ทางรถไฟสายหาดเจ้าสำราญ
| ||||||||||||||||||||||||||||||
|
ทางรถไฟสายหาดเจ้าสำราญ หรือ รถไฟรางเล็กสายเพชรบุรี-บางทะลุ เป็นทางรถไฟที่สร้างขึ้นในการเดินทางของเจ้านายและขนส่งเสบียงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวยามเสด็จแปรพระราชฐานประทับ ณ พระตำหนักหาดเจ้าสำราญในจังหวัดเพชรบุรี มีระยะทางราว 15 กิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมหลักของข้าราชบริพารที่ตามเสด็จมาหาดเจ้าสำราญในขณะนั้น เดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2464
แต่ทว่าในการแปรพระราชฐานในแต่ละครั้งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น มักประสบปัญหาต่าง ๆ เป็นนิจ เช่น แหล่งน้ำจืดที่มีใช้อย่างจำกัด การเดินทางที่ยากลำบากใช้เวลานาน และปัญหาสุขอนามัยเพราะมีแมลงวันหัวเขียวชุมมาก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบปัญหานั้นก็มิได้แปรพระราชฐานมาพระตำหนักหาดเจ้าสำราญอีก และหลังจากนั้นทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ส่งผลให้พระตำหนักหาดเจ้าสำราญจึงถูกทิ้งร้างไป ทางรถไฟก็ถูกรื้อถอนไปหลังจากนั้น
ประวัติ
การก่อสร้างและการใช้งาน
เอกสารบันทึกในรัชกาลที่ 6, บันทึกราชกิจรายวัน และบันทึกของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้ระบุไว้ตรงกันว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวประชวรด้วยโรครูมาติซึม จึงมีผู้ถวายคำแนะนำให้พระองค์เสด็จไปประทับรักษาพระองค์ ณ ชายทะลหัวหิน ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นสถานที่ที่สวยงามและบรรดาชนชั้นสูงนิยมไปพักผ่อนหรือจับจองพื้นที่ แม้แต่เจ้านายเองก็ทรงสร้างพระตำหนัก เรือน และบ้านสำหรับตากอากาศในฤดูร้อนเป็นจำนวนมาก
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ข้าราชบริพารเสาะหาพื้นที่ที่มีอากาศเหมาะสมในการเสด็จพระราชดำเนินมาพักผ่อนพระวรกายและรักษาพระพลานามัยที่หัวหิน แต่พระองค์ก็ได้มีรับสั่งว่า การเสด็จไปพักผ่อนที่หัวหินจะไปรบกวนประชาชนที่ไปพักผ่อนที่หัวหิน จึงโปรดให้กองทัพเรือสำรวจหาพื้นที่ที่เหมาะสม และได้พบชายหาดที่ตรงกับพระราชประสงค์ที่ตำบลบางทะลุ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (ปัจจุบันขึ้นกับตำบลเจ้าสำราญ อำเภอเมืองเพชรบุรี) ที่มีหาดทรายสวย น้ำทะเลใสมากพอที่จะให้พระเจ้าอยู่หัวลงสรง ในปี พ.ศ. 2460 จึงโปรดให้สร้างพระตำหนัก เรือนสำหรับข้าราชบริพารอย่างง่าย ๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรือนไม้มุงจาก เรียกว่า ค่ายหลวงบางทะลุ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น ค่ายหลวงหาดเจ้าสำราญ และพระตำหนักหาดเจ้าสำราญ พระองค์โปรดให้สร้างถนนจากเพชรบุรีถึงพระตำหนักสำหรับรถยนต์พระที่นั่ง ระยะทาง 15 กิโลเมตร และโปรดให้สร้างทางรถไฟขึ้นเสียด้วย
ทั้งนี้เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการทางรถไฟสายบางบัวทอง ได้ขอพระราชทานเป็นแม่กองในการสร้างทางรถไฟสำหรับลำเลียงผู้โดยสารและเสบียง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ข้าราชบริพาร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จด้วยรถไฟพระที่นั่งนี้หลายครั้ง โดยครั้งแรกเสด็จเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2464 พระนางเธอลักษมีลาวัณโดยเสด็จด้วยรถไฟพระที่นั่งนี้ครั้งหนึ่ง ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาโดยเสด็จบนรถไฟพระที่นั่งสองครั้ง
ยกเลิกเส้นทาง
แต่ในการเสด็จประทับแรมในแต่ละครั้งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมักเกิดปัญหานานัปการสำหรับข้าราชบริพาร ได้แก่ น้ำจืดที่หายาก รถไฟที่เสียบ่อยการเดินทางใช้เวลานาน และแมลงวันหัวเขียวที่มีจำนวนมากต้องคอยไล่มิให้รบกวนในหลวงตลอดเวลา ในการเสด็จประทับแรมครั้งสุดท้าย มีมหาดเล็กคนหนึ่งบริภาษอย่างกระซิบกระซาบว่า "หาดเจ้าสำราญ แต่ข้าราชบริพารเบื่อ" แม้จะทราบถึงพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแต่ก็มิทรงถือโทษโกรธแต่อย่างใดเพียงแต่เสด็จกลับก่อนกำหนด และมีพระราชดำรัสด้วยว่า "ไม่อยากจะเข้าไปรบกวนความสนุกสบายของเขา" ภายหลังทางจังหวัดเพชรบุรีจึงกราบบังคมทูลพบพื้นที่ตากอากาศแห่งใหม่ที่ตำบลห้วยทรายเหนือ มีน้ำจืดเพียงพอ จึงโปรดเกล้าให้สร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ณ ที่แห่งนั้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2467 พระตำหนักหาดเจ้าสำราญจึงถูกทิ้งร้างไป ทางรถไฟก็ถูกรื้อถอนไปหลังจากนั้น
ปัจจุบันได้รื้อรางทางรถไฟสายนี้จนสิ้นแล้ว และภายหลังจึงได้สร้างทางหลวงแผ่นดินทับเส้นดังกล่าว ปัจจุบันคือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3177 เพชรบุรี-หาดเจ้าสำราญ
การเดินรถ
รถจักรไอน้ำที่ใช้เดินรถในทางรถไฟสายนี้เป็นของเก่าที่นำมาปรับปรุงใหม่ จึงมักเสียบ่อย ๆ และมีกำลังลากจูงน้อย ทั้งขบวนจะมีตู้โดยสารจำนวน 6 ตู้ ไม่รวมตู้สำหรับลำเลียงน้ำจืดไปด้วย ส่วนรางนั้นมีความกว้าง 75 เซนติเมตร มิได้รองด้วยหินโรยทาง ตัดทางไม่ค่อยตรง เวลาเดินรถ ขบวนก็จะส่ายไปมาน่าเวียนหัว บางครั้งตู้โดยสารก็ถูกเหวี่ยงจนหลุดออกมาก็มี แม้จะมีระยะทางเพียง 15 กิโลเมตร แต่รถไฟสายนี้ใช้ระยะเวลาการเดินทางถึง 5 ชั่วโมง กล่าวกันว่ารถไฟช้ามากถึงขนาดที่ผู้โดยสารสามารถลงไปทำธุระบางอย่างแล้ววิ่งตามขึ้นมารถไฟก็ทัน หรือลงไปจากขบวนรถแล้วเดินตามรถไฟก็ยังได้ และหลายครั้งที่ผู้โดยสารต้องทนตากแดดระหว่างรอซ่อมรถไฟที่เสียอยู่เป็นนิจ
ทางรถไฟสายนี้ไม่มีสถานีรายทาง มีสถานีต้นทางคือสถานีหลวงพระรามราชนิเวศน์ และหาดเจ้าสำราญเป็นสถานีปลายทาง ซึ่งสถานีแห่งหลังนี้มีลักษณะเป็นพลับพลาก่ออิฐถือปูน บานประตูกระจกสี่ด้าน ทั้งนี้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จต้องตีตั๋วก่อนขึ้นรถไฟเสียด้วย
อ้างอิง
- http://www.pantown.com/board.php?id=20572&area=3&name=board1&topic=23&action=view หาดเจ้าสำราญ
- ↑ ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย (31 ธันวาคม 2559). ""หาดเจ้าสำราญ" สถานที่ประทับทรงพระสำราญในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ↑ โรม บุนนาค (5 กันยายน 2559). "เจ้าสำราญ..แต่ข้าราชบริพารเบื่อ!! จึงเป็นที่มาของ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน!". MGR Online. สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - TJ (5 พฤษภาคม 2560). "99 ปี แอนนิเวอร์ซารี่ หาดเจ้าสำราญ ร.ศ.137 ลิ้มรสอาหารทะเลเด็ดๆ กว่า 100 ร้านค้า". Amarin TV. สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - ราชกิจจานุเบกษา,พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนนามพระราชวังบ้านปืน และค่ายหลวงบางทลุ แขวงจังหวัดเพชรบุรี, เล่ม ๓๕, ตอน ๐ก, ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๑, หน้า ๑๐๘
- ↑ "ค่ายหลวงหาดเจ้าสำราญ!". สมบูรณ์แก่นโน้ต. 2 กรกฎาคม 2553. สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2560. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3021 รถไฟรางเล็ก สายเพชรบุรี-บางทะลุ