ปัจจุบันชาวไทยในตะนาวศรีที่เป็นลูกครึ่งพม่าไม่สามารถใช้ภาษาไทยได้และนิยมให้ลูกหลานใช้ภาษาพม่าในชีวิตประจำวัน ขณะที่คนไทยสูงอายุบางส่วนยังพบกับอุปสรรคทางภาษาเพราะมีหลายคนพูดพม่าได้น้อยหรือไม่ได้เลย แต่จากการที่ไม่มีโรงเรียนไทย กอปรกับวัดไทยมีพระเชื้อสายไทยจำพรรษาน้อยและมีพระพม่ามาจำพรรษาแทน ทำให้ขาดผู้สอนภาษาไทยแก่บุตรหลานไทยในตะนาวศรี หลายคนพูดภาษาไทยได้แต่อ่านหนังสือไม่ออก
ศาสนา
ในปี พ.ศ. 2530 ชาวไทยในเขตตะนาวศรี 41,258 คน ประกอบด้วยพุทธศาสนิกชน 22,978 คน และอิสลามิกชน 18,280 คน โดยชาวไทยพุทธตั้งถิ่นฐานในตำบลสิงขร, ตำบลบกเปี้ยน และตำบลมะลิวัลย์ ส่วนชาวไทยมุสลิมตั้งถิ่นฐานแถบเกาะสองจนถึงตลาดสุหรี
พุทธศาสนิกชนชาวไทยในเขตตะนาวศรีจะทำการบวชอย่างไทยคือโกนคิ้วและห่มจีวรสีออกเหลือง ศาสนาพุทธถูกยึดโยงกับความเป็นไทย ชาวไทยในพม่าจะจัดเวรทำและนำอาหารไปถวายพระทุกวัน ผู้คนนิยมเข้าวัดฟังธรรมเนืองแน่นทุกวันพระ แต่ยังคงความเชื่อออกไปทางเวทมนตร์คาถา เชื่อในสิ่งลี้ลับ เช่น ภูติผี วิญญาณ เจ้าป่า เจ้าเขา โชคลาง และการบนบาน พุทธศิลป์แบบไทยส่งอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นของตะนาวศรี ดังปรากฏในพุทธศิลป์ของพระประธานภายในวัดตะนาวศรีใหญ่ ซึ่งมีพระเกศาและพระพักตร์มีอิทธิพลศิลปะสุโขทัย ริ้วจีวรได้รับอิทธิพลศิลปะอยุธยา แต่มีพระกรรณยาวอย่างศิลปะพม่า จนเรียกว่าเป็นศิลปะตะนาวศรี และวัดตอจาง เคยมีเจ้าอาวาสเป็นชาวสยาม ชาวไทยและพม่าที่นับถือศาสนาพุทธไม่ค่อยมีข้อขัดแย้งหรือเกิดการกดขี่ทางวัฒนธรรมกัน และมองคนมุสลิมเป็นชนชั้นสอง
ส่วนชาวไทยจากเขตตะนาวศรีผู้เป็นอิสลามิกชนเข้ารับการอบรมจริยธรรมจากโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามหรือจากมัสยิด
ชาวไทยในรัฐกะเหรี่ยงนับถือศาสนาพุทธเช่นกัน มีวัดประจำชุมชน ได้แก่ วัดบัวสุวรรณ, วัดศรีบุญเรือง, วัดสว่างอารมณ์, วัดสุวรรณคีรี และวัดป่าเรไร โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ประเพณี
ชาวไทยในพม่า โดยเฉพาะกลุ่มในเขตตะนาวศรีมีประเพณี 12 เดือน เป็นประเพณีประพฤติปฏิบัติสืบมานาน ได้แก่ ในเดือนอ้ายเดือนยี่จะมีการบูชานางโพสพ เดือนสามมีพิธีปล่อยวัวควายลงทุ่ง เดือนสี่ไหว้ตาเจ้าที่ เดือนห้ามีประเพณีสงกรานต์ เดือนหกมีดูฤกษ์ยาม รับผีตายาย ทำบุญส่งตายาย บุญเดือนสิบ ชิงเปรต เดือนสิบเอ็ดทำบุญออกพรรษา เดือนสิบสองทำบุญทอดกฐิน ทำบุญลอยแพ โดยเฉพาะประเพณีสารทเดือนสิบ ชาวพม่าในแถบนั้นได้รับเอาไปปฏิบัติด้วย แต่ต่างกับคนไทยตรงที่จะมีพิธีกรรมส่งตายายกลับภพภูมิของตน โดยจะจัดหฺมรับ (สำรับ) อุทิศแก่วิญญาณบรรพชนตั้งไว้หน้าบ้าน
ศิลปะ
ชาวไทยในตะนาวศรีมักแสดงหรือชมหนังตะลุง, มโนราห์, มวยไทย และเพลงพื้นบ้านอย่างไทยภาคใต้ มีคณะหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงอาทิ หนังสร้อย แสงวิโรจน์ หนังช่วย และหนังยอด ส่วนมโนราห์ที่มีชื่อเสียงได้แก่ มโนราห์อาบ เกตุแก้ว มโนราห์นุ้ย ขันศรี และมโนราห์เคี่ยม ขณะที่ชาวไทยมุสลิมก็มีกาโหยง เป็นศิลปะการต่อสู้พื้นบ้าน
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- ↑ "คนไทยพลัดถิ่น". เจ้าพระยา. 24 มกราคม 2554. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ "ข้ามฝั่งเมยตามรอยชุมชนไทย 200 ปี-สัมผัสวิถีล้านนาในพม่า". ผู้จัดการ. 18 กุมภาพันธ์ 2557. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "ตกค้างอีกกว่า 300 คนไทยในท่าขี้เหล็ก ยังไม่มารายงานตัวกลับประเทศ". พีพีทีวีออนไลน์. 10 ธันวาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 10 มกราคม 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "จำนวนประมาณการคนไทยในต่างประเทศที่มีสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยตั้งอยู่" (PDF). กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ. 5 มีนาคม 2555. สืบค้นเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ "คนไทยพลัดถิ่น คนไร้สัญชาติ". มูลนิธิชุมชนไทย. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 164
- "อาสาสอนเด็กไทยพลัดถิ่น ณ หมู่บ้านสิงขรสุวรรณคีรี จ.มะริด พม่า". ธนาคารจิตอาสา. 15 ตุลาคม 2550. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "แกะรอยเส้นทางการค้าโบราณ "สิงขร-ตะนาวศรี-มะริด"". ชายขอบ. 14 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - รังสี ลิมปิโชติกุล (14 มีนาคม 2559). ""คนไทยพลัดถิ่น" รากเหง้าที่ยังไม่เท่าเทียม". เดลินิวส์. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "กสม.เร่งกรมการปกครอง ตรวจสอบสถานะคืนสัญชาติไทยให้กลุ่ม มะริดอิสลาม 248 ราย". มติชนออนไลน์. 20 พฤษภาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - องอาจ เดชา (15 ตุลาคม 2550). ""คนไทยพลัดถิ่น" ชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ ต้นตอปัญหาเกิดจากรัฐไทย - พม่า หรือนักล่าอาณานิคม!? (1)". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "ผู้มาจากแผ่นดินที่สาบสูญ (1)". พับลิกโพสต์. 4 เมษายน 2555. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - สุจิตรา สร้อยเพชร (14 มิถุนายน 2554). "เส้นทางการต่อสู้ "คนไทยพลัดถิ่น"". ไทยพีบีเอส. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "คำถามจากคนไทยพลัดถิ่น "มุสลิมมะริด" เพราะแตกต่างจึงไร้สัญชาติ?". ชายขอบ. 24 สิงหาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "ข้อมูลสถิติจำนวนคนไทยที่พำนักในต่างประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560 ประเทศเมียนมา" (PDF). กรมการกงสุล. 17 มกราคม 2561. สืบค้นเมื่อ 4 สิงหาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 159
- "สำเภาแห่งกษัตริย์สุไลมาน". KOKOYADI. 28 กันยายน 2554. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ แอนโทนี รีด. "คาบสมุทรแห่งความหลากหลาย". ไทยใต้ มลายูเหนือ : ปฏิสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์บนคาบสมุทรแห่งความหลากหลาย, หน้า 43
- "หลงรัก "ทวาย" แบบเห็นความงาม..." อิศรา. 29 มกราคม 2560. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - แอนโทนี รีด. "คาบสมุทรแห่งความหลากหลาย". ไทยใต้ มลายูเหนือ : ปฏิสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์บนคาบสมุทรแห่งความหลากหลาย, หน้า 47-48
- ↑ ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 160-161
- วลัยลักษณ์ ทรงศิริ (5 มกราคม 2559). ""ทวาย" บ้านเมืองที่เราไม่รู้จัก". มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 164
- "ขี่จักรยาน...เยี่ยมคนไทยในเมียวดี". กรุงเทพธุรกิจ. 2 มีนาคม 2557. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ สุรพงษ์ กองจันทึก (7 ธันวาคม 2559). "คนไทยพลัดถิ่นที่ห้วยส้าน : วิถีไทยในประเทศพม่า". ประชาไท. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "ททท.ภูมิภาคภาคกลาง สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง". ขับรถเที่ยว. 22 เมษายน 2561. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "Mon State | myanmarorphans.org". myanmarorphans.org. สืบค้นเมื่อ 2019-09-25.
- "โยเดียที่คิด(ไม่)ถึง Deleted scene". Magenta Film Studio. 8 กรกฎาคม 2560. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2563. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - "Mother of missionary schools: Ann Hasseltine Judson". The Myanmar Times (ภาษาอังกฤษ). 2019-06-21. สืบค้นเมื่อ 2019-09-25.
- ↑ ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 165
- บทที่ 2 พัฒนาการทางสังคมมุสลิมในจังหวัดสตูล, หน้า 25
- ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 167
- ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 169
- "เรื่องเล่าชีวิต ลุงบุญเสริม ไทยพลัดถิ่นสิงขร หนีสงคราม-พม่าไม่ยอมรับ ใช้เวลาหลายสิบปี กว่าจะได้เป็นคนไทย". ข่าวสด. 15 สิงหาคม 2561. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 155
- ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 156
- ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 152
- "นักวิจัยเพชรบุรีระดมพลังช่วยเด็กไทย 'พลัดถิ่น' ลงพื้นที่เมืองตะนาวศรีเก็บข้อมูล-บริจาคของ". ไทยโพสต์. 3 กุมภาพันธ์ 2563. สืบค้นเมื่อ 10 มกราคม 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ฐิรวุฒิ เสนาคำ. "ชาวไทยพลัดถิ่นในและจากมณฑลตะนาวศรีกับปัญหารัฐ-ชาติ". รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1, หน้า 161-162
- ↑ ศรีสุข อาชา (20 กุมภาพันธ์ 2556). "คนไทยพลัดถิ่นในเขตตะนาวศรีของพม่า". สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 เชียงใหม่. สืบค้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 159
- "แกะรอยเส้นทางการค้าโบราณ 'สิงขร-ตะนาวศรี-มะริด'". มติชนออนไลน์. 14 กันยายน 2559. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 153
- วจนา วรรลยางกูร (8 กันยายน 2560). "กฎหมายแรงงานต่างด้าว เคราะห์ซ้ำ 'คนไทยพลัดถิ่น'". มติชนออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 163
- ทรงชัย ทองปาน และรัชพล ไทยฤทธิ์ (กรกฎาคม-ธันวาคม 2561). "การปรับเปลี่ยนและการธำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยพลัดถิ่นหมู่บ้านสิงขร ในเขตตะนาวศรี ประเทศพม่า". วารสารพัฒนศาสตร์ (1:2). หน้า 164
- บรรณานุกรม
- มอนซาติโน, ไมเคิล เจ. ไทยใต้ มลายูเหนือ : ปฏิสัมพันธ์ทางชาติพันธุ์บนคาบสมุทรแห่งความหลากหลาย. นครศรีธรรมราช : ศูนย์หลักสูตรอาเซียนศึกษา สำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, 2560. 416 หน้า. ISBN 978-974-7557-60-2
- รัฐจากมุมมองของชีวิตประจำวัน 1. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน), 2551. 232 หน้า. ISBN 978-974-05-6898-8